ตอนที่ 829+830 ทำให้กลัว
ตอนที่ 829 ทำให้กลัว
อธิการบดีเหวินได้นัดพบกันที่ร้านน้ำชาที่ค่อนข้างเป็นพื้นที่ส่วนตัวและไม่มีคนรู้จัก หลังจากที่อาลู่จอดรถแล้วเจียงเหยาก็พาอาลู่และต้าเค่อไปกับเธอ แล้วถูกพาไปที่ห้องส่วนตัว
ทันทีที่เธอเข้าไปในห้องส่วนตัว เจียงเหยาทักทายอธิการบดีเหวิน ผู้ชายที่เธอเคยเห็นในห้องทำงานของเขาลุกขึ้นยืนขณะที่เขาสะกิดผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขา
หญิงสาวนั่งหันหลังให้กับเจียงเหยา ดังนั้นเธอจึงเห็นแต่หลังเรียวยาวของหญิงสาวเท่านั้น เธอมีผมตรงยาวสลวย และผมหางม้าสีดำสนิทผูกหลวม ๆ พาดบ่า
ทว่าเมื่อหญิงสาวลุกขึ้นและหันมามองเธอ เจียงเหยาก็ตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาว
“ฉันทำให้คุณกลัวใช่ไหมคะ” ท่าทางของเจียงเหยาทำให้หญิงสาวรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก เธอรีบหันไปขอโทษ “ขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้น”
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น” เจียงเหยารีบส่ายหน้าและเดินตามอธิการบดีเหวินเพื่อไปนั่งตรงข้ามกับหญิงสาวและพ่อของเธอ
เจียงเหยาได้ยินจากอธิการบดีแล้วว่า หญิงสาวรายนี้ตกเป็นเหยื่อของกองไฟ จากการพิจารณาของเธอ ใบหน้าของหญิงสาวคนนี้ต้องได้รับบาดเจ็บจากการกัดกร่อนอย่างเช่น กรดซัลฟิวริก ใบหน้าของเธอครึ่งหน้าได้รับบาดเจ็บ เจียงเหยาไม่ได้เตรียมใจที่จะเห็นเช่นนี้ เธอตกใจเมื่อเธอเห็นอีกฝ่ายในแวบแรก
นอกจากรอยแผลเป็นบนใบหน้าแล้ว คอและแขนของหญิงสาวรายนี้ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน เธอจะต้องเอื้อมมือออกไปเพื่อปกป้องโดยไม่รู้ตัว ทำให้ใบหน้าของเธอได้รับผลกระทบเพียงด้านเดียว แต่มีแผลที่แขนและคออีกข้างแทน
โชคดีที่ใบหน้าของเธอได้รับบาดเจ็บเพียงซีกเดียว จมูก ริมฝีปากและใบหน้าส่วนอื่น ๆ ของเธอยังไม่บุบสลาย
“นี่คือนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยของเรา เธอชื่อเจียงเหยา ถ้าคุณเคยอ่านหนังสือพิมพ์ในเมืองหนานเจียง คุณน่าจะเคยได้ยินเรื่องราวของเธอ เธอเป็นนักศึกษาที่กล้าหาญที่เข้าไปช่วยชีวิตผู้อื่น ฉันคิดว่าเธอแค่รู้จักกับเทวแพทย์ ไม่นึกเลยว่าวันนี้เพิ่งจะได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอเป็นลูกศิษย์ของเทวแพทย์ เลยนัดเธอมาตรวจดูก่อน ถ้าเราต้องการพบเทวแพทย์ บางทีเธอจะสามารถแนะนำให้เราได้” อธิการบดีเหวินอธิบายให้กับเพื่อนของเขาฟัง
“เจียงเหยา ฉันขอรบกวนคุณแล้ว นี่ลูกสาวของฉันเอง เธอชื่อเจิ้งอี้”
ไม่สำคัญว่าเจียงเหยาจะเป็นเพื่อนหรือเป็นลูกศิษย์ของเทวแพทย์ ในสายตาของเจียงเหยาไม่มีความรังเกียจหรือความเวทนาลูกสาวของเขาในวันนี้ นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับพ่อคนหนึ่งจะรู้สึกขอบคุณเจียงเหยา
เขาได้พาลูกสาวของเขาไปพบแพทย์และผู้เชี่ยวชาญหลายคนหลังจากประสบอุบัติเหตุ บางครั้งเจิ้งอี้จะตะโกนใส่พวกเขา โดยเฉพาะผู้ที่มองเธอด้วยสายตาเวทนา เขารู้ว่าลูกสาวของเขาเป็นผู้หญิงที่หยิ่งผยอง เธอไม่ชอบเวลาที่คนอื่นมองเธอแบบนั้น ความสงสารแบบนั้นจะทำให้เธอร้องไห้อย่างน่าสังเวชยิ่งขึ้นไปอีก
“อธิการบดีเหวินบอกฉันว่าคุณหนูเจิ้งเคยเป็นตำรวจมาก่อนใช่ไหมคะ”
เจียงเหยาถามเจิ้งอี้ ขณะที่เธอใช้ระบบทางการแพทย์เพื่อสแกนสภาพของหญิงสาว หากเธอไม่ได้ใช้ระบบการแพทย์ เธอจะไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ของเจิ้งอี้ได้เลย
แม้ว่าวงการด้านการทำศัลยกรรมจะมีความก้าวหน้า แต่ก็ยังอยู่ในยุคที่ค่อนข้างล้าหลัง นอกจากนี้ อาการบาดเจ็บของเธอก็ค่อนข้างกว้าง แม้ว่าการทำศัลยกรรมจะพัฒนาไปมากกว่านี้ แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับเธอมากนัก เพราะมันคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลกอะไรได้มากนัก
เจิ้งอี้ไม่คาดคิดว่าเจียงเหยาจะถามเรื่องนี้ ดังนั้นเธอจึงหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ฉันเคยอยู่ในหน่วยปราบปรามอาชญากรรมตำรวจของเมืองค่ะ”
__
ตอนที่ 830 มันเป็นอดีตไปแล้ว
คุณเจิ้งกล่าวว่า “ฉันเสียใจที่ยอมให้เธอไปเป็นตำรวจ แม้ว่าฉันจะเป็นพ่อของเธอ ฉันก็หยุดเธอไม่ได้ มันเป็นงานของเธอที่ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บ”
แม้ว่าจะผ่านไปหลายปีแล้ว ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทว่าเมื่อพูดถึงเมื่อไหร่ เขาก็จะสะอื้นไห้ “ลูกสาวของฉันเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจดีเด่น เธอจัดการคดีมาหลายร้อยคดีตอนที่เธอยังทำงานอยู่ เธอได้รับบาดเจ็บเพราะเธอนำตัวอาชญากรมาพิพากษาและส่งเขาเข้าคุก แม่ของอาชญากรได้ร้องขอความเมตตา แต่เมื่อไม่สำเร็จ เธอก็ซุ่มโจมตีเสี่ยวอี้ที่ทางเข้าสถานีตำรวจ และสาดน้ำกรดบนใบหน้าของเธอตอนที่เธอเดินออกจากประตู”
เมื่อถึงจุดนั้น นายเจิ้งโกรธมาก “แต่คุณรู้อะไรไหม คุณรู้ไหมว่าอาชญากรคนนั้นทำอะไรไปบ้าง เขาฆ่าคน ลูกชายของผู้หญิงคนนั้นเป็นฆาตกรต่อเนื่อง เขาฆ่าและข่มขืนเด็กสาวถึงห้าคนภายในสองปี เขายังแยกชิ้นส่วนพวกเธออีก วิธีการของเขาโหดเหี้ยมนัก พอลูกชายของเธอถูกจับ เธอกลับกล่าวหาว่าลูกชายของเธอไม่ผิด ผู้หญิงพวกนั้นต่างหากที่เป็นฝ่ายผิด และผู้หญิงพวกนั้นสมควรตาย แม่คนนั้นอ้อนวอนแทนลูกชายของเธอ เธอบอกว่าลูกชายของเธอน่าสงสารตั้งแต่เกิด เขาไม่มีพ่อและ เหยื่อของเขาก็ไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสา ทำให้เขาถึงต้องฆ่าพวกเธอ เธอบอกว่าเธอมีลูกชายเพียงคนเดียว ตำรวจบังคับให้คนเป็นแม่อย่างเธอต้องตาย”
“พ่ออย่าพูดอะไรอย่างนั้น มันผ่านไปแล้วนะคะ” เจิ้งอี้เอื้อมมือออกไปและจับมือพ่อของเธออย่างอ่อนโยนเพื่อปลอบโยนเขา “บรรดาผู้ที่สมควรได้รับการลงโทษ ก็ได้รับโทษกันไปหมดแล้ว ไม่เป็นไรค่ะ อย่างน้อยฉันก็ยังมีชีวิตอยู่ นั่นก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไงคะ”
“เรื่องนี้มีอะไรดีกันเล่า ลูกก็รู้ดีกว่าพ่อ พ่อเองก็รู้ถึงความเจ็บปวดทั้งหมดของลูกในช่วงที่ผ่านมาเช่นกัน” นายเจิ้งสะอื้นเบา ๆ
“ลูกเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอาชญากรที่โดดเด่นมาก หลังจากเหตุการณ์นั้น ลูกไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องย้ายไปแผนกเอกสาร สุดท้ายก็ต้องลาออกและไม่อยากออกไปพบปะพูดคุยกับใคร พ่อเฝ้าดูลูกขณะที่ลูกทรมานตัวเอง หัวใจของพ่อเจ็บปวดแทนลูกจริง ๆ”
เมื่อเจิ้งอี้ออกจากโรงพยาบาล สภาพจิตใจของเธอค่อนข้างดี เธอยังปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาและตกลงที่จะย้ายไปแผนกเอกสาร แต่ทุกครั้งที่เธอออกไปข้างนอก ฝูงชนต่างมองเธอแตกต่างออกไป โดยเฉพาะเด็ก ๆ พวกเขาจะตกใจจนน้ำตาไหล จากนั้นเจิ้งอี้ก็ลาออกจากงานและไม่เต็มใจที่จะออกไปไหน
เจียงเหยารู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ชีวิตของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่โดดเด่นถูกทำลายเพราะแม่ที่คลั่งไคล้ลูกชายของเธอ แม่คนนั้นได้ล้ำเส้นและเธอไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย
“สามีของฉันก็เป็นทหารค่ะ ฉันชื่นชมเขามากเท่ากับที่คุณเป็นตำรวจ” เจียงเหยายื่นมือไปทางเจิ้งอี้ และกล่าวว่า “มาเป็นเพื่อนกันเถอะค่ะ ฉันชื่อเจียงเหยา เป็นนักศึกษาแพทย์ของมหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียง”
ในขณะนั้น ไม่ว่าอาการบาดเจ็บของเจิ้งอี้จะดูน่ากลัวเพียงใด เจียงเหยาก็คิดว่าเธอเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่าเริง ผู้หญิงคนนี้ยังคงเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่โดดเด่นและน่าภาคภูมิใจ
การกระทำของเจียงเหยาทำให้คนอื่น ๆ อีกสามคนในห้องตกใจ
“อันที่จริง ฉันเคยเห็นคุณมาก่อน ที่เมืองรง” หลังจากที่เจิ้งอี้รู้สึกตัวแล้ว เธอขยายแขนที่มีรอยแผลเป็นและจับมือกับเจียงเหยา ฝ่ามือของเจียงเหยานั้นไม่เหมือนกับปลายนิ้วที่เย็นยะเยือกของเธอ รู้สึกอบอุ่นมาก เช่นเดียวกับบุคลิกของเธอ รอยยิ้มเล็ก ๆ ของเธอสามารถทะลุผ่านก้นบึ้งของหัวใจได้
นั่นเป็นครั้งแรกหลังจากเกิดอุบัติเหตุที่เจิ้งอี้เห็นใครบางคนยิ้มให้เธออย่างจริงใจ