MDB ตอนที่ 120 อาณาจักรที่สี่พันธสัญญาโลหิต
ทางด้านหวงฟูหมิงเองก็ประหลาดใจเช่นกัน
ย้อนกลับไปเมื่อเขาประเมินและอนุมัติการเข้าสู่สมาพันธ์นักบวชของหลินจิน เขาไม่ได้คาดหวังว่าผู้ประเมินสัตว์วิเศษจะมีความมหัศจรรย์ขนาดนี้
พูดตามตรง เขารู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของเขาเล็กน้อย
เขาควรจะพาหลินจินกลับมาดีหรือไม่?
แต่หลังจากคิดสองครั้งแล้ว หวงฟูหมิงเองก็มีหลักการของเขาที่เขาต้องยึดมั่น เขาต้องการให้ศิษย์ของเขามุ่งความสนใจไปที่การฝึกฝนทั้งหมด เขาไม่ยอมทนกับความนอกคอกของศิษย์ของเขาซึ่งเขาก็ยังสงสัยว่าหลินจินจะเป็นศิษย์แบบนั้น
ดังนั้น ถึงหลินจินจะทำให้เขาประหลาดใจกับอาณาจักรพันธสัญญาโลหิตที่สูงกว่าผู้ใด แต่หวงฟูหมิงยังต้องรักษากฎของเขาเอาไว้
นอกจากนี้ หวงฟูหมิงยังมีข้อสงสัยอื่น ๆ
เขากังวลว่าเขาจะไม่สามารถสอนคนอย่างหลินจินได้
ดังนั้น การที่เขาเข้ามาก็เพื่อยืนยันความจริงในคำกล่าวของผู้อาวุโสเท่านั้น
หลังจากการสังเกตชั่วขณะหนึ่งโดยไม่พูดอะไรอีก เขาก็หันหลังและจากไปทันที
ที่ปรึกษาคนอื่น ๆ ตระหนักถึงปฏิกิริยาแปลก ๆ ของหวงฟูหมิงที่อยู่ ๆ เขาก็ได้ออกจากห้องประเมินไปอย่างดื้อ ๆ
“ทำไมหวงฟูหมิงถึงจากไปเช่นนี้?”
เหล่าที่ปรึกษาต่างภาพกันสับสน
แม้ว่าจะไม่มีใครรู้เหตุผล แต่การไม่มีหวงฟูหมิงเป็นหนึ่งในการแข่งขันก็เป็นข่าวดีสำหรับพวกเขา
ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่คอยดูแลก็ประกาศทันทีว่า “เสร็จแล้ว เขาผ่านการประเมินของอาณาจักรที่สี่”
ภายในวงกลม แสงบนเสาหินทั้งสามจะค่อย ๆ จางลง สนามพลังอันยิ่งใหญ่ค่อย ๆ สลายตัวไปอย่างช้า ๆ
หลินจินที่ยืนอยู่ตรงกลางเปิดตาของเขา น่าแปลกที่เขาดูไม่อิ่มเอม
“บางทีอาณาจักรที่สี่อาจไม่ใช่ขีดจำกัดของฉัน” หลินจินพึมพำกับตัวเอง ถ้าเขาบอกตามตรง เขาอยากจะทำการประเมินต่อไปเพราะว่าเขาไม่ต้องเป็นคนจ่ายเงินอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เขาทราบดีว่าหากผ่านรอบต่อไปได้ มันก็จะทำให้เขาอยู่ในอาณาจักรที่ห้า
และนั่นก็นำมาซึ่งปัญหาหนึ่ง
อาณาจักรที่ห้าเกินขีดจำกัดของสาวก หากสมาพันธ์ไม่ให้เขาเข้าร่วมการแข่งขันของสาวกด้วยเหตุนี้ หลินจินจะไม่สามารถทำตามจุดประสงค์ที่เข้ามาที่นี่ตั้งแต่แรกได้
หลินจินไม่ได้มาที่นี่เพื่อแสดงความสามารถของเขาแต่มาที่นี่เพื่อรับเม็ดยาโลหิตมังกรสำหรับวิวัฒนาการที่สมบูรณ์แบบต่อไปของเสี่ยวฮั่ว
เมื่อเขาออกมานอกวงกลม หลินจินก็ตกใจ
ผู้คนมากมายที่ยืนอยู่ภายในห้องมีสายตาที่เร่าร้อน เมื่อเขาสังเกตเห็นลายเมฆบนเสื้อคลุมของพวกเขา หลินจินก็ตระหนักได้ทันที
คนเหล่านี้ต้องเป็นที่ปรึกษาของสมาพันธ์นักบวช
"น่าอัศจรรย์! การบรรลุอาณาจักรที่สี่ในการประเมินครั้งแรกของเจ้าช่างยอดเยี่ยมมาก เจ้าหนุ่ม” หนึ่งในผู้อาวุโสที่เฝ้าระวังไม่สามารถต้านทานการชมหลินจินได้ ในขณะที่เขามอบเสื้อคลุมของสาวกที่มีลวดลายเมฆสี่แถบให้เขา
ที่ปรึกษาคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างไม่อดทน “หลินจิน ข้าเข้าใจว่าเจ้าเป็นศิษย์อิสระที่ไม่มีที่ปรึกษา ข้าสามารถรับเจ้าเป็นศิษย์ของข้าและรับประกันว่าข้าสอนเจ้าเป็นการส่วนตัวทุกวัน”
ทันทีที่ที่ปรึกษาคนนี้ยื่นข้อเสนอ ที่ปรึกษาอีกคนหนึ่งกล่าวเสริมว่า “อาจารย์เฉียว ท่านทำการสอนไม่ถึงสองสามปี ดังนั้นประสบการณ์ของท่านยังขาดอยู่ เมื่อพิจารณาว่ารากฐานของหลินจินที่ยิ่งใหญ่มากเพียงใด ท่านอาจจบลงด้วยการขัดขวางการพัฒนาของเขาแทน ถ้าเขาศึกษาภายใต้การแนะนำของข้า ข้าจะให้ความรู้ทั้งหมดแก่เขา”
“อาจารย์หวัง ท่านพูดแบบนั้นได้ยังไง? คิดว่าข้าจะไม่ให้ความรู้ทั้งหมดกับเขาด้วยเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น ประสบการณ์ของคน ๆ หนึ่งนั้นไม่เกี่ยวข้องกับความสามารถที่แท้จริง ในแง่ของการสอน ท่านยังด้อยกว่าข้า” อาจารย์เฉียวโต้กลับอย่างก้าวร้าว
ที่คำปรึกษาผู้สง่างามทั้งสองจะไม่มีวันประพฤติตัวแบบนี้ แต่เพื่อประโยชน์ในการคว้าตัวอัจฉริยะ ไม่มีฝ่ายใดเต็มใจที่จะถอยกลับ
ท่านยี่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ทุกคน เราทุกคนมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน อาจารย์ที่ประสบความสำเร็จนั้นหาได้ยาก อาจารย์ที่มีคุณภาพก็หายากเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถเสียเกียรติในฐานะที่ปรึกษาเพราะเหตุนี้และท่านต้องถามหลินจินด้วยว่าเขายินดีที่จะเรียนรู้ภายใต้ที่ปรึกษาหรือไม่ หากเขาไม่มีเจตนาเช่นนั้น การโต้เถียงทั้งหมดนี้ก็จะไร้ประโยชน์”
คำพูดนี้มีเหตุผล
ทั้งอาจารย์เฉียวและอาจารย์หวังพยักหน้าและหันไปหาหลินจิน
ท่านยี่หันไปหาหลินจินเช่นกันและพูดว่า “หลินจิน ข้าท่านยี่และนี่คือ…”
ในขณะที่เขาแนะนำที่ปรึกษาคนอื่น ๆ หลินจินก็ให้ความเคารพพวกเขาแต่ละคน
หลังจากแนะนำที่ปรึกษาที่เหลือให้กับหลินจิน ท่านยี่กล่าวเสริมว่า “ทุกคนที่นี่เป็นที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการของสมาพันธ์นักบวชและเราทุกคนบรรลุอาณาจักรที่หกของพันธสัญญาโลหิตแล้ว พวกเราทุกคนมีความเชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ และหากเจ้าสนใจที่จะค้นหาที่ปรึกษา ท่านอาจเลือกเราคนใดคนหนึ่ง แน่นอน หากเจ้าไม่สนใจ เราจะไม่บังคับให้เจ้าเลือกเช่นกัน”
สิทธิพิเศษนี้มีช่างโดดเด่นและไม่เหมือนใคร
หากกลุ่มสาวกภายนอกรู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันของหลินจิน ใบหน้าของพวกเขาอาจจะกลายเป็นสีเขียวด้วยความอิจฉา
หลินจินพยักหน้าเบา ๆ
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ตั้งใจจะเข้าเป็นศิษย์ของใคร ในขณะที่เขากำลังจะตอบอย่างตรงไปตรงมา หลัวเป่ยเหอก็พูดขึ้นทันทีว่า
“หลินจิน ถ้าเจ้าตั้งใจจะต่อสู้กับหยางเจี๋ย เจ้าควรจะให้ข้าเป็นที่ปรึกษาของเจ้า มิฉะนั้น แม้ว่าเจ้าจะอยู่ในอาณาจักรที่สี่เดียวกันกับเขา แต่เจ้าก็ไม่อาจประมือจับเขาได้”
หลินจินไม่เชื่อเธอ
ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ระหว่างสัตว์เลี้ยงหรือการต่อสู้ทางกายภาพ หลินจินมีความมั่นใจในตัวเองและแหล่งที่มาของความมั่นใจของเขาคือเสี่ยวฮั่วและเทคนิคเข็มลวดขด
ข่าวลือเกี่ยวกับหลินจินและหยางเจี๋ยเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วในสมาพันธ์นักบวช ที่ปรึกษาหลายคนเคยได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่หลัวเป่ยเหอรู้เกี่ยวกับความเกลียดชังของหลินจินที่มีต่อหยางเจี๋ย
การใช้สิ่งนี้เพื่อทำให้หลินจินลังเลใจเป็นที่ทำโดยจงใจ
ด้วยทักษะการสังเกตที่เฉียบคมของเธอ หลัวเป่ยเหอรู้ว่าหลินจิน กำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเธอจึงพูดต่อว่า
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เชื่อข้า แต่มันเป็นเรื่องจริง หยางเจี๋ยเป็นศิษย์ที่เก่งกาจที่สุดขิงท่านหยู่โจวและท่านหยู่โจวก็เป็นที่ปรึกษาอันดับหนึ่งของสมาพันธ์นักบวชของเมืองเมเปิ้ล ความสามารถของหยางเจี๋ยเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้
แต่ถ้าเจ้ามาเป็นศิษย์ของข้า ข้าทำให้เจ้าเป็นสาวกขั้นสูงสุดของข้าและสอนทักษะที่สามารถเอาชนะหยางเจี๋ยได้”
ขณะที่เธอพูด มีร่องรอยของความพึงพอใจในสายตาของหลัวเป่ยเหอราวกับว่าเธอได้ประกาศชัยชนะออกมา
หลินจินโค้งคำนับ
หลัวเป่ยเหอยิ้ม เธอคิดว่าหลินจินจะตอบรับและเป็นศิษย์ของเธอแต่สิ่งที่เธอได้ยินคือ
“ข้าขอขอบคุณอาจารย์เป่ยเหอสำหรับข้อเสนอดี ๆ ของท่าน”
จากนั้นหลินจินก็ไม่พูดอะไรอีก
รอยยิ้มมั่นใจของหลัวเป่ยเหอหยุดนิ่งทันที
หลินจินกล่าวลาที่ปรึกษาทั้งหมดอีกครั้งก่อนจะจากไป
เธอได้รับการปฏิเสธ
หลัวเป่ยเหอขมวดคิ้วอย่างหนัก ด้วยการเป็นผู้หญิงที่หยิ่งทนง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอขอรับสาวกในเชิงรุกและเธอไม่เคยคาดหวังว่าจะได้รับการปฏิเสธ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเธอเป็นที่ปรึกษา หลัวเป่ยเหอจึงไม่อาจแสดงความไม่พอใจหลังจากถูกปฏิเสธได้
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอไม่มีอารมณ์
“ช่างเป็นเย่อหยิ่งอะไรอย่างนี้ ข้าจะรอดูว่าศิษย์อิสระเช่นเจ้าจะสามารถยืนหยัดต่อสู้กับหยางเจี๋ยได้อย่างไร?”
ข้อมูลบางส่วนรั่วไหลออกนอกแผนกประเมิน ว่ากันว่าอาจารย์เหล่านี้มาที่นี่เพื่อต่อสู้เพื่อรับสาวกคนหนึ่งเป็นศิษย์และหลินจินเป็นคนเดียวที่อยู่ภายใน ดังนั้นจึงไม่ต้องบอกว่าใครคือสาวกลึกลับคนนั้น
และแน่นอนว่ามีเพียงศิษย์ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้นที่สมควรได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้
สีทั้งหมดระบายออกจากใบหน้าของจ้าวปี่
การประเมินพันธสัญญาโลหิตของหลินจินอาจมาถึงอาณาจักรที่สาม มันจึงทำให้เหล่าปรึกษามากมายต่างแห่เข้ามาที่นี่เพื่อต่อสู้แย่งชิงเขา
จ้าวปี่ไม่มีอารมณ์ที่จะสร้างปัญหาให้กับหลินจินอีกต่อไป หากผลการประเมินพันธสัญญาโลหิตของชายผู้นั้นอยู่ในอาณาจักรที่สาม กระเป๋าเงินของจ้าวปี่จะแห้งเหือดจนไม่เหลือแม้แต่เหรียญเดียว
จำนวนเงินของการประเมินอาณาจักรที่หนึ่ง อาณาจักรที่สองและขอบเขตที่สามคือหินวิญญาณระดับต่ำสองร้อยห้าสิบก้อน สำหรับจ้าวปี่นี่เป็นจำนวนเงินมหาศาล
จ้าวปี่รู้สึกเสียใจ
เขาไม่ควรฟังเฉินเฉิงและพยายามสร้างปัญหาให้หลินจิน
เมื่อมองกลับไป จ้าวปี่ก็ตระหนักว่าเฉินเฉิงไม่อยู่ในสายตาแล้ว
เขาไม่มีแรงแม้แต่จะสาปแช่ง
ในขณะนั้น หลินจินก็ออกมา
จ้าวปี่ตัวสั่นเมื่อเขามองไปที่หลินจิน หลินจินมองกลับมาที่เขา หลินจินเดินไปตบไหล่ จ้าวปี่อย่างสุภาพด้วยรอยยิ้ม
“พี่จ้าว ข้ารู้สึกแย่มากจริง ๆ ที่ต้องใช้เงินของเจ้าไปมากมายแต่ข้าต้องขอบคุณเจ้ามาก ถ้าไม่อะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะ”
พูดจบหลินจินก็เดินจากไป
ในไม่ช้า ข่าวของหลินจินบรรลุพันธสัญญาโลหิตอาณาจักรที่สี่ก็เริ่มแพร่กระจายราวกับไฟป่า
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ราวกับว่าเขาถูกสายฟ้าฟาด จ้าวปี่ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปและหมดสติล้มลงไปนอนกองบนพื้น