782 ผมตกลงรับคำเชิญของคุณ
782 ผมตกลงรับคำเชิญของคุณ
“ในอนาคต พี่ชายของฉันจะต้องเจอเรื่องแบบนี้อีกไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“ดูจากงานของเขาแล้ว มีความเป็นไปได้มากเลยล่ะ” หวังเย้าพูด
ซูเสี่ยวซวีเงียบอยู่นาน ในฐานะน้องสาวของเขา ไม่แปลกที่เธอจะเป็นห่วงพี่ชายคนนี้ที่มอบความรักให้เธอตั้งแต่ยังเล็ก
“ถ้าเขาทำได้เหมือนคุณ เขาจะปลอดภัยไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“เหมือนผม?” หวังเย้ามองหน้าซูเสี่ยวซวีด้วยความแปลกใจ
“ทำไมเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีหน้าขึ้นสีเมื่อเขาจ้องหน้าเธอ
“เสี่ยวซวี พี่ชายของเธอบอกอะไรเธอเหรอ?” หวังเย้ายิ้มถาม
“เปล่า ไม่มีค่ะ!” ซูเสี่ยวซวีรีบโบกมือปฏิเสธ
“ฮาฮา เขาใช้วิธีให้เธอมาถามผมแทนใช่รึเปล่า?” หวังเย้าถาม
พี่ชายของเธอยังไม่ยอมแพ้เรื่องที่จะให้เขาเข้าไปสอนในกองทัพ ในเมื่อคำตอบที่ได้มักเป็นคำปฏิเสธเสมอ เป็นไปได้ที่ซูจือฉิงจะคิดใช้น้องสาวของเขามาถามแทน
“ฐานทัพของพี่ชายเธออยู่ทางใต้ใช่ไหม?” หวังเย้าถาม
“ใช่ค่ะ อยู่ทางใต้” ซูเสี่ยวซวีตอบ
“ผมอยู่ทางเหนือ ดังนั้น คงไม่สะดวกถ้าจะให้ผมไปสอนที่นั่น” หวังเย้าพูด “แล้วผมก็ไม่มั่นใจด้วยว่า ทักษะที่ผมมีเหมาะสมกับพวกเขารึเปล่า”
วิธีการฝึกฝนของเขาขึ้นอยู่กับความเข้าใจของเขาเองเป็นหลัก สองสิ่งที่มีผลกับการฝึกของเขาที่สุดก็คือ คัมภีร์หลักธรรมชาติ และคัมภีร์ต่อสู้ของตระกูลโจว สิ่งที่เขาเชี่ยวชาญอาจไม่เหมาะกับคนในกองทัพก็เป็นได้ เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการคือทักษะการต่อสู้ที่เรียบง่ายแต่สามารถจัดการศัตรูได้อย่างฉับพลัน
“พี่บอกว่า คุณไม่ต้องอยู่ที่นั่นตลอดก็ได้” ซูเสี่ยวซวีพูด “คุณแค่เข้าไปให้คำแนะนำพวกเขาเป็นครั้งคราวก็พอ”
“ก็ได้ ผมสัญญาว่าจะช่วยเขาเพราะคุณเป็นคนขอ แต่ผมขอเป็นคนตัดสินใจเรื่องเวลา” หวังเย้าพูด
เมื่อซูจือฉิงได้ยิน เขาก็พูดว่า “โอ้ น้องสาวฉันได้รับความสำคัญมากจริงๆ!”
“เอาล่ะ ร่างกายของพี่ยังต้องใช้เวลาฟื้นฟูอีกสักพัก” หวังเย้าพูด “เดินให้น้อยและพักให้มากนะครับ”
ทันทีที่ซูจือฉิงรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงดีแล้ว เขาก็เริ่มลุกออกจากเตียงโดยใช้ไม้ค้ำช่วยพยุงตัว
“ถ้าพี่อยากลุกออกไปไหน ก็ให้ใช้รถเข็นแทน” หวังเย้าพูด
“ใช่ว่าฉันจะเดินไม่ได้สักหน่อย ทำไมต้องให้นั่งรถเข็นด้วยล่ะ?” ซูจือฉิงถาม “ฉันไปคุยกับเมิ่งหวูชวงมา นายรู้ไหมว่าเขาเป็นลูกศิษย์วัดเส้าหลินด้วยนะ? แล้วเขาก็เก่งเรื่องการต่อสู้มากด้วย”
“อย่างนั้นเหรอครับ?” หวังเย้าถาม “ผมเห็นแค่ว่า ร่างกายของเขาแข็งแรงดีมาก ดูเหมือนจะดีกว่าพี่ด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่แข็งแกร่งมากพอ วันนั้นผมอาจจะช่วยเขาไว้ไม่ได้”
หวังเย้าดึงเมิ่งหวูชวงกลับมาจากความตายได้ ส่วนหนึ่งมาจากทักษะการรักษาในระดับสูงของเขา และร่างกายที่แข็งแกร่งของเมิ่งหวูชวงเองก็มีส่วนช่วยให้เขารอดด้วยเช่นกัน ทั้งตัวเขาก็ไม่ยินยอมที่จะตายไปง่ายๆแบบนี้ เมื่อปัจจัยทั้งหมดมารวมกันจึงสามารถช่วยให้เขายังคงมีชีวิตอยู่ได้
“ก็จริง ฉันเจอมาเองกับตัวนี่นา” ซูจือฉิงพูด “เขาเชี่ยวชาญทั้งหมัดเมาและหมัดมังกร”
“มันคือ 72ทักษะเฉพาะของวัดเส้าหลินใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“ใช่ แค่นิ้วเดียวก็สามารถทำลายก้อนอิฐได้แล้ว” ซูจือฉิงพูด “พวกนายลองสู้กันดูสักครั้งสิ แล้วนายฝึกการต่อสู้แบบไหนเหรอ?”
ในสายตาเขา น้องเขยในอนาคตของเขามีทักษะการต่อสู้ที่ล้ำลึกมากกว่า เขาบอกไม่ได้ว่ามันเป็นทักษะแบบไหน แต่หวังเย้าก็สามารถจัดการกับยอดฝีมือได้อย่างง่ายดาย การเคลื่อนไหวของเขาให้ความรู้สึกของผู้ที่กลับคืนสู่ความเรียบง่าย
“ทักษะการต่อสู้แบบโบราณครับ” หวังเย้าตอบ
“การต่อสู้แบบโบราณ?” ซูจือฉิงถาม “ฉันไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อนเลย มันมาจากสำนักไหนเหรอ?”
“จากตระกูลโจวในฉางโจวครับ” หวังเย้าพูด
“มันไม่ดังเหรอ?” ซูจือฉิงถาม
“ดังแบบไหนล่ะครับ?” หวังเย้าถามด้วยรอยยิ้ม
“ก็พวกสำนักดังๆอย่าง เส้าหลิน, หวูตาง(บู๊ตึ๊ง), เอ๋อเหมย,และคุณหลุนยังไงล่ะ” ซูจือฉิงพูด “มีลูกศิษย์บางคนที่เข้าร่วมกับกองทัพ ร่างกายของพวกเขาเหมาะสมและทักษะการต่อสู้ก็ยังเหนือกว่าทหารที่ถูกฝึกมาแล้ว”
“ผมไม่เหมือนพวกเขาหรอก” หวังเย้าพูด
ในตอนที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น ก็มีทหารนายหนึ่งเดินเข้ามา เขามีอายุราวสามสิบ ใบหน้าและร่างกายของเขาเผยให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง เขามียศเป็นถึงพันตรี
เมื่อเห็นเขาเข้ามา ซูจือฉิงก็รีบทำความเคารพในทันที “หัวหน้า!”
“อืม ผมสบายใจได้สักทีที่คุณพ้นอันตรายแล้ว” มู่เฉิงโจวพูด
“ขอแนะนำให้รู้จักครับ” ซูจือฉิงพูด “หัวหน้าครับ นี่คือหวังเย้ากับน้องสาวของผม ซูเสี่ยวซวี แล้วเขาก็เป็นคนที่ช่วยชีวิตของผมกับหวูชวงด้วยครับ”
มู่เฉิงโจวเป็นฝ่ายยื่นมือออกไปจับมือหวังเย้าก่อน เพื่อแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ “ขอบคุณครับ”
“ยินดีครับ เป็นเรื่องที่ผมต้องทำอยู่แล้ว” หวังเย้ายอมรับนับถือเหล่าทหารที่เสียสละชีพเพื่อชาติ
“ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือ บอกผมได้เลย” มู่เฉิงโจวพูด
“ได้ครับ” หวังเย้าพูด
“หัวหน้าครับ ผู้ชายคนนี้ก็คือคนที่ผมบอกว่าอยากให้เขาสอนการต่อสู้ให้พวกเรายังไงล่ะครับ” ซูจือฉิงพูด
“อ้อ หมอหวังต่อสู้เป็นด้วยเหรอครับ?” มู่เฉิงโจวถาม
“นิดหน่อยครับ” หวังเย้าพูด
“หัวหน้า เขากำลังถ่อมตัวอยู่ครับ” ซูจือฉิงพูด “ผมเคยลองให้คนเก่งๆทดสอบเขาดูแล้ว ยังไม่ถึงสามกระบวนท่าก็แพ้แล้ว”
“อืม ขอแค่หมอหวังยอม ทีมของพวกเราก็ยินดีอ้าแขนต้อนรับคุณอย่างเต็มที่” มู่เฉิงโจวพูด
“คงต้องดูเวลาก่อนครับ” หวังเย้าพูด
หลังจากนั่งคุยกันได้สักพัก มู่เฉิงโจวก็เดินไปเยี่ยมเมิ่งหวูชวงที่อยู่อีกห้องหนึ่ง
“พี่เป็นหัวหน้าหน่วยย่อยใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“ใช่ เรามีหนึ่งกองพันและสามหน่วยย่อย” ซูจือฉิงพูด
“แล้วฐานทัพล่ะครับ?” หวังเย้าถาม
“ตอนนี้เป็นความลับ นายจะรู้เองถ้าไปถึงที่นั่น” ซูจือฉิงเก็บเรื่องฐานทัพเป็นความลับ
ตอนเที่ยง จัดงานเลี้ยงขึ้นมาเพื่อขอบคุณหวังเย้าโดยเฉพาะ และเขาก็ปฏิเสธไป ซูจือฉิงพยายามคะยั้นคะยอเขาจนต้องยอมไป ที่งานเลี้ยง มู่เฉิงโจวและนายทหารอีกคนแสดงความขอบคุณเขา จนหวังเย้ารู้สึกขัดเขิน
“หมอหวัง ทหารเหล่านี้คือพี่น้องของพวกเรา” หลังจากดื่มเหล้าไปหนึ่งอึก มู่เฉิงโจวก็พูดขึ้นมา “ในเมื่อคุณเป็นคนที่ช่วยพวกเขาเอาไว้ ก็ถือได้ว่าพวกเราติดหนี้คุณแล้ว!”
“คุณไม่รู้หรอก ว่ามันยากแค่ไหนกับการที่ต้องเผชิญหน้ากับครอบครัวของทหารที่เสียสละชีพเหล่านั้น” มู่เฉิงโจวพูด “ความเจ็บปวดที่พวกเขาแสดงออกมานั้นไม่มีทางลืมได้ลง เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาต้องออกปฏิบัติภารกิจ เขาจะคอยภาวนาให้พวกเขากลับมาอย่างปลอดภัยอยู่เสมอ น่าเสียดายที่บางภารกิจมีการยิงเกิดขึ้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปลอดภัยกลับมา”
เขาดื่มเหล้าเข้าไปอีกหนึ่งอึก แล้วชูแก้วขึ้น “ผมขอดื่มให้คุณ!”
หวังเย้าก้มมองแก้ว เขาหยิบขึ้นมาแล้วดื่มลงไป
“เสี่ยวซูบอกว่า คุณต่อสู้เป็น แถมยังฝีมือดีอย่างหาได้ยากอีกด้วย” มู่เฉิงโจวพูด “ผมเชื่อคำพูดของเขา ผมจึงขอใช้ความจริงใจทั้งหมดเชิญคุณมาสอนการต่อสู้ให้กับพวกเรา ถ้าพวกเขาเชี่ยวชาญทักษะการต่อสู้มากขึ้น พวกเขาก็จะมีโอกาสรอดชีวิตในสนามรบมากขึ้นด้วย”
“ได้ครับ ผมจะไป” หวังเย้าตอบรับออกไปอย่างง่ายๆ
“ขอบคุณอีกครั้งครับ” มู่เฉิงโจวพูด
ในระหว่างงานเลี้ยง หวังเย้าได้ยินเรื่องที่น่าตกใจเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของเหล่าผู้สละเลือดและหยาดเหงื่อ และครอบครัวของพวกเขาที่ต้องเสียน้ำตา
เขานั่งดื่มอยู่กับนายทหารทั้งสองนาย แต่เขากลับไม่มีท่าทีมึนเมาเลยสักนิด ของเหลวไหลเข้าสู่ร่างกายเขาไม่ต่างจากการดื่มน้ำเปล่า
เมื่องานเลี้ยงจบลง นายทหารที่มาพร้อมกับมู่เฉิงโจวก็พูดขึ้นว่า “โอ้ หมอหวังคอแข็งจริงๆ!”
ทั้งสองแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว แต่หวังเย้ากลับดูไม่เป็นอะไรเลย
“เขาดูไม่เหมือนคนที่ดื่มเหล้าเลยสักนิดเดียว” มู่เฉิงโจวพูด “เขาเป็นหมอ ก็คงจะใช้วิธีการอะไรสักอย่างก็ได้”
“เราจะขอให้เขาช่วยจริงเหรอครับ?” ทหารอีกคนถาม
“จริงสิ ฉันเชื่อในสิ่งที่เสี่ยวซูพูด” มู่เฉิงโจวพูด “ถึงทักษะการต่อสู้ของเขาอาจไม่ถึงระดับที่พวกเรากำหนด แต่ฝีมือการรักษาโกหกกันไม่ได้ หลังมาถึงปักกิ่ง ฉันก็ไปเยี่ยมหมอหลี่ ที่เป็นหมอมีฝีมือในระดับประเทศ เขายังชื่นชมเรื่องหมอหวังให้ฉันฟังด้วย ถ้าเขาสามารถได้รับคำชื่นชมจากหมอหลี่ และหมอหลี่ก็ยอมรับฝีมือของเขาว่าเหนือกว่าตัวเองแล้วล่ะก็ แสดงว่าชายหนุ่มคนนี้ต้องสุดยอดมากแน่นอน ทหารบางนายในกองทัพของเรามีแผลเก่าที่รักษาไม่หายขาดอยู่ ยิ่งแก่ตัวลง พวกเขาก็ยิ่งทรมานมากขึ้น เราสามารถใช้โอกาสนี้เชิญเขาไปรักษาดูได้”