MDB ตอนที่ 119 แตกตื่นกันทั้งสมาพันธ์
ฝูงชนเริ่มพูดคุยกันดังขึ้นเรื่อย ๆ
นอกจากนี้ยังมีคนที่คาดเดาว่าหลินจินอาจจะผ่านการประเมินพันธสัญญาโลหิตของอาณาจักรที่หนึ่งไปแล้ว
แม้ว่าฝูงชนจะไม่พบว่ามันน่าเชื่อถือแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย
จ้าวปี่ก็สงสัยเช่นกันและเขาก็อารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัด สิ่งต่าง ๆ กำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่เขาวางแผนไว้และเมื่อคิดว่าจะสูญเสียหินวิญญาณไปมากกว่านี้ หัวใจของเขาก็เต้นแรงด้วยความเจ็บปวด
นั่นจะเป็นหินวิญญาณมากกว่าร้อยก้อน
‘บ้าเอ๊ย! ถ้าเขาออกมาเมื่อไหร่ ข้าจะเล่นงานเขาอย่างสาสม!'
เมื่อรู้ว่าเขาแพ้การต่อสู้ครั้งนี้ จ้าวปี่อดทนต่อความโกรธของเขาเพื่อที่เขาจะได้ระบายความหงุดหงิดกับหลินจิน เมื่อเขาโผล่หัวออกมาจากห้องประเมินอีกครั้ง
เขายังคิดว่าจะพูดอะไรกับเขาเพื่อระบายความแค้นนี้
ในขณะนั้น เวลายังคงทอดยาวต่อไปและได้ผ่านไปพักใหญ่
“ทำไมเขายังไม่ออกมาอีก?”
ฝูงชนประหลาดใจจริง ๆ ในครั้งนี้ในขณะที่จ้าวปี่ดูไม่พอใจอย่างยิ่ง แม้จะแสดงสีหน้าไม่สงบ แต่เขาก็อยากรู้เหมือนกัน
เขาอยากรู้ว่าหลินจินกำลังทำอะไรอยู่ข้างใน
บางทีเขาอาจจะผ่านการประเมินอาณาจักรที่สอง
เมื่อคิดเช่นนี้จ้าวปี่ก็รู้สึกเวียนหัว
หากหลินจินผ่านการประเมินอาณาจักรที่สอง เขามีสิทธิ์ที่จะไปยังอาณาจักรที่สามและไม่ว่าเขาจะผ่านหรือล้มเหลว จ้าวปี่จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมการประเมินของเขา
เขาจะต้องสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในศึกครั้งนี้อย่างแท้จริง
จ้าวปี่เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาแต่ก็ยังมีความสงสัยอยู่ภายในตัวเขา แม้ว่าหลินจินจะเป็นผู้ประเมินสัตว์วิเศษ แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าถึงอาณาจักรที่สองได้เพียงสองวันหลังจากเข้าสู่สมาพันธ์นักบวชได้
ในขณะนั้น ประตูห้องประเมินก็เปิดออกในที่สุด
จ้าวปี่ตื่นเต้นและรำพึงกับตัวเองว่า 'ในที่สุดพวกเขาก็ออกมาแล้ว!'
ความโกรธและความคับข้องใจของเขาเพิ่มขึ้นในทันทีและเขากำลังจะฟาดฟันกับหลินจิน อย่างไรก็ตาม เขาประหลาดใจที่เห็นว่าไม่ใช่หลินจินที่ออกมาแต่เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสที่คอยดูแลห้องประเมิน
ในขณะนั้น ผู้อาวุโสที่เคร่งขรึมและเฉยเมยก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยท่าทางตื่นเต้น เขาไม่สนใจทุกคน เขาหยิบเครื่องรางออกมาแล้วโยนขึ้นด้านบน
*พรึ่บ!*
เครื่องรางก่อตัวเป็นลำแสงและพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
หลังจากปล่อยเครื่องราง ผู้อาวุโสก็หันหลังกลับและรีบกลับเข้าไปในห้องประเมิน
ตอนนี้ ฝูงชนรวมทั้งจ้าวปี่ต่างตกตะลึง
‘เกิดอะไรขึ้น?’
เห็นได้ชัดว่ามีเหตุไม่ปกติเกิดขึ้นข้างในแต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่มีใครทราบได้
ในไม่ช้า เงาก็โฉบลงเหนือฝูงชนอย่างรวดเร็วและร่อนลงสู่พื้น
เมื่อเห็นบุคคลนี้ ฝูงชนก็แสดงความเคารพอย่างรวดเร็ว
เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหวงฟูหมิง เขาอยู่ในอันดับสามในหมู่ที่ปรึกษาของสมาพันธ์นักบวชแห่งเมืองเมเปิ้ล ผู้เชี่ยวชาญที่มีพันธสัญญาโลหิตอยู่อาณาจักรที่เจ็ด
ในสมาพันธ์นักบวช เมื่อไปถึงอาณาจักรที่ห้า บุคคลสามารถทำการสอนเหล่าสาวกได้ ผู้ให้คำปรึกษาส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงอาณาจักรที่หกได้ ในขณะที่บุคคลสำคัญเช่นหวงฟูหมิงและเย่หยู่โจวสามารถไปถึงอาณาจักรที่เจ็ดขึ้นไป
หวงฟูหมิงรีบเดินเข้าไปในห้องประเมินโดยไม่พูดอะไร
ฝูงชนเริ่มพูดคุยกันว่าทำไมหวงฟูหมิงจึงมาที่นี่โดยไม่มีเหตุผล
ก่อนที่พวกเขาจะพูดจบ ผู้เชี่ยวชาญอีกคนก็บินมาจากด้านบน
คราวนี้มีมากกว่าหนึ่งคน
“นั่นอาจารย์หลัวเป่ยเหอและท่านยี่!” เหล่าสาวกอุทาน
หลัวเป่ยเหอเป็นที่ปรึกษาหญิงที่แต่งกายด้วยชุดสีขาวและมีท่าทางแข็งกร้าว ท่านยี่สวมชุดคลุมสีดำในขณะที่ผมยาวสีขาวและเคราของเขาพลิ้วไหวอย่างงดงามท่ามกลางสายลมอ่อน ๆ
บนเสื้อคลุมทั้งสองปักลายเมฆหกแถบ
“ท่านเป่ยเหอ!” ท่านยี่เริ่มทักทายเธอ หลัวเป่ยเหอพยักหน้ารับและถามว่า “ท่านหยู่โจวมาที่นี่ด้วยหรือเปล่า?”
ท่านยี่ตอบอย่างรวดเร็วว่า “ข้าได้ยินมาว่าท่านหยู่โจวกำลังเก็บตัวตั้งแต่เมื่อวานนี้ ดังนั้นเขาอาจจะมาไม่ได้”
หลัวเป่ยเหอพยักหน้าแต่ดวงตาของเธอมีความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นทั้งสองก็เข้าไปในห้องประเมินอย่างรวดเร็ว
ฝูงชนจำนวนมากที่อยู่ด้านนอกต่างนิ่งเงียบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
ถัดมา ที่ปรึกษาอื่น ๆ อีกสองสามคนของสมาพันธ์นักบวชก็เข้ามาสมทบด้วยความเร่งรีบ บางคนถึงกับกระสับกระส่ายราวกับว่าพวกเขาวิ่งมาตลอดทาง
ราวกับถึงเวลาพักเที่ยงในโรงเรียนทุกคนต่างรีบออกจากห้องเพื่อไปโรงอาหารเพราะกลัวว่าของโปรดจะถูกซื้อจนหมด
ช่างเป็นอะไรที่โกลาหลยิ่งนัก
เม็ดเหงื่อขนาดใหญ่ปกคลุมหน้าผากของจ้าวปี่
เขารำพึงในใจว่า 'เกิดอะไรขึ้นในโลกนี้'
ในเวลาเดียวกันภายในห้องประเมิน หลินจินยังอยู่ในระหว่างการประเมินของเขาให้เสร็จ
เขายืนอยู่ในจุดที่ล้อมรอบด้วยเสาหินขนาดใหญ่สามต้น เสาหินเหล่านี้ถูกปกคลุมไปด้วยอักษรโบราณและคาถาที่อัดแน่น สามารถบอกได้ว่าเสาหินทั้งสามเป็นสิ่งของที่ตกทอดมาจากสมัยโบราณ
การประเมินพันธสัญญาโลหิตค่อนข้างง่าย ผู้ประเมินต้องยืนอยู่ตรงกลางเสาหินทั้งสามนี้เท่านั้นและบางคนที่อยู่ด้านนอกจะสร้างสนามพลังพิเศษ
สัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่เรียกใช้บนเสาหินจะแสดงให้เห็นว่าพันธสัญญาโลหิตของผู้ประเมินอยู่ที่อาณาจักรใด
ตอนนี้ สัญลักษณ์ครึ่งหนึ่งบนทั้งสามเสาได้สว่างขึ้นแล้ว
ไม่ไกลจากจุดนั้น หวงฟูหมองที่มาถึงก่อน ได้มองเบื้องหน้าด้วยความตกใจ
“ใครจะคิดว่าเขาสามารถอยู่ในสนามพลังพันธสัญญาโลหิตของอาณาจักรที่สี่ได้ ถ้าเขายังทนยืนต่อไปได้ เขาจะผ่านอาณาจักรที่สี่ในเร็ว ๆ นี้”
ที่ปรึกษาคนอื่น ๆ ของสมาพันธ์นักบวชพยักหน้าเห็นด้วย
ผู้อาวุโสที่ดูแลคนหนึ่งแสดงความคิดเห็นอย่างตื่นเต้นว่า “เขาเป็นต้นกล้าที่ยอดเยี่ยม เขาบรรลุอาณาจักรที่สี่ในการประเมินครั้งแรกของเขา อนาคตของเขานั้นกว้างไกลจนไม่อาจจินตนาการได้!”
“สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือความจริงเขาไม่ได้ลูกศิษย์ของที่ปรึกษาคนใดเลย คนที่มีพรสวรรค์ของเขาไม่ควรสูญเปล่า เขาต้องได้รับคำแนะนำจากครูที่ดีและนี่คือเหตุผลที่ข้ารวบรวมพวกท่านทั้งหมดที่นี่”
ผู้อาวุโสเริ่มอธิบาย
ที่ปรึกษาในปัจจุบันเห็นด้วยอย่างสุดใจ มีแม้กระทั่งร่องรอยของความหลงใหลในขณะที่พวกเขาจ้องมองหลินจินอย่างกระตือรือร้น
จากสถานการณ์ปัจจุบัน มีโอกาสสูงที่เขาจะสามารถบรรลุอาณาจักรที่สี่
และมีสาวกกี่คนในสมาคมพันธ์นักบวชที่อยู่ในอาณาจักรที่สี่?
มีไม่มาก
แค่สามคนเท่านั้น
แม้แต่หยางเจี๋ยซึ่งหลายคนมองว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสมาพันธ์ เขายังต้องฝึกฝนเป็นเวลาหลายปีเพื่อให้ถึงระดับปัจจุบันของเขา ตอนนี้ผู้มาใหม่ที่มีจุดเริ่มต้นที่สูงเช่นนี้ได้มาถึงแล้ว หากพวกเขาสามารถนำศิษย์คนนี้ไปอยู่ภายใต้ปีกของพวกเขาได้ ความสำเร็จในอนาคตทั้งหมดที่ทำโดยศิษย์คนนี้จะนำมาซึ่งเกียรติแก่ชื่อของพวกเขา พวกเขาอาจได้รับรางวัลตอบแทนอย่างเหลือเชื่อด้วยซ้ำ
ในฐานะที่ปรึกษา อะไรจะน่าสนใจไปกว่านี้อีก?
พวกเขาถูมือด้วยความยินดี พร้อมที่จะชักชวนหลินจิน เมื่อเขาประเมินเสร็จแล้ว
เมื่อเย่หยู่โจวไม่อยู่ พวกเขามีโอกาสที่ดีกว่ามากที่จะได้รับหลินจินมาเป็นศิษย์ของพวกเขา โดยทั่วไปแล้ว สาวกที่เก่งที่สุดในสมาพันธ์ครึ่งหนึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเย่หยู่โจวและไม่มีอะไรที่พวกเขาสามารถทำได้ชักจูงสาวกเหล่านั้น ระดับการบ่มเพาะของเฒ่าเย่นั้นสูงกว่ามากและด้วยสถานะและความสามารถของเขา ที่ปรึกษาคนอื่นไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับเขาได้
อย่างไรก็ตาม วันนี้สวรรค์ตอบรับคำอธิษฐานของพวกเขาแล้ว เนื่องจากเฒ่าเย่ได้เก็บตัวในเวลานี้พอดี
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมีโอกาส
นอกจาก เย่หยู่โจวแล้ว ยังมีภูเขาขนาดใหญ่อีกลูกหนึ่งที่ต้องข้ามผ่านไปเพื่อบรรลุเป้าหมายและนั่นคือหวงฟูหมิง
พันธสัญญาโลหิตของเย่หยู่โจวอยู่ในอาณาจักรที่แปด ในขณะที่ หวงฟูหมิงอ่อนแอกว่าเล็กน้อยโดยอยู่ที่อาณาจักรที่เจ็ด
แต่นั่นก็ยังทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าคนอื่น ๆ ที่นี่อยู่ดี นอกจากนี้ในบรรดาสาวกของหวงฟูหมิงทั้งหมด มีหลู่หยุนเหอที่อยู่ในอันดับที่สามและเขายังมีต้นกล้าที่ดีอยู่สองสามต้นภายใต้การดูแลของเขา ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาที่นี่คือหวงฟูหมิง
เหล่าที่ปรึกษาเหลือบมองหวงฟูหมิงโดยคิดแผนการในใจว่า หากพวกเขาต้องการเอาชนะหวงฟูหมิง พวกเขาต้องเสนอประโยชน์ต่อหลินจินให้มากกว่าหวงฟูหมิง
นอกจากนี้ พวกเขาพอจะรู้ว่าหวงฟูหมิงได้ปฏิเสธหลินจินไปแล้วครั้งหนึ่ง