SGS บทที่ 122 – นายอยากฝากลูกสาวให้ฉันดูแลเหรอ?....
“ตระกูลโลลิ! เป็นไปได้ยังไงกัน?!......” เกรย์รู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบหัวอย่างจัง มึนงงไปหมด ตระกูลโลลิหมายถึงอะไร เชื่อได้เลยว่าทั้งจักรวรรดิไอย์ลู่....ไม่สิ แม้แต่คนทั้งโลกซิลวาเรียย่อมรู้ดี
ในแต่ล่ะจักรวรรดิก็จะมีตระกูลอันดับหนึ่งของตัวเอง นอกเหนือจากตระกูลของราชวงศ์ พวกเขาถือว่าเป็นขุมกำลังที่ทรงพลังมากที่สุดในโลกอย่างแท้จริง!
โดยภาพรวมแล้ว ตระกูลมิดเดอร์เรียถือว่ามีอำนาจในระดับกลางๆ ภายในเมืองบาฮาลนี่คู่แข่งของพวกเขามีแค่กลุ่มทหารรับจ้างสุนัขเหล็ก แต่ทว่าถ้าให้เทียบกับตระกูลโลลิที่ทรงอำนาจที่สุดในโลก ตระกูลพวกเขาไม่ถือว่าเป็นอะไรได้เลย!
ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย เอาแค่ตัวเขาที่เป็นผู้นำตระกูลเป็นผู้นักรบแรงค์6 แต่ในตระกูลโลลิ แรงค์6อย่างน้อยๆก็มีมากกว่าพันคน!
ไม่ใช่ว่าแรงค์6มันหาง่าย แต่เป็นเพราะตระกูลโลลิมันทรงพลังเกินไปต่างหาก คนทั้งหมดในตระกูลโลลิ ทั้งแรงค์5และที่ต่ำกว่าก็ยังมีเกือบหนึ่งล้านคน! แล้วในจำนวนหนึ่งล้านคนนี้ แรงค์6มีเพียงพันกว่าคน แค่นี้ก็บอกแล้วว่าแรงค์6มันหายากขนาดไหน
แต่ทั้งๆที่มันหายากถึงขนาดนั้น ตระกูลโลลิกลับมีมากกว่าพันคน นี้คือพลังของตระกูลอันดับหนึ่ง!
ดังนั้น ในสายตาของคนตระกูลโลลิ แรงค์6จึงไม่นับว่าเป็นอะไร แต่ถ้าเป็นแรงค์7ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แล้วในตอนนี้ ตระกูลที่ทรงพลังถึงขนาดนั้น กำลังยืนอยู่หน้าประตูบ้านของตน ไม่ว่าฝ่ายเขาจะมีแรงค์7หรือไม่ มัน....ยังจำเป็นต้องสู้ดด้วยเหรอ?
เมื่อเกรย์คิดถึงตรงนี้ เขาก็เผลอก้าวถอยหลังไป2ก้าว แล้วตอนนี้เทียนเกอร์มันดันไปเรียกตระกูลโลลิมาช่วย พิจารณาจากนิสัยของมันแล้ว คงไม่คิดจะปล่อยตระกูลของตนไปง่ายๆแน่
วาระสุดท้ายของตระกูลมิดเดอร์เรียมาถึงแล้ว........
เกรย์หัวเราะเยาะเย้ยโชคชะตา เขาจะไปโทษใครได้? นอกเสียจากตัวเขาเอง ก่อนหน้านี้เขาก็ได้รับรายงานว่าตระกูลโลลิกำลังจะมาบาฮาล แต่เขาคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าติดต่อกับอีกฝ่ายให้น้อยที่สุด เพราะกับปลาตัวใหญ่แบบนั้น เกิดพวกเขาไปทำให้โกรธเข้าคงเกิดปัญหาขึ้นไม่รู้จบแน่ ดังนั้นเกรย์จึงเลือกที่จะไม่ติดต่ออีกฝ่าย
แต่ใครจะไปคิดล่ะว่า เทียนเกอร์มันจะเข้าหาตระกูลโลลิ.......
เห็นสีหน้าเสียใจของเกรย์ ทำให้เดลล่าที่มองอยู่อดทนไม่ได้จึงพูดขึ้นมาว่า “ท่านผู้นำ นี่ไม่ใช่เวลามาเสียใจนะครับ! ถึงแม้ไอ้เทียนเกอร์มันจะมาพร้อมกับตระกูลโลลิ แต่ก็ใช่ว่าเราจะต้องยอมแพ้ทันทีซะเมื่อไหร่ล่ะ ถ้ายังไม่ถึงที่สุดจริงๆก็อย่ายอมแพ้สิครับท่านผู้นำ!”
ได้ยินดังนี้ เกรย์ก็ฟื้นสภาพจิตใจขึ้นมาได้ ก่อนจะกัดฟันพูดว่า “ใช่! พูดถูก! เรายังไม่รู้สถานการณ์เลย จะมาสิ้นหววังตอนนี้มันยังเร็วไป! เราลองออกไปดูก่อนค่อยว่ากัน!”
“หือ? จะไปดูอะไรกันน่ะ?”
สิ้นเสียงเกรย์ ก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา เมื่อเกรย์และเดลล่าหันไปมองที่ต้นเสียง ก็เห็นวู่หยานที่เดินนำ ฮินางิคุ มิโคโตะ อิคารอส และลิลินน้อยมา
รู้สึกได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดในห้อง วู่หยานก็หันไปมองเกรย์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น แล้วเอ่ยปากถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? ผู้นำตระกูลเกรย์ ดูเหมือนอารมณ์ของนายค่อนข้างไม่ดีเท่าไหร่เลยนะ......”
เกรย์เงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะยกมือจับมือทั้งสองของวู่หยาน “น้องชายวู่หยาน ฉันคนนี้มีเรื่องอยากจะขอร้องนาย!”
อยู่ๆก็โดนจับมือทำเอาวู่หยานสะดุ้งโหยง ถ้าไม่ใช่เพราะเกรย์มันทำสีหน้าจริงจังอยู่ เขาคงเตะมันปลิวแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดเกรย์วู่หยานก็ขมวดคิ้ว
“ผู้นำเกรย์ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ถึงกับต้องมาขอร้องฉันแบบนี้?”
เกรย์ส่ายหัวแล้วยิ้มฝืนๆ “ตระกูลของฉันกำลังเจอโชคร้าย ร้ายแบบสุดๆเลยล่ะ ดังนั้นน้องชายวู่หยาน ฉันอยากจะขอให้นาย......”
เกรย์มีสีหน้าลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “ถ้าต่อจากนี้เกิดอะไรขึ้นจริงๆ ได้โปรดพาลิลินหนีออกไปจากที่นี่ด้วยเถอะ!”
วู่หยานกับคนอื่นๆประหลาดใจ ลิลินน้อยรู้สึกประหลาดใจมาก เธอกระโจนตัวเข้าหาเกรย์ แล้วจับชายเสื้อแน่น “ปะป๊า ลิลินไม่ไป!”
“อย่าดื้อลิลิน!!” เกรย์ด่าออกมา “วันนี้ลูกต้องฟังพ่อ!”
“ไม่เอา! หนูไม่ไป! ไม่ไป!”
มองดูสองพ่อลูกเถียงกัน วู่หยานอดไม่ได้ที่จะยกมือห้าม แล้วหันหน้าไปมองเกรย์ “ผู้นำตระกูล ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เกรย์ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “กลุ่มทหารรับจ้างนั่นมันมากันอีกแล้ว!”
ได้ยินดังนี้ วู่หยานยังคงเงียบไม่พูดอะไร สายตายังจดจ้องไปที่เกรย์ เขารู้ว่าถ้าแต่พวกทหารรับจ้างยังไม่พอทำให้เกรย์มีท่าทางแบบนี้แน่ มันต้องมีอะไรอีก
“พวกมันได้คนช่วยเป็นตระกูลโลลิ ตระกูลอันดับหนึ่งของจักรวรรดิไอย์ลูเรา นี่มันคงกะจะล้างบางพวกเราทั้งตระกูลเลยสินะ!”
“ตระกูลโลลิ!” วู่หยานขมวดคิ้วแน่น ตระกูลโลลินี่มันไม่ใช่ตระกูลของลูลู่?
“ใช่....” เกรย์พูดกับวู่หยาน “ฉันไม่รู้ว่าคนตระกูลโลลิมาที่นี่เพื่อช่วยเทียนเกอร์มันหรือเปล่า แต่ถ้าคิดในสถาการณ์ที่เลวร้ายที่สุดล่ะก็........”
“ดังนั้น ฉันถึงได้ขอร้องนาย น้องชายวู่หยาน! ได้โปรดช่วยดูแลลิลินด้วย!”
พูดเสร็จเกรย์ก็กำลังจะก้มให้ วู่หยานรีบก้าวเท้าเข้ามาจับไหล่เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายทำ แล้วพูดยิ้มๆว่า “ผู้นำเกรย์ นายเองก็เพิ่งพูดอยู่เมื่อกี้ไม่ใช่หรือไง บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้มาเพื่อช่วยพวกทหารรับจ้างนั่นก็ได้ ดังนั้นจะมาขอร้องฉันมันยังเร็วไปนะ มาๆ ฉันจะออกไปดูกับนายเอง”
“อะไรนะ! ไม่ได้ๆ! ไม่ดีแน่!” เกรย์รีบพูดท้วงทันที “ถ้านายออกไป แล้วเกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ.......”
“เอาน่าๆ ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริง ต่อให้สู้ไม่ได้ ฉันก็ยังหนีได้สบายๆ”
ถึงแม้วู่หยานจะไม่อยากมีเรื่องบาดหมางอะไรกับคนตระกูลโลลิ เพราะมันเป็นตระกูลของลูลู่ แต่ในเมื่อมันเกี่ยวข้องกับลิลินแล้วยังครอบครัวเธออีก วู่หยานก็ไม่อาจยืนดูอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรได้
แถมถ้าสถานการณ์มันแย่ขึ้นมาจริงๆ ทางเขาก็ยังมีอิคารอสแล้วก็มิโคโตะอยู่ แรงค์8ถึงสองคน ต่อให้เป็นตระกูลโลลิแล้วมันยังไงล่ะ?
นอกเสียจากผู้นำตระกูลรุ่นก่อนของตระกูลโลลิ ปู่ของลูลู่ ที่เป็นแรงค์9มาเอง เขาไม่เชื่อว่าจะมีใครมาหยุดพวกเขาได้
ตอนนี้เขาเป็นแรงค์7 ตามมาตรฐาน ยังไงๆเขาก็ถือว่าเป็นคนระดับสูงของโลกนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วทุกครั้งเขาต้องวิ่งหนี เขาเชื่อเลยว่าไม่ช้าก็เร็วมันจะกลายนิสัยติดตัวแหงๆ แล้วเขาจะไปยอมให้มันเกิดขึ้นได้ยังไง? นี่มันก็เหมือนคนที่ไม่เชื่อในพลังของตัวเอง
คนๆหนึ่งถ้าขนาดพลังของตัวยังไม่เชื่อ แล้วจะไปสู้อะไรใครเค้าได้กันล่ะ?
ถึงแม้จะมีระบบ ที่ตราบใดที่มีค่าประสบการณ์เพียงพอเขาก็จะเลเวลอัพได้ แต่ว่า....เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับทางด้านจิตใจล้วนๆ ไม่สามารถเพิกเฉยได้!
ในใจวู่หยานได้แอบตัดสินใจเงียบๆว่า ถ้าเกิดมันไม่จวนตัวหรือมันวิกฤตจริงๆเขาจะไม่ยอมใช่ยา ‘ลมหายใจแห่งชีวิต’ เด็ดขาด เพื่อเป็นการเตือนใจตัวเอง ไม่ให้พึ่งของนอกกายจนเกินไป
แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะใช้ข้อจำกัดนี้กับ ฮินางิคุ มิโคโตะ และ อิคารอส ถ้าเกิดเพราะความประมาทของเขาทำให้พวกเธอต้องบาดเจ็บ เขาคงแค้นใจตัวเองจนตายแน่
“นี่มันจะดีได้ยังไง! ถ้าเกิดว่า.......”
“อย่าคิดมากสิ ผู้นำเกรย์!” วู่หยานยกมือตบไหล่เกรย์แปะๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ทุกอย่างมีด้านไม่ดีหมด แน่นอนว่าย่อมมีด้านดีอยู่ด้วย อย่าเอาแต่คิดแต่แง่ลบงั้นสิ ถ้าเกิดนายคิดถูกก็ไม่เป็นไร แต่นายคิดผิดล่ะ? ถ้าเพราะนายตื่นตูมไปเองทำให้เรื่องที่มันแต่เดิมควรจะดีกลายเป็นแย่ขึ้นมาล่ะ?”
มองดูสีหน้าลังเลของเกรย์ วู่หยานก็พูดปลอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “นายสบายใจได้เลย ตราบใดที่นายเชื่อในตัวพวกเราทุกอย่างมันต้องออกมาดีแน่! อย่างน้อยๆในเรื่องการรักษาชีวิตฉันเองก็มั่นใจพอตัวเลยนะ!”
เกรย์ก้มหัวลงไปครู่ใหญ่ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ก็ได้ แต่นายต้องต้องสัญญากับฉันนะว่า ถ้าเกิดต้องสู้กันขึ้นมาจริงๆ นายต้องพาลิลินหนีไปทันที!”
มองดูลิลินที่ทำท่ายังกับอยากจะพูดอะไรบางอย่าง เกรย์จึงทำตาเขม็งใส่ ทำให้ลิลินบุ้ยปากด้วยความไม่พอใจ
“อย่าห่วงเลย! มันต้องไม่เป็นอะไรแน่!”
จากนั้นพวกเค้าก็พากันเดินไปทางประตู ขณะที่กำลังเดินอยู่ วู่หยานก็คิดในใจ
‘เหอะๆ นี่ถ้าคนที่มาเป็นลูลู่ เรื่องมันจะน่าสนุกขนาดไหนกันนะ.......’