664 - ทารกศักดิ์สิทธิ์
664 - ทารกศักดิ์สิทธิ์
“นี่มัน... นี่มันอะไรกัน!?” หัวใจของเย่ฟ่านเต้นเป็นจังหวะ มันเหลือเชื่อมาก คนทั้งสองจะเป็นคนเดียวกันได้หรือ
“ไม่น่าเชื่อ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นคนเดียวกันจริงๆ” หลี่เหอซุยประหลาดใจ
“ในบันทึกนี้มีมาอย่างน้อย 2,500 ปี มันเป็นสมบัติที่บรรพบุรุษของข้าทิ้งไว้”
มันอยู่มากว่า 2,500 ปีแล้ว เย่ฟ่านตกใจมากโดยใช้การเปรียบเทียบประวัติศาสตร์ นั่นคือคือช่วงก่อนยุคฉิน เป็นยุคที่จิ๋นซีฮ่องเต้และฮั่นโกโจยังไม่เกิดด้วยซ้ำ!
“ท่านแน่ใจนะว่านี่เป็นเรื่องจริง” หลี่เหอซุยเกือบพูดตะกุกตะกัก ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ต้นกำเนิดของหนานหนานก็ลึกลับเกินไป
บรรพบุรุษของหวังเฉินอี้เคยผ่านเมืองที่คู่สามีภรรยาชราอยู่ และช่วยตรวจอาการรของเด็กคนนั้น แต่ก็ไม่มีทางที่จะรักษาได้
ต่อมาหมอเทวดากลับมาเยี่ยมอีกครั้ง คู่สามีภรรยาชราเสียชีวิต เด็กหญิงตัวน้อยกลายเป็นขอทานอีกครั้ง และหายตัวไปหลายปีแล้ว
เรื่องไม่ได้จบเพียงแค่นั้น หลายร้อยปีต่อมา เมื่อบรรพบุรุษของ หวังเฉินอี้ผ่านเมืองโบราณจื่อเทียนตู ในปีต่อๆมาเขาได้พบกับเด็กสาวผู้น่าสงสารอีกครั้ง แม้จะเหลือบมองเพียงแวบเดียว แต่เขาก็ประทับใจมาก
แต่เขาถูกศัตรูตามล่าในตอนนั้นและอยู่ไม่ได้นานในที่สุดก็คลาดกัน และเมื่อเขาไปตามหานางในภายหลังก็ไม่พบแล้ว
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่งสำหรับหมอชราคนหนึ่ง และเขาก็ยังครุ่นคิดอยู่ เขาเสียชีวิตในเวลาต่อมาไม่ถึงครึ่งปี และสิ่งที่เขาหลงเหลือไว้ก็มีเพียงบันทึกสีเหลืองเก่าๆนี้เท่านั้น
“เป็นไปได้อย่างไรน่าเหลือเชื่อจริงๆ!” หลี่เหอซุยถูขมับของเขาครู่หนึ่ง ไม่สามารถเข้าใจได้
ขอทานผู้น่าสงสาร เย่ฟ่านคิดถึงเด็กหญิงตัวเล็กๆ เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง และแม้แต่รองเท้าก็มีรูที่นิ้วเท้า ซึ่งทำให้ผู้คนเศร้าใจ
เป็นไปได้ไหมที่นางใช้ชีวิตแบบนี้มาโดยตลอด ได้เจอทุกความเป็นไปของโลก และทนทุกข์จากความโหดร้ายของการจากลา ถ้าเป็นอย่างนี้ นางต้องเจอความทุกข์ยากขนาดไหน?
ผู้ถูกขับไล่ที่ดิ้นรนเอาชีวิตรอดเพียงลำพังท่ามกลางฝูงชนมากมาย นางอายุน้อยกว่า 3 ขวบ และนางลืมอดีตได้เสมอ หลังจากผ่านไปหลายปี เขาเกรงว่านางจะต้องพบกับความเจ็บปวดชั่วนิรันดร์
“นี่เป็นไปไม่ได้จริงๆ ที่จะคาดเดา!” เย่ฟ่านถอนหายใจเล็กน้อย
"เหล่าปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถอยู่ได้ถึง 2,500 ปี แต่นางไม่เคยเปลี่ยนไปเลย... " หลี่เหอซุยงุนงง
“หมอหวัง ท่านไม่มีเบาะแสอะไรหรือ?” เย่ฟ่านถาม
“ปู่ของข้าจดจ่ออยู่กับเด็กหญิงคนนี้ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต และเขียนการคาดเดาของเขาในหน้าสุดท้ายของบันทึก”
“การคาดเดา อะไร?” ดวงตาของเย่ฟ่านและหลี่เหอซุยเป็นประกาย
“เขาเขียนแค่สองคำเท่านั้น—ทารกศักดิ์สิทธิ์!” หวังเฉินอี้กล่าว
“หมายความว่าอย่างไร?” หลี่เหอซุยงง
“ข้าไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร มีหลายสิ่งหลายอย่างที่สูญหายไปในการสืบทอดสมบัติของพวกเรา เมื่อมันถูกส่งต่อมายังรุ่นของข้า ทักษะทางการแพทย์ที่ข้าเชี่ยวชาญนั้นยังไม่ถึงครึ่งนึงของบรรพบุรุษเลย”
"สูญหายไปมากถึงขนาดนั้น" เย่ฟ่านประหลาดใจเมื่อรู้ว่าชายชราคนนี้ถูกเรียกว่าหมอเทวดา
“ในสมัยโบราณ บรรพบุรุษของข้าสามารถรักษารอยแผลเป็นของเต๋าได้อย่างแน่นอน และเขาก็เป็นผู้อมตะอีกด้วย” หวังเฉินอี้ส่ายหัว
“คำว่าทารกศักดิ์สิทธิ์หมายความว่าอย่างไร ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสเมื่อ 2,500 ปีก่อนจะไม่มีวิชาศักดิ์สิทธิ์เหมือนบรรพบุรุษของท่าน แต่ข้าเกรงว่าเขาจะต้องรู้ความหมายของคำนี้” หลี่เหอซุยวิเคราะห์
“หรือนางจะกลายเป็นทารกเช่นนี้ตลอดไป” เย่ฟ่านคิด
สองพันห้าร้อยปีที่แล้ว หนานหนานยังคงอยู่ในตอนกลางของดินแดนรกร้างทางทิศตะวันออก แต่ในที่สุดนางก็มาถึงดินแดนทางใต้ และนางก็แทบจะเดินทางไปทั่วดินแดนรกร้างตะวันออกแล้ว
“จับหมาตัวนั้นมาเค้นถาม มันต้องรู้อะไรบางอย่าง!” หลี่เหอซุยกล่าว
เย่ฟ่านพยักหน้าเรียกเด็กหญิงเบาๆ นางวิ่งมากลับอย่างมีความสุข ดวงตาเป็นประกาย หลังจากเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงของนางเบามาก และกล่าวว่า
"พี่ใหญ่ มีอะไร”
เย่ฟ่านยิ้มและลูบหัวของนาง จากนั้นก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับหลี่เหอซุย จู่ๆ พวกเขาก็จู่โจมสุนัขตัวใหญ่พร้อมกัน
“โฮ่ง กล้ายั่วยุจักรพรรดิคนนี้หรือ?” สุนัขสีดำตัวใหญ่ตกใจ
“พูดมาสิ ทารกศักดิ์สิทธิ์คืออะไร?” เย่ฟ่านจับหัวและหูมันไว้เพื่อไม่ให้สามารถแว้งกัดได้
“เจ้ารู้จักทารกศักดิ์สิทธิ์จริงๆ!” สุนัขสีดำตัวใหญ่ค่อนข้างแปลกใจ และเห็นได้ชัดว่าคำถามกะทันหันนี้เกินความคาดหมายของมัน
“พูด มิฉะนั้นข้าจะปรุงเจ้าเป็นเนื้อหมาดำวันนี้!” เย่ฟ่านถาม
“พี่ใหญ่อย่ากินกันนะ ถึงมันจะซนแต่มันก็ไม่เลว” หนานหนานพูดอย่างจริงจังและเกลี้ยกล่อมอย่างขี้อาย
“โฮ่ง... วันนี้ข้าก็อยากกินร่างซียนศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน!” สุนัขสีดำตัวใหญ่พยายามเบี่ยงเบนประเด็น
“เจ้าอย่าพูดจาไร้สาระ” หนานหนานเกลี้ยกล่อมด้วยความกลัวเล็กน้อย แต่นางก็ยังเอื้อมมือออกไป พยายามแยกพวกเขาออกจากกัน
“จักรพรรดิคนนี้ไม่รู้อะไรเลย อย่าถามข้า!” สุนัขสีดำตัวใหญ่เห่าอย่างดุเดือด
“ให้ตายเถอะ เจ้าหมาตัวนี้สมควรที่จะถูกตีจริงๆ!” หลี่เหอซุยตบที่ก้นของมันสองสามครั้ง
"โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง..." สุนัขสีดำตัวใหญ่เห่าอย่างดุเดือด ปากใหญ่ของมันเหยียดยาวมากในขณะที่ลิ้นของมันก็ตวัดเข้าหาหลี่เหอซุยอย่างดุเดือด
“บัดซบ เจ้าต้องตายแน่นอน” หลี่เหอซุยโกรธจัด
ทั้งสองกดมันไว้กับพื้นเค้นถาม แต่สุนัขสีดำตัวใหญ่นั้นดื้อมาก และไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่ยอมพูดและส่งเสียงคำรามขึ้นว่า
“สี่วันแล้ว เราจะไปดูมรดกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซวนหรือไม่”
“ไปดูก็ได้” เย่ฟ่านพยักหน้า เขาอยากจะลองดูมานานแล้ว
เจ้าสุนัขสีดำตัวใหญ่ทนไม่ไหวแล้ว มันเดินไปข้างหน้าพร้อมกับแบกหนานหนานไว้บนหลังของมัน
ข้างหน้าภูเขาที่สูงตระหง่านเป็นดินแดนมังกร ทันทีที่พวกเขามาถึงบริเวณนี้ พวกเขาพบสัตว์หายาก เช่น มังกรดิน(ตะกวด)และจิ้งจอกเก้าหาง และพวกมันทั้งหมดก็เฝ้าดูอย่างระมัดระวังเช่นกัน
หลังจากเดินมานานกว่าร้อยลี้ ก็มาถึงหน้าประตูภูเขาซากปรักหักพังเทียนซวน
“บัดซบ มีใครอยู่ตรงนั้น!” สุนัขตัวใหญ่สีดำเห่าจ้องไปที่ร่างที่เหมือนเสาไม้ที่ประตูภูเขา ขนสีดำของมันแวววาวราวกับผ้าไหมและส่งเสียงคำรามต่ำๆ
ซากปรักหักพังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซวนรกร้างมาก หญ้าและต้นไม้เติบโตจนปิดบังทุกสิ่งทุกอย่าง ในประตูภูเขาที่พังทลายมีร่างของใครบางคนยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ
เมื่อเดินไปในระยะไกล ทุกคนไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของเขาเลย และเมื่อเขาเข้าไปใกล้ พวกเขาก็ตระหนักว่าคนคนนี้ยืนอยู่ที่นั่นมาหลายปีแล้ว
สุนัขสีดำตัวใหญ่เคยเป็นสิ่งมีชีวิตระดับสูงมาก แม้ว่าพลังของมันจะลดลงแต่ประสบการณ์ที่มันมีอยู่ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเย่ฟ่านจะเปรียบเทียบได้
“น่ากลัวมาก!” นี่คือการประเมินโดยจักรพรรดิดำอย่างลับๆ
สุนัขสีดำตัวใหญ่เนรคุณจริงๆ มันไม่บอกกล่าวอะไรและหายตัวไปในทันที
หัวใจของเย่ฟ่านเต้นรัว เดิมทีเขาคิดว่านี่อาจจะเป็นชายชราผู้บ้าคลั่ง แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ คนผู้นี้มีรูปร่างสง่างามซึ่งแตกต่างจากชายชราที่ค่อนข้างผอม
“พวกเราควรถอยกลับตอนนี้!” หลี่เหอซุยกระซิบเบาๆและเริ่มก้าวถอยหลัง
เย่ฟ่านก็ตกตะลึง ไม่พูดอะไรมากและถอยไปตามถนนสายเดิม การดำรงอยู่ที่น่าสะพรึงกลัวที่ไม่รู้จัก ยอดฝีมือลึกลับที่ไม่สามารถประเมินพลังการต่อสู้ได้ และการอยู่ห่างๆ เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ชายคนนั้นยังคงนิ่งเงียบราวกับรูปปั้นอมตะที่ยืนอยู่ภายในประตูภูเขาที่พังทลายลงโดยไม่มีชีวิตชีวาใดๆ
“แย่แล้ว!”
เย่ฟ่านและหลี่เหอซุย ถอยห่างครู่หนึ่งโดยไม่กระพริบตา แต่ร่างสูงหายไป
“ทักษะการเคลื่อนไหวอะไร? มันเร็วเกินไป ราวกับว่าเขาไม่เคยอยู่ที่นี่เลย” หัวใจของหลี่เหอซุยเต้นระรัว
“ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสคนนี้จะมีความแข็งแกร่งไม่เป็นรองราชาสวรรค์ผู้เฒ่า!” เย่ฟ่านประหลาดใจเช่นกัน
เมื่อกลับไปที่กระท่อมของหวังเฉินอี้สุนัขสีดำตัวใหญ่ก็พึมพำ "ให้ตายสิ คนคนนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว!"
"ไอ้สาระเลวเจ้ากล้าทิ้งเรา!" หลี่เหอซุยกล่าวอย่างดูถูก
“หากคนคนนั้นไม่ต้องการให้เราจากไปพวกเราก็ไม่มีทางนี้ออกมาได้อยู่แล้ว” สุนัขสีดำตัวใหญ่โต้กลับ
มีแต่หนานหนานเท่านั้นที่เงียบ แม้ว่าเด็กหญิงจะอยากรู้อยากเห็น แต่นางก็ประพฤติดีมาก นางไม่ถามอะไรอีกเลย นางเพียงแค่ฟัง
หวังเฉินอี้เดินออกจากกระท่อมและหลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับการเดินทางของพวกเขาอย่างละเอียดก่อนจะถอนหายใจและกล่าวว่า
"ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซวนไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ มันถูกทำลายไป 6,000 ปีแล้วแต่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นเห็นได้ชัดว่ายังมียอดฝีมือระดับสูงของพวกเขาหลงเหลืออยู่หลายคน"
“ดินแดนแห่งนี้มีภูมิประเทศที่งดงามและเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้เทียนซวนล่มสลายไปแล้ว แต่ทำไมถึงยังไม่มีผู้ใดเข้ามาครอบครองสถานที่แห่งนี้” ต้าเฮยสงสัย
“ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ต้องการครอบครองแต่พวกเขาไม่มีปัญญาทำต่างหาก” หวังเฉินอี้กล่าว เขาอยู่ที่นี่มานานมันจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะมีโอกาสไปเยี่ยมเยียนสถานที่แห่งนั้นเป็นบางครั้ง