665 - คืนพระจันทร์เต็มดวง
665 - คืนพระจันทร์เต็มดวง
แน่นอนว่าหลังจากถูกทำลายล้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซวนยังมีสมบัติมากมายอยู่ภายใน มรดกของพวกเขาถูกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายแบ่งปันกันไปหมดแล้ว มีเพียงดินแดนของพวกเขาเท่านั้นที่ไม่มีผู้ใดกล้าเหยียบย่ำเข้าไป
หกพันปีที่แล้ว หลังจากความล้มเหลวในการโจมตีดินแดนต้องห้ามโบราณ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยกพลิกสวรรค์ซึ่งรุ่งเรืองมาก หายไปในชั่วข้ามคืน และมีเพียงสามหรือสี่คนเท่านั้นที่หนีกลับมาได้
ในอดีตเคยมีมหาอำนาจหลายแห่งที่ต้องการยึดสถานที่แห่งนี้ แต่ไม่นานนักทุกคืนพระจันทร์เต็มดวงจะมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น ต่อให้ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ออกค้นหาด้วยตัวเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้
หลังจากนั้นในทุกๆพันปี จะเกิดเหตุการณ์ประหลาดที่ทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายหวาดกลัว
หลังจากนั้นในทุกๆพันปี เสียงร้องแห่งความเศร้าโศกจะปรากฏขึ้นกลางดึก ทำให้ดินแดนศักสิทธิ์ทั้งหมดตกตะลึง
ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้ามาสนใจสถานที่แห่งนี้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าที่นี่คือดินแดนมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาสำนักของตัวเองให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่คิดเอาชีวิตของตัวเองมาเสี่ยง
“ลองคิดดูอีกไม่กี่วันก็จะครบรอบพันปีอีกแล้ว และคืนพระจันทร์เต็มดวงก็ใกล้เข้ามาทุกที เป็นไปได้ไหมว่าคนคนนั้นจะกลับมาอีกครั้ง?” หวังเฉินอี้ขมวดคิ้ว
“คนวิกลจริตผู้ปรากฏขึ้นในรอบพันปี!” สุนัขสีดำตัวใหญ่พึมพำด้วยความกลัวในใจ
เย่ฟ่านจำสิ่งหนึ่งได้ และขอคำแนะนำจากหวังเฉินอี้ โดยกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ท่านทราบเนื้อหาในคัมภีร์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซวนหรือไม่ และที่มาของทักษะท่าเท้าที่พวกเขาเชี่ยวชาญคืออะไร?”
สุนัขสีดำตัวใหญ่เคยกล่าวไว้ว่าทักษะก้าวย่างของชายชราผู้บ้าคลั่ง มีเงาของ "การเคลื่อนไหว" ในญาณวิเศษลึกลับทั้งเก้าและเขาต้องการที่จะเข้าใจมัน
“คัมภีร์โบราณของเทียนซวนนั้นทรงพลังและลึกลับมาก แต่น่าเสียดายที่พวกมันถูกลบล้างและไม่ได้สืบทอดมา ฝีเท้าของพวกเขาไม่มีใครเทียบได้ในโลก”
หวังเฉินอี้ครุ่นคิดเล็กน้อยและพูดว่า "มีไม่กี่คนในโลกที่รู้เรื่องนี้ ฝีเท้าของเทียนซวนพัฒนามาจากเก้าญาณวิเศษลึกลับ"
"อะไรนะ?" เย่ฟ่านตกใจไม่คิดว่าจักรพรรดิดำจะเดาถูก
“ในสมัยโบราณบรรพบุรุษของพวกเรามีความคุ้นเคยต่อวิชานี้อยู่บ้าง” หวังเฉินอี้พูดช้าๆ
เมื่อหลายหมื่นปีก่อน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายล้อมปราบศาลสวรรค์ ทำลายดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนักฆ่า นิกายหลักเหล่านั้นก็หยิบฉวยเอาของวิเศษจากพวกเขาไปมากมาย
และสิ่งที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซวนได้รับคือสิ่งล้ำค่าที่สุดนั่นคือม้วนคัมภีร์หลักของศาลสวรรค์
"การเคลื่อนไหว" ของศาลสวรรค์ถูกตัดขาดไปก็เพราะการครอบครองของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซวนนั้นเอง
ฝีเท้าของชายชรามีต้นกำเนิดมาจาก "การเคลื่อนไหว" ของสวรรค์ แต่ก็ไม่สมบูรณ์ ในท้ายที่สุดดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซวน ก็พัฒนามันกลายเป็นวิชาประจำสำนักของตัวเอง
คืนพระจันทร์เต็มดวงใกล้จะมาถึงแล้ว เย่ฟ่านและคนอื่นๆยืนอยู่บนยอดเขาไกลๆ และมองไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซวน
“อ๊าก!!”
ในเวลาไม่นานเสียงคำรามก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เป็นเขา เป็นคนที่เราเห็นนั่นเอง!” สุนัขสีดำตัวใหญ่ตกใจ
เย่ฟ่านและคนอื่นๆได้เห็นคนๆ นั้นอีกครั้ง บุคคลที่หลอกหลอนดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายเหมือนวิญญาณร้าย การเคลื่อนไหวของเขาเร็วมาก บางทีแม้แต่ชายชราผู้บ้าคลั่งอาจจะเทียบไม่ได้
“วู้...” เมื่อเขาคำรามเสียงดังราวกับฟ้าร้องโลกทั้งใบก็สั่นสะเทือน
“แน่นอนว่าคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาที่นี่จริงๆ!” หวังเฉินอี้กล่าวเบาๆ ดวงตาของเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ช่วงเวลาสหัสวรรษเป็นวันที่พิเศษมาก ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดต้องการมาดูว่าบุคคลนั้นกลับมาหรือไม่ หรือว่าเขาตายไปแล้ว? หากเขาตายไปแล้วดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายคงไม่ลังเลที่จะยึดครองสถานที่แห่งนี้
สามารถจินตนาการถึงความตกใจในหัวใจของพวกเขา คนคนนั้นส่งเสียงคำรามอีกครั้ง แม้ว่าจะผ่านไปหลายพันปีแต่เขาก็ยังมีชีวิตเป็นปกติสุขอยู่เช่นเดิม
“ในช่วงพันปีแม้แต่ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์หลายคนก็ยังไม่สามารถข้ามพ้นไปได้ ต่อให้ผ่านไปได้ก็ไม่มีทางที่จะอยู่ถึงสองพันปีหากพวกเขาไม่ใช่เผ่าพันธุ์อสูร!” สุนัขสีดำตัวใหญ่พึมพำ
“เจ้าหมาที่น่าตาย เงียบไว้อย่าพูดไร้สาระ!” หลี่เหอซุยเตือน
ในที่ห่างไกลผู้คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายได้ถอยหลังกลับอย่าเงียบ พวกเขาไม่กล้าที่จะอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน ทุกคนต่างมาที่นี่เพื่อดูว่าคนคนนั้นของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซวนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
สุดท้ายผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็ต้องถอยกลับด้วยความเศร้าเสียใจ
วันนี้ร่างที่ไม่มีใครเทียบได้นี้ยังมีชีวิตอยู่ ยังจะมีผู้ใดสามารถสบายใจได้ คนคนนี้มีอายุไม่ต่ำกว่าหกพันปีแล้ว ต่อให้เป็นเจียงไท่ซูก็ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้อย่างแน่นอน
หรือบางทีคนคนนี้อาจจะเป็นผู้อมตะที่แท้จริง!
“เป็นชายชราคนนั้นหรือไม่” เย่ฟ่านพึมพำ ยกเว้นชายชราผู้บ้าคลั่ง ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซวนยังจะมียอดฝีมือระดับสูงอีกคนเหลือรอดจริงๆหรือ!
เสียงคำรามดังต่อเนื่องเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม และเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนภูเขาก็หยุดสั่น และดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ก็กลับมาสงบเสงี่ยมครั้ง
“คราวนี้ เขาควรจะไปแล้ว ว่ากันว่าทุกครั้งที่เขาคำรามจนจบ เขาจะหายไปเป็นพันปี” หวังเฉินอี้ถอนหายใจ
“ไปดูกันเถอะ!” หลี่เหอซุยกล่าว
ในตอนกลางคืน ซากปรักหักพังของเทียนซวนนั้นเงียบสนิท อากาศที่อยู่ภายในค่อนข้างหนาวเหน็บต่อให้เป็นช่วงฤดูร้อนแล้วแต่ที่นี่ยังคงมีสภาพอากาศไม่แตกต่างจากยอดเขาหิมะ
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อมตะที่รุ่งโรจน์และทรงพลังครั้งหนึ่งได้จบลงเช่นนี้ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกทำใจยอมรับได้ยากจริงๆ
ขั้นบันไดถูกปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำสีเขียวและวัชพืชก็ท่วมพื้นดิน หินแต่ละก้อนถูกจารึกไว้ด้วยอักขระมากมาย
หกพันปีผ่านไป สิ่งล้ำค่าได้สูญเปล่าไปนานแล้ว ไม่มีอะไรเหลือ และทุ่งสมุนไพรก็มีแต่วัชพืชปกคลุม
“ไปเถอะ ข้าจะศึกษาแผนผังของทุ่งสมุนไพรเหล่านี้อย่างระมัดระวัง”
หวังเฉินอี้กล่าว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เข้ามาสำรวจ แต่ทุกครั้งที่เขาพบรูปแบบเต๋าที่ไม่สมบูรณ์ซึ่งสามารถเร่งการเติบโตของยาอายุวัฒนะได้
เย่ฟ่านและคนอื่นๆ เดินอยู่ในซากปรักหักพังขนาดใหญ่ ซากปรักหักพัง กำแพงที่พังทลายมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง และมีวิหารโบราณบางแห่งที่พังทลายลงมาครึ่งหนึ่ง พวกมันปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาทึบ
"พระราชวังใต้ดิน..." พวกเขาพบพระราชวังใต้ดินขนาดใหญ่ และอาคารภายในยังคงไม่บุบสลาย
แต่เมื่อพวกเขาเข้าไปลึกๆ พวกเขาทั้งหมดก็ต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ แท้ที่จริงแล้วนี่ไม่ใช่วังใต้ดินแต่กลับเป็นสุสานที่ตั้งอยู่ใต้ดินต่างหาก
ไฟส่องสว่างและมีกระดาษเงินอยู่หน้าสุสานแต่ละแห่ง มีเครื่องเซ่นไหว้ภูตผีมากมาย เห็นได้ชัดว่ามีคนคอยดูแลสถานที่แห่งนี้อยู่เสมอ
“ผู้อาวุโสหวังเฉินอี้กล่าวว่าไม่มีดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใดพบคัมภีร์ลับของนิกายเทียนซวน เป็นไปได้ไหมว่าพวกมันจะถูกซ่อนอยู่ที่นี่?” หลี่เหอซุยสงสัย
โชคไม่ดีที่สถานที่แห่งนี้ถูกปกป้องไว้ด้วยค่ายกลขนาดใหญ่ จึงไม่มีทางที่พวกเขาจะเข้าไปได้และทุกคนทำได้เพียงสำรวจสถานที่อื่นแทน
เมื่อมาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของซากปรักหักพังเทียนซวน พวกเขาเห็นความรกร้างมากขึ้น วิหารโบราณที่พังทลาย ขั้นบันไดสีน้ำเงินที่แตกหัก สนามประลองขนาดมหึมาที่พังทลาย
ทุกอย่างบรรยายถึงความรุ่งโรจน์ของอดีต และความรกร้างในปัจจุบัน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ครั้งหนึ่งคือมหาอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนทางตะวันออก บัดนี้กลายเป็นอดีตไปอย่างสมบูรณ์แล้ว
“สถานที่ลึกลับที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซวนยังไม่ถูกค้นพบ และคัมภีร์โบราณได้กลายเป็นเถ้าถ่านแห่งประวัติศาสตร์ไปแล้วจริงๆ…” หลายคนเสียใจมาก
พระจันทร์ส่องแสงระยิบระยับบนท้องฟ้าและแสงจันทร์โปรยปรายบนป่าที่แห้งแล้งราวกับขนนกสีขาว ร่างกายของหนานหนานเปล่งประกายด้วยแสงหลากสีและหินของนางก็ค่อยๆจมลงไปในร่างกายอีกครั้ง
“หนานหนานจะลืมอดีตอีกแล้ว...” เด็กหญิงรู้สึกหดหู่และเสียงของนางก็ดังมาก
ในคืนพระจันทร์เต็มดวง นางจะได้พบกับชีวิตใหม่และลืมทุกอย่างในอดีต แต่เย่ฟ่านได้เตรียมการไว้แล้ว เขานำหยกที่สดใสและสวยงามออกมา
“ไม่ต้องห่วง ทุกสิ่งที่เจ้าทำมาทั้งหมดถูกบันทึกไว้ที่นี่ และอีกไม่นานเจ้าก็จะรู้ทั้งหมด”
“ใช่!” หนานหนานพยักหน้าอย่างจริงจัง
เฉกเช่นน้ำและแสงจันทร์ เฉกเช่นควันบางๆ คิ้วของหนานหนานก็เปล่งแสงหลากสีออกมา และหินก้อนใหม่ก็ปรากฏขึ้น
นางสับสนอย่างมาก นางไม่รู้จักใครเลย นางเขินอายเล็กน้อย และมองทุกสิ่งรอบตัวนางอย่างหวาดกลัว