ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0020
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0022

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0021


บทที่ 8 เชื่อมวิญญาณ, อุทิศตน (2)

* * *

“เกิดอะไรขึ้น?”

คังซอนฮูโผล่หน้าจากด้านหลังกระท่อม

กวักจองฮวาน เด็กใหม่ของ OWIC มองสลับไปมาระหว่างศพที่ถูกแยกส่วนกับคังซอนฮู

เมื่อพิจารณาอย่างละเอียด ซากปรสิตมิได้ถูกแยกออกจากกันแบบส่งเดช

คล้ายกับการชำแหละวัวหรือหมูในโรงฆ่าสัตว์ หากรู้หลักการ ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะแยกส่วนประกอบ

แม้แต่ห้องวิเคราะห์บูรณาการของ OWIC ยังไม่รู้จักสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ เด็กใหม่อย่างกวักจองฮวานย่อมไม่ต้องพูดถึง

ภายในครึ่งวัน มนุษย์สามารถชำแหละสิ่งมีชีวิตที่เพิ่งเคยเห็นได้ประณีตขนาดนี้เชียว?

“…”

“มีอะไร? ไม่ใช่ลูกค้าสินะ”

“จำผมได้ไหม”

ตรงข้ามกับความคาดหวัง คังซอนฮูส่ายหน้า

“จำไม่ได้… แต่ที่นี่มีคนใส่สูทแบบนี้ไม่มาก ฉันพอจะเดาได้ว่ามาจากไหน”

“อ้อ ครับ”

กวักจองฮวานโค้งศีรษะคำนับอย่างนอบน้อม

“ต้องขอโทษสำหรับการเสียมารยาทเมื่อครู่ด้วยครับ!”

“นายเป็นใคร?”

“เอ่อ… เมื่อสักครู่ในค่ายชั่วคราว ผมซึ่งเป็นเด็กใหม่บังอาจอ้างหลักการกับคุณ แต่เป็นเพราะผมยังอ่อนประสบการณ์ครับ!”

มันท่องตามบทพูดที่เตรียมมา

เขาจะโกรธไหม? จากที่หัวหน้าเล่าให้ฟัง ชายคนนี้มีอารมณ์รุนแรง…

มันตัดสินใจโยนคำขอโทษออกไปก่อน แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าถ้าอีกฝ่ายไม่ให้อภัย ตนต้องตอบสนองอย่างไร

ทว่า คังซอนฮูเพียงพยักหน้ารับ พลางหยิบถุงขึ้นมาคลุมซากปรสิต

“เข้าใจแล้ว”

“…?”

“มีอะไร?”

“ไม่ครับ แค่ผม…”

กวักจองฮวานสับสน

ไหนบอกเป็นคนอารมณ์ร้าย?

“คุณรับคำขอโทษจากผม?”

“มีเหตุผลที่ต้องไม่รับด้วยหรือ? นายไม่ได้ประสงค์ร้ายกับฉัน แค่ทำไปตามหลักการ… ถ้าไม่รู้มาก่อนใครๆ ก็ทำผิดได้ทั้งนั้น และฉันก็ไม่ได้เดือดร้อนเพราะนาย”

“…”

ผิดคาดอย่างมาก

แตกต่างจากที่ได้ฟังจากหัวหน้าจองจีฮุนโดยสิ้นเชิง

หัวหน้าบอกว่าตัวเองถูกตวาดใส่ตั้งแต่แรกพบ…

คังซอนฮูใจเย็นจนน่าเหลือเชื่อ ราวกับไม่แยแสการเสียมารยาทของมัน

กวักจองฮวานนึกทบทวนอีกหนึ่งภารกิจที่จองจีฮุนสั่ง:

“จำไว้นะ ถ้าเขายอมรับคำขอโทษ ให้ลองถามดูว่าขายศพให้เราได้ไหม พยายามให้ถึงที่สุดล่ะ”

“ครับ”

กวักจองฮวานที่เตรียมใจอยู่ครู่หนึ่ง เปิดปากพูด

“ศพของปรสิตน่าจะจัดการได้ยาก… ขายให้พวกเราไหมครับ”

“ไม่”

“ในกรณีนี้…”

“กลับไป”

ท่าทีขึงขังอย่างมาก เมื่อครู่ยังเป็นคนง่ายๆ อยู่เลย

‘เขาจะเอาศพไปทำอะไร?’

กวักจองฮวานเป็นแค่เด็กใหม่ จึงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในป่าเบอร์มิวด้า

เป็นธรรมดาที่จะไม่รู้จุดประสงค์ของคังซอนฮู

“ขอบคุณที่ยอมรับคำขอโทษครับ”

“อา เชิญ… จริงสิ ก่อนหน้านั้น”

คังซอนฮูเดินเข้าไปหากวักจองฮวานและเคาะนิ้วลงบนนาฬิกาข้อมืออีกฝ่าย

“ไม่ได้อัดเสียงใช่ไหม”

กวักจองฮวานรีบส่ายหน้า มิได้แยแสเหงื่อเย็นที่ไหลไปตามแผ่นหลัง

“ขอตัวก่อนครับ”

คังซอนฮูกลับเข้าไปในกระท่อมและปิดประตู

หลังจากข้ามประตูมิติ กวักจองฮวานรีบกลับสำนักงานในกรุงโซล

“ว่าไง? เขารับคำขอโทษไหม”

“รับครับ”

“ทำได้ดี คราวหน้าก็ระวังด้วยล่ะ”

“ครับ”

จองจีฮุนเป็นคนง่ายๆ หากนั่นไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับงาน

“คังซอนฮูคนนั้น… ดูไม่ออกเลยว่าเป็นคนยังไง บรรยากาศรอบตัวเขาน่าขนลุกมาก”

“ใช่ไหมล่ะ? ฉันไม่ได้คิดไปคนเดียวสินะ”

ไม่ได้มีรูปลักษณ์น่ากลัว ไม่ได้ชักสีหน้า น้ำเสียงและคำพูดไม่ได้ฟังดูคุกคาม แต่กลับมอบบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย

“ได้อัดเสียงมาไหม? จริงอยู่ นั่นเป็นแค่การอำ แต่ฉันต้องยืนยันว่านายทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด”

“อัดมาครับ! นี่…”

กวักจองฮวานถอดสมาร์ตวอช (Smart Watch) ของบริษัทออกมาถือและกดปุ่ม

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายยืนกราน จองจีฮุนไม่ใส่ใจมากนัก รีบเข้าประเด็นเกี่ยวกับงานถัดไป

“ช่างเถอะ บ่ายนี้เราต้องสำรวจป่าเบอร์มิวด้าเพิ่มเติม อย่างต้องก็ต้องยืนยันให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน นายต้องทบทวนแผนการและเตรียมตอบคำถามในการประชุม…”

กริ๊ก

“…อะ”

กริ๊ก กริ๊ก

“มีอะไร”

“เอ่อ หัวหน้า… ดูเหมือนว่ามันจะเสีย”

“อะไรนะ? เพิ่งให้ไปเองนี่ เสียได้ยังไง?”

“ผมก็ไม่ทราบ เอ่อ ก่อนออกเดินทางมันยังใช้การได้อยู่”

“มันเสียเฉพาะตอนที่ต้องใช้? แน่หรือ? ฉันย้ำกี่รอบแล้วว่าให้ตรวจสอบความพร้อมอุปกรณ์ตลอดเวลา!”

“ผมทำแล้วครับ…”

“เมื่อเช้าฉันก็กำชับให้ตรวจอุปกรณ์แล้วนี่”

“ผมทำแล้วครับ!”

“แล้วมันเสียได้ยังไง!”

กวักจองฮวานอยากจะร้องไห้

ผ่านไปไม่ถึงครึ่งวัน มันถูกตำหนิอีกครั้ง ลำพังการถูกบังคับทำโอทีก็น่าเศร้าพออยู่แล้ว

“สีหน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไง?”

“ขอโทษครับ”

จะไม่ไปกระท่อมหลังนั้นอีกแล้ว

* * *

“ช่วยไม่ได้ นายอัดเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต”

ฉันไม่ได้ค้นพบด้วยพลังพิเศษ แต่อีกฝ่ายยกนาฬิกาที่หน้าจอกำลังแสดงการบันทึกขึ้นมาเอง

แต่ฉันใช้พลังพิเศษทำให้มันเสีย

“…”

ในความเป็นจริง ฉันไม่ได้ฝังเขี้ยวลงไปในร่างปรสิตและดูดเลือดเหมือนกับแวมไพร์ในหนัง

แค่ทำให้ค่อนข้างสุกและกินเนื้อที่มีเลือดมากหน่อย เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

ฉันจ้องไปที่เศษห่วงประตู

มันไม่เคยมีสนิมเกาะ ไม่มีสัญญาณการผุดกร่อน

แต่เมื่อถูกฉันสัมผัสหนึ่งครั้ง มันกลายเป็นโลหะเปราะบางที่พร้อมจะแหลกละเอียดขอเพียงสายลมพัดผ่าน

นี่คือพลังของปรสิต หน่วยพิเศษจาก OWIC เคยตกที่นั่งลำบากเพราะสิ่งนี้

“มันกลายเป็นพลังของฉันแล้ว?”

ฉันตระหนักดี ระหว่างการดิ้นรนในต่างโลก ฉันเก่งขึ้นในหลายด้าน

วิ่งได้อึดขึ้นนิดหน่อย แข็งแรงขึ้นนิดหน่อย และประสาทสัมผัสเฉียบคมขึ้นนิดหน่อย รวมถึงด้านเทคนิคต่างๆ

อย่างไรก็ดี นั่นยังอยู่ในขอบเขตที่มนุษย์สามารถเอื้อมถึง

แต่พลังพิเศษที่เพิ่งได้รับ ถือเป็นคนละเรื่องโดยสิ้นเชิง

ฉันถือตะปูที่เหลือจากการก่อสร้าง ตามด้วยเพ่งสมาธิ

เพียงไม่นาน ตะปูเริ่มผุกร่อน

แต่ต้องจับค้างไว้นานเกือบหนึ่งนาทีจึงจะแหลกละเอียด

เมื่อเทียบกับปรสิตเขียวที่สามารถกัดกร่อนโลหะในรัศมีหลายสิบเมตรได้พริบตา พลังของฉันดูกระจอกไปเลย

แต่แค่นี้ก็มีประโยชน์มากแล้ว

เช่นการทำให้สมาร์ตวอชของ OWIC เสียเพียงปลายนิ้วสัมผัส

ลิลี่ผู้ซ่อนตัวในกระท่อม ค่อยๆ โผล่ออกมาอย่างระมัดระวัง

“เผ่าพันธุ์ของเจ้าแต่งกายประหลาดมาก”

นั่นคือความรู้สึกแรกหลังจากได้เห็นพนักงาน OWIC

“ยิ่งกินเลือดก็ยิ่งได้พลังเพิ่มใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้น ฉันควรกินซากพวกนี้ให้หมดสินะ?”

ลิลี่ส่ายหัว สีหน้าไม่สู้ดีนักขณะจ้องศพปรสิต

“ไม่ใช่แบบนั้น การกินเลือดจากเหยื่อรายเดียว จะมากหรือน้อยก็ไม่ต่าง สำคัญที่การกินเลือดจากเหยื่อชนิดเดียวกันแต่หลายราย”

ไม่ใช่ปริมาณเลือด แต่เป็นปริมาณเหยื่อ

“…แวมไพร์ทุกตนมีพลังนี้? การกินเลือดจะขโมยพลังของเป้าหมายโดยปริยาย?”

ไม่โกงไปหน่อยหรือ? ถ้านั่นเป็นความจริง ป่านนี้แวมไพร์ก็ต้องปกครองต่างโลกแล้วสิ

“…พ่อของข้ากินแต่เลือดหมาป่านานนับสิบปี อาจมีหมาป่าที่เป็นเหยื่อเกินหนึ่งพันตัว”

เป็นครั้งแรกที่ลิลี่พูดถึงอดีต

“ข้าจึงได้รับความคล่องแคล่วและความไวต่อกลิ่นของหมาป่าติดตัวมาเล็กน้อย เพิ่งเริ่มเห็นผลชัดเจนเมื่อหกปีก่อน”

“แต่ฉันเพิ่งกินไปตัวเดียว”

“…เจ้าเป็นกรณีพิเศษ”

“ทำไม?”

ลิลี่เผยสีหน้าซับซ้อน

“ประสิทธิภาพในการล่าเหยื่อของเจ้า สูงกว่าคนทั่วไป”

“…ทำไม?”

“เจ้าคือนักล่า”

* * *

ลิลี่อธิบาย

บนทวีปนี้มีผู้ปกครองทั้งสิ้นสิบสองคน และคังซอนฮูคือหนึ่งในนั้น

ผู้ปกครองทุกคนมีสิทธิ์เข้าไปยังอาณาจักรทองคำ

“อืม…”

ลิลี่จ้องคังซอนฮูด้วยดวงตาสุขุม

แม้จะไม่แสดงออก แต่เธอมั่นใจว่าคังซอนฮูต้องตกตะลึงเมื่อได้ยินความลับ

“เรื่องนั้นฉันพอจะรู้”

“หือ? เจ้ารู้อยู่แล้ว?”

“เมื่อนานมาแล้ว ตอนที่ยังอาศัยอยู่ในเมือง เรื่องทำนองนี้ถูกเขียนไว้ในหนังสือที่ใครบางคนมอบให้ฉัน แต่กว่าจะฉันอ่านออกก็ผ่านไปสองสามปีแล้ว”

คังซอนฮูนึกทบทวนช่วงเวลาดังกล่าว ก่อนจะเล่าต่อ

“ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นหนึ่งในสิบสองอะไรนั่น”

“…”

“ประเด็นสำคัญก็คือ เธอรู้จักอาณาจักรทองคำมากแค่ไหน”

“…ไม่รู้อะไรเลย”

“ไม่เลย? นึกว่าจะรู้…”

“ข้าทราบเพียงว่า ตัวเองมีชะตากรรมต้องไปเยือนอาณาจักรทองคำ”

“เป็นเพราะเชื่อมวิญญาณกับฉัน?”

ลิลี่หน้าแดงทุกครั้งที่ได้ยินคำว่า ‘เชื่อมวิญญาณ’

สำหรับแวมไพร์การ เชื่อมวิญญาณสำคัญพอๆ กับการแต่งงาน

ลิลี่เต็มใจอุทิศสิ่งสำคัญดังกล่าว เพื่อชดเชยชะตากรรมอันน่าอดสูของตระกูล

“…สิ่งนี้มีชะตากรรมของตระกูลข้าเป็นเดิมพัน เจ้าคงไม่เข้าใจว่าชะตากรรมสำคัญกับเราแค่ไหน”

คังซอนฮูพยักหน้ารับ มันพยายามทำความเข้าใจมากกว่าตอบส่งๆ ว่าเข้าใจ

“และเจ้ามีศักยภาพเพียงพอ”

“เธออาจจะดูคนผิดก็ได้…”

“แวมไพร์มองเห็นในสิ่งที่ผู้อื่นมองไม่เห็น แล้วก็…”

ลิลี่นึกทบทวนวีรกรรมของคังซอนฮูตั้งแต่แรกจนจบ

คังซอนฮูสามารถพูดภาษารูนได้ชัดถ้อยชัดคำ

แวมไพร์บางตนยังพูดไม่ได้สักคำแม้จะฝึกนานเป็นปี และเธอไม่เคยได้ยินว่ามนุษย์พูดภาษารูนได้

แต่คังซอนฮูกลับพูดออกมาด้วยท่าทีสบายๆ คล้ายกับไม่ต้องฝืนตัวเองหรือทุ่มเท

สำหรับเธอ คังซอนฮูคือมนุษย์คนแรกที่พูดภาษารูน

มนุษย์คนแรกที่สามารถระงับโฉมวิญญาณได้ดั่งใจ

มนุษย์คนแรกที่มอบความเคารพต่อป่าจากก้นบึ้ง

มนุษย์คนแรกที่สื่อสารกับป่า

มนุษย์คนแรกที่ช่วยเหลือเธอ

“…ข้าตัดสินใจที่จะเชื่อในตัวเจ้า”

ลิลี่จ้องหน้าคังซอนฮูพร้อมกับกล่าวด้วยความมั่นใจ

คังซอนฮูพยักหน้ารับ ก้มจัดกระเป๋าเป้ภายในกระท่อม ตามด้วยกล่าว

“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แต่เธอก็จะช่วยฉันตามหาอาณาจักรทองคำ?”

ลิลี่พยักหน้า

“แค่นั้นก็พอแล้ว คอยช่วยฉันเหมือนกับที่ผ่านมา… นอกจากนั้นฉันยังมีพลังแวมไพร์ ไม่ว่าจะมุมมองไหนก็เป็นเรื่องดี”

คังซอนฮูกล่าวด้วยท่าทีผ่อนคลาย

แต่ลิลี่คิดในใจ

เจ้าควรให้ความสำคัญกับการเชื่อมวิญญาณมากกว่านี้ โดยเฉพาะกับแวมไพร์เพศหญิง…

ลิลี่ถอนหายใจแผ่ว

เธอทราบดี ฝ่ายที่เลือกคือเธอ เป็นธรรมดาที่มนุษย์จะไม่เข้าใจความลึกซึ้งดังกล่าว

* * *

ดีจริงๆ ที่คุยกับลิลี่รู้เรื่อง

“ดูนี่สิ!”

“ไม่ขำเลยสักนิด เจ้าวาดรูปได้ห่วยแตก”

“ไม่เห็นดวงตา จมูก และปากที่มีชีวิตชีวานี่หรือ? วิลสันซีซั่น 21,314!”

“ตัวเลขซีซั่นเปลี่ยนไปเรื่อยๆ”

“มันสื่อถึงความรู้สึกของฉัน”

“เจ้านี่คือลูกโป่งใช่ไหม? ทำไมถึงชื่อวิลสัน?”

“อาณาจักรของเธอมีลูกโป่งด้วยหรือ”

“ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว เจ้าเอาแต่มองว่าพวกข้าเป็นสัตว์ป่า นั่นคืออคติ เจ้าทำผิดกฎของจักรวรรดิและต้องถูกลงโทษ”

ในที่สุดก็มีคู่สนทนา

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ถ้าจะแปรรูปแขนใบมีดของปรสิต จำเป็นต้องให้ป่าช่วยใช่ไหม”

“ปรกติพวกเอลฟ์เป็นคนทำ ต้องถามรายละเอียดกับป่า”

ในที่สุดก็พบเบาะแสของวิธีแปรรูปกรงเล็บโดยไม่ต้องลองผิดลองถูก

ไม่ว่าฉันจะมีความรู้เกี่ยวกับต่างโลกมากแค่ไหน แต่ก็ยังถูกจำกัดด้วยสภาพแวดล้อมและกฎระเบียบ

ความรู้ด้านเทคโนโลยีและอารยธรรมยังค่อนข้างคลุมเครือ

ลิลี่จะมาช่วยเติมเต็มในส่วนนั้น

“นอกจากนั้น เจ้าต้องมีแร่พิเศษ เราเรียกมันว่าดีบุกผสาน”

“ดีบุกผสาน?”

ลิลี่พยักหน้า

“แร่ที่ช่วยให้การแปรรูปโลหะไม่เกิดรอยต่อ”

“กาว?”

“ทำนองนั้น ถ้ากรงเล็บถูกหลอมละลาย จะให้กลับมาคมเท่าเดิมก็คงยาก จำเป็นต้องใช้ดีบุกผสานช่วย”

ดีบุกผสานสินะ

“หาได้จากที่ไหน?”

“ปะปนอยู่กับแร่แทบทุกชนิดในเหมือง ไม่ว่าจะทอง เงิน หรือเหล็ก”

ฟังถึงตรงนี้ ฉันกระจ่างทันที

ต่างโลกมีแหล่งสินแร่นับไม่ถ้วน และฉันก็สงสัยมาตลอดว่า ทำไมแร่ในต่างโลกถึงมีบางสิ่งปนเปื้อนอยู่เสมอ

เมื่อก่อนอาจไม่ทราบ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่ามันคือดีบุกผสาน

จากที่เคยฟังมา ใกล้กับเบสแคมป์มีสายแร่อยู่หนึ่งแห่ง

เห็นว่าตอนนี้ปิดไปโดยไม่ทราบเหตุผล แอบเข้าไปดีไหมนะ?

ขณะครุ่นคิด ฉันสัมผัสได้ว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้กระท่อม

ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้ ลิลี่จะรีบเข้าไปซ่อนตัว

“สวัสดีค่ะ”

สตรีวัยกลางคนกล่าวทักทายฉัน

“มีอะไรให้ช่วยครับ?”

“เอ่อ… ที่นี่ใช่สำนักงานรับจ้างรึเปล่าคะ? กิลด์นักสำรวจ…”

ดูเหมือนว่าข่าวลือจะแพร่เป็นวงกว้างแล้ว แต่ก็ไม่แปลก เรื่องราวของฉันคงกำลังถูกพูดถึงอย่างมากในเบสแคมป์

เดี๋ยวนะ นี่คือลูกค้าแปลกหน้าคนแรกใช่ไหม?

“เชิญนั่งก่อนครับ”

ฉันนำทางไปยังเก้าอี้ข้างโต๊ะที่เตรียมไว้ สตรีคนดังกล่าวลังเลเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวนั่ง

“สามีดิฉันเป็นพาธไฟน์เดอร์… พาธไฟน์เดอร์ที่เก่งมาก…”

จากนั้น ดวงตาของเธอเริ่มแดง

“แต่ครั้งล่าสุด… เขากลับมาในสภาพรูปปั้น”

“…รูปปั้น?”

สถานการณ์ของเบสแคมป์เป็นดังนี้:

ทิศเหนือมีแม่น้ำไหลขวาง ทิศตะวันออกถูกปิดล้อมด้วยป่าเบอร์มิวด้าและหน้าผา

ทิศใต้ปลอดภัย มนุษย์จึงมุ่งสำรวจลงใต้เป็นหลัก

ปัญหาคือฝั่งตะวันตกที่ยังคลุมเครือ แต่มีข่าวการเสียชีวิตและหายตัวเกิดขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นตำนานแปลกประหลาดนับไม่ถ้วน

เธอเล่าว่า สามีของเธอออกสำรวจทางตะวันตก และถูกช่วยกลับมาอย่างฉิวเฉียด

น้ำตาหยดลงบนโต๊ะ

“ฉันพยายามตรวจสอบแล้ว… เขายังมีชีวิตอยู่… ฮึก… ภายในก้อนโลหะนั่น… เขายังมีชีวิตอยู่แน่นอน แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ไม่สามารถกะเทาะเปลือกนอกได้ พวกเขาบอกว่า ถ้ากระแทกแรงเกินไปอาจเกิดอันตรายกับสามีฉัน…”

“พื้นผิวทำจากวัสดุอะไร?”

“วัสดุ?”

“ลอกเป็นแผ่นเหมือนหนังด้านไหม? หรือเป็นอย่างอื่น?”

“เหมือนกับก้อนเหล็ก แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเหล็กจริงไหม ทุกครั้งที่เคาะจะมีเสียงคล้ายระฆัง”

“เมดูซ่า…”

“อะไรนะคะ?”

ฉันเบือนหน้าไปด้านข้าง

ไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ลูกค้าฟัง

เริ่มเข้าใจแล้วว่า ทำไมคนที่สำรวจทิศตะวันตกถึงมักหายตัวไปหรือไม่ก็เสียชีวิต

“จริงสิ…”

ในเมื่อสามีของลูกค้าเคยเห็นด้วยตาตัวเอง เขาน่าจะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์

ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันอาจเข้าใจอะไรมากขึ้น

ฉันลุกจากที่นั่ง

“ไปกันเลยไหม? ไปหาสามีของคุณ”

“คะ? ม…มีวิธีรักษาหรือคะ?”

ลูกค้าถามอย่างร้อนรน

ฉันแอบชำเลืองฝ่ามือตัวเอง

จากนั้นก็พยักหน้ารับ ฉันคงให้คำตอบมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

จะอธิบายยังไงดีล่ะ?

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด