ตอนที่แล้วตอนที่ 90 ศัตรูตัวฉกาจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 92 ทรัพยากรบ่มเพาะ

ตอนที่ 91 ไพ่ตาย


[วังเต๋าอมตะสวรรค์ ยอดเขาสูงสุด!]

วังและตำหนักมากมายปกคลุมด้วยหมอกลี้ลับ ดูราวกับเป็นสวรรค์ยุคโบราณ ระหว่างทางขึ้นเข้ามีถ้ำเซียนมากมายที่เต็มไปด้วยแสง หมอกเซียนกับเมฆที่ลอบรอบเหมือนควัน สภาพแวดล้อมดูงดงามมาก

นี่คือภูเขาที่กู่ฉางเกออาศัย

นี่คือหนึ่งในสถานที่ที่มีพลังปราณหนาแน่นสุดในทั้งวังเต๋า และการบ่มเพาะที่นี่ก็ดีกว่ายอดเขาอื่นมาก มีแค่ผู้อาวุโสกับตัวตนน่าเกรงขามในวังเต๋าถึงสามารถพำนักบนนี้ได้

วังเต๋าอมตะสวรรค์กว้างใหญ่มาก มันมีเกาะกับภูเขานับหมื่น นี่ยังไม่รวมถึงแดนลับที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของวัง

มีภูเขาโบราณกับแท่นหินนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายทั่วอาณาเขตของวัง และศิษย์ก็มักเจอกับสมบัติต่างๆในสถานที่เช่นนั้น สมบัติจะช่วยเพิ่มฐานบ่มเพาะกับพลังของพวกเขา

[โฮก!!!]

รถม้าที่ลากโดยมังกรเก้าตัวปรากฏเหนือยอดเขา!

มีอัจฉริยะมากมายมาเยือนยอดเขาสูงสุดทุกวัน มีทั้งชายและหญิง บ้างเป็นสิ่งมีชีวิตโบราณ

“นายท่าน!”

“ยินดีต้อนรับกลับ นายท่าน!’

ทันทีที่พวกเขาเห็นรถม้าที่ลากโดยมังกรเก้าตัว อัจฉริยะรุ่นเยาว์เดินมาพร้อมกันด้วยความเคารพ และทักทายกู่ฉางเกอ

พวกเขาคือผู้ติดตามที่กู่ฉางเกอเคยปราบ และก็ยังถือว่าเป็นอัจฉริยะชื่อดังในโลกภายนอก คนที่แข็งแกร่งสุดในหมู่พวกเขาทะลวงเป็นอาณาจักรราชาขั้นกลางแล้ว และก็ยังถือเป็นนายน้อยกับคุณหนูของตระกูลโบราณต่างๆ

กู่ฉางเกอเดินออกรถม้าด้วยใบหน้าราบเรียบ “ลุกขึ้น มีอะไรเกิดขึ้นไหมตอนข้าไม่อยู่?”

หลังเขาออกบริเวณประตู เขาก็ไม่สนใจเรื่องกู่เซียนเอ๋อร์และกลับยอดเขาเขาโดยตรง

เท่าที่กู่ฉางเกอกังวล กู่เซียนเอ๋อร์ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย นางอ่อนแอเกินไปและไม่มีความสามารถจะแก้แค้นไม่ว่าจะปรารถนาแค่ไหน!

ตอนี้ ความกังวลหลักเขาคือศิษย์แท้จริงคนอื่น

ยอดเขาสูงสุดถูกมอบชื่อให้โดยผู้นำคนปัจจุบันของวังเต๋าอมตะสวรรค์ ยอดเขาอื่นเป็นของศิษย์แท้จริงคนอื่นเหมือนกัน และทั้งหมดก็มีชื่อต่างกัน

“เรียกนายท่าน ไม่มีอะไรสำคัญเกิดขึ้นบนยอดเขาสูงสุดตลอดครึ่งปีนี้ ยกเว้นศิษย์แท้จริงบางคนกับผู้อาวุโสที่ส่งคนมาสอบถามที่อยู่ของท่าน”

หนึ่งในนั้นตอบดว้ยความเคารพ

“แล้วคนอื่นละ?”

กู่ฉางเกอพยักหน้าและถามอีกครั้ง

“ข้าไม่รู้ว่าเขาได้รับโอกาสอะไร แต่ฐานบ่มเพาะของศิษย์แท้จริงฉู่ได้ทะลวงไปจุดสูงสุดของอาณาจักรราชาหลังเขากลับมาจากสุสานเมฆ ปัจจุบันเขาแข็งแกร่งสุดในหมู่ศิษย์แท้จริง”

“สอง ศิษย์แท้จริงหยินได้ขอให้ข้ารายงานท่านว่านางมีเรื่องสำคัญจะคุยกับท่าน นางขอให้ข้าบอกนางตอนท่านกลับมา นางจะได้มาเยี่ยมท่านอีก”

ชายคนนั้นตอบหลังได้ยินคำถามเขา

ศิษย์แท้จริงฉู่ที่เขาพูดถึงคือฉู่อู่จื่อ เจ้าชายรัชทายาทของราชวงศ์เซียน เขามีพรสวรรค์มาก และก็มีพลังน่ากลัวตั้งแต่เด็ก

สำหรับศิษยืแท้จริงหยิน?นางชื่อหยินเม่ย และเป็นสตรีศักดิ์สิทธืของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง เผ่าจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางเองก็เป็นตระกูลเซียนโบราณของอาณาจักรเบื้องบน พวกเขามีอำนาจสูงส่ง

แสงแวบผ่านตาของกู่ฉางเกอขณะที่เขาได้ยิน และตอบด้วยการพยักหน้า“เข้าใจแล้ว”

หลังจากนั้น เขาก็เดินตรงกลับไปตำหนักของเขา

“พลังของนายท่านยากจะหยั่งถึงกว่าเดิมอีก!”

“ข้าได้ข่าวว่านายท่านตบข้ารับใช้เทพเสมือนของจินอวี่ตายด้านนอกประตูวังเต๋า มันดูเหมือนนายท่านจะทะลวงไปอาณาจักรจักรพรรดิแล้ว!’

“ข้าไม่ได้ยินว่ามีอัจฉริยะคนไหนที่ทะลวงเป็นอาณาจักรจักรพรรดิเลย!”

ผู้ติดตามของกู่ฉางเกอคุยกันอย่างเคารพหลังกู่ฉางเกอไปและรู้สึกทึ่งมากในใจ ก่อนหน้านี้ พวกเขายังมีความคิดต่างออกไปหลังกู่ฉางเกอกำราบพวกเขา แต่ตอนนี้ พวกเขาถูกโน้มน้าว

ความจริงที่ว่าศิษยืแท้จริงที่เหลือได้รวมกันเพื่อประชันกับกู่ฉางเกอเป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาเหนือกว่าใคร

.

สถานการณ์ในวังเต๋าอมตะสวรรค์ไม่ต่างจากที่เขาคิด

ศิษย์แท้จริงทั้งห้ามีขุมอำนาจใหญ่ยืนหยัดเบื้องหลัง ท่ามกลางพวกเขา ที่แข็งแกร่งสุดคือตระกูลกู่ของเขา และราชวงศ์เซียนฉู่ ที่ฉู่อู่จื่อมา

ขุมอำนาจเบื้องหลังอีกสามก็ไม่ได้แย่ไปกว่าพวกเขา มันเพราะเหตุนี้ผู้อาวุโสของวังเต๋าอมตะสวรรค์จึงไม่อาจแทรกแซงในการต่อสู้ของพวกเขาเพื่อตำแหน่งผู้สืบทอดได้ เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาจะรุกรานขุมอำนาจหนึ่งเข้าถ้าพยายามเอาใจคนหนึ่ง

ไม่มีใครโง่พอจะทำงานแบบนั้น

‘มันคงไม่นานก่อนตำแหน่งผู้สืบทอดจะถูกตัดสิน แต่ต่อให้ข้ากลายเป็นผู้สืบทอด มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะกุมทั้งวังเต๋าไว้ในมือ เหนือสิ่งอื่นใด ยังมีผู้อาวุโสหลายคนที่ต่อต้านข้า โดยเฉพาพวกที่ผูกมัดตัวเองกับผู้อาวุโสใหญ่ เขาคือตัวตนที่น่ากลังสุดในอาณาจักรเบื้องบน’

กู่ฉางเกออดขมวดคิ้วไม่ได้

ตามแผนที่เขากับพ่อวางไว้ ก้าวแรกที่จะครอบงำวังเต๋าคือให้เขาชนะตำแหน่งผู้สืบทอด แต่ต่อให้ชนะตำแหน่ง มันก็มีหนทางอีกยาวไกลก่อนจะบรรลุเป้าหมาย

วังเต๋าอมตะสวรรค์เปลี่ยนผู้นำมานับครั้งไม่ถ้วน และมันก็ไม่ได้หายากที่คนจากขุมอำนาจอื่นจะมาครอบงำ แต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนก็คือตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่!

ไม่ว่าจะเกิดคลื่นปั่นป่วนแค่ไหนในวังเต๋า เขาก็สามารถปราบได้ง่ายๆ

‘ผู้นำก็เหมือนกระแสน้ำ เปลี่ยนแปลงตลอด ส่วนผู้อาวุโสใหญ่ก็เหมือนบ่อน้ำนิ่ง’

ผู้อาวุโสใหญ่คือรากฐานของวังเต๋าอมตะสวรรค์ และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้วังเต๋าอมตะสวรรค์ยืนหยัดมาได้หลายยุคสมัย ผู้อาวุโสคนอื่นเองก็ไม่ใช่กลุ่มขยะ

อัจฉริยะหลายคนเข้าร่วมวังเต๋าเพื่อหวังได้รับโอกาสและทรัพยากรบ่มเพาะ พวกเขาเชื่อว่าจะสามารถเรียนรู้วิชาลับได้ที่นี่ รวมถึงตำราสวรรค์ที่ซ่อนอยู่

ในเวลาเดียวกัน ถ้าพวกเขาได้รับการสนับสนุนของผู้อาวุโสจากวังเต๋าอมตะสวรรค์ พวกเขาจะสามารถสู้เพื่อสถานะที่สูงขึ้นได้

ในทางกลับกัน กู่ฉางเกอตั้งใจตั้งแต่ต้นว่าจะกลืนกินวังเต๋าให้หมดจน ถ้านั่นอย่างเดียวไม่พอ งั้นความจริงที่เขามีใจมารก็ดูเหมือนจะต้องถูกบางคนสังเกต

เขาจำได้ดีจากความทรงจำว่ามีผู้อาวุโสหลายคนของวังเต๋าที่มักมองเขาอย่างระแวง เทียบกับศิษย์แท้จริงคนอื่น แรงจูงใจของกู่ฉางเกอดูออกง่ายไป

มันเป็นความจริงที่วังเต๋าอมตะสวรรค์มีมรดกมากมาย และพวกเขาก็ยังบ่มเพาะยอดคนนับไม่ถ้วนที่กลายเป็นโด่งดังในโลกหล้า แต่กู่ฉางเกอไม่ขาดมรดก ไม่เพียงเขาจะมีวิชามาร แต่เขายังมีระบบด้วย

แน่นอน มันเป็นเรื่องที่ต่างไปถ้าเขาได้รับมรดกของความสามารถที่ทรงพลัง แม้เขาจะสามารถแลกอะไรก็ได้ในระบบ ของเหล่านั้นก็ต้องแลกด้วยค่าโชคชะตา

ทำไมกู่ฉางเกอจะต้องยอมเสียเงินถ้ามันมีของดีมาวางตรงหน้า?

หลังกลับตำหนักเขา กู่ฉางเกอก็ห้ามใครเข้ามา ในเวลาเดียวกัน เขาก็เรียกหน้าต่างสถานะ

เจ้าของ : กู่ฉางเกอ

รัศมี : วายร้ายสวรรค์ลิขิต

อาวุธ : ง้าวมารแปดทิศ

ตัวตน : ศิษย์แท้จริงวังเต๋าเซียนสวรรค์ นายน้อยของตระกูลเซียนกู่

เส้นชีพจร : ใจมาร กระดูกเต๋า

ฐานบ่มเพาะ : จักรพรรดิ(ขั้นต้น)

ความสามารถลี้ลับ : เคล็ดเต๋าเซียนสวรรค์(ขั้นแปด) วิหารจิตเทพบรรพกาล(พรสวรรค์) กายหมื่นปีศาจจำแลง(พรสวรรค์) เคล็ดเซียนปีศาจกลืนกิน ภูมิปัญญาไร้สิ้นสุด

ค่าโชคชะตา : 4000

ค่าโชคลาภ : 2100(มืด)

ร้านค้าระบบ : เปิด

คลัง : หนึ่งในสามชิ้นส่วนเมล็ดพันธุ์โลกx3(ผสาน) การ์ดปล้นโชคx3

ค่าโชคของเขาเพิ่มขึ้นเองร้อยแต้ม ส่วนอีกห้าร้อยมาจากคู่หมั้นเขา เยวี่ยหมิงคง

กู่ฉางเกอครุ่นคิดสักพัก และจากนั้นก็แลกพันโชคเป็นค่าโชคชะตา ทันทีทันใด ค่าโชคชะตาของเขาพุ่งไปหมื่นสี่

เขาใช้แปดพันโดยตรงเพื่อทะลวงผ่านไปขั้นกลางของอาณาจักรจักรพรรดิ ทันใดนั้น กลิ่นอายประหลาดก็วิ่งไปทั่วแขนขาเขา จากนั้นก็รวมในทะเลจิตสำนึก

[บูซ!]

ความเข้าใจของเขาต่อเคล็ดเต๋าอมตะสวรรค์กระโดดไป60% ความทรงจำมากมายแวบผ่านหัวเขาในลักษณะของอักษรทองคำ แต่ไม่ช้า ทุกอย่างก็เงียบไป

สุดท้ายเขาก็เป็นอาณาจักรจักรพรรดิขั้นกลาง!

‘อาณาจักรจักรพรรดิขั้นกลางควรมากพอจะก้มมองทุกคน’

กู่ฉางเกอคิดกับตัวเอง

เขารู้มานานแล้วว่าเขามีระบบบ่มเพาะที่ต่างกันสองสาย หนึ่งมาจากเคล็ดเต๋าอมตะสวรรค์ และเขาสามารถเพิ่มฐานบ่มเพาะได้ผ่านการทุ่มค่าโชคชะตา หรือแค่บ่มเพาะเหมือนคนปกติ

นี่คือพลังที่เขาแสดงให้โลกเห็น

สองมาจาก[เคล็ดเซียนปีศาจกลืนกิน] มันคือวิชามารที่สามารถกลืนกินต้นกำเนิดของมนุษย์และเซียนได้ และทุกอย่างที่อยู่ในฟ้าดิน

นี่คือความสามารถสะเทือนสวรรค์ เมื่อสิ่งนี้ถูกเปิดเผย แม้แต่ตระกูลกู่ก็ยังช่วยเขาไม่ได

สำหรับว่าทำไมมันถึงท้าทายสวรรค์?

จริงๆแล้ว กู่ฉางเกอไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขารู้แค่ว่าไพ่ตายที่แข็งแกร่งสุดของเขาก็คือเซียนปีศาจกลืนกิน!

มันเป็นสิ่งที่เขาจะไม่ใช้เว้นแต่จะหมดหนทาง!

สำหรับว่าทำไมกู่ฉางเกอถึงไม่เข้าใจชัด?มันเพราะตัวเขาคนก่อนได้ผนึกความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับมันไว้ เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าอยากหลอกคนอื่น งั้นมันก็ต้องหลอกตัวเองก่อน

หลังจากนั้น กู่ฉางเกอก็โบกมือ และธงสีเทาก็บินออกจากแขนเสื้อเขาหลายธง อักขระนับไม่ถ้วนประสานกันและผนึกรอบตำหนักเขา มันคือค่ายกลปกปิดที่เขาสร้างหลังจ่ายราคาสูง

[บูซ!

หมอกโกลาหลกระจายและปกคลุมทั้งตำหนัก ด้วยเหตุนั้น จะไม่มีใครสอดแนมเขได้อีก ตราบเท่าที่สัมผัสวิญญาณของบางคนพุ่งมาทางตำหนักเขา เขาจะรู้ทันที

กู่ฉางเกอนั่งสมาธิ และกลิ่นอายรอบตัวก็เริ่มเปลี่ยน อักขระสีดำสนิทเริ่มปรากฏบนตัวเขา และก็วิ่งผ่านแขนขาเหมือนสิ่งมีชีวิตลึกลับ มันราวกับความโกลาหลกำลังมา และจักรวาลกำลังถือกำเนิด

ในส่วนลึกของทะเลจิตสำนึกเขา ดูเหมือนจะมีผนึกที่เทพสวรรค์ตั้งไว้ แต่จากนั้น ลวดลายของผนึกก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท

[แครก!]

ผนึกแตก และสุดท้ายผนึกบนความทรงจำเขาก็แตก!

กลิ่นอายของกู่ฉางเกอเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทและชั่วร้าย เจตจำนงมารของเขาปกคลุม มันราวกับเขาคือเทพมารที่จุติลงมาเพื่อนำความหายนะมาสู่โลก โชคดี เขาสะกัดสายตาสอดส่องไปหมดแล้ว

ทีละหนึ่ง อักขระเต๋าสีดำปรากฏในมือเขาและเปลี่ยนเป็นขวดสมบัติเต๋าที่ลอยเหนือหัวเขา แผ่แสงศักดิ์สิทธิ์

พลังน่ากลัวกระจายจากตัวเขา และจิตวิญญาณบรรพกาลก็เปลี่ยนเป็นแสงสีดำสนิทที่ปกคลุมเนื้อหนังเขา!

อาณาจักรจักรพรรดิขั้นกลาง!

ขั้นสูง!

จุดสูงสุด!

อาณาจักรเทพเสมือนขั้นต้น!

ขั้นกลาง!

ขั้นสูง!

จุดสูงสุด!

อาณาจักรเทพแท้จริง!

ขั้นกลาง!

ขั้นสูง!

จุดสูงสุด!

อาณาจักรกึ่งเทพสวรรค์! [อะไรเนี่ย!]

จากนั้น [ง้าวมารแปดทิศ]ก็รับรู้ถึงกลิ่นอายของกู่ฉางเกอและสั่นด้วยความตื่นเต้น

สุดท้ายกู่ฉางเกอก็ดูดซับความทรงจำที่โดนผนึกเพิ่ม และสีหน้าประหลาดก็เผยออกมา

‘นี่คือไพ่ตายของข้า?ฐานบ่มเพาะอาณาจักรกึ่งเทพสวรรค์?เมื่อเรื่องนี้หลุดไป แค่ความเร็วการบ่มเพาะของข้าอย่างเดียวก็จะทำให้ทั้งโลกหมายเอาชีวิตข้าแล้ว!’

‘แถม การใช้สิ่งมีชีวิตเป็นสารหล่อเลี้ยงที่สามารถกลืนกินเพื่อเพิ่มพลังข้าได้..วิธีนี้น่าล่อใจกว่าการใช้ค่าโชคชะตาอีก’

‘มันไม่ใช่การพูดเกินจริงที่จะบอกว่าทั้งโลกจะเปลี่ยนเป็นศัตรูข้า’

กู่ฉางเกอหลับตา

ไม่น่าแปลกที่ความทรงจำส่วนนี้จะโดนผนึก เคล็ดเซียนปีศาจกลืนกินที่ท้าทายสวรรค์มากพอจะทำลายสมดุลของโลก และกลายเป็นศัตรูกับทุกคนภายใต้สวรรค์!

ตอนนี้ ศัตรูทั้งหมดของเขาอยู่ในอาณาจักรราชา หรือแค่เพิ่งถึงอาณาจักรจักรพรรดิ แต่ฐานบ่มเพาะจริงเขาคือกึ่งเทพสวรรค์!

นี่มันอะไร?เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าจะเกิดพายุใหญ่โตแค่ไหนถ้าข่าวลุด ทั้งโลกอาจเป็นบ้าและพยายามทำบางอย่าง!

‘ไม่ใช่ว่าข้าก็แค่วายร้ายตัวประกอบ?ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนเป็นบอสตัวสุดท้าย?’

ไม่ช้า กู่ฉางเกอก็ระงับกลิ่นอายของเคล็ดเซียนปีศาจกลืนกิน สำหรับความทรงจำ?หลังครุ่นคิดสักพัก เขาก็ตัดสินใจไม่ผนึก นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก เหนือสิ่งอื่นใด แม้เขาจะระวัง เขาก็ไม่คิดว่าเขาต้องหลอกตัวเอง

[เคล็ดเซียนปีศาจกลืนกิน]มีประวัติยาวนาน และทั้งโลกก็เห็นถึงความน่ากลัวมันมาแล้ว สำหรับโลกภายนอก มันหายไปนานแล้ว

ตอนนี้ ต่อให้เขาผนึกความทรงจำเกี่ยวกับฐานบ่มเพาะจริงไว้ มันก็จะไม่นำมาซึ่งผลประโยชน์ใด เหนือสิ่งอื่นใด เขายังใช้วิชาอื่นแทนมัน มันจะผนึกไปเพื่อ?

ในความเป็นจริง มันไม่ต้องทำอะไรอย่างนั้น

เหนือสิ่งอื่นใด บนผิวเผิน เขาคือศิษย์แท้จริงของวังเต๋าอมตะสวรรค์ นายน้อยของตระกูลกู่ ที่มีฐานบ่มเพาะอาณาจักรจักรพรรดิขั้นกลาง!

ไม่ช้า กลิ่นอายของกู่ฉางเกอก็หายไปและสภาพแวดล้อมก็กลับเป็นปกติ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด