บทที่ 46 ตระกูลอู่
บทที่ 46 ตระกูลอู่
กลิ่นเลือดเข้มข้นอบอวลในอากาศ และร่างกายของเย่เฉียงเริ่มเย็นลงเรื่อยๆทีละน้อย นอกจากเสียงร้องด้วยความโศกเศร้าของผู้อาวุโสใหญ่ ทุกคนรู้สึกราวกับว่า คอของพวกเขาถูกรัดคอ และไม่สามารถเปล่งเสียงใด ๆ ออกมาได้เลย
ทุกคนยังคงกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเย่สวี่ แต่ในวินาทีต่อมา พวกเขาพบว่าเย่เฉียงผู้หยิ่งผยองถูกดาบของเย่สวี่ฟาดลงไปยังคอของเขา
นักรบขั้นวารีสวรรค์ ระดับ 2 ได้เสียชีวิตลงไปแล้ว!
ทุกคนตกตะลึงเป็นอย่างมาก เมื่อมองไปที่ศพของเย่เฉียง พวกเขายังคงตกใจเล็กน้อยและไม่อยากจะเชื่อ
ว่านหยางหยูจ้องไปที่ศพของเย่เฉียง ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เย่เฉียงตายไปแล้ว การสูญเสียนักกลั่นโอสถที่เป็นอัจฉริยะ เป็นการสูญเสียทั้งหมดของสำนัก
พวกเขานึกถึงฐานะของเย่เฉียง มันทำให้พวกขาทั้งสองคนตัวสั่น พวกเขาจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน
แต่ทว่าพวกเขาต้องการแก้แค้นเย่สวี่ เพราะเหตุนี้หรือ? แน่นอนว่าทั้งสองคนย่อมไม่กล้า
เขาไม่สามารถมองข้ามความจริงที่ว่ามีผู้อาวุโสสูงสุดที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ข้างๆ เย่สวี่ แม้กระทั่งเย่สวี่เพียงคนเดียว พวกเขาก็ไม่กล้าต่อสู้ ทั้งสองคนต่างมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว
“เขาแข็งแกร่งมาก!” ดวงตาของเย่เฉียนเฉียนเป็นประกาย นางเป็นนักรบในขั้นวารีสวรรค์ ระดับแรก แต่ทว่าเย่เฉียงเพิ่งโจมตีสุดกำลังไปยังเย่เสวี่ แม้ว่านางจะก้าวเท้าออกมาปกป้องเย่สวี่ได้ทัน แต่ก็ไม่แน่ใจว่า นางจะสามารถป้องกันได้หรือไม่
เย่สวี่ไม่เพียงตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อการโจมตีอย่างกะทันหันของเย่เฉียง แต่ทว่ายังฆ่าเขาอีกด้วย
นางกระจ่างในใจว่า ก่อนหน้านั้นนางคิดผิดว่า พรสวรรค์ของเย่เฉียงเหนือกว่าเย่สวี่!
จากนั้นเย่ไห่รีบวิ่งไปที่ด้านข้างของเย่สวี่ หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดและพบว่าไม่มีปัญหาใดๆ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขามีสีหน้าสำนึกผิด ไม่น่าเชื่อว่าผู้อาวุโสใหญ่จะเล่นตุกติก และอาศัยจังหวะนี้ให้เย่เฉียงโจมตีเย่สวี่ หากเย่สวี่ไม่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ผลที่ตามมาเขาไม่กล้าคิด
เย่ไห่มองไปที่ชายหนุ่มผู้สงบนิ่งในชุดดำ และความรู้สึกโล่งใจและความภาคภูมิใจผุดขึ้นมาในใจของเขาอย่างเงียบ ๆ เย่สวี่ไม่ต้องการการปกป้องจากเขาอีกต่อไป
เย่หยางเหยาเดินไปหาผู้อาวุโสใหญ่และพูดอย่างเย็นชา “เจ้าต้องการจะพูดอะไรอีกไหม?”
ผู้อาวุโสใหญ่เยาะเย้ย น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเศร้า "ข้าสนใจแต่เรื่องในตระกูลและอุทิศตัวในตระกูลมาตลอดชีวิตของข้า บัดนี้บุตรชายทั้งสามคนของข้า ถูกสังหารโดย เย่สวี่ ตระกูลเย่ทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก! ข้าอยากให้เย่สวี่ตายไปซะ!"
ในตอนท้ายของคำพูด น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างเข้มข้น
“ถึงตอนนี้เจ้าก็ยังปฏิเสธที่จะรับรู้ถึงความผิดพลาดของตัวเอง!” เย่หยางเหยาโกรธมากจนเขาหัวเราะออกมาแทน
ผู้อาวุโสใหญ่ได้แตะถูกขีดกำจัดของเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก เดิมทีเขาต้องการไว้ชีวิตของผู้อาวุโสใหญ่ เพราะสิ่งที่ผู้อาวุโสใหญ่ทำเพื่อตระกูลเย่มาก่อน อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสใหญ่เผยเจตนาสังหารต่อเย่สวี่ออกมาอย่างโจ่งแจ้ง!
เย่สวี่เป็นเส้นเลือดของตระกูลเย่ เขาเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความสามารถพิเศษ เขาเป็นผู้นำที่สมบูรณ์แบบสำหรับตำแหน่งประมุขของตระกูลเย่ในอนาคต
หากผู้อาวุโสใหญ่ยังอยู่ที่นี่ ตระกูลเย่จะไม่มั่นคง! เย่หยางเหยาจะจัดการกับใครก็ตามหรืออะไรที่สามารถคุกคามตระกูลเย่ให้หมดสิ้น
“ผู้อาวุโสใหญ่เย่เฉิน เพิกเฉยต่อกฎของตระกูล รังแกผู้อ่อนแอและไม่สมควรที่จะเป็นผู้อาวุโสของตระกูลเย่ วันนี้ข้าขอประกาศว่า เย่เฉินจะถูกลบออกจากตระกูลเย่ และขับไล่ออกจากตระกูลเย่ทันที!”
“ในทางกลับกัน เย่สวี่มีทั้งความสามารถและเหมาะสม เขามีคุณสมบัติที่จะเป็นนายน้อยของตระกูลเย่ ข้าจะไม่มีวันให้อภัยใครก็ตามที่สงสัยในตัวตนของเย่สวี่ในอนาคต!”
เย่หยางเหยาตัดสินใจขั้นสุดท้ายและประกาศการขับไล่เย่เฉินและรับรองฐานะของเย่สวี่ ทุกคนเห็นด้วยอย่างพร้อมเพรียง และเห็นว่าการตัดสินใจของผู้อาวุโสสูงสุดนั้น ตรงกับใจของพวกเขา
พวกเขาเบื่อหน่ายกับความขัดแย้งในตระกูลเย่มานานแล้ว และ เย่สวี่เป็นอัจฉริยะที่ฝึกฝนทั้งการต่อสู้และการกลั่นโอสถ หากมีเขาอยู่ อนาคตของตระกูลเย่จะสดใส
เย่สวี่ยิ้มจาง ๆ และไม่ปฏิเสธการตัดสินใจของเย่หยางเหยา ความคิดของเขาใหญ่มาก จนแม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเย่ก็ไม่ใช่เป้าหมายของเขา
อนาคตของเขาอยู่ในโลกที่ใหญ่กว่านี้! เป้าหมายของเขาคือการไม่ถูกจำกัดในการเดินทางผ่านสวรรค์และโลก และกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้!
เย่สวี่เดินออกจากห้องกลั่นโอสถ เนื่องจากมันไร้ประโยชน์ที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงกลับมาฝึกฝนต่อที่ห้อง
แม้ว่าเขาจะฆ่าขั้นวารีสวรรค์ระดับที่สอง อย่างเย่เฉียงไปก่อนหน้านี้ แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นเรื่องของความบังเอิญมากกว่า
เย่เฉียงได้ทำการลอบโจมตี ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่า เย่สวี่ไม่ได้เตรียมตัวไว้ สาเหตุหนึ่งก็คือ เขานั้นประมาท
นอกจากนี้ หลังจากที่ เย่เฉียงกลายเป็นนักกลั่นโอสถ เขาย่อมมีพลังงานจำกัดในใช้ศิลปะการต่อสู้ เขาอยู่ไกลจากการเข้าถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนักรบขั้นวารีสวรรค์ ระดับ 2
เย่สวี่นั้นมีพลังพิภพมังกรวารีอำพัน, พลังมนต์มังกรสะกด ย่างก้าวแยกเงา และไพ่ตายที่ทรงพลังอื่น ๆ อีกมากมาย นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงฆ่าเย่เฉียงด้วยการโจมตีด้วยดาบเพียงครั้งเดียว
หากพวกเขาต่อสู้กันจริงๆ ผลลัพธ์ก็จะยังไม่แน่ชัดว่าใครจะพ่ายแพ้ สิ่งนี้ทำให้ เย่สวี่ตระหนักว่าเขาขาดความแข็งแกร่ง และต้องการที่จะฝึกฝนโดยเร็วที่สุด
เมื่อเห็นรูปร่างที่ค่อยๆ หายไปของเย่สวี่ สมาชิกกลุ่มที่เหลือของตระกูล ซึ่งยังคงอยู่ในห้องกลั่นโอสถก็เผยท่าทางชื่นชม
"เย่สวี่แข็งแกร่งเกินไป เขาฆ่านักรบขั้นวารีสวรรค์ ระดับ 2 พียงครั้งเดียว"
“เย่สวี่ คู่ควรแก่การเป็นบุตรของผู้นำตระกูล หากมีเขา ตระกูลเย่ของเราจะแข็งแกร่งอย่างแน่นอน”
“ข้าเคยได้ยินข่าวลือมาก่อนหน้านี้ ข้าคิดว่าเย่สวี่เป็นขยะจริงๆ ตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นข้าที่โง่เขลาเบาปัญญา” ต่างคนต่างก้มหัวและเริ่มสนทนากัน เย่สวี่ได้ขยายความประทับสลักในใจของสมาชิกหลายคนอย่างแท้จริงในวันนี้
พวกเขาเชื่อมั่นว่าภายใต้การนำของเย่สวี่ ตระกูลเย่จะเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเท่านั้น!
เย่หยางเหยามองไปที่ผู้คนที่มีความทะเยอทะยาน เขายินดีเป็นอย่างยิ่ง มีเพียงเย่สวี่เท่านั้นที่มีเสน่ห์ดึงดูด และทำให้ผู้คนในตระกูลเย่สมัครสมานสามัคคีได้
จากนั้นไม่นาน เย่สวี่ก็เดินกลับไปที่ห้องของเขา เขาสัมผัสยาเม็ดหมอกม่วงที่เขากลั่นออกมา ปรากฎรอยยิ้มจางๆ
ตามบันทึกของตำรายาพลังเต๋าขั้นสูง มันเป็นยาประเภทหนึ่งที่สามารถปลุกจิตวิญญาณในการต่อสู้ได้ ตราบใดที่วางยาเม็ดหมอกม่วงในภาชนะใด ๆ และเผา กลิ่นหอมจะช่วยให้มีสมาธิและบรรลุผลการฝึกฝนที่ดีขึ้น
ยาเม็ดหมอกม่วงเพียงเม็ดเดียว สามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนของขั้นวารีสวรรค์เป็นสองเท่า ผลของมันดีกว่ายาฟื้นฟูวิญญาณมาก
น่าเสียดายที่เย่สวี่สามารถกลั่นยาหมอกม่วงได้เพียงเม็ดเดียว เนื่องจากความแข็งแกร่งของระดับขั้นกลั่นพลังปราณที่ ระดับ 7 เขายังไม่สามารถกลั่นยาได้มากเกินไป แม้ว่าเขาจะยืมพลังของคาถาห้าธาตุไม่ดับสูญ มันก็ยังไม่เพียงพอ
นี่เป็นปัญหาจากร่างกายของเขา หากเปรียบเทียบ ให้เห็นอย่างง่าย ๆ ในการกลั่นโอสถ เตาหลอมโอสถและส่วนผสมของสมุนไพรไม่สามารถกลั่นออกมาเป็นของเหลว
แสดงว่าพลังงานจิตวิญญาณของเย่สวี่ในการควบคุมเพลิงสวรรค์ไม่สมดุล ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้อยู่ที่ขั้นวารีสวรรค์ ดังนั้นพลังจิตวิญญาณของเขาจึงไม่มาก เขาไม่สามารถควบคุมเปลวไฟเพื่อปรุงยาได้อย่างแม่นยำ
“ข้ายังต้องฝึกฝนอีกมาก” เย่สวี่ถอนหายใจด้วยอารมณ์ลึก ๆ เขาใช้ยาหมอกม่วงและนั่งสมาธิอยู่บนพื้น จากนั้นเขาก็หมุนเวียนพลังมนต์มังกรสะกดและเริ่มฝึกฝน
การต่อสู้ในวันนี้ได้ให้ข้อมูลลึก ๆ มากมายแก่เขา จากนั้นกลิ่นหอมบางเบากระจายตัวออกไป และเย่สวี่สามารถซึมซับและเพิ่มระดับการฝึกฝนของเขาอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน ณ ตระกูลอู่ ตระกูลเสวี่ย และตระกูลโจว พวกเขาทั้งหมด มองเห็นก้อนเมฆประหลวดลอยอยู่เหนือตระกูลเย่ ปรากฏการณ์ที่หายากเช่นนี้ทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก
พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำถึงสาเหตุของปรากฏการณ์นี้ และพวกเขากำลังคุยกันด้วยสีหน้าจริงจัง
ตระกูลอู่ ผู้นำตระกูลอู่ อู่ชิงยืนอยู่บนห้องโถงสูง เขาพูดด้วยใบหน้าเย็นชา ไปสืบมาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“รายงานประมุข..... เราไม่พบสิ่งใดผิดปกติเลย”
“ไปตรวจสอบมาให้ดี!” ดวงตาของอู่ชิงเบิกกว้าง เขาชื่นชอบการควบคุมทุกอย่างไว้ในมือ อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมที่ผิดปกติของตระกูลเย่ในครั้งนี้ทำให้เขากังวลอย่างมาก
“แทนที่จะรอความตาย ทำไมเราไม่เริ่มโจมตีก่อนล่ะ?” ผู้อาวุโสห้ากล่าวด้วยใบหน้ามืดมน
"หมายถึงอะไร?" อู่ชิงมองไปที่ผู้อาวุโสห้า
“หนึ่งในคนของข้าชื่อ อู่คัง เมื่อไม่กี่วันก่อน เขาถูกบุตรชายของผู้นำตระกูลเย่ เย่สวี่ฆ่าตาย!” ใบหน้าของผู้อาวุโสห้าเปลี่ยนเป็นมืดมน เขาแทบไม่อยากจะเชื่อที่ชายหนุ่มในชุดคลุมเขียวบอกกับเขาว่า อู่คังถูกฆ่าตาย
จนกระทั่งเขาได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาพบว่าบุตรชายคนเดียวของเขา อู่เสี่ยวเทียนถูกเย่สวี่ฆ่าในสนามประลอง!
แม้ว่า อู่เสี่ยวเทียนจะเป็นลูกนอกสมรสของเขา แต่ถัดจากอู่เสี่ยวเทียน ผู้อาวุโสห้าก็จะไม่มีผู้สืบทอดอีกต่อไป เขาไม่สามารถอดกลั้นต่อเรื่องนี้ได้!
เขาบอกอู่ชิงว่า อู่คังนั้นถูกฆ่าตาย เขาไม่ได้ต้องการแก้แค้นให้อู่คัง เนื่องจากอู่คังไม่มีกำลังเพียงพอที่จะปกป้องอู่เสี่ยวเทียน หากอู่คังยังไม่ตาย ผู้อาวุโสห้าจะกลายเป็นคนที่ทรมานเขาแทน
เขาเพียงต้องการสร้างปัญหาและค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นในตระกูลเย่กันแน่
"วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด" ใบหน้าที่มืดมนของอู่ชิง ในที่สุดก็เผยให้เห็นร่องรอยที่เย็นชา เขาพูดกับผู้อาวุโสห้าว่า "พรุ่งนี้เจ้าไปที่ตระกูลเย่ เราต้องให้ตระกูลเย่รู้ว่า ตระกูลอู่ไม่ใช่คนที่จะมาล้อเล่นด้วยได้!"