Ep.80 - ล่าสำเร็จ
2/3
Ep.80 - ล่าสำเร็จ
เจียงหนานมีความต้านทานสูงต่อสภาวะผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม กว่าเธอจะหลุดจากสภาวะนี้ได้ ก็กินเวลาไป 2 วินาทีแล้ว
แต่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆนี้ มันกลับทำให้จ้าวหมิงสูญเสียพลังชีวิตไปกว่าครึ่ง
รวดเร็วมาก!
เป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง!
โชคยังดีที่มันเลือกโจมตีจ้าวหมิง หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น แค่สองกรงเล็บก็มากพอที่จะจบชีวิตแล้ว
เจียงหนานรีบร่ายสกิลรักษาบาดแผลขั้นต้น ช่วยจ้าวหมิงฟื้นฟูพลังชีวิต 8 หน่วย
จางเสี่ยวเฉียงยิงลูกศรอากาศอันทรงพลังออกไปในเวลาเดียวกัน ทำ 6 ดาเมจแก่มอนสเตอร์กูล ทั้งยังสกัดคอมโบของมัน ช่วยให้จ้าวหมิงมีเวลาพักหายใจ
สกิลรักษาบาดแผลขั้นต้นของเจียงหนานคูลดาวน์เพียง 2 วินาทีเท่านั้น เมื่อมีผู้รักษาที่พร้อมช่วยเหลือ เหล่าจ้าวจึงกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การกระทำของเธอได้ดึงดูดความสนใจของกูล มันกระโจนเข้าหาเจียงหนานทันที
และนั่นเป็นจังหวะที่ฮังอวี่หายจากสภาวะตื่นกลัวพอดี เขาขว้างมีดบินออกไปในระยะประชิด ปักเข้าตาซ้ายกูลสร้างดาเมจ 3 หน่วย
เสียงหอนแห่งความหวาดกลัวไม่สามารถปล่อยต่อเนื่องได้ ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องกังวล สามารถไล่อัดมันได้ชั่วคราว
ฮังอวี่โน้มตัวลงจนแทบขนานกับพื้นดิน พุ่งเข้าหามันจากเบื้องล่าง เมื่อมาถึงเฉือนดาบลงบนสองขาของกูล สร้างดาเมจฝั่งละ 2 หน่วย เบี่ยงเบนความสนใจของมันได้สำเร็จ
มอนสเตอร์กูลหมุนตัวกลับและฟาดกรงเล็บ ฮังอวี่ยกโล่กลมไอร่อนวู๊ดขึ้นป้องกันอย่างชำนาญ โล่กลมถูกเฉือนทิ้งรอยเล็บไว้สามรอย และส่งพละกำลังมหาศาลผ่านโล่ลงมาถึงตัวคนถือ ทว่าสร้างดาเมจเพียง 2 หน่วยเท่านั้น
ในเวลานี้ จ้าวหมิงซึ่งได้รับผลกระทบจากเสียงหอนแห่งความหวาดกลัวมากที่สุดได้สติแล้ว เขารีบถอยเว้นระยะออกมา รอเจียงหนานร่ายสกิลรักษาบาดแผลขั้นต้นครั้งที่สอง เติมพลังชีวิตกลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง
ดีมาก!
ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป เรื่องชนะไม่น่าใช่ปัญหา!
กูลเริ่มโจมตีฮังอวี่อย่างต่อเนื่อง
ฮังอวี่ไม่เหมือนจ้าวหมิง เขาไม่มีพลังป้องกันสูง แต่ค่อนข้างปราดเปรียว และทักษะการต่อสู้ก็ดีเยี่ยม สามารถหลบหลีกและป้องกันการโจมตีได้เสมอ
กูลฟาดกรงเล็บโจมตีสี่ครั้งติดต่อกัน แต่ครั้งหนึ่งกลับถูกฮังอวี่หลบได้ และอีกสามครั้งยกโล่ขึ้นกันได้สำเร็จ สร้างดาเมจไปทั้งหมด 5 หน่วยเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ฝั่งกูลถูกโจมตีอีกสองครั้ง โดนไป 3 ดาเมจ
ความเสียหายอันน้อยนิดนี้ทำให้ฮังอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนดาบสั้นแห่งป่าจะไม่ค่อยมีประโยชน์แล้ว พลังโจมตีของมันไม่มากพอที่จะจัดการกับมอนสเตอร์ตัวนี้
หากเป็นการสู้กันตัวต่อตัว เขาไม่ใช่คู่มือของอีกฝ่ายแน่นอน
เมื่อการโจมตีจากกูลถูกขัดจังหวะอีกครั้งโดยลูกศรอากาศของเสี่ยวเฉียง มันดูโกรธเกรี้ยวมาก แผดเสียงยาวขึ้นฟ้า เป็นเสียงร้องที่ยาวและเต็มไปด้วยมนต์ขลัง ต่างจากเสียงหอนแห่งความหวาดกลัวก่อนหน้านี้
ฮังอวี่ตะโกนเตือนคนอื่นๆทันที “นั่นเสียงร่ำร้องแห่งความตาย”
“ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม!”
บนพื้นดินปรากฏรอยนูนขึ้นมาสามจุด โครงกระดูกสามร่างคลานออกมา พวกมันทั้งหมดเป็นมอนสเตอร์โครงกระดูกเลเวล 3 ไม่ค่อยแข็งแกร่งนัก แต่การที่ปรากฏตัวขึ้นในเวลาแบบนี้ เป็นปัญหาอย่างแน่นอน
หากฮังอวี่และจ้าวหมิงถูกพวกโครงกระดูกเข้ามารุมโจมตี พวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายและเสียสมาธิ
หากหวังฉงไม่ให้ความร่วมมือในตอนนี้ เกรงว่าฮังอวี่คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ม้วนคัมภีร์รากพัวพันที่ได้มาจากป่าแห่งความเที่ยงธรรม
แต่ในเมื่อมีสกิล ‘กรงเฮอริเคน’ ของหวังฉงแล้ว ก็น่าจะช่วยประหยัดม้วนคัมภีร์ได้ซักม้วนสองม้วน
ศรอากาศของจางเสี่ยวเฉียงอยู่ในช่วงคูลดาวน์ เขารีบตะโกน “นายน้อยฉง! รีบลงมือเร็ว! ถึงเวลาโชว์ความสามารถของคุณแล้ว!”
โชว์ความสามารถน้องสาวแกสิ!
หวังฉงไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้มาก่อน เขาไม่รู้ว่าฮังอวี่มีม้วนคัมภีร์รากพัวพันในมือ เมื่อต้องตกอยู่ในสภาวะเลี่ยงไม่ได้ สุดท้ายจึงเหลือวิธีเดียว นั่นคือโยนความกังวลทิ้งไว้เบื้องหลังชั่วคราว
นายน้อยฉงแม้จะเป็นไก่อ่อน แต่ในโลกจริงเขาเป็นนักเล่นเกมมือฉมัง ดังนั้นพอมีความรู้พื้นฐานและความสามารถในการตัดสินใจอยู่บ้าง
“กรงเฮอริเคน!”
โครงกระดูกที่อยู่ใกล้กับฮังอวี่มากที่สุด จู่ๆก็ถูกกระแสอากาศท่วมทับ ติดอยู่ในกรงสีเขียวอ่อนโปร่งแสง
โครงกระดูกพยายามแหกกรง แต่สิ่งที่มันได้รับ ไม่ใช่แค่ถูกสะท้อนกลับ แต่ยังโดนกระแสอากาศที่ไหลเวียนด้วยความเร็วสูงเฉือนเอา โดนดาเมจไปเล็กน้อย
กรงเฮอริเคนในความเป็นจริงแล้วมันเป็นสกิลที่ทรงพลังมาก
เมื่อเปิดใช้งาน มันสามารถรวบเอามอนสเตอร์ที่อยู่ในรัศมีมารวมกันแล้วปิดผนึกไว้ในกรง
และยิ่งพลังรบของหวังฉงสูงขึ้นเท่าไหร่ กรงเฮอริเคนก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น
ยิ่งเขาแข็งแกร่ง รัศมีการรวบมอนสเตอร์เข้ากรง , ขนาดกรง และเอฟเฟกต์กักขังก็จะยิ่งนานขึ้น นอกจากนี้ กระแสอากาศที่ไหลเวียนด้วยความเร็วสูงยังสามารถสร้างดาเมจได้เพิ่มขึ้น
หรือก็คือ หากเปิดใช้งานดีๆ กรงเฮอริเคนจะสามารถรวบมอนสเตอร์ได้กลุ่มหนึ่งอย่างไม่ยากเย็น และระหว่างนั้นไม่เพียงแต่สามารถกักขังมันได้เท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างดาเมจแก่พวกมันได้อย่างต่อเนื่องด้วย
นี่มันสกิลทำดาเมจหมู่ + กักขังหมู่ชัดๆ! อ๊าา~
แต่ช่วยไม่ได้ หวังฉงในตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป แค่สามารถขังโครงกระดูกเลเวล 3 ได้หนึ่งตัวก็ไม่เลวแล้ว!
ลูกศรอากาศของจางเสี่ยวเฉียงพร้อมใช้งาน และด้วยความสามารถในการสร้างดาเมจอันทรงพลังของเขา หากยิงโดนหัวโครงกระดูกนัดเดียวก็ปลิดชีพมันได้
อย่างไรก็ตาม จางเสี่ยวเฉียงไม่ได้มีทักษะดีขนาดนั้น
เป๊าะ!
ลูกศรอากาศปะทะโครงกระดูก ทำลายกระดูกเชิงกรานแตกทันที โครงกระดูกสูญเสียท่อนล่างล้มลงกับพื้น แม้จะยังไม่ตาย แต่ก็หมดสิ้นภัยคุกคาม
ลูกศรอากาศยังไม่พร้อมใช้งาน โครงกระดูกตัวสุดท้ายวิ่งเข้าประชิดเจียงหนาน
สีหน้าของจางเสี่ยวเฉียง และหวังฉงแปรเปลี่ยนไป “แย่แล้ว! อันตราย!”
เจียงหนานคือกุญแจสำคัญในการประคับประคองการต่อสู้ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ จ้าวหมิงและฮังอวี่จะตกอยู่ในอัตราย!
“ไอ้เจ้ามอนสเตอร์ ไปลงนรกซะ!”
หลังจากเจียงหนานใช้สกิลรักษาบาดแผลขั้นต้นใส่ฮังอวี่ เธอหันกลับมาใช้โล่แห่งป่าป้องกันดาบของโครงกระดูก จากนั้นยกกระบองนักบวชขึ้นและฟาดหัวมัน
โดนไปหนึ่งกระบอง กะโหลกของโครงกระดูกร้าว ยุบลงทันที แต่มันยังไม่ตาย และตอบโต้กลับโดยการใช้ดาบแทงเข้าที่ท้องของเจียงหนาน
เจียงหนานไม่ได้ดื่มโพชั่นแก้ปวด สัมผัสอันรวดร้าวสะท้านไปทั้งร่าง แต่เธอยังไม่ล้มลง ชูกระบองขึ้นและฟาดลงไปอีกครั้ง
โผล๊ะ!
กะโหลกหัวโครงกระดูกแหลกเป็นชิ้นๆ
นักบวชเป็นสายสนับสนุน อ่อนแอต่อการโจมตีทางกายภาพก็จริง แต่เนื่องจากอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มคุณสมบัติค่าศักดิ์สิทธิ์ของเธอ ทำให้สามารถสร้างดาเมจต่อพวกอันเดธได้เพิ่มขึ้น ดังนั้นสองกระบองจึงสามารถกำจัดมันลงได้
เจียงหนานไม่สนใจรักษาบาดแผลของเธอ กลับเข้าสู่สภาวะสมาธิอีกครั้ง
ฮังอวี่ยังคงใช้ทักษะการต่อสู้อันเก่งกาจของเขา และความเข้าใจอย่างเต็มรูปแบบที่มีต่อมอนสเตอร์กูล วบไปรอบๆเพื่อล่อหลอกและทำดาเมจแก่มัน
หนึ่งกรงเล็บ
สองกรงเล็บ
ก้มลงกัด!
ฮังอวี่ตอบสนองการโจมตีของมัน เมื่อกรงเล็บมาถึงก็ยกโล่ขึ้นปัดป้อง! เมื่อฟันแหลมมาถึงก็เบนตัวหลบไปด้านข้าง! สามารถกะจังหวะการต่อสู้ได้เป็นอย่างดี
และที่สำคัญเขาไม่โลภโจมตี ที่ทำตอนนี้คือดึงดูดความสนใจของมันเป็นหลักเท่านั้น และเมื่อจ้าวหมิงก้าวเข้ามา กูลก็ถูกทั้งคู่พัวพันอย่างสมบูรณ์ ไม่มีโอกาสปลีกตัวออกไปโจมตีเจียงหนานหรือจางเสี่ยวเฉียงที่อยู่ในระยะไกลอีก
หลังจากจางเสี่ยวเฉียงกำจัดโครงกระดูกทั้งหมด เขาก็ขว้างลูกไฟใส่มอนสเตอร์กูล สร้างดาเมจ 16 หน่วย พลังชีวิตของมันลดลงไปหนึ่งส่วนสามของที่เหลือ
ถูกรุมโจมตีจากหลายคน อาการบาดเจ็บของมันยิ่งมายิ่งย่ำแย่ นานเข้าๆมันยิ่งรู้สึกหงุดหงิด
ฮังอวี่คอยจับจังหวะการต่อสู้ ในใจเฝ้านับวินาทีคูลดาวน์ของเสียงหอนแห่งความหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา
หากโดนมันเข้าไป เขาจะสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ทันที และในช่วงเวลานั้น มอนสเตอร์กูลขอเวลาแค่ 2 วินาทีก็สามารถสังหารเขาได้แล้ว
ซึ่งสกิลเสียงหอนแห่งความหวาดกลัวมีระยะเวลาคูลดาวน์ 20 วินาที ส่วนสกิลเสียงร่ำร้องของคนตายมีคูลดาวน์ 30 วินาที
“เหล่าจ้าว ขอรบกวนคุณอีกครั้ง!”
ฮังอวี่คำนวณเวลาและพบว่าเหลืออีกไม่ถึง 5 วินาที สกิลเสียงหอนแห่งความหวาดกลัวจะถูกเปิดใช้งานอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงฝากเหล่าจ้าวก้าวไปข้างหน้า ส่วนตัวเองถอยออกจากระยะต่อสู้เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ
เหล่าจ้าวปรี่เข้าไป ใช้ตะลุมพุกฟาดหน้าผากกูล มันตกอยู่ในอาการมึนงงไปชั่วครู่
แม้นั่นจะไม่ถึงหนึ่งวินาที แต่เมื่อมันได้สติกลับมา ฮังอวี่ก็เปิดใช้งานสกิลล่องหนแล้ว หายวับไปจากสายตากูล
เมื่อไม่พบเป้าหมาย มันก็ยิ่งโกรธเกรี้ยว
แต่ไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่มาระบายกับเหล่าจ้าว
ครั้งนี้เหล่าจ้าวสามารถป้องกันสองกรงเล็บได้ด้วยโล่เขา แม้จะได้รับดาเมจเล็กน้อย แต่ไม่เพียงพอที่จะเป็นภัยคุกคาม ยิ่งมีเจียงหนานรอร่ายสกิลรักษาอยู่เบื้องหลัง เรียกได้ว่าไม่จำเป็นต้องกังวลใดๆ
แล้วอีกอย่าง สกิลโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาเหลือระยะเวลาคูลดาวน์อีกไม่กี่วินาทีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ไม่รอให้สกิลของจ้าวหมิงคูลดาวน์เสร็จ มอนสเตอร์กูลเงยหน้าขึ้นฟ้าและส่งเสียงหอนดังลั่น!
“เวรเอ๊ย! เอาอีกแล้วหรอเนี่ย?”
รสชาติของการถูกเสียงหอนแห่งความหวาดกลัวนั่นไม่น่าพึงใจเอาเสียเลย
แต่นั่นช่วยไม่ได้ ก็ใครใช้ให้เหล่าจ้าวมีหน้าที่เป็นโล่เนื้อมนุษย์กันเล่า?
กูลข่วนเหล่าจ้าวสามครั้งติด จากนั้นกระโจนเข้ากัดเขา พลังชีวิตลดฮวบลงต่ำกว่าหนึ่งในสาม ตกอยู่ในระยะอันตราย
เจียงหนานได้สติกลับมา รีบร่ายสกิลรักษาเพิ่มเลือดให้เขาทันที
ฮังอวี่วกกลับมาสู้ ดึงดูดความสนใจ ช่วยให้เหล่าจ้าวรอดพ้นจากความตาย
แต่แทบจะในทันทีหลังจากนั้น มอนสเตอร์กูลเปล่งเสียงร้องออกมา เป็นสกิลเสียงร่ำร้องของคนตาย
ยิ่งกูลเหลือพลังชีวิตน้อยเท่าไหร่ เอฟเฟกต์ของสกิลนี้ก็จะยิ่งแก่กล้าขึ้นเท่านั้น!
ดังนั้นครั้งนี้มีถึงสี่โครงกระดูกถูกอัญเชิญออกมา
ทว่าเมื่อมีประสบการณ์แล้วครั้งหนึ่ง หวังฉงและเสี่ยวเฉียงจึงเตรียมตัวเตรียมใจไว้แต่เนิ่นๆแล้ว ทั้งสองร่วมมือกันได้อย่างลื่นไหล
หวังฉงและเสี่ยวเฉียงเริ่มดึงดุดความสนใจของพวกโครงกระดูกอย่างขันแข็ง
กักขังไว้ตัวหนึ่ง แล้วระหว่างนั้นไล่ทำลายทีละตัว ช่วยประหยัดคัมภีร์ให้แก่ฮังอวี่ไปได้อีกม้วน!
หวังฉงเกิดความรู้สึกราวกับได้ค้นพบโลกใหม่ในการต่อสู้ครั้งนี้
เขาค้นพบว่าเมื่อร่วมสู้กับเหล่ายอดฝีมือ สิ่งที่ได้รับกลับมาไม่ใช่เพียงแต้มวิญญาณ แต่คุณภาพในการต่อสู้ของตัวเขายังได้รับการปรับปรุง มันดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด!
เรื่องนี้ทำให้เขาตื่นเต้นและมีความสุขมาก
“ทุกคนพยายามเข้า!”
“มันใกล้ตายแล้ว!”
พลังชีวิตกูลยิ่งนานยิ่งลดลง มันเริ่มอ่อนแอและเฉื่อยชาลงเรื่อยๆ
บรึ้มมม!
ในที่สุดลูกไฟก็คูลดาวน์เสร็จและถูกขว้างออกไป ครั้งนี้สามารถทำได้ถึง 17 ดาเมจ!
มอนสเตอร์ชั้นยอดเลเวล 4 สุดอึดล้มลงกับพื้น ปล่อยแต้มวิญญาณจำนวนมากออกจากร่างกาย
ในที่สุดมันก็ตาย!
“พวกเราชนะแล้ว!”
จางเสี่ยวเฉียงกับหวังฉงมองหน้ากัน ทั้งคู่รู้สึกตื่นเต้นและยินดีในความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
มอนสเตอร์ตัวนี้ร้ายกาจมาก ความแข็งแกร่งของมันทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน แต่สุดท้ายก็ยังร่วงลงต่อหน้าพวกเขา
ภาพตรงหน้า ไม่มีอะไรจะฟินไปกว่านี้อีกแล้ว!