Ep.72 - งานพบปะเพื่อนๆมหาลัย
2/2
Ep.72 - งานพบปะเพื่อนๆมหาลัย
ถนนมังกรฟ้าเป็นถนนสายเก่าที่มีชื่อเสียงมากในพื้นที่นี้
มันไม่ใช่แค่เป็นแหล่งขายขนมถิ่นที่มีเฉพาะในเจียงเฉิงเท่านั้น แต่ยังมีห้างสรรพสินค้า บาร์ และรถฟู๊ดทรัค
มันคือศูนย์รวมอาหารและความบันเทิง เป็นที่นิยมมากในหมู่พนักงานออฟฟิศในบริเวณใกล้เคียง คึกคักเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะช่วงกลางคืน
สถานที่แห่งนี้ไม่มีรอยแยกมิติที่อาจนำมอนสเตอร์เข้ามา
สถานที่แห่งนี้ไม่มีอุโมงค์รถไฟใต้ดินอยู่ข้างใต้
และมันอยู่ติดกับอาณาเขตวิญญาณหลายแห่ง รวมไปถึงชุมชนตรอกมังกรฟ้า
ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ฮังอวี่เชื่อ ว่าถนนเส้นนี้ต่อไปในอนาคตจะรุ่งเรืองยิ่งกว่าแต่ก่อน อีกทั้งบรรยากาศค้าขายจะเปลี่ยนไปในรูปแบบใหม่ที่ต่างไปจากเดิม
และนั่นคือสาเหตุที่เขาชักชวนอ้วนต้าไห่ให้เปิดร้านอาหารที่นี่
เลขที่ 64 ถนนมังกรฟ้า อดีตเคยเป็นโรงน้ำชาสไตล์ฮ่องกงระดับไฮเอนด์
โรงน้ำชาเป็นวัฒนธรรมอาหารรูปแบบหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากเซียงเจียง สิ่งที่มันต่างจากร้านอาหารทั่วๆไปก็คือ นอกจากบริการขายอาหารแล้ว คุณยังสามารถนำอาหารของตัวเองมารับประทานที่ร้านก็ได้ ทางร้านมีบริการชาและเครื่องดื่มขาย เหมาะแก่การปาร์ตี้ และพูดคุยฆ่าเวลา
“ฮ่ง! โรงชาพี่อ้วน? เป็นชื่อที่เหมาะกับเจ้าของจริงๆ” ฮัสกี้ยืนหน้าประตูอันโอ่อ่าของร้านน้ำชา มองดูสิงโตทองสัมฤทธิ์สองตัวที่นั่งหมอบอยู่หน้าร้าน ก่อนเงยหน้ามองป้ายใหญ่ที่พึ่งถูกเปลี่ยนใหม่
สำหรับฮัสกี้แล้ว แม้ตัวมันจะฉลาด แต่สุดท้ายก็ยังเป็นหมาอยู่ดี
มันมีความทรงจำเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของมนุษย์ที่ค่อนข้างคลุมเครือ หรือก็คือมนุษญ์ส่วนใหญ่แทบจะเหมือนกันในสายตาสุนัข
นั่นเป็นเหตุผลที่มันเวลามันจะแยกแยกใคร จะแยกแยะด้วยกลิ่นไม่ก็เอกลักษณ์ที่เด่นที่สุดของคนๆนั้น
ตัวอย่างเช่นผู้ชายและผู้หญิง
คนอ้วนเจ้าฮัสกี้ก็เรียกคนอ้วน
คนผอมก็เรียกคนผอม
คนเตี้ยก็เรียกคนเตี้ย
ผู้ใช้โล่ก็เรียกคนโล่
ผู้ใช้ดาบก็เรียกนักดาบ
ฮังอวี่คว้าสองแก้มเจ้าหมา แล้วดึงยืดออกจนหน้ามันดูตลก
“เจ้าหมาโง่ พึ่งบอกไปเมื่อ 2-3 นาทีก่อน ลืมที่ฉันเตือนไปซะแล้วหรอ?”
“ฮ่ง ฮ่ง! อย่าดึงหน้าหล่อๆของเปิ่นหวัง!” หวังเอ๋อประกบอุ้งตีนหมา ร้องขอความเมตตา “เข้าใจแล้ว เข้าใจ เปิ่นหวังจะไม่พูด จากนี้เปิ่นหวังจะเป็นแค่หมาเงียบขรึมสุดหล่อ”
ฮังอวี่จูงสุนัขเข้าไปในร้านอาหาร
ร้านอาหารค่อนข้างหรูหรา ชั้นล่างเป็นห้องโถง ชั้นบนเป็นห้องส่วนตัว
พื้นที่ห้องโถงมีขนาดใหญ่มาก ตกแต่งสไตล์ฮ่องกงหรูหรา ให้บรรยากาศจีนขนานแท้
จากที่กะด้วยสายตา คาดว่าพื้นที่ราวๆ 80 - 90 ตารางวา ทุกที่นั่งทำจากโซฟาหนัง ตกแต่งด้วยไม้มะฮอกกานี วางแยกจากกัน ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดเลย
ฮังอวี่รู้สึกเซอร์ไพรส์มาก ตนให้อ้วนต้าไห่ยืมเงินไป 4 ล้านเมื่อสองวันก่อน แต่เขากลับสามารถซื้อร้านอาหารหรูแบบนี้ในถนนมังกรฟ้าได้?
แม้อัตราเงินเฟ้อตอนนี้จะค่อนข้างสูง แต่ซื้อด้วยราคานี้ มันออกจะเว่อร์ไปหน่อยไหม?
เนื่องจากในที่นี้ไม่มีมอนสเตอร์และไม่อยู่เหนืออุโมงค์สถานีรถไฟใต้ดิน ดังนั้นร้านค้าบนถนนมังกรฟ้าจึงน่าจะยังคงมีมูลค่าสูง
“เฮ้ นั่น ฮังอวี่ไม่ใช่หรอ?”
“เป็นเขาจริงๆ นายก็มาเป็นกำลังใจให้เจ้าอ้วนด้วยหรอ?”
“มาเถอะ มานี่ พวกเรามานั่งโต๊ะเดียวกัน”
ฮังอวี่ได้ยินหลายเสียงที่คุ้นเคย
เขาหันมองตาม และพบว่ามีหนุ่มสาว 6 คนกำลังเดินมาทางเขา
ทั้งหมดเป็นอดีตเพื่อนร่วมมหาลัย
เจ้าอ้วนเชิญคนมาไม่มากนัก ทุกอย่างจัดแจงแบบเรียบง่าย ไม่มากพิธีรีตองอะไร
ผู้ที่มาที่นี่ในวันนี้จึงมีแค่คนรู้จัก และพันธมิตร
เพราะถึงอย่างไรนี่ก็แค่วันเริ่มเปิดบริการ ไหนจะเรื่องต้องแข่งกับเวลาอีก ไม่จำเป็นต้องจัดแบบใหญ่โต
ในเวลานี้ อ้วนต้าไห่ที่ใบหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้นเดินลงบันไดชั้นสองมาพร้อมกับคนกลุ่มหนึ่ง
คนกลุ่มนี้มีทั้งชายหนุ่ม หญิงสาว และผู้ใหญ่ แต่ละคนมองแวบแรกก็รู้ว่าไม่ธรรมดา
หนึ่งในนั้นสะดุดตามาก เรียกได้ว่าโดดเด่นเหนือฝูงชน
ซูหยุนปิง?
ฮังอวี่เห็นซูหยุนปิง ซูหยุนปิงเองก็เห็นเขาตั้งแต่แวบแรกเช่นกัน
ทว่านี่ไม่ใช่เพราะฮังอวี่หล่อเหลาแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะทั้งๆที่มาร่วมงานอย่างเป็นทางการ แต่เขากลับจูงฮัสกี้มาด้วย
คนที่ทำอะไรแผลงๆแบบนี้ ไม่ว่าจะในโอกาสใดก็ล้วนเป็นที่สะดุดตา
นอกจากซูหยุนปิงแล้ว คนอื่นๆรอบกายอ้วนต้าไห่ก็มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน
หนึ่งในนั้นคือชายวัยกลางคนไว้จอนสีขาว แต่ที่ดึงดูดสายตาของฮังอวี่คือคนต่อมา
ฮังอวี่ไม่รู้จักชายวัยกลางคนเป็นการส่วนตัว แต่เขาจำชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆได้
เจ้าหมอนั่นย้อมผมสีเหลือง ใส่แบรนด์เนมทั้งตัว ข้อมือสวมนาฬิการาคาแพง ห้อยกุญแจรถหรูตรงห บนหน้าผากแทบจะมีคำว่า ‘ข้าคือลูกคนรวย’ แปะเอาไว้
พิจารณาจากหน้าตาของทั้งคู่ คิดว่าเจ้าหมอนี่คงเป็นลูกของชายวัยกลางคน
“หือ? นั่นไม่ใช่ยอดฝีมือหวงจื่อหมิงที่กำลังดังในเน็ตหรอกหรอ!”
“งั้นชายวัยกลางคนข้างๆเขา ก็ควรจะเป็นหวงหยุนหลง ประธานแห่งหวงหลงกรุ๊ป!”
หวงหยุนหลงเป็นพ่อของหวงจื่อหมิง เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าผู้มีอิทธิพลในเจียงเฉิง
ฮังอวี่ได้ยินว่าชายคนนี้มีความสามารถมาก เมื่อ 30 ปีก่อนเขายังทำงานแบกอิฐขนปูนอยู่เลย แต่ตอนนี้ได้ขึ้นเป็นผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของเจียงเฉิงแล้ว
ฮังอวี่ได้อ่านมาจากในเน็ต ว่าตอนนี้หวงหยุนหลงรับตำแหน่งรองประธานสมาคมโลกวิญญาณในเจียงเฉิง
นี่รองประธานสมาคมโลกวิญญาณมาร่วมให้กำลังใจเชียวหรือ?
ฮังอวี่จำได้ อ้วนต้าไห่เคยพูดเอาไว้ ว่าเขาได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานพบปะของทางสมาคมโลกวิญญาณ นึกไม่ถึงเลยว่าการไปในครั้งนั้นจะได้คอนเนคชั่นดีๆแบบนี้มา
เจ้าอ้วนมีฝีมือจริงๆ!
สหายผู้นี้ของฮังอวี่เป็นคนไม่สนใจศักดิ์ศรีหรือหน้าตา พูดกับทุกคนด้วยวาจาฉะฉาน แม้ดูเหมือนขี้โม้ แต่เขามีความสามารถที่ดีในการผูกมิตรกับผู้คน
เฉพาะด้านทักษะการเข้าสังคม อ้วนต้าไห่ทิ้งห่างฮังอวี่ไปหลายช่วงตึก
โรงน้ำชาค่อนข้างใหญ่ ทั้งยังได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา เงินที่ฮังอวี่ให้ยืมไปไม่น่าพอแน่ๆ มีโอกาสเก้าในสิบส่วนว่าเจ้าอ้วนอาจยืมเงินจำนวนหนึ่งจากซูหยุนปิงและพ่อลูกตระกูลหวง
ตอนนี้อ้วนต้าไห่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ตราบใดที่มีทีมงานที่มั่นคงและสามารถใช้สกิลได้อย่างต่อเนื่องจากโพชั่นที่ฮังอวี่จัดหามาให้ เงินไม่กี่ล้านหยวนที่หยิบยืมผู้อื่นก็ไม่นับเป็นสิ่งใด ขอเวลาแค่ไม่ถึงเดือนจะจ่ายคืนทั้งหมดให้ดู!
แม้โรงแรมและร้านอาหารในเจียงเฉิงจะสามารถสั่งอาหารพลังงานวิญญาณได้เช่นกัน แต่เขาจะเปลี่ยนแปลงสไตล์การทำอาหารได้ง่ายๆได้อย่างไร?
เรือใหญ่น่ะ หากคิดกลับลำ มันต้องใช้เวลาหันหัวเรือ!
ลูกค้าของโรงแรมและร้านอาหารเหล่านั้นส่วนใหญ่ยังเป็นผู้เล่นเลเวล 1 อาหารที่พวกเขาปรุงจึงยังคงทำด้วยวิธีการเดิมๆ ใช้น้ำมัน เกลือ ซอส น้ำส้มสายชู และหม้อเหล็กในการปรุง
แม้ต่อให้พวกเขาจะสามารถรับสมัครเชฟวิญญาณได้ แต่สุดท้ายอาหารที่ผลิตได้ก็ยังจำกัด
อย่างมากปรุงอาหารได้เพียงสองสามจานต่อมื้อ
ขณะที่ร้านของอ้วนต้าไห่น่ะคือร้านอาหารโลกวิญญาณอย่างแท้จริง! เป็นร้านแรกในเจียงเฉิงที่เลือกทำเช่นนี้ ด้วยการขายเฉพาะอาหารวิญญาณอย่างเต็มรูปแบบ นี่จะช่วยให้ชาวเมืองรับรู้ถึงแบรนด์ที่พึ่งเปิดตัวใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
พวกเขาสบตากันครู่หนึ่ง อ้วนต้าไห่เข้าใจโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูดใดๆ เขากล่าวทักทายเพื่อนร่วมมหาลัยทุกคน แล้วจัดให้ ฮังอวี่นั่งกับเพื่อนร่วมชั้นทั้งหกคน
จากนั้นขอแยกตัวไปต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่นำโดยหวงหยุนหลงด้วยตัวเอง
“ผ่านมาครึ่งปีแล้วตั้งแต่เรียนจบ นักศึกษาส่วนใหญ่แยกย้ายกันกลับบ้านเกิด ในเจียงเฉิงมีรุ่นเราเหลืออยู่ไม่มากนัก ไม่ง่ายเลยที่จะนัดรวมตัวกันเล็กๆได้แบบวันนี้” ประธานนักเรียนเฉารุ่ยเปิดบทสนทนา
“มาดื่มกันเถอะ”
เฉารุ่ยคนนี้ดูอ่อนแอและผอมมาก แต่เขาแต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมทุกเส้นถูกหวี่อย่างพิถีพิถัน ทุกเล็บได้รับการขัดเกลาด้วยความเอาใจใส่
สัมผัสแรกที่มองไปคือสะอาดตั้งแต่หัวจรดเท้า!
มีน้อยนักที่ผู้ชายจะใส่ใจรายละเอียดถึงขนาดนี้ มีความเป็นไปได้สองประการ
หนึ่งคือคลั่งความสะอาด
สองคือเป็นเพศที่สาม
และเฉารุ่ยจองทั้งข้อหนึ่งและสอง เขาเปิดเผยรสนิยมทางเพศตัวเองตั้งแต่ปีแรกที่เข้าเรียนมหาลัย เลือกลงสมัครตำแหน่งประธานนักเรียน เข้าร่วมการแข่งขันต่างๆ จนได้รับรางวัลระดับประเทศมากมาย พิสูจน์ว่าตนก็ไม่ด้อยกว่าใคร
นับเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถอย่างแท้จริง
ทุกคนเริ่มพูดคุยกัน เสียงอ่อนโยนและน่ารื่นรมย์ดังขึ้น
“เพื่อนร่วมมหาลัยฮัง นายเองก็ช่วยกันทำที่นี่กับเพื่อนร่วมมหาลัยผังใช่ไหม?”
หลินหลานนั่งตรงข้ามฮังอวี่ หล่อนสูง สวมกางเกงยีนส์ทรงรัดรูป ก้นกลมกลึง ขายาวมีเส่นห์ดึงดูดเป็นพิเศษ บุคลิกเงียบขรึม สง่างามมาก ให้ความรู้สึกเหมือนหนอนหนังสือ ดูโดดเด่นที่สุดในบรรดาโต๊ะนี้
แต่ชื่อเสียงของเธอในมหาวิทยาลัยเจียงต้าไม่ใช่แค่เรื่องความงามเท่านั้น แต่ยังเป็นบุคคลสำคัญของรุ่นอีกด้วย
เธอเคยดำรงตำแหน่งประธานสภานักศึกษา มีความสามารถมาก อีกทั้งยังบุคลิกที่ดูทรงเสน่ห์ ยากนักที่ใครจะลืมเลือน
หลินหลานกับเฉารุ่ยสองคนนี้เป็นมือซ้ายมือขวาของคนหน้าเนื้อใจเสือซู
และบังเอิญว่าฮังอวี่พึ่งเจอกับเธอเมื่อวานพอดี แถมยังได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ด้วย!