Chapter 285(อ่านฟรีทุกตอนที่ลงท้ายด้วย 5-6)
(ไม่ได้เกลาครับ ไม่มีเวลาจริงๆ)
เอเธอร์รวมพลังงานบนมือของเธอก่อนจะปล่อยบอลพลังงาน ชาวไซย่าแตกต่างจากคริปโตเนียน ชาวไซน่าเปรียบได้กับจอมเวทย์ พวกเขามีพลังงานที่แข็งแกร่งมาก แต่ร่างกายของพวกเขาบอบบาง ดังนั้นพวกเขาอาจจะถูกฆ่าด้วยปืนเลเซอร์ได้หากพวกเขาเข้าสู่โหมดไซย่า
ในระหว่างที่กัปตันมาร์เวลต่อยบอลพลังงานนั้นทิ้งออกไป นอกจากพลังงานที่เธอไม่ได้ดูดซับแล้วที่เหลือก็กระเด็นออกไป.
ระหว่างทาง พลังงานทีตามมาได้สร้างหลุดลึกบนพื้นดินและท้ายที่สุดก็ระเบิดจากระยะไกล ทำให้เกิดควันและฝุ่นฝุ้งไปบนฟ้า.
พลังงานพลาสม่าร่องรอยไปอยู่ทุกที่หลังจากเกิดการระเบิด.
"หยุดสู้!หยุดสู้!"
"หยุดสู้ เรายอมแล้ว!"
ผู้คนจากดาวดวงนี้วิ่งเข้ามาหากัปตันมาร์เวลที่ช่วยพวกเขาโดยการฆ่าอุลตร้าแมนและขับไล่ชาวคริปตอนออกไป แต่พวกเขาไม่คิดว่าผลที่ตามมากจากผู้ที่ช่วยเขาจะกลายเป็นหายนะ.
การทำลายล้างที่เกิดจากการต่อสู้ของคนทั้งสองเกือบจะทำให้คนทั้งโลกตาย หากรู้แต่แรกพวกเขายอมจำนนนานแล้ว.
แต่เอเธอร์ไม่ได้ยินมัน กัปตันมาร์เวลต่างหากที่ได้ยิน แต่ร่างกายของเธอกำลังสู้พัวพันกับเอเธอร์อยู่.
เพราะการดื่มก่อนหน้านี้ของเอเธอร์ พลังงานที่ใหญ่กว่า แสงสีทองสว่างเจิดจ้ายิ่งกว่าและความผันพวนของพลังงานที่กระจายไปทุกทิศทาง.
มันผันผวนจนแม้แต่อากาศก็สั่นสะเทือน ผู้คนที่วิ่งเข้ามาต่างก็ระเหยและหายวับไปทันที.
พลังงานที่ปั่นป่วน สนามแม่เหล็กที่กลับด้านและโลกโกลาหล ผินดินถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ.
โลกได้มาถึงจุดจบ พื้นดินและทะเลสั่นอย่างรุนแรง ภัยธรรมชาติ เช่น สึนามิ พายุ แผ่นดินไหว ฯลฯ ได้ปะทุขึ้นพร้อมๆ กัน ทำให้พื้นผิวโลกกลายเป็นความยุ่งเหยิง.
โลกแตกออกเป็นชิ้นๆ โดยแต่ละชิ้นมีขนาดเท่ากับทวีป บางส่วนจมลง บางส่วนเพิ่มขึ้น แมกม่าที่ปะทุขึ้นอย่างรุนแรงและถมตามช่องว่างระหว่างผืนดิน
ครึ่นๆ ————
ฟ้าร้องก้องคำราม และโลกทั้งใบก็ยุ่งเหยิงและโกลาหลเมื่อเทียบกับก่อนหน้า.
ผืนดินแยกและถูกแก้ไขใหม่ภายใต้แรงโน้มถ่วงใหม่ มีพลังงานที่ขับไล่เอเธอร์และกัปตันมาร์เวลน้อยๆให้ทั้งสองออกไปจากโลก
แต่ไม่นาน เอเธอร์ก็วะบัดพลังงานเหล่านั้นออกไปและพุ่งเข้าหากัปตันมาร์เวลตรๆง เมื่อทั้งสองปะทะกัน ดาวเคราะห์ก็แตกกระจัดกระจาย.
จากการเผชิญหน้ากับ ออร่าที่ทรงพลังปะทะกัน ณ ที่แห่งนี้ ทำให้ผืนดินสั่นสะเทือและก้อนหินก้อนเล็กๆก็ลอยขึ้นเพราะความผันผวนของแรงโน้มถ่วง มันลอยช้าและสลายกลายเป็นฝุ่นอย่างช้าๆ.
กัปตันมาร์เวลเปล่งประกายด้วยพลังงานโฟตอนที่เพิ่มเป็นสองเท่าและระเบิดพลังออกมา คลื่นอากาศที่รุนแรงพัดออกไปรอบๆตัวปะทะเข้ากับภูเขาและมหาสมุทร แม้แต่เอเธอร์ก็กระเด็นออกไป.
เอเธอร์บินไม่ได้แม้แต่เมตรเดียว ดังนั้นเธอทำได้แค่ต้านทานพลังของกัปตันมาร์เวลบนพื้นอย่างยากลำบาก.
นี่เป็นครั้งแรกหลังจากที่เอเธอร์อยู่ในจักรวาลมานาน....ไม่นับว่าก่อนหน้านี้ที่เธอปะทะกับคาลลาร์กของจักรวรรดิคริป แต่บุคคลที่แข็งแกร่งว่าเธอเป็นครั้งแรกอย่างกัปตันมาร์เวลนี้ เธอเพิ่งจะเคยเจอเป็นคนแรก.
คุณต้องรู้ว่าแม้แต่ธานอสก็ยังถูกกัปตันมาร์เวลตามล่าอย่างบ้าคลั่งมาก่อน.
ผลน่ะหรอ?
เอเธอร์ถูกโจมตีโดยไม่มีแผลใดๆ แต่เสื้อผ้าของเธอมีรอยขาด แม้ว่าเธอจะไม่มีแผลให้เห็น แต่เสื้อผ้าของเธอก็เป็นการบ่งบอกว่าเธอได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน.
ขอบเขตจักรวาลคู่ไม่อาจทำอะไรเอเธอร์ได้ แต่เธอก็อยู่ในขอบเขตนั้นเช่นกัน?
การเปลี่ยนแปลงทางเซลล์ของจักรวรรดิคริปตอนนั้นแข็งแกร่งมาก อย่างน้อยๆก็มากกว่าของจักรวรรดิคลี.
แม้ว่าเครื่องแบบสีขาวของเอเธอร์จะดูขาดง่าย แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเส้นใย้ที่ทอมาจากโลหะ เส้ยใยเหล่านี้ทอมาจากโลหะอดาแมนเทียมและไวเบรเนียม เมื่อรวมเข้ากับพลังชีวภาพอันทรงพลังของเอเธอร์ แม้แต่ธานอสที่ได้สโตนครบแล้วก็ยังยากที่จะฉีกเสื้อผ้าของเธอ.
กัปตันมาร์เวลเมื่อเห็นว่าดาวเคราะห์ที่เธอปกป้องได้กลายเป็นดาวร้างไปแล้วจากการต่อสู้ของพวกเธอทั้งสอง แม้ว่ามันจะไม่ระเบิดก็ตาม เธอโกรธอย่างมากและพุ่งเข้าหาเอเธอร์โดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว.
เอเธอร์หัวเราะเยาะ แม้ว่าเธอจะถูกโจมตีเข้าที่ร่างกาย แต่เธอก็ยังตาเลเซอร์ออกมา.
กัปตันมาร์เวลไม่สนใจตาเลเซอร์ของเอเธอร์ ยังคงบรรจงต่อยหมัดเข้าใส่ร่างกายของเอเธอร์.
เอเธอร์ยืนนิ่งโดยไม่ถอยแม้สักก้าว กลับเป็นหมัดของกัปตันมาร์เวลต่างหากที่ต้องแตกแทน.
แม้ว่าเธอจะรักษาได้หายในชั่วพริบตา แต่เธอก็ยังคงรู้สึกเจ็บ.
ในเวลาเดียวกัน เธอก็งงว่าเธอไม่อาจทำอะไรเอเธอร์ได้.
"ทำได้เท่านี้?"
นอกจากการชกของกัปตันมาร์เวล พลังงานจลน์ที่เธอดูดซับก็หมดลง และบรรยากาศรอบๆหมัดของเธอก็หายไป.
ในเวลานี้ ซอดปรากฏ.
กัปตันมาร์เวลประหลาดใจ เพราะว่าเธอไม่ได้สังเกตเห็นซอดก่อนหน้านี้.
"หน้าไม่ได้แย่เหมือนในหนัง มันกลับว่าสวยกว่ามาก."
ซอดมองกัปตันมาร์เวล.
"อย่ามาสอดการต่อสู้ของฉัน!"
เอเธอร์ต้องการหยุดซอด.
"ต่อให้สู้กันอีก เธอ(กัปตันมาร์เวล)ก็ยังเอาชนะเธอ(เอเธอร์)ได้ พอแค่นี้ก่อน."
ซอดพูดกับเอเธอร์.
เขารวบรวมพลังแบ็ลโฮลด์ไว้ในมือ แรงดึงดูดนั้นแรงมากและได้ขังร่างของกัปตันมาร์เวลไว้ก่อนที่จะพาเธอออกไป.
อวกาศ,สสาร,และเวลา ทั้งหมดไม่อาจหนีจากชะตากรรมของการเสื่อมสลาย และภายใต้แรงโน้มถ่วงของหลุมดำ กัปตันมาร์เวลก็สังเกตเห็นปัญหานี้ แต่เธอก็ยังสามารถรอดชีวิตจากแรงโน้มถ่วงนี้ไปได้.
นั่นก็เพราะเธอพบว่าหลุดดำนี้มีขนาดใหญ่กว่าหลุมดำของเซเลสเชียลที่เธอเคยเห็นในจักรวาล และหลุมดำก็ยังมีแรงโน้มถ่วงสูงกกว่าของเซเลสเชียล!
อย่างไรก็ตาม...สำหรับสะสารหรือมวลของหลุมดำมันจะมากขนาดนี้ได้อย่างไง!
มันยังใช้สสารที่ทำลายจักรวาลจริงๆหรือเปล่า? มันไม่ใช่ว่าทุกอย่างต้องถูกทำลายเมื่อมันปรากฏตัว?
กัปตันมาร์เวลไม่อาจจินตนาการได้และจากนั้นเธอก็เห็นซอดยื่นมืออกมาและพลังทั้งหมดของร่างกายดูเหมือนจะถูกดูดหายไป เธอทรุกลงกับพื้น ตัวตนด้านหน้าของเธอเป็นอะไรที่ไม่อาจคาดเดาได้.
ซอดประคองพลังหลุมดำด้วยมือข้างเดียวและจับกัปตันมาร์เวลด้วยมืออีกข้าง.
ไม่ใช่ว่ากัปตันมาร์เวลถูกริบพลัง เธอยังคงฟื้นฟูได้ แต่ซอดนั่นรอบคอบกว่า เขาได้ทำให้เธอฟื้นฟูช้าลงในเวลาสั้นๆ.
"คุณเป็นใคร?"
กัปตันมาร์เวลถามอย่างสงสัย ทำไมถึงมีคนที่อยู่เหนือจินตนาการที่แม้แต่พลังทำลายล้างของจักรวาลก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้?
ไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้เมื่อเขามีพลังงานหลุมดำ.
"จักรพรรดิคริปตอน."
ซอดไม่คิดมากที่จะตอบคำถามของกัปตันมาร์เวล.
แม้ว่ากัปตันมาร์เวลจะคิดได้ในใจ แต่ก็ยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินอย่างนั้น.
ไม่น่าแปลกใจที่จักรวรรดิคริปตอนถึงพัฒนาเร็ว ในเมื่อมีจักรพรรดิที่ไร้เทียมทานอยู่แบบนี้...