บทที่ 42 กฎแห่งธาตุทั้งห้า
บทที่ 42 กฎแห่งธาตุทั้งห้า
ไม่มีใครสามารถสกัดยาเม็ดหมอกม่วงได้สำเร็จ! หัวใจของเย่เฉียนเฉียนจมดิ่งลงด้วยความไม่เข้าใจ ...ทำไมเย่สวี่ถึงเลือกสูตรยานี้?
เย่ไห่ตบไหล่ของนางเบา ๆ และปลอบนางว่า: “ทุกสิ่งที่สวี่ทำลงไป.. ย่อมมีเหตุผลของเขา เขาไม่เคยทำให้ข้าผิดหวัง” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่เฉียนเฉียนพยักหน้าและมองดูฉากต่อไป แต่ดวงตาของนางยังคงเต็มไปด้วยความกังวล
ผู้อาวุโสใหญ่ดูเหมือนจะเข้าใจจุดอ่อนของเย่สวี่ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ เขาพูดกับคนรอบๆ ตัวเขาว่า “ดูสิ ยังไม่เคยมีใครปรุงยาได้สำเร็จ ตอนนี้ เย่สวี่เลือกมัน หมายความว่าเขาไม่เข้าใจสูตรยานี้เลย!”
ผู้อาวุโสสี่ยังเยาะเย้ย “เพื่อที่จะแข่งขันกับเย่เฉียง เย่สวี่เป็นนักเลงที่ใจกล้าบ้าบิ่นมาก เขาไม่สมควรที่จะเป็นสมาชิกของตระกูลเย่เลย!
หลายคนพยักหน้า ก่อนหน้านี้พวกเขาเชื่อมั่นในตัวเย่สวี่ แต่ตอนนี้พวกเขาเห็น เย่สวี่เลือกยาเม็ดหมอกม่วง พวกเขารู้สึกผิดหวังมาก
เย่สวี่เพิกเฉยต่อคำพูดประชดประชันเหล่านั้น เขาจ้องไปที่ยาเม็ดหมอกม่วงด้วยความประหลาดใจในใจ
ปรากฎว่ามียาเม็ดดังกล่าวในโลกนี้ สิ่งนี้ได้เปิดประตูสู่โลกใหม่ให้กับเขา เขาหยิบหม้อสีเขียวออกมา จากนั้นหลับตาลงเพื่อปรับจิตใจ ก่อนหน้านี้ เขาอ่านตำรับยาพลังเต๋าขั้นสูงและใช้พลังงานไปเป็นอย่างมาก
เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด เขาต้องพักผ่อนซักพัก
“ดูเตาหลอมของเย่เฉียงสิ!” เมื่อมองไปตามเสียงที่ประหลาดใจของฝูงชน เตาหลอมขนาดเท่ากับร่างมนุษย์ทั้งสองคนกอดกันก็ถูกนำเข้ามา เตาหลอมนี้มีความงดงามและวิจิตรอย่างยิ่ง เมื่อมันถูกวางไว้ในโถงกลั่นยา สภาพของมันก็เปล่งกระกายระยิบระยับ
สายตาที่อิจฉานับไม่ถ้วนมองมาที่เย่เฉียง นักกลั่นโอสถนั้นร่ำรวยจริง ๆ เตาหลอมโอสถนี้ต้องมีราคาแพงมากอย่างแน่นอน แต่เย่เฉียงก็กล้าที่จะซื้อมันมาจริงๆ
เมื่อมองไปที่เตาหลอมสีเขียวของเย่สวี่อีกครั้ง ความผิดหวังชองผู้คนเซ็งแซ่ไปทุกที่ เมื่อเทียบกับเตาหลอมของทั้งสองคน เย่สวี่พ่ายแพ้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง
“ระยะเวลาที่ใช้ในการกลั่น คือ 3 ก้านธูป พวกเจ้าทุกคนต้องปรุงยาได้สำเร็จ เริ่มปรุงยาได้” เย่หยางเหยาใส่ก้านธูปที่เริ่มจุดไฟ และเอ่ยกับคนทั้งสอง
การแสดงออกของเย่เฉียงเคร่งขรึม หลังจากที่ล้างมือด้วยน้ำสะอาดแล้ว ปรากฎเปลวไฟลุกโชนขึ้นจากฝ่ามือและลอยเข้าไปในเตาหลอม
ในชั่วพริบตา เปลวไฟก็เริ่มลุกไหม้ และเตาก็เริ่มร้อนแรง
หลังจากที่เขาจุดไฟเสร็จแล้ว เขาก็โบกมือไปยังเตาหลอม ภายใต้การควบคุมของเย่เฉียง เปลวเพลิงกวัดแกว่งไปทางซ้ายและขวาอย่างเป็นระเบียบ ราวกับว่ามันคือเทพธิดาที่ร่ายรำอยู่ในอากาศ
ชายร่างสูงในสำนักเปลวไฟสีน้ำเงินชื่อ ว่านหยางหยู โดยปกติเขาจะติดตามนักกลั่นโอสถระดับสองของสำนักเปลวไฟสีน้ำเงินในฐานะผู้ช่วย ในเวลานี้ เขาพูดโอ้อวดขึ้นว่า “ดูสินี่เป็นเทคนิคการกลั่นยาของสำนักเปลวไฟสีน้ำเงินของเรา
ศาสตร์แห่งการกลั่นยา เพลิงตะวัน สามารถควบคุมเปลวไฟให้ถึงจุดสูงสุดได้ ในตำนานเล่าว่าเมื่อฝึกฝนจนสุดขั้วแล้ว มันสามารถแปลงร่างเป็นเทพธิดาเพื่อร่ายรำ ดูแล้วมีความสดชื่น”
“น้องเล็กของเราเป็นอัจฉริยะในการกลั่นเม็ดยา ที่หายากซึ่งจะปรากฏขึ้นเพียงหนึ่งคน ในทุก ๆ ร้อยปี ในเวลาเพียงครึ่งปี เขาได้เชี่ยวชาญการกลั่นยาแล้ว จงดูให้เต็มตา ถึงวิธีการกลั่นเม็ดยา ..นี่เป็นพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ของน้องเล็ก”
ชายอีกคนชื่อจื่อฟู่ เขามีรอยยิ้มภาคภูมิใจบนใบหน้าของเขา ในขณะที่เขาพูดอย่างเย่อหยิ่ง
"นั่นสินะ" ทุกคนล้วนอุทานออกมา พวกเขามองดูเปลวไฟที่กำลังร่ายรำอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
เย่เฉียงจัดสมุนไพรอย่างระมัดระวัง ทุกครั้งที่เขาใส่สมุนไพรลงในเตาหลอม เปลวไฟจะพุ่งสูงขึ้นและโอบล้อมสมุนไพรเพื่อขจัดสิ่งสกปรก เหลือเพียงของเหลวที่บริสุทธิ์
กลิ่นหอมของสมุนไพรกระจายออกไป ทุกคนมองไปที่การปรุงยาของเย่เฉียงด้วยความตื่นเต้น และไม่กล้าที่จะละสายตา
เย่หยางเหยาก็พยักหน้าด้วยความชื่นชม พรสวรรค์ในการกลั่นยาของเย่เฉียงนั้นสูงกว่าเขาด้วยซ้ำ เพียงแค่เทคนิคที่ชำนาญนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนชื่นชมเขา
เขาหันไปมองที่ เย่สวี่และอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เขาเห็นเปลวไฟขนาดเล็กที่ไม่หนาเท่ากับนิ้วก้อย มันแกว่งไปแกว่งมาในอากาศราวกับว่ามันจะดับได้ทุกเมื่อ
เย่สวี่ใส่เปลวไฟขนาดเล็กลงในหม้อสีเขียว ความรู้สึกหนาวเย็น แผ่กระจายราวกับอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
เย่หยางเหยาเปิดเผยการแสดงออกที่น่าสนใจ เขาไม่เคยทดสอบเย่สวี่มาก่อน แต่ตอนนี้เขารู้ว่าเปลวไฟของเย่สวี่เป็นเปลวไฟเย็นจริงๆ
เย่สวี่ยังคงเคลื่อนไหวต่อไป หลังจากใส่เปลวไฟลงในหม้อหลอมยาสีเขียวแล้ว เขาใช้ทรายม่วงเพื่อวาดสัญลักษณ์ทั้งห้าที่มุมของหม้อหลอมยา
จากนั้นเขาก็หยิบส่วนผสมทั้งหมดเพื่อกลั่นเม็ดยาหมอกม่วงและใส่ลงในหม้อสีเขียว ส่วนผสมเต็มไปหมด ราวกับว่าพวกมันจะสามารถดับไฟสีขาวได้ทุกเมื่อ มองจากภายนอกนั้น กลับมองไม่เห็นเปลวไฟแต่อย่างใด
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา หากการกระทำของเย่สวี่ถือได้ว่าเป็นการกลั่นยา ทุกคนจะไม่กลายเป็นนักกลั่นยากันหมดหรือ?
ในโถงกลั่นยาที่เงียบสงบ มีคนเยาะเย้ยและพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันไม่หยุด
“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นคนโยนสมุนไพรทั้งหมดเข้าไปในหม้อ หากมีสมุนไพรมากเกินไป มันจะเกิดการระเบิดแน่นอน นี่คือความรู้ทั่วไปในการกลั่นยา!”
“ศิษย์พี่ว่านหยางหยู คน ๆ นี้ไม่รู้จักการหลอมโอสถ เขากล้าท้าทายเย่เฉียงเพียงเพราะเขาไม่อยากเสียหน้า แต่หากมีการระเบิดจริง ๆ ก็ไม่เป็นไร หากเขาอยากตาย เราคงช่วยอะไรไม่ได้?”
จื่อฟู่รีบเอ่ยพูดคุยกับว่านหยางหยูด้วยความขบขัน เมื่อฝูงชนได้ยินสิ่งที่ทั้งสองพูด พวกเขาก็รีบถอยกลับ พร้อมความกลัวในสายตา
การระเบิดที่เกิดจากการกลั่นยาเป็นสิ่งที่อันตรายมาก เป็นไปได้ว่าทั้งห้องโถงกลั่นยาจะถูกระเบิดปลิวว่อน
“ไม่เพียงแต่เย่สวี่ไม่รู้วิธีปรุงยา แต่เขายังพยายามเสียสละชีวิตของผู้อื่นด้วย นี่คือสิ่งที่น่ารังเกียจ” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวอย่างแผ่วเบา "ข้าขอให้ผู้อาวุโสสูงสุดหยุดการกลั่นยาของเย่สวี่!"
"ถูกต้อง." ผู้อาวุโสสี่รีบพยักหน้าเห็นด้วย “เย่สวี่ไม่รู้วิธีปรุงยา เราควรบอกให้เขาหยุด เราควรจะหยุดช่วยเขา เพื่อไม่ให้สร้างความอับอายของตระกูลเย่ต่อหน้าคนนอก”
เย่หยางเหยาจ้องมองที่เย่สวี่ คำพูดของอาจารย์ของเขาแวบเข้ามาในหัวทันที และการแสดงออกของเขาก็จริงจังขึ้นเรื่อยๆ
ในเส้นทางแห่งการกลั่นยา เขามักจะใช้พลังวิญญาณเพื่อควบคุมเปลวไฟ อย่างไรก็ตามอาจารย์ของเขาเคยกล่าวไว้ว่าในสมัยโบราณ ผู้คนใช้กฎห้าธาตุในการปรุงยา ตราบใดที่คน ๆ คนหนึ่งโยนเปลวไฟเข้าไปในหม้อ และสามารถควบคุมมันได้
เปลวไฟก็จะสามารถเติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่อง เม็ดยาที่กลั่นด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่มีคุณภาพสูงเท่านั้น แต่ยังมีผลลัพธ์ในเรื่องของจำนวนเม็ดยาอีกด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกฎห้าธาตุจะไม่ระเบิดเมื่อใครก็ตามกลั่นยา!
นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับ นักกลั่นโอสถส่วนใหญ่ทุกปี จำนวนของนักกลั่นโอสถที่เสียชีวิตระหว่างการระเบิดของการกลั่นยามีมากมายนับไม่ถ้วน
อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้ได้หายไปแล้ว บางทีอาจมีเพียงคนที่มีพลังพิเศษบางอย่างเท่านั้น ที่จะเข้าใจมัน
เดิมทีเขาคิดว่าเขาจะไม่สามารถเห็นวิธีการดังกล่าวได้ในช่วงชีวิตของเขา แต่เย่สวี่กลับทำมันออกมาเหมือนกับที่อาจารย์ของเขาพูด เกี่ยวกับเรื่องกฎห้าธาตุ
เมื่อเย่หยางเหยาได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่ เขาหันกลับมาและจ้องไปที่ผู้อาวุโสใหญ่ด้วยการจ้องมองที่เย็นชา
ผู้อาวุโสใหญ่รู้สึกงุนงง ขณะที่เขากำลังจะพูด เขาได้ยิน เย่หยางเหยาพูดขึ้นว่า
“หุบปาก! ในฐานะผู้อาวุโสใหญ่ เจ้าคิดว่าตัวเองสูงส่งเกินไป ข้าบอกให้ทั้งสองคนแข่งขันการกลั่นยา แต่เจ้ายังต้องการต่อต้านข้า เจ้าไม่ได้มองเห็นข้าในสายตาหรือ?”
ในฐานะหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในเมืองหยุนจง ศักดิ์ศรีของเย่หยางเหยาทำให้ผู้อาวุโสใหญ่หายใจไม่ออก
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของเย่หยางเหยา แต่ละคนหวาดกลัวจนตัวสั่น ผู้อาวุโสใหญ่โกรธมาก ใบหน้าของเขาแดงก่ำไปด้วยความอับอาย เขาชำเลืองมองเย่หยางเหยาอย่างมืดมน
บุตรชายของเขา เย่เฉียงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกลั่นเม็ดยา และเขาเป็นบิดาของนักกลั่นยาผู้สูงศักดิ์ เย่หยางเหยาไม่ได้ไว้หน้าให้เขาเลยและดุด่าเขาต่อหน้าทุกคน
เมื่อเขาเข้ารับตำแหน่ง เขาจะกำจัดเย่หยางเหยาออกไปอย่างแน่นอน และล้างความอัปยศของวันนี้ออกไปให้หมด!