ตอนที่ 831+832 อดีตตำรวจสาว
ตอนที่ 831 อดีตตำรวจสาว
“โอ้ใช่ นายบอกฉันว่าเสี่ยวอี้ไปเป็นอาสาสมัครที่เมืองรงนี่ ใช่ไหม” อธิการบดีเหวินนึกขึ้นได้ เขากล่าวว่า “เจียงเหยาเองก็อยู่ที่เมืองรงเช่นกัน เคยเจอกันมาก่อนก็เป็นเรื่องปกติ”
“เราเคยพบกับครั้งหนึ่ง ในตอนนั้น เธอบังเอิญออกมาจากหน่วยขนย้ายของโรงพยาบาลเฉิงอ้าย หมอที่นั่นบอกฉันว่าคุณเป็นคนช่วยวีรบุรุษในวันนั้น เพราะงั้นคุณก็เป็นฮีโร่ด้วยเช่นกัน” เจิ้งอี้กล่าว “ฉันรู้อาการบาดเจ็บของตัวเองดี การที่พ่อตัดสินใจตามหาคุณ คงทำให้คุณลำบากใจมากขึ้น อย่าไปสนใจเลยค่ะ หลายปีแล้ว ฉันคุ้นเคยกับมันแล้วล่ะ แต่ฉันก็ดีใจนะคะที่ได้พบกับคุณในวันนี้ และดีใจที่ได้มากับพ่อด้วยเช่นกัน”
“ก็ไม่แน่หรอกค่ะ ไม่ใช่ว่าฉันมีอาจารย์ที่สร้างปาฏิหาริย์ได้หรือคะ ยังไงก็ให้เบอร์ติดต่อกับฉันทีค่ะ ฉันจะถามอาจารย์เกี่ยวกับเรื่องนี้ และจะติดต่อบอกคุณทันที” เจียงเหยายิ้ม อาการบาดเจ็บของเจิ้งอี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดหวัง ดังนั้นเธอจึงต้องกลับไปและตรวจสอบว่ามีแผนการรักษาอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการกัดกร่อนของกรดซัลฟิวริกหรือไม่
เจิ้งอี้บอกว่าเธอเคยชินกับมันแล้ว เธอและพ่อของเธอมองหาหมอมาเกือบทุกคนในประเทศ เพราะพวกเขาต้องการรักษาอาการบาดเจ็บของเธอ พวกเขาเคยไปต่างประเทศมาถึงสองสามครั้ง หมอได้ทดลองรักษาใบหน้าของเธอทุกวิถีทาง แต่ก็ไม่ทำให้อาการดีขึ้นเลย
แม้ว่าเจียงเหยาไม่ว่ามารถยืนยันได้ว่ามีวิธีการรักษาอาการบาดเจ็บของเธอได้หรือไม่ แต่ทั้งสองยังคงดื่มชาขณะที่คุยกัน บรรยากาศยังคงดำเนินไปอย่างดี
เจียงเหยาสนทนากับคนที่เธอชื่นชมได้เป็นอย่างดี เธอชอบผู้หญิงดี ๆ อย่างเจิ้งอี้ ดังนั้นเธอจึงมักจะหาหัวข้อต่าง ๆ มาเพื่อสนทนากับเธออยู่เสมอ
คุณเจิ้งนั่งข้าง ๆ และเฝ้าดูลูกสาวของเขาและเจียงเหยาพูดคุยกันไม่หยุด เขายังยิ้มให้กับเจียงเหยา ในฐานะพ่อ เขาไม่ได้เห็นลูกสาวของเขามีความสุขและผ่อนคลายมาเป็นเวลานานแล้ว ลูกสาวของเขาเคยเป็นเด็กสาวที่ร่าเริงมาก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้
กระทั่ง 3 ทุ่ม เจียงเหยาและเจิ้งอี้จึงแยกย้ายกัน
ระหว่างทางกลับ เจียงเหยาบอกอาลู่ให้แวะซื้ออาหารเย็น ขณะที่เธอนั่งอยู่ในรถและรอ ทันใดนั้นมัวก็โผล่ออกมาจากกระเป๋าเป้สะพายหลังและพึมพำว่า “ถ้าฉันรู้ว่าเธอไปที่นั่นเพื่อปรึกษากันละก็...”
มันไม่ออกมาในขณะที่พวกเขาอยู่ในห้องส่วนตัว
เมื่อเจียงเหยาไม่ตอบ มัวก็ตะโกนว่า “ฉันต้องการอาหารเย็นด้วย”
“นายอ้วนแล้ว ทำไมยังจะกินอยู่อีกเล่า” เจียงเหยาเอื้อมมือไปจิ้มท้องของมัว “บอกฉันสิ ทำไมนายถึงไม่โต แต่กลับอ้วนขึ้น”
เมื่อเจียงเหยาพบกับมัวครั้งแรก มันตัวโตอยู่แล้ว แต่ไม่ได้อ้วนเช่นตอนนี้
มัวบ่นและใช้อุ้งเท้านุ่มของมันตบนิ้วมือของเจียงเหยาที่จิ้มลงบนท้องของมัน ไม่มีทางอธิบายให้คนโง่ฟังได้หรอก อายุขัยของมันไม่ได้เหมือนกับแมวทั่วไป อายุขัยของมันยาวนานมากจนไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้ว จึงเป็นเรื่องปกติที่มันจะเติบโตอย่างช้า ๆ
หลังจากที่พวกเขากลับมาถึงหอพัก เจียงเหยายังไม่ทานอาหารเย็นกับคนอื่น ๆ เธออาบน้ำกันเสร็จก็บอกว่าเหนื่อยและขอนอนพัก จากนั้นเธอก็เข้าสู่ระบบการแพทย์
เธอเรียกผู้ดูแลระบบและถามว่า “ผลการสแกนผู้ป่วยออกแล้วหรือยัง เอามาให้ฉันดูหน่อยค่ะ”
“เนื้อเยื่อใบหน้าของผู้ป่วยเป็นเนื้อตาย หลังจากสึกกร่อน รอยแผลเป็นที่ทิ้งไว้เด่นชัดมาก และมันไม่ใช่พื้นที่เล็ก ๆ เลย”
__
ตอนที่ 832 มันยากเหมือนกัน
ผู้ดูแลระบบแสดงผลให้เจียงเหยาดู “ยาในปัจจุบันที่ใช้รักษาผู้ป่วยไฟไหม้ใช้ไม่ได้กับผู้ป่วยรายนี้”
เจียงเหยาเดาว่าแผลไหม้และการกัดกร่อนเป็นสองสาเหตุที่แตกต่างกัน ดังนั้นตัวยาเดียวกันจะไม่ส่งผลต่ออาการบาดเจ็บอื่น ๆ
“ท่านสามารถหาความรู้ในห้องสมุดของระบบว่ามีแผนการรักษาสำหรับสถานการณ์เช่นนี้หรือไม่” มีความรู้ทางทฤษฎีมากเกินไปในระบบ และหลังจากอัปเกรดพลังงาน เจียงเหยาไม่มีเวลาเพียงพอที่จะเรียนรู้เนื้อหาทั้งหมด
ดังนั้นเธอจึงเลือกถามผู้ดูแลระบบ เมื่อเธอไม่มีวิธีการที่เป็นประโยชน์อยู่ในใจ
“เอาล่ะ ถ้าฉันสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเธอในตอนนี้ที่เธอได้รับบาดเจ็บ ฉันอาจมีวิธีช่วยเหลือก็ได้” เจียงเหยาแตะที่คางของเธอและคิดเกี่ยวกับมัน “การรักษาเบื้องต้นของเธอมีจำกัด และไม่มีเงื่อนไขเพียงพอที่จะช่วยเหลือเธอ แต่อาจมียาและเครื่องมือบางอย่างในระบบที่จะสามารถช่วยฟื้นฟูได้ ถ้าฉันมีโอกาสได้ใช้สิ่งของเหล่านี้ระหว่างการรักษาครั้งแรกของฉัน แผลที่แก้มของเธออาจไม่รุนแรงเท่ากับตอนนี้ อาจจะเป็นเพียงแผลเล็ก ๆ แต่สามารถปกปิดได้ด้วยการแต่งหน้าทุกวัน”
นั่นคือเหตุผลที่เจียงเหยารู้สึกเสียใจ เธอพบเจิ้งอี้ผิดเวลา เธอพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการรักษาเธอ
คล้ายกับกรณีของเฉินเฟยไป่ เธอสามารถเข้ารักษาเขาได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเธอจึงสามารถใช้ทรัพยากรอันมีค่าของระบบเพื่อรักษาเฉินเฟยไป่ได้ทันที เมื่อเขาสามารถฝึกฟื้นฟูสมรรถภาพได้ในที่สุด แม้ว่าร่างกายของเขาจะมีรอยแผลเป็น แต่ก็ยังดีกว่าการรักษาปกติ เขาไม่จำเป็นต้องจัดการกับปัญหาความทุพพลภาพใด ๆ ด้วยซ้ำ
ทักษะทางการแพทย์ที่เจียงเหยาได้เรียนรู้จากระบบนั้นเพียงพอที่จะจัดการกับผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากการกัดกร่อนที่เกิดจากสารเคมีเช่น กรดซัลฟิวริก อย่างไรก็ตาม เจิ้งอี้ต้องทนทุกข์ทรมานจากบาดแผลมาหลายปีแล้ว เธอพลาดโอกาสเวลาที่ดีที่สุดในการรักษา ดังนั้นเจียงเหยาจึงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เธอจึงขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแลระบบ
“อาการบาดเจ็บจากการกัดกร่อนนั้นยากพอ ๆ กับแผลไหม้” ผู้ดูแลระบบส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ป่วยรายนี้จะฟื้นคืนสู่สภาพปกติของเธอ”
“นั่นหมายความว่ายังมีทางรักษาสิ อย่างนั้นเราก็สามารถช่วยเธอให้ดีขึ้นได้ใช่ไหม” เจียงเหยาตระหนักว่าผู้ดูแลระบบไม่ได้ปฏิเสธเสียทีเดียว นั่นหมายความว่าเขาได้พบวิธีที่เธอสามารถเข้าถึงได้
แม้ว่าโดยปกติเธอจะดูถูกผู้ดูแลระบบ แต่เขาก็ยังมีประโยชน์ บางครั้ง เธอยังใช้เขาเหมือนเป็นเครื่องมือการค้นหา – เพื่อค้นหาข้อมูลใด ๆ ที่เธอต้องการ ฟังก์ชันนั้นใช้ได้เฉพาะหลังจากที่เธอดำเนินการกับลู่ชิงสีในเมืองจินโด
ผู้ดูแลระบบพยักหน้าและดึงเนื้อหาที่เจียงเหยาต้องการดูจากคลังยาตะวันตก จากนั้นเขาก็พูดว่า “อ่านอาจอ้างถึงเรื่องนี้ได้ แต่กระผมไม่แน่ใจว่าจะเหมาะสำหรับการใช้งานของท่านหรือเปล่านะ”
เจียงเหยาพยักหน้าและมุ่งความสนใจไปที่เนื้อหาที่ผู้ดูแลระบบมอบให้กับเธอ หลังจากที่เธออ่านมานานกว่าสิบนาที เธอก็ตกตะลึง
ก่อนที่เจียงเหยาจะออกจากระบบ เธอไปตรวจสอบเฉินเฟยไป่ เขาสามารถรักษาสภาพจิตใจได้เพราะสารอาหารที่ระบบเตรียมไว้นั้นดีกว่าของโรงพยาบาลอื่น อย่างไรก็ตาม เขาอยู่ในอาการโคม่าเกือบตลอดเวลา
เมื่อผู้ดูแลระบบอยู่รอบ ๆ เจียงเหยาก็ไม่จำเป็นต้องคอยเข้ามาเปลี่ยนยาให้กับเขา ดังนั้นเธอจึงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย