บทที่ 47 ความทะเยอทะยาน
บทที่ 47 ความทะเยอทะยาน
นอกจากตระกูลอู่แล้ว ตระกูลเสวี่ย และตระกูลโจวก็เริ่มลงมือเช่นกัน ภายใต้การควบคุมของสามตระกูลใหญ่ การรักษาความปลอดภัยของเมืองหยุนจงนั้นเข้มงวดขึ้นมาก หลายคนตระหนักดีว่าบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในเมืองหยุนจง
ภายในตระกูลเย่ เย่สวี่ลืมตาและยืนขึ้น เขาเหวี่ยงหมัดขวาไปมา จากนั้นพลังอันรุนแรงพุ่งออกมาและทำให้ถ้วยชาบนโต๊ะแตกดังเปรี๊ยะ ในตอนนี้เย่สวี่ได้ทะลวงผ่านไปยังระดับที่ 8 ของขั้นกลั่นพลังปราณแล้ว!
เม็ดยาหมอกม่วงมีค่าควรแก่การเรียกว่ายาเม็ดเกรด 2 เย่สวี่ที่ฝึกฝนมาทั้งวันทั้งคืน แต่ทว่าเขากลับไม่รู้สึกเหนื่อย ด้วยความช่วยเหลือของยาหมอกม่วง เขาได้ประสบความสำเร็จในการทะลวงเลื่อนระดับ
จากนั้นเย่สวี่เดินออกจากลานบ้านและพบว่าเย่เฉียนเฉียนกำลังรอเขาอยู่
"เกิดอะไรขึ้น?" เย่สวี่ร้องถามขึ้น เนื่องจากเขาไม่คุ้นเคยกับเย่เฉียนเฉียน แต่พฤติกรรมของนางเมื่อวานนี้ทำให้เย่สวี่ยอมรับในตัวนาง
“ผู้นำกำลังอยู่ในระหว่างการประชุมตระกูล เขาบอกว่าให้เจ้าไปหา หากเจ้ามีเวลา” เย่เฉียนเฉียนมองไปที่เย่สวี่ อันที่จริง นางไม่จำเป็นต้องมาแจ้งข่าวเล็กน้อยแก่เย่สวี่ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางแค่อยากจะมาตรวจดูเย่สวี่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“ตกลง ข้าจะไปที่นั่นทันที” จากนั้นเย่สวี่ตอบรับและเดินคู่ไปกับเย่เฉียนเฉียน พวกเขาทั้งสองคน มาถึงหอประชุมใหญ่ ผู้อาวุโสทุกคนต่างมารวมตัวกัน ในห้องโถงแห่งหนึ่ง และมีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยที่มาแทนที่ ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสาม
ผู้อาวุโสคนที่เหลือมองไปที่เย่สวี่ และทันใดนั้นพวกเขาก็จำคำที่เย่สวี่พูดกับผู้อาวุโสสาม เมื่อครั้งที่เขาทำให้เย่เฟยเหวินพิการได้ขึ้นใจ ในขณะนั้นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและเขาพูดอย่างเรียบเฉย
"ข้าคนเดียวเพียงพอที่จะชุบชีวิตตระกูลขึ้นมาได้!" ครั้งที่เย่สวี่พูดขึ้นมา ต่างก็มีคนไม่เชื่อถือในตัวเขา แต่ในขณะนี้เย่สวี่ นั้นมีพละกำลังและความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา
“เขาเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์จริงๆ สวรรค์อวยพรตระกูลเย่ของเราแล้ว”
“เขามีนิสัยเหมือนบรรพบุรุษของตระกูลเย่ไม่มีผิด”
“เขาฝึกฝนทั้งการกลั่นโอสถและศิลปะการต่อสู้ เมื่อมีเขา.. ตระกูลเย่ของเรา จะครองเมืองหยุนจงอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสสูงสุดถอนหายใจด้วยอารมณ์ พวกเขามองที่เย่สวี่ด้วยสายตาที่เป็นมิตร
“บิดา ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ข้ามาแล้ว” เย่สวี่โค้งคำนับให้เย่ไห่และ เย่หยางเหยาและกล่าวทักทายตามมารยาท
จากนั้นเย่ไห่พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “สวี่เอ๋อร์มาแล้ว.. เริ่มการประชุมได้” เย่หยางเหยามองไปที่เย่สวี่และยิ้มเขาพูดว่า “อย่าเรียกข้าว่าผู้อาวุโสสูงสุด แค่เรียกข้าว่า ปู่เย่ก็พอ”
เมื่อเห็นเย่สวี่พยักหน้า เย่หยางเหยาก็พูดต่อ ไปด้วยใบหน้าที่จริงจังและพูดว่า “เย่สวี่ เจ้าเรียนรู้การกลั่นโอสถมาจากใคร?” เย่สวี่ยิ้มในใจของเขา... นี่เป็นปัญหาอย่างแท้จริง
ระหว่างที่เขาเดินทางมาที่นี่ เขาล่วงรู้ในใจว่า เหตุใดบิดาจึงขอให้เขาไปที่หอประชุม ในเวลานี้ เขาได้คิดข้อแก้ตัวได้แนบเนียนแล้ว
"ข้าไม่เข้าใจเหมือนกัน" เย่สวี่แสร้งทำเป็นสับสน “ตอนที่ข้าหลับไป ข้าฝันว่ามีชายชราที่สอนการกลั่นโอสถให้ข้าและขอให้ข้าเรียกเขาว่า บูรพาเร้นลับ เมื่อข้าตื่นขึ้น ข้าพบว่าข้านั้นรู้จักวิธีการกลั่นโอสถ
ในสมองของข้ายังมีสูตรยาบางอย่างประทับอยู่ในใจ”
“ปรมาจารย์บูรพาเร้นลับ!” รูม่านตาของเย่หยางเหยาหดตัวลงทันที ใครก็ตามที่มีคำว่า เร้นลับต่อท้าย ในดินแดนนี้ จะต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดา
นอกจากนี้ มีเพียงนักรบระดับขั้นเทวาเท่านั้น ที่สามารถฝึกฝนได้ในโลกแห่งความฝัน
เขาคาดเดามานานแล้วว่า เย่สวี่จะต้องมีเรื่องราวลึกลับซับซ้อน แต่ไม่ได้คาดหวังว่า เย่สวี่จะมีอาจารย์ที่ไม่มีใครเทียบได้อยู่เบื้องหลังเขา!
เย่หยางเหยารีบพูดว่า "หากเจ้าสามารถทำให้ท่านอาจารย์บูรพาเร้นลับ ลดตัวลงมาเพื่อมาที่ตระกูลเย่ เราจะปฎิบัติต่อเขาเป็นอย่างดีเพื่อขอบคุณเขา"
เย่สวี่ตกตะลึงพรึงเพริด ปรมาจารย์บูรพาเร้นลับ คนนี้คือ ตัวละครที่ตั้งขึ้นมาเพราะเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะขอให้เขามาที่นี่ เขาขบคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อาจารย์มาและไป ราวกับผีทุกครั้งที่สอนการกลั่นโอสถ
เขาจะมาและไปโดยที่ข้าไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”
“น่าเสียดายจริง ๆ” ใบหน้าของเย่หยางเหยาเผยให้เห็นถึงความเสียใจ หากพวกเขาสามารถสร้างความสนิทสนมต่อกับบูรพาเร้นลับ ได้ตระกูลเย่จะมั่งคั่งมากขึ้น แต่เมื่อมองไปที่เย่สวี่ เย่หยางเหยาก็ไม่รู้สึกว่าเสียใจมากนัก
ด้วยเยาวชนที่มีความสามารถเช่นนี้ ตระกูลเย่จึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้
ผู้อาวุโสสูงสุดประหลาดใจกับความโชคดีของเย่สวี่ ชายหนุ่มบางคนถึงกับแสดงออกถึงความอิจฉาริษยา โดยคิดว่ามันจะดีแค่ไหนหากพวกเขาได้รับคำแนะนำจากปรมาจารย์บูรพาเร้นลับ
แม้ว่าพวกเขาจะอิจฉา แต่ก็ไม่ได้ริษยา มีเพียงอัจฉริยะอย่างเย่สวี่เท่านั้นที่จะได้รับความโปรดปรานจากนักรบผู้ทรงพลัง และเต็มใจที่จะสั่งสอนเขาเป็นการส่วนตัว
เย่สวี่ไม่รู้ว่าเรื่องราวที่เขาประดิษฐ์ขึ้นมา จะทำให้ทุกคนถอนหายใจด้วยอารมณ์ลึก ๆ เขามองไปที่ เย่หยางเหยาและพูดด้วยรอยยิ้ม
“ท่านปู่เย่ ข้ามีสูตรยาที่เรียกว่า ยาควบแน่นหกวัฎจักร มันสามารถช่วยให้ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ ขั้นกลั่นพลังปราณฝึกฝนได้เร็วเป็นสองเท่าเมื่อเทียบจากเมื่อก่อน” คำพูดของเย่สวี่ทำให้เกิดพายุในใจของทุกคน
“ฝึกฝนเร็วขึ้นสองเท่า?”
“เป็นยาที่ทรงพลัง ตามที่คาดไว้ ช่างไม่ธรรมจริง ๆสำหรับปรมาจารย์บูรพาเร้นลับ”
“หากได้ผลดีขนาดนั้น คนรุ่นเยาว์ของตระกูลเย่ ก็จะอยู่ยงคงกระพันในเมืองหยุนจง”
เย่สวี่อมยิ้ม เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการหายาควบแน่นหกวัฎจักร ในตำรายาพลังเต๋าขั้นสูง
เหตุผลที่เขาเอามันออกไปในตอนแรกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตระกูลเย่ และประการที่สองเพื่อทำให้ ปรมาจารย์รพาเร้นลับที่ยืนอยู่เบื้องหลังเขาน่าเชื่อถือมากขึ้น
นอกจากนี้ ยาชนิดนี้เป็นของเหลว แตกต่างจากเม็ดยา ไม่จำเป็นต้องขัดเกลา ต้องการเพียงสัดส่วนที่ชัดเจนเท่านั้นจึงจะผสมได้ สิ่งนี้ยังทดสอบความแข็งแกร่งทางจิตใจของผู้จัดกลั่นยา
อย่างไรก็ตาม สำหรับ เย่สวี่แม้ว่ายาควบแน่นหกวัฎจักรจะดีมาก แต่ด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัวของเขา ความสามารถดูดซับพลังงานทางจิตวิญญาณ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาพึงพอใจ
เขาค้นพบของเหลวที่เป็นยาที่ดียิ่งกว่า
“ตอนนี้เจ้ามียาควบแน่นหกวัฎจักร แล้วหรือยัง?” เย่หยางเหยาถาม เย่สวี่อย่างตื่นเต้น
"ข้ามี" เย่สวี่หยิบโอสถน้ำสีเขียวเข้มออกมาแล้วยื่นให้เย่หยางเหยา ภายใต้แสงแดด โอสถน้ำนี้บริสุทธิ์และโปร่งใส
เย่หยางเหยาหยิบโอสถน้ำและเปิดจุก จากนั้นสูดกลิ่นเบาๆ ห้องโถงของการประชุมทั้งหมดก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวาน
“ดี ของเหลวที่สามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนได้ถึงสองเท่านั้นไม่ธรรมดาจริงๆ” เย่หยางเหยาพูดด้วยรอยยิ้มที่ไร้กังวล เขาอุทิศทั้งชีวิตเพื่อการพัฒนาตระกูลเย่
ตอนนี้เขามองเห็นความหวังของการเติบโตของตระกูลเย่แล้ว ดังนั้นเขาก็มีความสุขอย่างหาที่เปรียบมิได้
"ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง" เสียงของ เย่สวี่นั้นอ่อนโยนมาก ทันทีที่เขาพูด หอประชุมทั้งหอประชุมก็เงียบกริบ ทุกคนต่างรอให้เขาพูดประโยคถัดมา
เย่ไห่ยิ้มจาง ๆ เย่สวี่ได้รับตำแหน่งสำคัญในใจของทุกคนโดยไม่รู้ตัว
เย่สวี่กล่าวช้า ๆ ว่า “ข้าได้ตัดสินใจที่จะให้ เย่เฉียนเฉียน เป็นนายหญิงน้อยรุ่นเยาว์ของตระกูลเย่”
ประโยคนี้น่าตกใจยิ่งกว่าตอนที่ เย่สวี่กล่าวว่ามีสูตรยายาควบแน่นหกวัฎจักรเสียอีก ดวงตานับไม่ถ้วนมองไปที่ เย่สวี่เต็มไปด้วยความสงสัยและความสับสน
แม้แต่ เย่ไห่ก็ตกใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไม เย่สวี่ถึงพูดอย่างนั้น การแสดงออกของ เย่หยางเหยาเปลี่ยนไปและเขากล่าวว่า "เราทำอะไรผิดหรือ?"
“ไม่ ข้าไม่ใช่คนประเภทที่จะข่มขู่ตระกูลด้วยพลังของตัวเอง”
“แล้วทำไมล่ะ?” เย่หยางเหยายิ่งสับสนมากขึ้น “เย่สวี่กำลังทำอะไรอยู่กันแน่?”
“เป้าหมายของข้านั้นยิ่งใหญ่เกินไป สูงเกินไป และตระกูลเย่เล็กเกินไปที่จะรองรับความทะเยอทะยานของข้า!”
คำพูดของเย่สวี่เต็มไปด้วยการดูถูก ข้าจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่ง และเป็นคนเดียวที่ยืนหยัดเหนือคนอื่น นี่คือเป้าหมายของข้า!"
ทุกคนสูดหายใจเข้าลึกๆ พวกเขาตกใจกับคำพูดของ เย่สวี่ วิสัยทัศน์และการมองการณ์ไกลของเย่สวี่เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดคิดมาก่อน
อย่างไรก็ตาม.ทุกคนมองตรงมาที่เย่สวี่ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะคิดว่า เย่สวี่จะรักษาคำพูดอย่างแน่นอน เพราะ เย่สวี่ไม่เคยทำให้พวกเขาผิดหวัง