666 - ที่แท้ก็เขาเอง
666 - ที่แท้ก็เขาเอง
เย่ฟ่านพิมพ์หยกที่บันทึกความทรงจำของนางไว้บนหน้าผากของเด็กหญิง หลังจากนั้นไม่นานเด็กหญิงตัวเล็กๆก็เงียบไปชั่วครู่ก่อนจะอุทานด้วยความตื่นเต้น
“หนานหนานไม่ลืมอดีตแล้ว”
ก้อนหินหลากสีสันระหว่างคิ้วของนางเป็นผลึกที่สดใส หลังจากนั้นเด็กหญิงตัวน้อยก็ชี้ไปข้างหน้า
"มีโลกอยู่ที่นั่น!"
นางยื่นมือสีชมพูชี้ไปที่ความว่างเปล่า และปากของนางก็พองขึ้น ดูประหลาดใจและอยากรู้อยากเห็นมาก
“หนานหนานเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร” เย่ฟ่าน หลี่เหอซุยและสุนัขดำตัวใหญ่ต่างประหลาดใจ
“หนานหนานเห็นผืนดินบริสุทธิ์ที่งดงามอยู่ภายใน แต่...มีโลงศพอยู่ทุกหนทุกแห่งบนพื้นดิน และมีคนคนหนึ่งอยู่ที่นั่น!” เด็กหญิงอุทาน
นางก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างขี้ขลาด แต่ยังคงจ้องไปที่ด้านหน้าไม่วางตา
"อาจเป็นดินแดนลับของเทียนซวน?" หลายคนตกใจ
ความว่างเปล่าที่หนานหนานอ้างถึงนั้นตั้งอยู่บนท้องฟ้าสูงซึ่งเป็นส่วนที่ลึกที่สุดของซากปรักหักพังเทียนซวน เย่ฟ่านไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดด้วยดวงตาศักดิ์สิทธิ์ของเขา
“ชายผู้นั้นลุกขึ้นจากโลงศพแล้ว เขากำลังจะออกมา เป็นชายที่เราพบเมื่อสองสามวันก่อน และเขา... พบเราแล้ว” เด็กหญิงตกใจยิ่งกว่าเดิมและนางก็พูดไม่ออก
"วาบ"
ร่างสูงปรากฏขึ้นบนพื้นที่ที่ลึกที่สุดของซากปรักหักพังอย่างเงียบๆ และชายคนนั้นเดินเข้าหาพวกเย่ฟ่านอย่างสงบก่อนจะชี้มือมาที่พวกเขา
ภายใต้แสงจันทร์ที่ปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง ร่างสูงนี้สวมชุดคลุมนักพรตโบราณที่หลวมกว้าง และดวงตาที่ว่างเปล่าก็ส่องประกายเย็นเยียบ
มือสีเหลืองใหญ่เอื้อมไปข้างหน้า และสุนัขสีดำตัวใหญ่ที่ขี้ขลาดก็พยายามทำตัวให้มีความกล้าหาญเพราะหญิงตัวน้อยอยู่ภายใต้การปกป้องของมัน
เมื่อเย่ฟ่านเห็นสิ่งนี้ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามเขาก็ยังพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่เกรงกลัว
“ชิ้ง”
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์สีดำลายมังกรถูกฟันออกไปอย่างรวดเร็ว
“เคร้ง!”
มือขนาดใหญ่ไม่หลบคมกระบี่ ทันทีที่คมกระบี่สัมผัสกับมือของเขาประกายไฟก็สาดกระจายไปทุกทิศทาง
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์สีดำแข็งแกร่งและเป็นอมตะมันเป็นอาวุธระดับเซียน แต่กลับไม่สามารถสร้างไม่เป็นรอยขีดข่วนให้กับมือข้างนั้น
“วืด!”
เย่ฟ่านโบกกำปั้นทองคำและทุบชายร่างใหญ่ที่ปรากฏตัวขึ้นมา
“บูม!”
แม้ว่ากำปั้นของเขามีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะบดขยี้ภูเขาขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดายแต่มันกลับไม่สามารถสั่นสะเทือนชายที่อยู่ตรงหน้าได้ มิหนำซ้ำมือของเขายังได้รับความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
"โฮ่งๆ!" สุนัขสีดำตัวใหญ่เห่าอย่างดุเดือด
“อ๊ะ...” หนานหนานกำลังจะร้องไห้ด้วยความตกใจ
เย่ฟ่านรีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง และมือสีทองขนาดใหญ่ก็โจมตีอีกครั้ง!
ในตอนนี้ เขารู้สึกถึงความไร้พลัง ราวกับตนเองเป็นตั๊กแตนที่พยายามใช้ขายันรถม้า ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง คนผู้นี้เป็นเหมือนขุมนรกที่ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีทางคาดเดาได้
“ปัง”
เย่ฟ่านกระเด็นออกไปไกลหลายร้อยวา นี่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากการลงมือของฝ่ายตรงข้าม แต่เป็นแรงสะท้อนที่เกิดจากการโจมตีของเขาเอง
“เจ้าต้องการอะไร?” เย่ฟ่านกลัวว่าเขาจะทำร้ายหนานหนาน
หลี่เหอซุยก็โจมตีเช่นกัน แต่เขาแย่กว่าเย่ฟ่าน เขากระเด็นออกไปไกลกว่าพันวา หลังจากตกลงพื้นเขาแทบจะไม่สามารถยืนขึ้นได้
ลมกลางคืนพัดผมยาวดุจแพรไหมของชายร่างสูงเผยให้เห็นใบหน้าของเขา ผิวสีขาว มีจมูกโด่งยาว และในริมฝีปากบางเบามีเขี้ยวคู่หนึ่งปรากฏขึ้น
นอกจากดวงตาที่ว่างเปล่าของเขาแล้ว ชายผู้นี้แข็งแกร่งมาก ราวกับเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งทำให้ผู้คนต่างตกตะลึง
“เจ้าคือ…” ดวงตาของเย่ฟ่านเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เพราะแท้ที่จริงแล้วคนคนนี้คือชายชราผู้บ้าคลั่งนั่นเอง
เขากลายเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร เขาเคยเป็นชายเร่ร่อนที่เนื้อตัวสกปรก ร่างกายของเขาผอมแห้ง ดวงตาของเขาขุ่นมัว และเขาเป็นคนเสียสติอย่างสมบูรณ์
วันนี้เขาแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง เส้นผมของเขากลับมาดำสนิท ผิวหนังที่เคยเหี่ยวย่นก็กลับมาเต่งตึงอีกครั้ง มันคล้ายกับว่าเขาย้อนกลับสู่วัยหนุ่ม
“เกิดอะไรขึ้น มันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้ายเหรอ?” เย่ฟ่านประหลาดใจแล้วพูดเสียงดัง “ผู้อาวุโส ยังจำข้าได้ไหม ครั้งหนึ่งข้าเคยผ่านการฝึกฝีเท้าของสำนักเทียนซวน อย่าทำร้ายหนานหนาน”
“เขาคือชายชราผู้บ้าคลั่งที่มีชีวิตอยู่มาถึงหกพันปีงั้นหรือ!” หลี่เหอซุยอ้าปากกว้าง หัวใจของเขาพองโตและเขาก็ค่อนข้างตกใจ
มีแสงวาบในดวงตาที่ว่างเปล่าของชายชราผู้บ้าคลั่ง เขาเหลือบมองเย่ฟ่านและไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาของเขาจับจ้องไปยังหนานหนานที่ถูกสุนัขสีดำซ่อนอยู่ในความว่างเปล่า
“ท่านลุง ท่านจะทำอะไร” หนาหนานถามอย่างขลาดกลัว และอดไม่ได้ที่จะถอยกลับ
ในขณะนี้ ชายชราผู้บ้าคลั่งแสดงท่าทีเคร่งขรึมอย่างยิ่ง และแสงศักดิ์สิทธิ์สองดวงก็พุ่งออกมาจากดวงตาที่ว่างเปล่าของเขา สว่างราวกับตะเกียงสีทองสองดวง
แสงศักดิ์สิทธิ์ส่องบนร่างของหนานหนาน และทันใดนั้นความว่างเปล่าก็บิดเบี้ยวราวกับว่ามันกำลังจะพังทลาย
“พี่ใหญ่ ข้ากลัว...” เด็กหญิงร้องไห้
“ไม่ต้องกลัว เขาจะไม่ทำร้ายเจ้า” หลังจากที่เย่ฟ่านจำชายชราผู้บ้าคลั่งได้แล้ว เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนโหดเหี้ยมอย่างแน่นอน
สีหน้าของชายชราผู้บ้าคลั่งเริ่มเคร่งขรึมยิ่งขึ้น คิ้วสีดำหนาทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน และแสงศักดิ์สิทธิ์ก็พุ่งออกมาจากคิ้วและตกลงบนร่างของหนานหนาน
สุนัขสีดำตัวใหญ่กลัวจนไม่กล้าออกมา มันเงียบ รู้สึกถึงแรงกดดันของความหวาดกลัวที่หาตัวจับยาก มันเหลือบไปที่หนานหนานแล้วมองไปที่ชายชราอย่างวิตกกังวล
"ชิ้ง"
แสงสว่างวาบผ่านไป ชายชราผู้บ้าคลั่งดึงตัวหนานหนานออกมาก่อนที่เขาจะตัดผ่านความว่างเปล่าและหายตัวไปจากที่นี่อย่างสมบูรณ์
“พวกเขาไปไหน” หลี่เหอซุยรู้สึกประหลาดใจ
“พวกเขาจะต้องเข้าไปในสถานที่ลับของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซวน!” เย่ฟ่านกล่าวอย่างเคร่งขรึม
"ชายชราผู้บ้าคลั่งผู้นี้มีพลังที่น่าสะพรึงกลัวมากจนจักรพรรดิคนนี้มองไม่เห็นระดับบ่มเพาะของเขา หรือว่าเขาคิดจะยึดผลไม้เต๋าของหนานหนานเพื่อก้าวสู่ความเป็นอมตะ!" จักรพรรดิดำรู้สึกเหมือนถูกกรงเล็บของใครบางคนบีบหัวใจ
“ติงตง!”
ทันใดนั้นเสียงเพลงก็ดังลงมาจากท้องฟ้า ด้านหนึ่งของดินแดนอันบริสุทธิ์เบ่งบานด้วยแถบสีมงคลที่สว่างไสว และดวงไฟศักดิ์สิทธิ์นับพันล้านดวงก็กระจัดกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า เผยให้เห็นสุสานลึกลับที่อยู่ใจกลางของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
หญ้ามีสีเขียวสีสันสดใส กลิ่นหอมของดอกไม้ฟุ้งกระจายไปทั่วอากาศและน้ำพุวิญญาณก็พุ่งทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง นี่เป็นดินแดนอันงดงามแห่งความฝัน
แต่บนพื้นดินของดินแดนอันบริสุทธิ์แห่งนี้ มีโลงศพสีแดงขนาดใหญ่ซึ่งดูแปลกมาก นี่คือดินแดนลับของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซวน และตอนนี้มันปรากฏออกมาข้างนอกแล้ว
“อา...” ชายชราคำรามเสียงดัง เขย่าแม่น้ำและภูเขาเป็นพันๆ ลี้ นอกจากสัตว์ในภูเขาอันยิ่งใหญ่แล้ว สัตว์โบราณในถิ่นทุรกันดารที่อยู่ติดกันยังสั่นเทาอีกด้วย
แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าทะลุผ่านดวงดาวที่ไร้ขอบเขตสามารถมองเห็นได้จากข้างนอกอย่างชัดเจน
ในเวลาเดียวกัน หนานหนานก็หลับตาลงและมือของนางก็เริ่มประสานอินอย่างซับซ้อนโดยที่นางยังคงไร้สติอย่างสมบูรณ์
“เกิดอะไรขึ้น?” เย่ฟ่านตกใจ
“เขารู้...ได้อย่างไร” จักรพรรดิดำกรีดร้อง
“ควับ”
ดวงตาของชายชราผู้บ้าคลั่งกวาดตามอง ราวกับสายฟ้าสองลูกที่เกือบทำให้เย่ฟ่านและคนอื่นๆร่างกายแหลกสลาย พวกเขาเกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ชายชราเดินไปรอบๆ ตัวหนานหนาน ดวงตาของเขาสว่างขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเขาสามารถมองเห็นทุกสิ่งเกี่ยวกับนางโดยเฉพาะวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ออกมาจากหว่างคิ้วของเขาซึ่งตอนนี้กำลังจับจ้องนางไม่วางตา
“นี่ไม่ใช่สมัยโบราณอีกต่อไปแล้ว โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว ทำไมตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวและคาดเดาไม่ได้เช่นนี้ถือกำเนิดขึ้นได้อย่างไร!” สุนัขสีดำตัวใหญ่ตกใจ
รัศมีเทพตรงหว่างคิ้วของชายชราผู้บ้าคลั่งไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือวิญญาณระดับผู้อมตะ ตอนนี้สายตาของเขาจับจ้องหนานหนานด้วยความสับสน
หนานหนานยังคงหลับสนิทมีเพียงก้อนหินหลากสีที่ห้อยอยู่บนคอของนางเท่านั้นที่ยังเปล่งประกายสดใส
“บูม!”
ด้วยเสียงอันดัง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ปิดลงกี่ครั้งและไม่สามารถมองเห็นฉากข้างในได้
หวังเฉินอี้ตื่นตระหนกเช่นกัน และรีบวิ่งเข้ามาด้วยความกลัวพร้อมกับส่งเสียงคำราม “ถอยออกไปจากที่นี่”
แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดทอดทิ้งหนานหนานอย่างแน่นอน พวกเขารอจนเกือบรุ่งสางในที่สุดชายชราผู้บ้าคลั่งก็ออกมาจากความว่างเปล่าพร้อมกับเด็กหญิงตัวเล็กๆ
“เขาทำอะไรเจ้าหรือไม่?”
จักรพรรดิดำวิ่งไปหาหนานหนานด้วยความเป็นห่วง
“ท่านลุงเป็นคนใจดี เขาพยายามรักษาหนานหนานไม่ให้ลืมความทรงจำอีก” เด็กหญิงตัวเล็กๆกล่าวด้วยน้ำเสียงใสซื่อ
เย่ฟ่านประสานมือแสดงความเคารพและส่งเสียงไปยังชายชราด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์
"ขอบคุณสำหรับความกรุณาของท่านผู้อาวุโส ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทนท่านดังนั้นได้แต่บอกข่าวที่ท่านอาจจะรู้แล้ว
ในหน้าผาศักดิ์สิทธิ์ของภาคกลางดูเหมือนจะมีญาณวิเศษฉบับสมบูรณ์ของ “การเคลื่อนไหว” ในเก้าญาณวิเศษลึกลับ หากผู้อาวุโสได้รับมันมาจริงๆบางทีท่านอาจจะฟื้นฟูสติกลับมาก็ได้”
ชายชราผู้บ้าคลั่งพยักหน้าก่อนจะโบกมือเบาๆและเดินเข้าสู่มิติหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย