เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 181
ตอนที่ 181
เหล่ารุ่นเยาว์ทั้งหลายจึงได้หันมาสนใจเด็กน้อยในหมู่พวกเขาทันที เขาเป็นเพียงทารกคนหนึ่งและหน้าตาน่ารักน่าชัง ในคราวที่มาถึงสถานที่นี้ในทีแรก พวกเขาต่างช่วยกันบังตัวหลินซวนเอาไว้ด้วยหวังว่าเขาจะไม่ถูกค้นพบและรอดชีวิตไปได้
ทว่า บัดนี้ หลินซวนกลับถูกเรียกให้ออกไปเป็นผู้แรกที่ต้องสำรวจเส้นทางเบื้องหน้า หอเทพอัคคีช่างไร้ยางอายเกินไปแล้ว พวกมันถึงขั้นไม่ปล่อยเด็กน้อยตัวแค่นี้ไปเสียด้วยซ้ำ!
ราวกันว่ามันสามารถอ่านจิตใจของพวกเขาได้ ผู้บ่มเพาะแดนสร้างรากฐานด้านหลังเอ่ยขึ้น
“ในเส้นทางของการฝึกตน ใครจะสนใจเรื่องอายุกัน? ในเมื่อเจ้าเข้ามายังที่แห่งนี้ เจ้าก็จะต้องเตรียมใจเอาไว้แล้ว หรือพวกเจ้าคนใดจะไปแทนที่เขา?”
กล่าวตามตรง ชายหนุ่มระดับปราณก่อตั้งจิตผู้นี้ก็สามารถจะแสดงความเย่อหยิ่งออกมาได้ ชื่อของมันคือ หัวหยุนคง และเป็นหนึ่งในอัจฉริยะชั้นยอดของหอเทพอัคคี
‘เจ้าต้องการให้ข้าไปสำรวจเส้นทางข้างหน้า?’ เมื่อหลินซวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็หรี่ตาลง
เขาเองก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่อยู่เบื้องหน้า แม้ว่ามันจะมิใช่เรื่องใหญ่โตอันใดสำหรับเขา แต่กับเหล่าคนจากนิกายหอเทพอัคคีแล้ว นี่คือสิ่งที่ยากเย็นยิ่งสำหรับพวกมัน เพราะเหตุนี้ เขาจึงกลายเป็นผู้สำรวจเส้นทางไปโดยปริยาย
ไม่เพียงแค่หลินซวนเท่านั้น แต่ยังมีรุ่นเยาว์อีกจำนวนหนึ่งที่ถูกใช้งานเช่นกัน
“พวกเจ้าควรรู้ว่านี่คือเกียรติอย่างสูงของพวกเจ้าแล้ว”
สีหน้าของหัวหยุนคงเย็นเยียบ ทั่วร่างของมันปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีแดงที่โหมปะทุอย่างแรงกล้า นี่เป็นหนึ่งในการแสดงความแข็งแกร่งของมันออกมาให้ผู้คนได้เห็น
“ไปสำรวจเส้นทางให้แก่ข้าเสีย จำเอาไว้ เดินไปด้านหน้าหกก้าว และด้านซ้ายห้าก้าว” หัวหยุนคงกล่าวกับกลุ่มคนที่มันเลือกให้เป็นตัวแทนแรก นั่นทำสีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปทันที
คำสั่งของมันช่างเย็นชาและไร้หัวใจ เหล่าผู้ฝึกตนทั้งหลายเข้าใจได้ในทันทีว่าพวกมันต้องการใช้ชีวิตของผู้คนเพื่อเป็นการแผ้วถางเส้นทางที่ปลอดภัยให้แก่การค้นหาสมบัติของหอเทพอัคคี
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด ข้ามาจากราชวงศ์อมตะแห่งอาณาเขตเหนือคราม ข้าสามารถบอกกล่าวให้กองกำลังของเราเป็นพันธมิตรกันไปได้อีกหลายชั่วคน!” ชายผู้นั้นคุกเข่าลงอ้อนวอนโดยทันที โดยหวังว่าสายสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์อมตะและหอเทพอัคคีจะช่วยให้มันสามารถรอดพ้นความตายไปได้
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ชายผู้นั้นจะได้เอ่ยจนจบประโยคก็ถูกคว้าคอโดยผู้บ่มเพาะแดนสร้างรากฐานและโยนเข้าไปด้านในทันที
ชายผู้โชคร้ายกรีดร้อง และก่อนที่มันจะได้ดิ้นรน สายฟ้าสีม่วงก็ปะทุขึ้นและตัดร่างของมันเป็นชิ้นๆ
แกร่ก!!
แสงสีเลือดปรากฏขึ้น ประกายสายฟ้าสะบัดไหว กลิ่นอายคาวโลหิตฟุ้งในอากาศ ทำให้ผู้คนรู้สึกปั่นป่วนในลำคอ
เหล่าคนนั้นหลายที่ถูกเลือกให้เป็นเหยื่อทำได้เพียงกำหมัดแน่นและใบหน้าขาวซีด
“จากนั้น จำไว้ว่าก้าวไปด้านหน้าเจ็ดก้าว และด้านขวาสามก้าว อย่างทำให้ข้าต้องเสียเวลา ตราบเท่าที่พวกเจ้ากระทำเช่นเดียวกับที่ข้าเอ่ยไป ประโยชน์ย่อมตกแก่เจ้าเอง” หัวหยุนคงเผยสีหน้าเย็นชา และแฝงแววอันตรายไว้
รุ่นเยาว์ที่ถูกเลือกนั้นกลับมีสีหน้าสยดสยอง กระทั่งมีชายหนุ่มคนหนึ่งเนื้อตัวสั่นเทาและถอยออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาใกล้จะเสียสติไปแล้ว
“ไม่..... ไม่ ข้าไม่ต้องการเข้าไปในนั้น!”
“น่ารำคาญ” ผู้บ่มเพาะสร้างรากฐานอีกคนหนึ่งของหอเทพอัคคีเดินออกมา น้ำเสียงของมันหมดความอดทนลง
มันเพียงชี้นิ้วของตนเองไปยังชายคนนั้นเพื่อหยุดการเคลื่อนไหว ก่อนที่จะคว้าคอเสื้อเอาไว้และกำลังจะโยนร่างของเขาเข้าไป
“การจะให้มันเข้าไปสำรวจย่อมไร้ค่า คนขี้ขลาดเช่นนี้สังหารมันลงเสียจะดีกว่า” หัวหยุนคงที่ยืนอยู่ด้านหลังพูดขึ้นด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติราวกับว่ามันมิได้กำลังตัดสินความเป็นความตายของผู้อื่นอยู่แต่เป็นการดื่มกินอาหารตามปกติเท่านั้น
เมื่อกลุ่มคนที่มิใช่คนของหอเทพอัคคีได้ยินประโยคนี้ ร่างกายของพวกเขาก็สั่นสะท้าน
ผู้ฝึกตนแดนสร้างรากฐานจากหอเทพอัคคีผุดรอยยิ้ม สีหน้าของมันดุร้ายพลางบิดคอของผู้อื่นในมือด้วยแรงทั้งหมดที่มี
ทันใดนั้น คอของชายหนุ่มผู้โชคร้ายก็หักลงราวกับเป็นเพียงก้อนแป้งนุ่มนิ่ม
โลหิตสีแดงคล้ำย้อยลงมาทีละหยด และร่างของเขาถูกโยนไว้ข้างทางราวกับเป็นเพียงแค่ขยะชิ้นหนึ่ง
ฉากนองเลือดและน่าหวาดผวานี้สะท้อนอยู่ในสายตาของทุกคน ราวกับว่ามีน้ำเย็นสาดใส่ใบหน้าพวกเขา ทำให้ทั่วร่างหนาวเหน็บ
นี่ย่อมเป็นสัญญาณอันตราย เพื่อให้ผู้คนทั้งหลายรู้ว่าการไม่ทำตามคำบัญชาของหอเทพอัคคีจะจบลงเช่นไร
“เส้นทางแห่งการบ่มเพาะช่างยาวไกล หากพวกเจ้าไม่ต่อสู้เพื่อให้ไปถึงจุดหมายจะมีประโยชน์อันใด? พวกเจ้าถูกลิขิตให้ต้องตาย แล้วเหตุใดข้าจะไม่ส่งพวกเจ้าให้เป็นอิสระก่อนหน้านั้นเสียเลยเล่า?” หัวหยุนคงแค่นเสียงเย็นชา
บัดนี้ สีหน้าของผู้คนล้วนซีดราวกับกระดาษและโทสะปะทุเต็มหัวใจ คนจากหอเทพอัคคีช่างน่ารังเกียจเกินไปแล้ว!
มันรักชีวิตของตนเองและไม่กล้าพอจะสำรวจแดนลึกลับ แล้วเหตุใดจึงกล้าบอกว่าผู้อื่นไม่ต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งโอกาส? นี่เป็นเพราะความตาขาวของมันมิใช่หรือ! หากว่ามันเก่งกล้าสามารถนัก เหตุใดจึงไม่เดินทางเข้าไปด้วยตัวเอง!
เมื่อหลินซวนเห็นสถานการณ์ทั้งหมด เขาก็เริ่มนับจำนวนคนทั้งหลายและค้นพบว่าพวกมันมิได้อยู่ที่นี่ทั้งหมด
จากนั้น เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ และเลือกที่จะยังไม่โจมตีในตอนนี้ อันที่จริง เขาวางแผนให้หอเทพอัคคีมารวมกลุ่มกันทั้งหมดเสียก่อนจึงค่อยจู่โจม นี่เพื่อเป็นการประหยัดเวลาไม่ให้เขาต้องเสียไปกับการตามหาพวกมันทีละคน
อันที่จริงแล้ว หลังจากหลินซวนเข้ามายังแดนลึกลับ เขาก็ตัดสินใจว่าจะสังหารคนของหอเทพอัคคีทั้งหมดลงเสีย หากแต่เขายังไม่ได้กระทำสิ่งใดในตอนนี้
จากนั้น หัวหยุนคงก็ชี้มาที่หลินซวนและสั่งให้เขาเดินหน้าเข้าไปด้านใน
มุมปากของหลินซวนยกขึ้น ก่อนที่เขาจะใช้พลังจากนัยน์ตาหยินหยางออกมาเล็กน้อยก่อนก้าวเดินไปเบื้องหน้า
สีหน้าของผู้คนทั้งหลายกระวนกระวายยิ่งนักในระหว่างที่มองหลินซวนก้าวเข้าไป หากแต่ค้นพบว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
“ไม่เลว ไม่เลว พวกเราไม่พบเจอเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว เจ้านี่ก็ไม่เลวจริงๆ สมกับที่เป็นผู้บ่มเพาะอย่างแท้จริง มีเพียงคนเช่นเจ้าเท่านั้นที่จะสามารถก้าวเดินไปในเส้นทางของผู้บ่มเพาะได้!” หัวหยุนคงแสดงความสุขออกมาบนใบหน้าของมัน
ทว่ามันก็มิได้ก้าวตามมาแต่อย่างใด แต่กลับให้หลินซวนเดินหน้าต่อไป อีกทั้ง ดูเหมือนว่ามันกลับถอยหลังไปอีกหลายก้าว
สีหน้าของหลินซวนเคร่งเครียดและเย็นชา เขามิได้เอ่ยคำใดขึ้นมาและเลือกจะเหยียบย่างเข้าไปยังจุดที่ปลอดภัย
พวกคนจากหอเทพอัคคีโง่งมถึงเพียงใดกัน? ค่ายกลแห่งนี้สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดายยิ่งนัก แต่พวกมันกลับไม่รู้วิธีการจะทลายลง? ด้วยความโง่เง่าถึงขีดสุดเช่นนี้ พวกมันยังกล้าที่จะค้นหาสมบัติอีกหรือ?
หลินซวนยังคงเหยียบลงบนเส้นทางที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนจากหอเทพอัคคีแย้มยิ้มอย่างมีความสุข หัวหยุนคงหันกลับไปและกล่าวกับคนด้านหลังของมัน
“เรียกพวกเราทั้งหมดมารวมตัวกัน พวกเราจะได้เจอกับโอกาสครั้งใหญ่แล้ว!”
ในตอนนั้น ดวงตาของหลินซวนก็เปล่งประกาย.. ในที่สุดเขาก็สามารถจับพวกมันทั้งหมดมารวมกันได้เสียที