ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 43 ความสามารถเสริมออกล่าสัตว์อสูรในคลิกเดียว!!
ซู่เสี่ยวไป่ไม่ได้แสดงความเมตตาออกมาเลยแม้แต่น้อย
เพราะตัวเขาก็รู้ดีว่า หากสลับฝั่งกันเป็นเขาที่อ่อนแอและศัตรูแข็งแกร่งกว่า พวกมันก็จะไม่ปราณีกับเขาเช่นเดียวกัน ในโลกที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอทุกสิ่งทุกอย่างในโลกแห่งนี้มันโหดร้ายและดำมืดกว่าที่คิด
ซู่เสี่ยวไป่ค้นดูศพของจอมยุทธทั้งสองเพื่อเก็บของมีค่า
ต้องบอกเลยว่าตระกูลใหญ่นั้นช่างมั่งคั่งจริงๆ
เขาพบของดีๆ มากมายในร่างของชายทั้งสอง
“นี้มันวิชาฝึกฝนร่างกายระดับละเอียดอ่อน ศาสตร์แห่งอาวุธก็ระดับละเอียดอ่อน มีวิชาระดับฝึกหัดอีก มีแต่ของดีๆ เต็มไปหมด!!”
ความร่ำรวยของตระกูลใหญ่มันขนาดไหนกัน
ถึงกับให้วิชาระดับละเอียดอ่อนกับสมาชิกภายในตระกูล และพกติดตัวไปไหนมาไหนอย่างสบายใจ หากวิชาเหล่านี้ถูกขายออกสู่ท้องตลาดคงขายได้หลายล้านเหรียญจิตแน่
แล้วอาวุธที่เก็บมาได้ ก็เป็นของมีราคาทั้งสิ้น
แต่น่าเสียดายที่ซู่เสี่ยวไป่เองก็ยังไม่ได้เรียนรู้ศาสตร์แห่งอาวุธทุกอย่าง ทำให้ยังไม่สามารถใช้งานอาวุธที่เก็บมาได้
หลังจากที่ค้นของจนเสร็จ ซู่เสี่ยวไป่ก็เงยหน้าขึ้นมองไปทางจางเหิงเต่อก่อนจะพูดออกมา
“ท่านรองผู้นำตระกูล ยังไม่คิดจะออกมาอีกหรอ?”
เสียงของซู่เสี่ยวไป่ไม่ดังและไม่เบาเกินไป แต่ดังพอที่จางเหิงเต่อจะได้ยิน
ทำให้จางเหิงเต่อถึงกับสะดุงด้วยความตกใจ
ก่อนที่เขาจะรีบเข้ามาหาซู่เสี่ยวไป่
“ผู้ฝึกยุทธขั้นสูง!!”
เมื่อจางเหิงเต่อเข้ามาใกล้เขาก็รู้สึกถึงกลิ่นไอและกระแสพลังจากร่างของซู่เสี่ยวไป่ทันที เขารู้สึกราวกับถูกคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าใส่
ครั้งสุดท้ายที่ได้สัมผัสกระแสพลังของซู่เสี่ยวไป่ เขายังอยู่ในเขตแดนผู้ฝึกยุทธขั้นแรกอยู่เลย
ผ่านไปแค่เดือนเดียว เขาได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสูง
ความเร็วในการบ่มเพาะของซู่เสี่ยวไป่นั้น ทำให้จางเหิงเต่อรู้สึกเย็นวูบวาบไปทั่วทั้งกระดูกสันหลัง
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ ซู่เสี่ยวไป่พึ่งจะสังหารจอมยุทธขั้นสูงสองคนได้อย่างง่ายดาย!!
ถ้าหากไม่เห็นกับตา เขาก็คงไม่มีทางเชื่อเรื่องนี้เด็ดขาด ต่อให้เอามีดมาจอคอหอยเขา เขาก็ไม่เชื่อ
“จางเหิงเต่อ คาราวะฑูตซู่!!”
จางเหิงเต่อรีบโค้งคำนับให้กับซู่เสี่ยวไป่ทันที
เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาต้องทำความเคารพเด็กหนุ่มผู้นี้ ครั้งแรกตอนอยู่ที่ตระกูลจาง ซึ่งเขาเองก็ไม่เต็มใจเท่าไรนัก แต่ด้วยกฏของตระกูลทำให้เขาต้องยอมคำนับให้
แต่ในครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งแรก เขานั้นโค้งคำนับด้วยความจริงใจอย่างที่สุด ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ก่อนที่เขาจะเหลือบไปมองดูศพของจอมยุทธขั้นสูงสองคนที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น แม้ว่าจะตายไปแล้วก็ตาม แต่แววตาของศพชายทั้งสองก็แสดงออกถึงความกลัวสุดขีด
จอมยุทธขั้นสูงทั้งสองคนนี้แข็งแกร่งกว่าจางเหิงล่งพี่ชายของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ถึงยังงั้น จอมยุทธทั้งสองคนก็ถูกซู่เสี่ยวไป่จัดการได้อย่างง่ายดาย แค่คิดจางเหิงเต่อก็ขนลุกเกรี้ยวไล่ตั้งแต่เท้าถึงหัว
ฑูตซู่นั้นแข็งแกร่งขนาดไหนกัน!!
“ท่านรองผู้นำตระกูล ช่วยจัดการเรื่องศพของสองคนนี้ที่ได้ไหม?”
ซู่เสี่ยวไป่ดีดกริชของเขาด้วยนิ้ว ทำให้เลือดที่เกาะอยู่บนกริชนั้นกระเด็นหลุดออกมาหมด
“ถ-ถ้าฑูตซู่ต้องการ ผมจะจัดการให้เอง!”
จาเหิงเต่อพยักหัวงกๆ เขาได้สูญเสียความหยิ่งทนงที่มีในสถานะรองผู้นำตระกูลจางไปอย่างหมดสิ้น
เขารู้ดีว่าหากซู่เสี่ยวไป่ไม่พอใจ แม้แต่ตัวเขาเองคงถูกสังหารได้ในพริบตาเดียวเช่นกัน แต่มันอาจจะไม่ใช่แค่เขาคนเดียว แต่เป็นทั้งตระกูลจาง!!
“เอ๋อ…อีกอย่างหนึ่ง….ไม่ต้องมาคอยคุ้มกันผมที่บ้านอีกแล้วน่ะ”
ซู่เสี่ยวไป่พูดเบาๆ
“ขะ- เข้าใจแล้วครับฑูตซู่….เข้าใจแล้วครับ”
จางเหิงเต่อตอบซ้ำอยู่หลายครั้ง
เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ ซู่เสี่ยวไป่รู้ตัวอยู่แล้วว่าเขาแอบติดตามอยู่ แต่แค่ไม่พูดเท่านั้น
“จัดการศพให้ดีละ อย่าให้เหลือร่องรอยทิ้งเอาไว้เด็ดขาด”
“ไม่ต้องกังวลฑูตซู่ ทางเราจะจัดการให้ทุกอย่างเอง”
เมื่อซู่เสี่ยวไป่โยนภาระให้จางเหิงเต่อเรียบร้อยแล้ว เขาก็ทะยานออกไปจากตรงนั้นทันที มันเร็วมากเร็วจนขนาดที่จางเหิงเต่อเองก็ตกใจเกือบกัดลิ้นตัวเอง
เมื่อร่างของซู่เสี่ยวไป่หายลับไปกับตาแล้ว จางเหิงเต่อก็พึ่งได้สติอีกครั้งหลังจากที่ตะลึงอยู่นาน
“แข็งแกร่ง!! แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!!”
จางเหิงเต่อได้แต่พูดคำนี้วนไปวนมา ขณะที่กำลังจัดการกับศพ
ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ยังคงฉายวนไปวนมาอยู่ในใจเขาอยู่เลย
…….
=หอการค้าเป่าตัน=
“ติ๊ด …..ติ๊ด …..ติ๊ด….”
เสียงของสัญญาณที่ขาดดังออกมาจากตัวสื่อสารของหลินเฉิน ตอนนี้ใบหน้าของหลินเฉินกำลังบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด
นั่นเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนของเขาที่ส่งไป
แต่ก็พอคาดเดาได้ว่าตอนนี้ทั้งคู่คงตายไปแล้ว
ไม่มีทางที่นักปรุงยาที่อยู่ในเขตแดนผู้ฝึกยุทธขั้นกลางจะสามารถจัดการกับจอมยุทธขั้นสูงสองคนได้แน่ มีเพียงสิ่งเดียวที่พอจะเป็นไปได้คือขุมอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของนักปรุงยาผู้นี้!
“เจ้านักปรุงยาขั้นห้าคนนี้ มันกล้าดียังไงถึงฆ่าคนของฉัน…มันว้อนหาที่ตายเสียแล้ว!!”
หากคนทั่วไปคงจะเริ่มวิตกกังวลแล้ว ที่ไปทำให้นักปรุงยาขุ่นเคืองใจ
แต่หลินเฉินกลับแสดงถึงความเคียดแค้นแทน
เขาเป็นถึงหลานชายของตัวตนระดับจ้าวยุทธ เป็นผู้ที่สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิน เขาเองก็มีความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีมาตลอด และเขาเองก็มาในนามของหลินฟูเถียน ยิ่งทำให้หลินเฉินรู้สึกเหมือนทำให้ปู่ของเขาต้องอับอายขายขี้หน้า
แต่สุดท้ายแล้ว เขากลับเป็นคนปล่อยให้นักปรุงยาคนนี้ลอยนวลไปได้ โดยที่ไม่ได้อะไรกลับมาสักชิ้นเดียว
หากเป็นนักปรุงยาขั้น 6 หรือ 7 เขาคงไม่กล้าไปหาเรื่องด้วย แต่ถ้ายังเป็นแค่นักปรุงยาขั้น 5 ทำไมเขาจะไม่กล้าลงมือ!!
“อยากรู้จริงๆ ว่าใครที่คอยหนุนหลังมันอยู่!!”
หลินเฉินพูดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาต
……
ซู่เสี่ยวไป่เปิดสัมผัสการรับรู้ตลอดทางที่กลับบ้าน ทำให้เขามั่นใจว่าไม่มีใครตามเขามาอีก
“ความแข็งแกร่งของเราตอนนี้ เพียงพอแล้วที่จะสังหารจอมยุทธขั้นสูงได้!!”
ซู่เสี่ยวไป่ดีใจอย่างมาก
เขาอยู่ในเขตแดนผู้ฝึกยุทธขั้นสูงแต่สามารถฆ่าจอมยุทธขั้นสูงได้
แม้แต่ตัวของเขาเอง ยังคิดว่าเขากำลังฝันอยู่เลยด้วยซ้ำ
เพราะด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนอีกต่อไปแล้ว เขาสามารถเดินใต้แสงอาทิตย์อย่างเปิดเผย
แต่เขาก็ยังจำเป็นต้องสะกดกระแสพลังไว้ก่อน
ไม่อย่างงั้น หากใครรับรู้ได้และรู้ว่ามีเด็กอายุแค่ 17 ปี กลับเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสูง คงได้สร้างงานให้เข้าอีกแน่
“ตอนนี้เรามีเงิน 260 ล้าน!! ได้เวลาเพิ่มระดับระบบ!!”
ซู่เสี่ยวไป่เตรียมตัวที่จะผลาญเงินทิ้ง
เงินกว่า 260 ล้านเหรียญจิต!!
ความร่ำรวยขนาดนี้ แม้แต่จอมยุทธระดับสูงก็ไม่อาจจะมีความมั่งคั่งถึงขนาดนี้ได้
“ไม่ต้องพูดเยอะล่ะ ระบบเพิ่มระดับออกล่าสัตว์อสูรในคลิกเดียว”
“มาดูกันสิว่า ความสามารถเสริมของออกล่าสัตว์อสูรในคลิกเดียวจะดีสักแค่ไหน!!”
ซู่เสี่ยวไป่เริ่มออกคำสั่งกับระบบ
เมื่อสิ้นสุดเสียง เงินก็ถูกหักออกไปจากบัญชี 32.4 ล้านเหรียนจิต ร่างเงาตัวที่ 5 ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในมิติของระบบ
ทันทีที่ร่างเงาเกิดมา ระบบก็จัดการส่งมันไปออกล่าในทันที
“-ติ๊ง! ออกล่าสัตว์อสูรในคลิกเดียวถึงระดับ 5 เสริมความสามารถใหม่ *นักรบติดอาวุธ* -”
“-*นักรบติดอาวุธ* ร่างเงาสามารถสวมใส่อาวุธได้-”