ตอนที่แล้วEp.75 - นายน้อยฉงขอร่วมทีม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.77 - ใช้เป็นหมาเลยนะ

Ep.76 - เงื่อนไขเข้าทีม


1/3

Ep.76 - เงื่อนไขเข้าทีม

หวังฉงคือใคร?

เขาคือลูกคนรวยที่โด่งดังที่สุดในแวดวงชาวเน็ตจีน!

ในโลกจริง คนที่กล้าไม่ไว้หน้าเขา มีแทบนับนิ้วได้!

หากคนที่กล่าวประโยคเมื่อครู่คือจ้าวหมิงก็แล้วไป แต่ตอนนี้มันกลับถูกเอ่ยโดยชายหนุ่มผู้ไร้ชื่อเสียง

การปฏิเสธอย่างเฉียบขาดเช่นนี้ มันทำให้นายน้อยฉงรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม ที่นี่คือโลกวิญญาณ!

ในโลกจริงคุณจะมีอิทธิพลแค่ไหน ก็ไม่อาจใช้มันได้ในโลกแห่งนี้ได้!

หรือถ้าให้พูดตรงๆ หากฮังอวี่เกิดไม่พอใจขึ้นมา แล้วลงมือฟันเขา หวังฉงคงไม่สามารถขัดขืนได้ ​

ปัจจุบันสถานการณ์ซับซ้อนมาก ไม่ต้องกล่าวถึงในโลกวิญญาณ แม้จะกลับไปสู่โลกจริง ก็ไม่สมควรอย่างที่จะล่วงเกินคนอย่างฮังอวี่

นั่นเพราะระบบการขนส่งเป็นอัมพาต เมืองใหญ่ถูกแยกตัวเป็นเกาะโดดเดี่ยว ถ้าต้องติดแหง่กอยู่กับศัตรูที่แข็งแกร่ง คงยากจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้

“ฉันไม่เอาสินสงครามก็ได้ อุปกรณ์หรือไอเท็มที่ดรอปฉันไม่เอาซักชิ้นเดียว แบบนี้โอเคไหม?”

สินสงครามไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป! เวลานี้นายน้อยฉงคิดแค่ว่าต้องอัพเลเวลให้ได้เท่านั้น!

เขาพบว่าแม้ตนจะมีเงินมหาศาล แต่ในโลกวิญญาณมันไม่มีค่าอะไรเลย

อันที่จริงก่อนเข้าสู่โลกวิญญาณในครั้งนี้ หวังฉงใช้เงินไปแล้ว 70 - 80 ล้านหยวน นำไปซื้ออุปกรณ์ดีๆมาสวมใส่

และหนึ่งในอุปกรณ์ที่แพงที่สุดคือเสื้อสีขาวคุณภาพดีเยี่ยม แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของนายน้อยฉงก็คือ ตอนออกจากโลกวิญญาณครั้งก่อนเขาไม่ได้กลับมายังเซฟโซน ครั้งนี้พอเข้ามาเลยถูกมอนสเตอร์ตบตาย

และผลลัพธ์ก็คือ เสื้อกับรองเท้าหล่นหาย! แต้มวิญญาณที่พยายามสะสมแทบตายก็หายไปเช่นกัน

ตอนนี้เจ้าตัวเลยยังติดอยู่ที่เลเวล 1 และขาดแต้มวิญญาณอีกถึง 38 แต้ม!

เมื่อรวมกับเงินที่ใช้จ้างคนอื่นพาเก็บเลเวลกับที่ใช้ซื้ออุปกรณ์ ทั้งหมดนายน้อยฉงจ่ายไปแล้วกว่า 100 ล้านหยวน!

แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับสูญเปล่า!

อย่างไรก็ตาม ความประมาทครั้งนี้ทำให้เขาคิดได้เช่นกัน ว่าหากอยากรักษาอุปกรณ์ดีๆเอาไว้ มีแต่ต้องแข็งแกร่งเท่านั้น!

เพราะงั้นครั้งนี้ต่อให้เขาไม่ได้รับสินสงครามก็ช่างประไร ขอแค่ได้รับแต้มวิญญาณมาก็พอ!

แล้วอีกอย่าง หวังฉงคิดว่าทีมสี่คนของฮังอวี่ไม่น่าดรอปอุปกรณ์จากมอนสเตอร์ได้มากมายอะไรขนาดนั้น เขาเลยตัดสินใจบอกว่าไม่ขอรับไว้

สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือการอัพเลเวลและเพิ่มพลังรบ ตราบใดที่เลเวลอัพ แค่ใช้เงินในโลกจริงซื้ออุปกรณ์มาใส่มันก็จบแล้วไม่ใช่หรอ?

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนครั้งนี้หวังฉงจะคำนวณพลาดไป

เพราะถ้าฮังอวี่ต้องการสมาชิกทีมเพิ่มจริงๆ มีหรือที่ว่างจะตกมาถึงเขา?

ไอ้เรื่องใช้เงินเพื่อจ้างคนน่ะ เหล่าจ้าวเองก็ทำเหมือนกัน!

ตอนนี้จ้าวหมิงชักชวนคนมมากมายในค่ายมารวมกลุ่มกับเขา และหลายคนในนั้นอยู่ในเลเวล 2 ประสิทธิภาพการต่อสู้ค่อนข้างสูง

ถ้าอยากได้สมาชิกเพิ่ม ฮังอวี่บอกจ้าวหมิงให้เอาพวกเขาเข้าร่วมทีมไม่ดีกว่าหรือ?   แถมทำแบบนั้นยังเป็นการช่วยฝึกฝนลูกน้องของจ้าวหมิงไปในตัวด้วย มองมุมไหนก็มีแต่ประโยช์เห็นๆ

อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ไม่เอ่ยถาม และจ้าวหมิงก็ไม่เอ่ยปากขอ

นั่นเพราะเขารู้ดีว่าฮังอวี่จะไม่เห็นด้วย เนื่องจากเมื่อสมาชิกในทีมเยอะขึ้น แต้มวิญญาณและของดรอปที่แต่ละคนได้รับจะยิ่งลดน้อยลง

ดังนั้นต่อให้หวังฉงไม่เอาสินสงครามก็ยังไม่เพียงพอที่จะใช้เป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมทีม

แล้วอีกอย่าง ฮังอวี่ไม่ขาดเงินในตอนนี้ แต้มวิญญาณมีความสำคัญกว่ามาก

“ขอโทษด้วย นายน้อยฉง ทีมเราไม่รับคนเพิ่ม นายควรไปหาทีมอื่นดีกว่า”

“รอก่อน!” หวังฉงตะโกนอีกครั้ง

ในโลกจริงเขามีหรือเขาจะถูกปฏิบัติเช่นนี้?

แม้ในหัวใจจะหดหู่ แต่เมื่อคิดอาศัยใต้ชายคาบ้านคนอื่น เขาไม่มีทางเลือกนอกจากก้มหัว!

ฮังอวี่เริ่มมีน้ำโห

จะให้รออะไรอีก ทำแบบนี้มันเสียเวลาฉัน!

เชื่อไหมว่าถ้ายังช้าอีกนาทีเดียวฉันจะเชือดแก!

หวังฉงเห็นฮังอวี่แสดงท่าทีไม่พอใจ รีบอธิบายทันที “นายกำลังหาซื้อหินสกิลตาเหยี่ยวอยู่ถูกไหม? ฉันสามารถหามันมาให้นายได้นะ”

ฮังอวี่ตกใจแต่ก็สงสัยในเวลาเดียวกัน “จริงหรือ?”

เขาไม่ได้ถามหวังฉงว่าทำไมถึงรู้เรื่องนี้

ครั้งก่อนฮังอวี่ฝากจ้าวหมิงให้ช่วยกระจายข่าว การที่หวังฉงทราบข้อมูลนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก

“จริงแท้แน่นอน ในโลกจริงฉันอยู่ที่เมืองหัวเฉิง ตอนนั้นเดินทางไปคัดนางแบบ ... แต่อย่าพูดถึงมันเลย ในหัวเฉิงมีผู้อาวุโสคนหนึ่งทุ่มลงทุนอย่างหนักไปกับทรัพย์สินจากโลกวิญญาณ เขาคือประธานชูหยิงแห่งเหิงไท่ พวกนายน่าจะรู้จักเขาใช่ไหม? ชูหยิงรับซื้อหินสกิลมาสองก้อนในราคาสูง และหนึ่งในนั้นคือหินสกิลตาเหยี่ยวที่นายกำลังตามหา!”

“ประธานชูเป็นคนแบบไหน พวกนายน่าจะรู้ดี นอกจากฉัน ไม่มีคนอื่นในค่ายนี้สามารถเข้าพบเขา มีแค่ฉันที่จะช่วยนายได้!” หวังฉงกล่าวต่อ “ตราบใดที่นายพาฉันไปอัพเลเวล ฉันจะพยายามโน้มน้าวเขาสุดความสามารถ ให้เขายอมขายหินสกิลให้นาย ทำหน้าที่เป็นคนกลางคอยค้ำประกัน!”

เจ้าหมอนี่คงไม่ได้โกหกกันหรอกนะใช่ไหม?

ไม่น่าหรอก ตราบใดที่หวังฉงไม่ใช่คนโง่เง่า เขาไม่น่าโกหกฉัน

เพราะตอนนี้ถึงแม้ในค่ายก็อบลินจะมีคนอยู่ราวๆหลักพัน แต่การหาตัวใครซักคนไม่น่ายากขนาดนั้น หากหวังฉงทำให้ฮังอวี่ขุ่นเคือง แล้วเขาตัดสินใจไล่ฆ่าจริงๆ หวังฉงไม่มีทางหนีพ้น!

ต่อให้พ่อของหวังฉงคือหวังต้าหลิน หรือต่อให้มีประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกามายืนอยู่หน้า ฮังอวี่ก้ไม่มีทางไว้หน้าพวกเขา ... อย่างน้อยก็ในค่ายแห่งนี้

ฮังอวี่มีสกิล ‘ขว้างอาวุธ’ และ ‘ล่องหน’ แล้ว  หากเขาได้รับ ‘ตาเหยี่ยว’ มาอีกอัน ก็จะสามารถรับสืบทอดมรดก ‘นักสอดแนม’ ได้อย่างเป็นทางการ เอฟเฟกต์สกิลและพลังรบของเขาจะเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น

ฮังอวี่ไตร่ตรองเล็กน้อยแล้วถามว่า “สกิลพรสวรรค์กับอาชีพของนายคืออะไร?”

ได้การ!

เริ่มมีหวังแล้ว!

หวังฉงรีบอธิบายความสามารถของเขาทันที

เขาบอกว่าตัวเองคือผู้ใช้วิญญาณ สกิลพรสวรรค์คือ ‘กรงเฮอริเคน’ เอฟเฟกต์ของสกิลนี้คือการสร้างกรง ขังมอนสเตอร์เอาไว้ข้างในนั้น

ยิ่งเลเวล , พลังวิญญาณ และพลังโจมตีเวทย์สูงเท่าไหร่  กรงเฮอริเคนก็จะยิ่งทรงพลังเท่านั้น

นี่คือสกิลประเภทกักขังมอนสเตอร์

ไม่เลว  น่าจะยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง

ฮังอวี่หันไปมองอีกสามคนที่เหลือ คล้ายต้องการถามการยอมรับจากพวกเขา

จางเสี่ยวเฉียงรีบกล่าวประจบทันที “โดยส่วนตัวแล้วฉันยินดีต้อนรับนายน้อยฉง ฉันอยากทำความรู้จักนายน้อยฉงมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสซักที!”

จ้าวหมิงรู้ว่าสกิลตาเหยี่ยวมีความสำคัญกับฮังอวี่มาก ในเมื่อทัศนคติของฮังอวี่ผ่อนคลายลงแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก

ส่วนเจียงหนาน แม้เธอไม่ค่อยชอบหวังฉงเท่าไหร่นัก แต่เธอเชื่อฟังฮังอวี่ “ในเมื่อนายน้อยฉงไม่ต้องการสินสงคราม ... งั้นให้เข้าร่วมทีมก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

ฮังอวี่หันมาพูดกับหวังฉง “ตกลง นายเข้าร่วมทีมกับพวกเราได้ แต่ต้องรักษาสัญญา ช่วยฉันตามหาหินสกิลตาเหยี่ยว นอกจากนี้ ระหว่างที่นายอยู่ในทีม จะไม่ได้รับสินสงคราม และลดอัตราการแจกจ่ายแต้มวิญญาณลง น้อยกว่าคนอื่นๆครึ่งหนึ่ง สุดท้าย นายต้องจ่าย 1 ล่านหยวนต่อ 1 แต้มวิญญาณที่เพิ่มขึ้น รับได้ไหม?”

เงื่อนไขทั้งหมดค่อนข้างโหดเหี้ยม ไอ้เรื่องหาหินสกิลตาเหยี่ยวมาให้น่ะไม่มีปัญหา

แต่ต้องจ่าย 1 ล้านหยวนสำหรับ 1 แต้มวิญญาณ? นี่ออกจะหน้าเลือดไปหน่อยไหม?

เงิน 1 ล้านหยวน หากเป็นในช่วงที่ยังสงบสุข มันคือเงินก้อนใหญ่สำหรับคนธรรมดา บางครอบครัวแม้ในจินตนาการยังไม่กล้านึกถึง!

ราคานี้แพงเกินไป เพราะสุดท้ายแม้หวังฉงสามารถร่วมทีม แต่เขาไม่ได้รับส่วนแบ่งสินสงครามใดๆ

มันเหมือนกับโดนเอาเปรียบซ้ำซ้อน อย่างไรก็ตาม หวังฉงกัดฟันยอมรับแม้ไม่เต็มใจ ตอนนี้จะเสียเปรียบแค่ไหน ตราบใดที่มันสามารถช่วยให้เขาแข็งแกร่งขึ้น เขาก็ยินดีทุ่มเงินไม่อั้น!

ฮังอวี่เอ่ยเสริม “นายน้อยฉงกำลังคิดว่าเสียเปรียบโคตรๆเลยใช่ไหม? แต่วางใจเถอะ ครั้งนี้ฉันรับประกันว่านายจะไปถึงเลเวล 2 ได้แน่นอน ถ้าทำไม่ได้ พวกเราไม่ขอรับเงินแม้แต่หยวน”

“จริงๆหรอ?” หวังฉงใจชื้นขึ้นมาก “ถ้างั้นก็ไม่มีปัญหา แค่แต้มวิญญาณละล้านใช่ไหม? ฉันจ่ายให้ได้!”

ในที่สุดหวังฉงก็สามารถเข้าร่วมทีมได้ตามปรารถนา

ฮังอวี่ทำสัญญาแต้มวิญญาณกับทั้งสี่

การทำสัญญาแบ่งแต้มวิญญาณสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ มันมีฟังก์ชั่นช่วยปรับสัดส่วนการกระจายแต้มวิญญาณแก่สมาชิกร่วมทีมได้

ฮังอวี่ จ้าวหมิง จางเสี่ยวเฉียง และเจียงหนานมีอัตราส่วนกระจายแต้มเท่ากัน ส่วนนายน้อยฉงได้เพียงครึ่งหนึ่งจากทั้งสี่คน

แต่เนื่องจากฮังอวี่รับประกันว่าหวังฉงสสามารถอัพเลเวล 2 ได้แน่ๆ เขาจึงตัดสินใจยอมรับเงื่อนไขนี้

อย่างไรก็ตาม ลึกๆในใจเขาเกิดความสงสัย ว่าตนที่ขาดแต้มวิญญาณอีกกว่า 38 แต้ม  ภายใต้การจัดสรรแต้มวิญญาณน้อยกว่าคนอื่นครึ่งหนึ่ง จะสามารถขึ้นเป็นเลเวล 2 ได้จริงๆน่ะหรือ?

เรื่องนี้จะทำได้จริงๆ?

ฟังดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่เลย อ๊าาา!

แต่ช่างมันเถอะ ยังไงซะ แค่เข้าร่วมทีมได้ก็ถือว่าสำเร็จแล้ว!