บทที่ 679 ความยุ่งเหยิงของบริษัทเครือข่าย(ตอนฟรี)
บทที่ 679 ความยุ่งเหยิงของบริษัทเครือข่าย
น่าเสียดายเพราะเมื่อทั้งสองคนขับรถไปถึงบริษัทเครือข่าย จี้เฟิงก็ยังนึกไม่ออกว่าจะมีใครรอบตัวเขาที่เหมาะสมจะดูแลบริษัทเครือข่ายเถิงเฟยมากที่สุด จางเล่ยมีเป้าหมายเกี่ยวกับอาชีพที่เขาสนใจแล้ว ฮั่นจงก็รับผิดชอบโรงงานผลิตยาเถิงเฟยและสถานการณ์โดยรวมอื่นๆแล้ว จ้าวไคก็ไม่ได้สนใจด้านธุรกิจ ที่สำคัญจ้าวไคมาจากตระกูลเสนาธิการด้วย โอกาสที่จะประกอบอาชีพในอนาคตไม่ใช่สิ่งที่เขาจะตัดสินใจได้ด้วยตัวเองเพียงคนเดียว
ถงเล่ยเป็นคนที่นิ่งเงียบและเย็นชา เหมาะกับงานอิสระมากกว่า เซียวหยูซวนชอบงานสอน การเป็นครูคืออาชีพที่เธออยากทำ และเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะมาควบคุมดูแลบริษัทเครือข่าย
สำหรับคนอื่นๆ จี้เฟิงไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ อันที่จริงเขามีคนรู้จักที่ใกล้ชิดสนิทสนมเพียงไม่กี่คน
“สงสัยต้องหาคนผ่านบริษัทจัดหางานอย่างเดียวซะแล้วมั้ง..” จี้เฟิงพูดในใจ นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรให้เขาต้องทำแล้ว
“พวกเรามาถึงแล้วเหรอ?” เซียวหยูซวนมองไปยังสภาพแวดล้อมที่รกร้างแล้วถามด้วยความแปลกใจว่า “ทำไมนายถึงได้มาเปิดบริษัทที่นี่?”
“มันเงียบสงบดี” จี้เฟิงตอบด้วยรอยยิ้ม
“แล้วพนักงานจะเดินทางไปกลับกันยังไงล่ะ?” เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะสงสัย เธอไม่เคยเห็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในที่ห่างไกลแบบนี้มาก่อนเลย มันไม่สะดวกทั้งเรื่องการเดินทาง ไม่มีแม้แต่ร้านอาหารแผงลอยข้างทางแถวๆนี้ แล้วพวกเขาจะเดินทางหรือทานอาหารกลางวันกันได้อย่างไร?
จี้เฟิงชี้ไปที่อาคารสำนักงานแล้วพูดว่า “เธอเห็นนั่นไหม ชั้นใต้ดินและชั้นสองฉันได้ซื้อไว้หมดแล้ว พนักงานของบริษัทพักอาศัยอยู่ที่นี่ชั่วคราว นานๆทีพวกเขาถึงจะกลับบ้านกัน บ้านของพนักงานส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในเจียงโจว ดังนั้นการมีที่พักให้พวกเขาพักฟรีจึงเป็นอะไรที่พวกเขาโอเคมากๆ นอกจากนี้ในละแวกนี้น่าจะถูกพัฒนาเร็วๆนี้แหละ รอจนอาคารสำนักงานอื่นๆก่อสร้างเสร็จ ก็น่าจะมีการเปิดให้รถประจำทางสัญจร”
“มันออกจะละเลยคุณภาพชีวิตของพนักงานเกินไปหน่อยมั้ยอ่ะ? นี่ไม่เท่ากับว่าเป็นการจำกัดเสรีภาพในการเคลื่อนไหวของพนักงานในบริษัทหรอกเหรอ?” เซียวหยูซวนกลอกตาใส่จี้เฟิง ถ้าเธอต้องทำงานในสภาพแวดล้อมแบบนี้ทุกวัน จะไปไหนก็ไม่สะดวก เธอคงไม่สามารถทนได้
จี้เฟิงหัวเราะ “เธอเคยทำงานด้านเทคโนโลยีหรือเปล่าล่ะ? สิ่งที่พวกเขาต้องการคือสภาพแวดล้อมที่สงบสุข อีกอย่าง บริษัทเครือข่ายของเรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้น นอกจากเชฟสองคนและพนักงานทั่วไปที่คอยซัปพอร์ตไม่กี่คน สมาชิกส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ พวกเขาแตกต่างจากพนักงานบริษัททั่วไป พวกเขาไม่เบื่อที่จะต้องอยู่กับที่เป็นเวลานาน และชื่นชอบความสงบเงียบมากกว่าความคึกคัก”
จี้เฟิงเคยมาที่นี่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ แต่เพราะตอนนั้นบริษัทยังไม่มีอะไร พอมาถึงก็เห็นเหล่าโปรแกรมเมอร์กำลังเล่นเกมเขียนโปรแกรมอยู่ จี้เฟิงอยู่ที่บริษัทนานพอสมควร พอถึงตอนที่เขาจะกลับ เขาก็เห็นโปรแกรมเมอร์ยังคงเล่นเกมเขียนโปรแกรมอยู่ โปรแกรมเมอร์เหล่านั้นไม่ได้เปลี่ยนท่านั่งเลยด้วยซ้ำ
นี่เป็นการเปิดหูเปิดตาสำหรับจี้เฟิงอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ปรากฏว่าบุคคลเหล่านี้ชื่นชอบที่จะอยู่แบบนี้ พวกเขาสามารถอยู่กับหน้าจอได้ตลอดทั้งวัน พวกเขาสร้างความสนุกสนานแก้เบื่อให้กับตัวเองด้วยการทำแบบนี้
ถ้าหากคุณปล่อยให้จี้เฟิงนั่งอยู่แบบนั้นเป็นเวลานานโดยไม่ขยับเขยื้อน เขาก็สามารถทำได้ แต่ถ้าอยากให้เขาสนุกไปกับมัน เว้นแต่มันจะเป็นการฝึกฝน ไม่อย่างนั้นต่อให้เขาเป็นคนที่มีสมาธิสูงหรือสงบนิ่งมากแค่ไหน เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเบื่ออย่างแน่นอน
เมื่อจี้เฟิงได้มาพบเจอกับเหล่าโปรแกรมเมอร์แล้ว มันทำให้จี้เฟิงรู้สึกว่า คนเหล่านี้เมื่อได้อยู่ในที่ที่เหมาะสมแล้ว พวกเขาสามารถแสดงพรสวรรค์ออกมาได้อย่างน่าทึ่งเลยทีเดียว
พวกเขาสองคนพูดคุยและหัวเราะพร้อมกับที่จี้เฟิงเดินนำเซียวหยูซวนเข้าไปห้องทำงานห้องหนึ่งในอาคาร
ภาพที่พวกเขาเห็นคือหยางหยูที่สวมแว่นตาหันหน้าเข้าหาคอมพิวเตอร์ นิ้วของเขาเคาะแป้นพิมพ์ไม่หยุดด้วยท่าทางจริงจัง
ยังมีพนักงานอีกหลายคนที่ยุ่งอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ และไม่มีใครสังเกตเห็นจี้เฟิงและเซียวหยูซวนที่เพิ่งเดินเข้ามาเลย
“หยางหยู!” จี้เฟิงเรียก
“ฉันบอกว่าอีกแป็บนึงไง ตอนนี้ยังไม่ว่าง!” หยางหยูพูดอย่างหมดความอดทนโดยไม่ละสายตาจากหน้าจอเลย
จี้เฟิงอดหัวเราะไม่ได้ “หยางหยู เกิดอะไรขึ้น มีอะไรทำให้นายอารมณ์ไม่ดีอย่างนั้นเหรอ?”
หยางหยูรู้สึกโมโหจนใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว เขาหยุดเคาะแป้นพิมพ์และเงยหน้าขึ้นด้วยความโกรธ แต่เมื่อพบคนที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขาเป็นจี้เฟิง อารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
พรวด—!
หยางหยูลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว “บอส คุณมาที่นี่ทำไมเหรอครับ?”
จี้เฟิงยิ้มและกล่าวว่า “ก็มาหานายไง... ว่าแต่อะไรทำให้นายโมโหขนาดนั้นล่ะ? มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
“ไม่เลย ไม่มีเลยครับ!”
หยางหยูกล่าวด้วยท่าทางเขินอายเล็กน้อย “พอดีว่าผมกำลังยุ่งอยู่กับการเขียนโปรแกรม แต่ตาเฒ่าที่อยู่ข้างล่างก็คอยเรียกให้ผมไปกินข้าวอยู่ตลอดเลย ความคิดของผมเลยหยุดชะงัก....”
“อย่างนี้นี่เอง ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ” จี้เฟิงกล่าวขอโทษทันที เขาเข้าใจดีว่าเวลาที่ความคิดถูกขัดจังหวะ มันรู้สึกเจ็บปวดมากจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องใช้สมองอย่างหนักในการทำงาน แรงบันดาลใจมักจะมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใด แรงบันดาลใจที่เปล่งประกายอาจเป็นความคิดที่สร้างสรรค์อย่างยิ่ง แต่ถ้าจู่ๆ มาถูกขัดจังหวะ การเชื่อมต่ออีกครั้งก็ยากแล้ว
หยางหยูส่ายหัวอย่างรวดเร็วและพูดว่า “บอส! คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษผมเลย ผมเองที่ไม่ได้ทำตามข้อกำหนดของบริษัท อยู่ในตำแหน่งรองผู้จัดการทั่วไปแท้ๆ แต่กลับละเมิดกฎเสียเอง ผมขอยอมรับโทษแต่โดยดี”
“ช่างมันเถอะ!” จี้เฟิงยิ้มและโบกมือ เมื่อเห็นรอยคล้ำใต้ตาของหยางหยูและใบหน้าที่ซีดเซียวของเขาแล้ว จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “หยางหยู ในฐานะรองผู้จัดการทั่วไป นายอาจจะละเมิดกฏได้บ้างหากมีเหตุการณ์ที่จำเป็นจริงๆ แต่นายจะเชื่อฟังคำสั่งของฉันโดยไม่ละเลยมันได้มั้ย?”
“แน่นอนครับบอส! ผมจะฟังคำสั่งของคุณอย่างแน่นอน!” หยางหยูพูดทันที
ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่จี้เฟิงพาเขาออกมาจากศูนย์กักกันโดยสวัสดิภาพ และยังฟังคำขอของเขาโดยการช่วยชีวิต WX ได้ด้วย WX คือผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ที่ชื่อว่าหวังซิน และยังเป็นผู้จัดการทั่วไปคนปัจจุบันของบริษัทเครือข่ายเถิงเฟยด้วย ทั้งสองเรื่องนี้ได้เปลี่ยนมุมมองของหยางหยูที่มีต่อจี้เฟิงไปอย่างสิ้นเชิง สามารถเรียกได้ว่าหยางหยูนั่นเคารพนับถือจี้เฟิงอย่างยิ่ง
และเขาจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของจี้เฟิงโดยธรรมชาติ
“โอเค ในเมื่อนายบอกว่านายจะฟังฉัน งั้นก็ฟังให้ดี นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ฉันจะขอให้นายกำหนดเวลาการทำงานให้พอดี และควรพักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละวัน นอกจากนี้ ฉันอยากให้นายควบคุมอารมณ์เวลาทำงาน อย่าโมโหหรือโกรธคนอื่นโดยไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมเมอร์คนอื่นๆ ช่างเทคนิค ผู้จัดการ หรือพนักงานขนส่ง พวกเขาทั้งหมดเป็นพนักงานของบริษัทเหมือนกัน ไม่มีใครสูงหรือต่ำกว่าใคร จำได้ใช่มั้ย?” จี้เฟิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม
หยางหยูพยักหน้าทันทีและพูดว่า “จำได้ครับบอส”
“ดี!”
จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะกล่าวต่อไปว่า “งั้นก็ไปกินข้าวเช้าได้แล้ว ฉันจะไปหาผู้จัดการหวัง”
“ครับ!” หยางหยูตอบรับเสียงดังและเดินออกไปทันที
จี้เฟิงสังเกตเห็นร่องรอยความอ่อนเพลียบนใบหน้าที่ซีดขาวของหยางหยู นอกจากนั้นเวลาที่หยางหยูเดินขาของเขาก็สั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาอ่อนแอมาก
“หยางหยู ทำงานติดต่อกันมานานแค่ไหนแล้ว?” จี้เฟิงถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
พนักงานที่อยู่ใกล้จี้เฟิงที่สุดตอบว่า “คุณหยางนั่งอยู่ที่นี่มานานกว่าสามสิบชั่วโมงแล้วครับบอส ถ้านับเป็นวันก็น่าจะตั้งแต่เมื่อคืนวาน”
“บ้าไปแล้ว!”
ใบหน้าของจี้เฟิงมืดครึ้มลงทันที แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้เขาเข้าใจว่าทำไมหยางหยูถึงได้ดูอ่อนแอนัก ไม่ต้องพูดถึงว่าปกติแล้วหยางหยูเป็นคนที่มีร่างกายอ่อนแอกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว เพราะแม้แต่คนที่มีร่างกายปกติหรือค่อนข้างแข็งแรงก็คงทนไม่ได้หากต้องทำงานต่อเนื่องกันเกิน 30 ชั่วโมง!
“พวกนายก็ทำงานกันต่อไปเถอะ แต่จำไว้ให้ดีว่า ต้องทำแต่พอดี ถึงเวลาพักผ่อนก็ควรพักผ่อน สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องใส่ใจกับสุขภาพร่างกาย!” จี้เฟิงโบกมือแล้วหันหลังเพื่อเดินออกไป ใบหน้าของเขาเคร่งเครียด “หยางหยู... ไม่ว่านายจะขยันแค่ไหน แต่ก็จะขยันจนตายไม่ได้นะ...”
หยางหยูเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ด้านคอมพิวเตอร์ที่หาได้ยาก ถ้าหากเขาเหนื่อยตายไปแบบไม่รู้ตัว อย่าบอกว่ามันเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ขององค์กรเลย เพราะแม้แต่ตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับหยางเต๋อจ้าว จี้เฟิงก็คงไม่สามารถอธิบายให้เขาฟังได้
ในการทำงาน แน่นอนว่าความเกียจคร้านเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่การทำงานหนักจนเกินพอดีเป็นสิ่งที่แย่ยิ่งกว่า และจี้เฟิงก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีการทำงานแบบนี้
เมื่อได้ยินแบบนั้นเซียวหยูซวนที่ยืนอยู่ข้างๆก็ตกตะลึงไปทันที นี่มันคนบ้างานของจริงเลยนี่นา... เพราะถ้าเป็นเธอ ไม่ว่าเธออยากจะให้งานสำเร็จมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่อยากเอาชีวิตของเธอไปแลกหรอกนะ!
จี้เฟิงพาเซียวหยูซวนเดินไปที่ประตูอาคารสำนักงานและเดินเข้าไป
อาคารสำนักงานได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดแล้ว แต่ยังมีอาคารสำนักงานหลายแห่งในบริเวณใกล้เคียงที่ยังไม่ได้รับการปรับปรุงใหม่ จึงทำให้ที่นี่ไม่มีรถสัญจรไปมา แต่ในอาคารสำนักงานที่บริษัทเครือข่ายเถิงเฟยตั้งอยู่ มีทรัพย์สินดังนั้นจึงต้องมีการรักษาความปลอดภัย
รปภ. คนหนึ่งเดินออกมาขวางทางจี้เฟิงไว้และพูดว่า “หยุดก่อนครับคุณ พวกคุณมาทำอะไรที่นี่ครับ?”
“บริษัทเครือข่ายเถิงเฟย” จี้เฟิงตอบอย่างหงุดหงิดและเดินเข้าไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับทิ้งไว้ประโยคหนึ่ง “หยูซวน เธออยู่ที่นี่เพื่อลงทะเบียนแล้วกัน ฉันจะขึ้นไปก่อน”
รปภ.กำลังจะอ้าปากพูดห้าม แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการขัดขวางจี้เฟิง
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะพูด แต่คือไม่กล้า
แม้ว่าการแต่งกายของจี้เฟิงเป็นเพียงเสื้อผ้าธรรมดา แต่เขาก็มีออร่าบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี เมื่อมองแวบแรกก็รู้ได้เลยว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา
การจัดการแบบพื้นฐานของบริษัทเครือข่ายเถิงเฟยในปัจจุบันนี้คือพนักงานทุกคนจะทำงานที่ชั้นหนึ่งและชั้นสอง ส่วนห้องใต้ดินจะไว้ใช้สำหรับกินอาหารและอยู่อาศัย
จี้เฟิงเดินตรงไปที่ประตูห้องทำงานของผู้จัดการทั่วไปที่ชั้นสองและเคาะประตูทันที แต่ไม่มีใครตอบ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
จี้เฟิงเคาะแรงขึ้นอีกสองสามที แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ในขณะที่เขากำลังจะหันหลังกลับไป จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงจากทางด้านหลัง
“บอส?”
“หวังหู่ มานี่หน่อย ฉันมีอะไรจะถาม!” จี้เฟิงพูดด้วยใบหน้าบูดบึ้งโดยไม่หันกลับไปมอง
หวังหู่พยักหน้าด้วยความตกใจและรีบเดินไปหาจี้เฟิงทันที “ครับบอส”
“คนที่อยู่ในสำนักงานนี้ไปไหนกันหมด? แล้วหวังซินล่ะ?” จี้เฟิงถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ผู้จัดการทั่วไปอยู่ชั้นล่างครับ..” หวังหู่ตอบอย่างระมัดระวัง แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมจี้เฟิงถึงโกรธ แต่เขาก็รู้ว่าจี้เฟิงโกรธ “บอส ผมจะไปเรียกเธอมาให้”
“ไม่ต้อง ลงไปด้วยกันนี่แหละ!”
จี้เฟิงโบกมือด้วยใบหน้านิ่งและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง การมาครั้งนี้ทำให้เขาพบว่าความเลวร้ายของบริษัทเครือข่ายเถิงเฟยเกินความคาดหมายของเขาไปมาก ที่นี่แทบไม่มีอะไรเป็นระบบระเบียบเลย!
เมื่อเห็นจี้เฟิงที่อยู่ในอารมณ์โกรธ หวังหู่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก และได้แต่เดินตามจี้เฟิงลงไปชั้นล่าง
“ผู้จัดการทั่วไปอยู่ที่ประตูแรกนะครับบอส...” เมื่อลงมาถึงชั้นล่าง หวังหู่ก็เอ่ยขึ้น
“เธอเป็นผู้จัดการทั่วไป ทำไมเธอถึงไม่ได้อยู่ในสำนักงาน ลงมาทำอะไรข้างล่างนี่!” จี้เฟิงถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “และหยางหยูก็มีสภาพที่แทบเดินไม่ไหว ร่างกายของเขาอ่อนแอราวกับว่าถ้ามีลมแรงๆพัด เขาก็ปลิวได้อย่างนั้นแหละ...”
“บอส—!” หวังซินวิ่งออกมาจากประตูหนึ่ง
เมื่อจี้เฟิงเห็นเธอ เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ใต้ดวงตาของเธอเป็นรอยคล้ำสองวงอย่างชัดเจน ใบหน้าของเธอก็ซีดเซียวราวกับไม่มีสีเลือดเลย
“ทำไมเธอถึงทำแบบนี้?!” จี้เฟิงถามด้วยความโมโห
“ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ฉันค่อนข้างยุ่ง ฉันก็เลย...” หวังซินรู้สึกผิดเล็กน้อย เธอไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับจี้เฟิง
หวังหู่กระซิบอยู่ข้างๆ “บอสครับ ผู้จัดการทั่วไปไม่ได้นอนทั้งคืนเลย...”
“เละเทะไปหมด!” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะเกาหัวอย่างแรง เขารู้สึกโกรธมากแต่ไม่รู้จะระบายออกมาอย่างไร เลยได้แต่ยืนนิ่งและขบฟันกรามแน่น
…จบบทที่ 679~❤️