ตอนที่ 87 มองไม่ทะลุ
หัวของเยวี่ยหมิงคงขาวโพลน นางทำการคำนวณนับไม่ถ้วนและจินตนาการมากายถึงวิธีที่กู่ฉางเกออาจใช้กับนาง แต่นางคาดไม่ถึงว่าเขาจะทำอะไรแบบนี้
ไม่ใช่ว่าเขาเกลียดนาง?เขาเกลียดนางมากจนไม่อยากแตะตัวนาง ไม่งั้นทำไมเขาถึงฆ่นางอย่างเลือดเย็นในคืนแต่งงานโดยไม่ทำอะไรนางก่อน?
ความคิดของนางยุ่งเหยิง จากวินาทีที่นางเกิดใหม่ นางไม่เคยสับสนเช่นนี้เลย
เดิมที นางมีวิธีการมากมายเพื่อกำจัดกู่ฉางเกอ แต่การโต้กลับแรกเริ่มนางล้มเหลว นางจึงตัดสินใจไม่ทำอะไรอีก นางทำได้แค่ปล่อยให้กู่ฉางเกออุ้มนาง และพานางไปเตียง
เยวี่ยหมิงคงอดประหม่าไม่ได้ นางไม่เคยเจอกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน นางไม่เข้าใจว่าทำไมกู่ฉางเกอถึงทำอะไรแบบนี้
นางคิดอะไรไม่ออก จากที่นางเข้าใจในตัวกู่ฉางเกอ ไม่มีทางที่กู่ฉางเกอจะทำอะไรแบบนี้ หรือการย้อนเวลาของนางจะทำให้โลกเปลี่ยนแปลงไปทางที่นางไม่รู้?
หรือกู่ฉางเกอจะเปลี่ยนไปเพราะนางย้อนเวลามา?
ความคิดต่างๆแวบผ่านหัวเยวี่ยหมิงคง และนางก็รู้สึกหัวโล่ง นางไม่สามารถเข้าใจความคิดของกู่ฉางเกอได้
“เห้อ!หมิงคง ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจสามีผิดมาตลอดนะ!”
กู่ฉางเกอพูดด้วยรอยยิ้มเยาะและจ้องใบหน้างามของหมิงคง
“กู่ฉางเกอ เจ้า..”
ตอนนี้ เยวี่ยหมิงคงมีอารมณ์ซับซ้นอมาก นางไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
โดยธรรมชาติ นางเกลียดกู่ฉางเกอ และความเกลียดก็ฝังลงกระดูก..แต่ในเวลาเดียวกัน นางก็รักเขามากกว่าอะไรทั้งนั้นเช่นกัน!
สุดท้าย ก็ไม่มีคำพูดใดระหว่างทั้งสองอีกทั้งคืน
[เรื่องราวระหว่างนั้นคงไม่ต้องเขียน]
…
[วันต่อมา]
เยวี่ยหมิงคงหายไปแล้วพอกู่ฉางเกอตื่น พอเขาเหลือบมองเตียงที่เป็นระเบียบ เขาก็คิดว่าเยวี่ยหมิงคงคงจัดการ
ในเวลาเดียวกัน การแจ้งเตือนระบบก็ดัง
[ติ้ง!ท่านได้สั่นคลอนหัวใจอาฆาตแค้นของธิดาสวรรค์ เยวี่ยหมิงคง!ท่านได้รับค่าโชค 500 และค่าโชคชะตา 2500 แต้ม!]
ใบหน้าของกู่ฉางเกอแสเงความสนใจ และจากนั้นก็อดหัวเราะลั่นไม่ได้
เรื่องได้ดำเนินไปทางที่เขาเลือกไว้แล้ว ตอนนี้ เยวี่ยหมิงคงน่าจะจมอยู่กับความสงสัยและคิดว่าที่เขาทำตอนนี้ต่างจากตัวเขาที่นางรู้จัก นางอาจลังคิดว่าตัวเขาในปัจจุบันก็ไม่ได้แย่
ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขี้สงสัย
สำหรับว่าสงสัยยังไง?ตราบเท่าที่มีเบาะแสเพียงน้อยนิด พวกนางจะเดาไปต่างๆนานา มันเหมือนกับว่าสมองพวกนางเต็มไปด้วยสิ่งที่อยากให้มี
เยวี่ยหมิงคงก็ไม่เว้น
‘ปัญหาถูกแก้ไขแล้ว แต่ข้าจะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ถ้าอยากปราบนางอย่างสมบูรณ์’
กู่ฉางเกอคิดกับตัวเองขณะเดินออกตำหนักขเ
ในทางกลับกัน เยวี่ยหมิงคงได้เลี่ยงเขาสุดชีวิต ไม่ว่าจะเป็นมื้อเช้า งานเลี้ยงอำลา หรือตอนที่จากไป นางไม่แสดงตัวสักครั้ง
กู่ฉางเกอไม่แปลกใจกับการกระทำของนาง แต่เขาสงสัยว่านางจะหลบซ่อนตัวแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไน?
อย่างที่พูดกันว่า’เจ้าสามารถหลบซ่อนได้ทั้งวัน แต่ไม่สามารถหลบซ่อนไปได้ตลอดชีวิต!’
พวกเขามีเวลาอีกเยอะ มันไม่จำเป็นต้องรีบ
ในทางกลับกัน กู่ฉางเกอกำลังเตรียมกลับไปวังเต๋าอมตะสวรรค์ เขาได้จากที่นั่นมากว่าครึ่งปีแล้ว แม้เขาจะเป็นศิษย์แท้จริงของวังเต๋าอมตะสวรรค์ และแม้แต่ตระกูลกู่ก็นหุนหลัง แต่สถานะเหล่านี้ก็ไม่สามารถช่วยเขาปิดปากคนได้
ในเงามืด มันยังมีหลายคนไม่พอใจเขา
แถม โครงสร้างอำนาจภายใต้วังเต๋าอมตะสวรรค์ยังซับซ้อนกว่าตระกูลกู่ แทบทุกคนในวังมีเงาของตระกูลใหญ่หนุนหลัง
วังเต๋าอมตะสวรรค์คือที่ที่ตัวตนผู้ทรงอำนาจสุดของอาณาจักรเบื้องบนกำลังเล่นเกมกัน
..
[ระหว่างทางกลับราชวงศ์เซียนสูงสุด]
เยวี่ยหมิงคงนั่งสมาธิภายในรถม้าที่ทำจากทองดำ ซึ่งถูกลากโดยฟีนิกส์เก้าตัว นางดูเหมือนจะตกอยู่ในห้วงความคิด คนสามารถเห็นความวิตกกังวลบนหน้านางได้
สาวใช้ที่ดูแลนางอดตัวสั่นไม่ได้ และไม่กล้าจ้องมองมาก เยวี่ยหมิงคงแปลกไปตั้งแต่ที่นางเห็นตอนเช้า นางดูเหมือนคนกำลังขบฟันและแผ่กลิ่นอายดำมืด นางดูต่างจากเจ้าหญิงรัชทายาทที่สูงส่งและไม่แยแส
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ทำให้นางสั่นสะท้านถึงแกน และกังวลว่าชีวิตจะดับ
เหนือสิ่งอื่นใด นางรู้ดีว่าเยวี่ยหมิงคงได้รับตำแหน่งนมี้ได้ไง คุณหนูของนาเป็นผู้หญิงโหดเหี้ยม และสั่งประหารคนนับไม่ถ้วนรอบตัวนาง ตอนถามถึงเหตุผล นางแค่บอกว่านางทำไปเพราะชอบ
เหตุการณ์เหล่านื้ยังสดใหม่ในหัวนาง และนางก็กลัวว่านางอาจลงเอยเหมือนคนพวกนั้น
เยวี่ยหมิงคงไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
จากนั้น เยวี่ยหมิงคงดูเหมือนจะเหนื่อยกับการคิด นางนวดขมับและถามสาวใช้นาง“หวนเอ๋อร์ เจ้าคิดว่านายน้อยฉางเกอเป็นคนแบบไหน?”
สาวใช้ตัวสั่นด้วยความกลัว
“องค์หญิง ข้าไม่กล้าพูดอะไรเกี่ยวกับนายน้อยฉางเกอเหรอเจ้าค่ะ!”
นางตอบด้วยเสียงสั่นเครือ
นางแค่กล้าพูดถึงว่าที่พระสวามีของเยวี่ยหมิงคงลับหลังเท่านั้นถ้านางเบื่อชีวิต แต่ตอนนี้นางยังไม่เบื่อชีวิต
“ไม่เป็นไร ข้าอนุญาต!”
เยวี่ยหมิงคงจ้องนางด้วยสาตาเย็นชา
หวนเอ๋อร์กัดฟัน“จากที่บ่าวเห็น นายน้อยฉางเกอกับท่านคือคู่กิ่งทองใบหยก พวกท่านดูเหมือนคู่รักฟ้าประทานตอนยืนด้วยกัน นอกจากนั้น นายน้อยฉางเกอยังมีพรสวรรค์ไร้ผู้ใดเทียบและเขาจะเป็นคนที่ดูแลทั้งตระกูลกู่ในอนาคต”
“แม้จะมีข่าวลือมากมายในโลกภายนอกที่อ้างว่านายน้อยฉางเกอคือคนโหดเหี้ยมที่คุยด้วยยาก แต่ข้ารู้สึกว่าข่าวลืออาจผิด จากที่บ่าวเห็น นายน้อยฉางเกอมีนิสัยอ่อนโยน และไม่ว่าใครจะคุยกันเขา พวกเขาจะรู้สึกเหมือนถูกชะโลมด้วยน้ำพุร้อน!’
เยวี่ยหมิงคงโบกมือให้นางหยุดหลังฟังไปมาก นางไม่พูดอะไร แต่ใบหน้ากลับเย็นชากว่าเดิม
อ่อนโยน?นั่นแค่หน้ากาก
น้ำพุร้อน?นางจะไม่รู้สึกอะไรจากเขาได้ไง?
เยวี่ยหมิงคงอดขยุ้มผ้าปูเตียงในมือนางแน่นกว่าเดิมไม่ได้พอคิดถึงเรื่องนี้ มันสามารถเห็นสีแดงเบ่งบานอยู่บนผ้าได้
‘กู่ฉางเกอ แม้แต่ข้าที่ใช้ชีวิตมาสองชีวิตก็ยังมองทะลุเจ้าไม่ได้!’
เยวี่ยหมิงคงมีสีหน้าซับซ้อน
ระหว่างทางไปตระกูลกู่ มีหลายสิ่งที่เหนือความคาดหมายของนาง นางคิดว่านางจะสามารถเล่นกู่ฉางเกอไว้ในฝ่ามือได้ แต่ตรงข้ามกับความคิด นางกลับเป็นฝ่ายถูกเล่น
นางกำลังเต้นบนฝ่ามือเขา!
ข้อได้เปรียบทั้งหมดที่นางได้รับผ่านการย้อนเวลาต่างไร้ประโยชน์
‘นี่ทำให้ข้ายิ่งมีเหตุผลที่ต้องฆ่าเจ้า กู่ฉางเกอ ข้าจะเอาคืนเจ้า!’
..
[อาณาจักรเบื้องบน เขตชั้นนนอก ดินแดนเซียนต้องห้าม]
เทือกเขาโบราณไร้สิ้นสุดสูงเสียดฟ้า และมีต้นไม้โบราณที่ปกคลุมด้วยเถาวัลย์รอบมันเหมือนเนินเขา เมฆมืดปกคลุมฟ้า ทำให้มันดูโบราณอย่างมาก อสูรน่ากลัวเดินเตร็ดเตร่อยู่ทั่ว และสามารถได้ยินเสียงคำรามเป็นครั้งคราว
หยานจีมาถึงส่วนลึกของดินแดนแล้ว
ตอนนี้ นางยืนบนต้นไม้สูง และมองหมู่บ้านลึกลับในระยะไกล ท้องฟ้าเหนือหมู่บ้านปกคลุมด้วยชั้นหมอกและน้ำแข็ง เมื่อใดก็ตามที่สัตว์อสูรผ่านหมู่บ้าน มันจะแสดงสีหน้าระมัดระวังและรีบวิ่งผ่านหมู่บ้านไป
ตอนสัตว์อสูรมองหมู่บ้าน พวกมันจะเผยใบหน้าหวาดกลัวและเคารพ
‘นายน้อยรู้ได้ไงว่ามีหมู่บ้านลึกลับเช่นนี้ในส่วนลึกของดินแดนต้องห้าม และต้นท้อลึกลับนั่นมันอะไร?’
‘แถม ทำไมต้นไม้นี้ถึงคล้ายกับต้นไม้ที่มีในบันทึกโบราณ?ไม่ใช่ว่ามันหายไปหลายยุคสมัยแล้วหรือ?’
หยานจีปกปิดกลิ่นอายนางอย่างระมัดระวัง
แม้นางจะอยู่อาณาจักรจอมเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว นางก็อดตื่นตระหนกไม่ได้
ไม่ว่านางจะมองหมู่บ้านนี้ยังไง นางก็สามารถบอกได้ว่ามันไม่ธรรมดา มีบางอย่างน่ากลัวเกี่ยวกับหมู่บ้าน!
แถม กู่ฉางเกอยังเตือนนางให้รีบใช้เครื่องรางทำลายเขตแดนทันทีที่เจอภัยคุกคาม
[ซวบ!]
สีหน้าของหยานจีเปลี่ยนไปขระได้ยินเสียงบางสิ่งแหวกอากาศ
มันคือดอกท้อ!มันเป้นดอกท้อที่เปล่งแสงเจิดจ้า แต่ตอนนี้ มันคล้ายกับดาบเซียนสูงสุด!พลังน่ากลัวกดทับนาง และมันก็ราวกับดอกท้อสามารถตัดผ่านจักรวาลได้!
[บูม!]
มิติแยกเปิด และรอยร้าวก็ปรากฏทั่ว มันคือการฉีกมิติน่ากลัวมากที่นางไม่สามารถต่อต้านได้ด้วยพลังปัจจุบัน
ใบหน้าของหยานจีซีด และนางก็ใช้เครื่องรางทำลายเขตแดนนโดยไม่ลังเล เครื่องรางในมือนางเปล่งแสงเจิดจ้า แสงแห่งการทำลายล้างและอักขระต่างๆปรากฏรอบมัน
[บูซ!]
มิติด้านหน้านางเลือนรางและจากนั้นอุโมงค์มิติก็ปรากฏขึ้น โดยไม่ลังเล หยานจีหลบหนีเข้าไป ปฏิกิริยาของนางฉับไวมาก แต่นางยังกระอักเลือดคำต่อเมื่อพลังบางส่วนโดนนาง!
แต่ก่อนมันจะโจมตีนางอย่างสมบูรณ์ อุโมงค์มิตินางก็ปิดตัว แต่นางก็ยังบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีเพียงเสี้ยวเดียวนั้น
โชคดี นางสามารถรอดพ้นไปได้
[ไกลออกไปแสนลี้]
ร่างของหยานจีพลันปรากฏจากความว่างเปล่า ความกลัวยังปกคลุมหัวใจนาง และนางก็อดหลั่งเหงื่อเย็นไม่ได้
‘ถ้าไม่ใช่เพราะเครื่องรางที่นายน้อยมอบให้ข้า ข้าคงตายไปแล้ว ดินแดนเซียนต้องห้ามน่ากลัวเกินไป’
‘ข้าต้องบอกให้นายน้อยจับตาดูการเคลื่อนไหวที่นั่น เขาต้องกำลังมองหาหมู่บ้านท้อนั่น ข้าต้องกลับไปแจ้งเขาให้เร็วที่สุด’
ร่างของหยานจีหายไป และมุ่งตรงไปเขตชั้นในของอาณาจักรเบื้องบน
อาณาจักรเบื้องบนกว้างใหญ่มากและแม้กระทั่งจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างนางก็ต้องใช้เวลาเป็นสิบปีพเอเดินทางข้ามเขตชั้นนอก หากไร้ค่ายกลเคลื่อนย้ายหรืออุโมงค์มิติที่เชื่อมต่อดินแดนไว้ ผู้บ่มเพาะธรรมดาจะไม่มีวันออกจากพื้นที่ที่ตัวเองเกิดไปได้ทั้งชีวิต
..
[ย้อนกลับไปในดินแดนเซียนต้องห้าม]
ต้นท้องดงามด้านนอกหมู่บ้านท้อขยับเล็กน้อย ดอกท้อของมันดูงดงามมาก และทุกกลีบก็ดูเหมือนจะเป็นหยกชั้นดี
“นางกลับสามารถหนีได้..ดูเหมือนข้าจะประมาทไป ใครจะไปคิดว่านางจะครองเครื่องรางทำลายเขตแดน”
“นางไม่มีกลิ่นอายตระกูลกู่บนตัว นางไม่ควรมาที่นี่เพื่อเซียนเอ๋อร์ แล้วนางเป็นใคร?”
“มันดูเหมือนว่าความสงบสุขของหมู่บ้านท้อคงจะหายไปในไม่ช้า”
เสียงน่าฟังของต้นท้อดังไปทั่ว แต่ไม่ช้าก็ตกอยู่ในความเงียบ