เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 175
ตอนที่ 175
นกขนาดใหญ่พวกนั้นตัวสูงหลายจั้ง ขนของพวกมันเปล่งประกายราวกับเป็นปักษาอมตะหรือไม่ก็อสูรศักดิ์สิทธิ์ พวกมันช่างสง่างามและดูสูงส่ง
รอบด้านปรากฏกลุ่มของกวางขาวที่กำลังดื่มน้ำจากทะเลสาบอยู่ ความงดงามที่เกิดขึ้นคล้ายว่าที่แห่งนี้เป็นสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน
กลางทะเลสาบนั้น มีเกาะขนาดเล็กตั้งอยู่และมันทำมาจากศิลาสีเขียว ความกว้างของเกาะแห่งนั้นเพียงมิกี่ร้อยฉื่อเท่านั้น ด้านบนของมันมีหม้อสามขาโบราณจำนวนหนึ่งอยู่ พวกมันลอยล่องอยู่ท่ามกลางแสงปริศนา
“มันดูเหมือนว่าจะยังมิสมบูรณ์ คาดว่าเป็นสมบัติที่อยู่ในระดับหมุนวนลมปราณเท่านั้น” หลินซวนในท่าเท้าเจ็ดก้าวสวรรค์กลับกลายออกมาและไปปรากฏตัวอยู่บนเกาะแห่งนั้นในชั่วพริบตา เขาต้องการจะลองสำรวจที่แห่งนี้ และกำลังเดินเข้าไปเพื่อดูหม้อสามขาเหล่านั้นใกล้ๆ
ทว่า ก่อนที่หลินซวนจะได้กระทำสิ่งใด เขาก็สัมผัสได้ถึงผู้คนที่กำลังเดินเข้ามา
“บนเกาะแห่งนั้นมีสมบัติอยู่ ช้าก่อน! เหตุใดจึงมีเด็กน้อยอยู่ที่นั่น?”
“เจ้าหนูคนนั้นมาจากที่แห่งใด? ย่อมไม่ถูกต้องแล้ว ที่แห่งนี้จะมีเด็กตัวเล็กๆ เข้ามาได้อย่างไรกัน?”
เสียงพูดคุยดังขึ้น กลุ่มของอัจฉริยะรุ่นเยาว์เดินใกล้เข้ามา หลังจากมองเห็นสถานการณ์ทั้งหมด พวกเขาก็เอ่ยด้วยความสับสนและสีหน้าประหลาดใจยิ่ง
“เหตุใดเขาจึงอายุน้อยเพียงนี้? ดูเหมือนเป็นทารกวัยเพียงหนึ่งหนาวเท่านั้น”
“ทารกวัยเพียงเท่านี้จะมายังจุดศูนย์กลางของแดนลึกลับได้เช่นไร? ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเด็กมากนัก คนในตระกูลจะไม่เป็นห่วงเอาหรือ? ต่อให้มีสมบัติอยู่ แต่เจ้าหนูน้อยคนนั้นคงไม่สามารถจะยกมันขึ้นมาได้เสียด้วยซ้ำไป”
เมื่อคนเหล่านั้นมองเห็นหลินซวนที่เป็นเพียงทารกน้อยคนหนึ่ง หัวใจของพวกเขาก็ผ่อนคลายลง มีกระทั่งเด็กสาวบางคนในกลุ่มของพวกเขาที่เมื่อได้เห็นใบหน้าอันน่ารักของหลินซวนก็อดมิได้ที่จะสงสารเขาขึ้นมา พวกเขาจึงเดินเข้าไปและเอ่ยถาม
“เจ้าหนู เจ้ามาจากตระกูลใด? อาศัยอยู่ที่ไหนแล้วผู้ดูแลของเจ้าเล่า?”
หลินซวนมองไปยังกลุ่มของรุ่นเยาว์เหล่านั้นพลางเคาะศิลาเขียวที่เหยียบยืนอยู่
“นิกายสุสานศักดิ์สิทธิ์ ซวนหลิน”
“พวกเจ้ามาจากที่ใด? มิรู้หรือว่ามารยาทควรเอ่ยชื่อของตนก่อนถามความเป็นมาของผู้อื่น?”
คนเหล่านั้นชะงักไปชั่วครู่ มิคิดว่าเจ้าเด็กผู้นั้นที่ดูน่ารักน่าชังจะมีน้ำเสียงเย็นชาเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม สุสานศักดิ์สิทธิ์.... ควรจะเป็นกองกำลังหนึ่งของอาณาจักรชี่ในอาณาเขตเหนือครามใช่หรือไม่?
“ข้าได้ยินมาว่าครึ่งปีก่อน ราชวงศ์อมตะกระทำการอุกอาจสังหารเหล่าอัจฉริยะมากมายของอาณาเขตเหนือครามไป ในหมู่เหยื่อเหล่านั้น มีคนของสุสานศักดิ์สิทธิ์ถูกสังหารไปเช่นกัน” รุ่นเยาว์คนหนึ่งขมวดคิ้วพลางกล่าว
“อีกทั้ง หลังจากนั้นสุสานศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องการจะแก้แค้นทว่าถูกคุกคามโดยราชวงศ์อมตะ ทำให้เกิดความเสียหายมากมาย พวกเขาถึงขั้นหลุดจากกองกำลังที่อยู่ในร้อยอันดับแรกของอาณาเขตเหนือครามไปสู่ลำดับที่สามร้อย ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ส่งอัจฉริยะของตนเข้ามาบ้างหากแต่ถูกคนจากราชวงศ์อมตะถีบส่งออกไปจากแดนลึกลับจนหมดสิ้นแล้ว....ใช่แล้ว เจ้าหนู พี่ชายพี่สาวของเจ้ายังอยู่แถวนี้หรือไม่?”
หลินซวนที่มิได้ต้องการจะใส่ใจกลุ่มคนเหล่านี้เพราะค้นพบว่าพวกเขาเป็นเพียงผู้บ่มเพาะในแดนปรับปรุงกาย ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็อยู่ในขั้นที่หนึ่งของแดนปรับปรุงปราณเท่านั้น
หลินซวนยังคงเคาะพื้นหินต่อไปและถาม
“เหตุใดจึงถามถึงคนจากนิกายข้า? หรือว่าพวกเจ้าต้องการแย่งชิงสมบัติไปหรือ?”
เมื่อหลินซวนกล่าวเช่นนั้น เหล่าอัจฉริยะวัยเยาว์ทั้งหลายก็มิรู้ว่าต้องเอ่ยเช่นไร
จริงอยู่ที่พวกเขามายังแดนลึกลับแห่งนี้เพื่อค้นหาสมบัติ ทว่าอย่างไรก็ตาม พวกเขาก็เป็นยอดอัจฉริยะที่เกิดมาจากกองกำลังขนาดใหญ่ในอาณาเขตสงคราม พวกเขายังมิได้สิ้นหวังเสียจนต้องแย่งชิงสมบัติขั้นหมุนวนทะเลปราณนั้นจากเด็กน้อย!
ถึงเป็นเช่นนั้น แต่พวกเขาบางคนก็เริ่มค้นหาบริเวณโดยรอบ เผื่อว่าอาจจะโชคดีได้พบกับสมบัติที่ซ่อนอยู่
เหล่าดรุณีน้อยทั้งหลายเริ่มไปห้อมล้อมหลินซวนและถามคำถามกับเขา ถึงขั้นเริ่มหยอกล้อทารกน้อย ทำให้หลินซวนอดจะรำคาญมิได้
“เจ้าหนู เจ้าอายุเท่าไหร่กัน?”
“หนึ่งปี” หลินซวนรับรู้ได้ว่าเด็กสาวเหล่านี้มิได้มีเจตนาไม่ดีแต่อย่างใด ดังนั้นเขาจึงยังคงสำรวจต่อไป เพราะสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งถูกซ่อนอยู่ภายใต้ศิลาสีเขียวเหล่านั้น
“เจ้าถูกโยนเข้ามาในแดนลึกลับตั้งแต่ยังเด็กเช่นนี้ อาวุโสในตระกูลเจ้านี่ช่าง....” หญิงสาวคนหนึ่งที่รับรู้ว่าอายุเขาน้อยเพียงนี้ก็ไม่พอใจเท่าใดนัก เพราะนางทราบดีว่าในแดนลึกลับนั้นมีอันตรายมากมายเพียงใด และต้องการจะทวงความยุติธรรมให้เด็กน้อยเบื้องหน้าอยู่บ้าง
“ข้าเป็นคนตัดสินมายังแดนลึกลับด้วยตนเอง มิใช่เหล่าอาวุโสตระกูลข้าหรอกที่บีบบังคับให้เข้ามา” หลินซวนเพียงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจพลางเคาะก้อนหินต่อไป
“เจ้ามาที่นี่เพียงผู้เดียวหรือ? เช่นนั้น ระดับการบ่มเพาะของเจ้าคือระดับใด?” เด็กสาวคนหนึ่งแสดงความสงสัยและแตะใบหน้าของหลินซวนเบาๆ
หลินซวนหันศีรษะหลบและยังคงสำรวจก้อนหินเหล่านั้นต่อไป ก่อนจะเฉลยสิ่งที่ค้างคาใจของพวกนาง
“จะให้ข้าพูดเช่นไรดี? จะบอกว่าสูงกว่าระดับบ่มเพาะของเจ้าอยู่บ้าง อันที่จริง ก็มิได้มากมายเช่นนั้น และหยุดยุ่มย่ามกับข้าเสียที ข้ากำลังค้นหาบางอย่างอยู่”
ดรุณีน้อยทั้งหลายรู้สึกช่วยมิได้ขึ้นอยู่บ้าง เด็กน้อยวัยเพียงปีเดียวจะทรงพลังได้เท่าใดกัน? เขากำลังค้นหาสมบัติใดอยู่?
อย่างไรก็ตาม หลินซวนยังคงมองหาไปรอบๆ และมิได้สนใจผู้ใด ท้ายที่สุดเขาก็ค้นพบฐานของค่ายกลที่แตกหัก จึงได้ส่งปราณม่วงของตนไปกระตุ้นมัน จากนั้นประตูทางเข้าลับก็เปิดขึ้น!
บัดนี้ ผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึง พวกเขามิคาดคิดเลยว่าเด็กน้อยผู้นี้จะทรงพลังถึงขั้นสามารถค้นหาค่ายกลที่ซ่อนอยู่และเปิดประตูลับขึ้นมาได้!
ภายในประตูลับแห่งนั้นเป็นดินแดนหนึ่งซึ่งมิได้ใหญ่โตมากนัก มีขนาดเพียงสวนสมุนไพรเล็กๆ ทว่าภายในเต็มไปด้วยแสงสว่างลอยอ้อยอิ่ง และมองเห็นได้ถึงสมุนไพรมากมายที่อยู่ในนั้น
หลินซวนเดินเข้าไปด้านในและกำลังสังเกตสมุนไพรทั้งหลาย ก่อนจะค้นพบว่าสมุนไพรเหล่านี้ค่อนข้างหายากอยู่บ้าง และส่วนใหญ่จะใช้กันในผู้ฝึกตนระดับแดนปราณอาณาเขตม่วง
“เจ้ามิจำเป็นต้องรู้สึกแย่หรอก นี่เป็นเรื่องธรรมดาเท่านั้น อย่างไรเสียที่แห่งนี้ก็ยังเป็นเพียงชายขอบของแดนลึกลับเท่านั้น” เด็กสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาและถอนหายใจ
“ชายขอบของแดนลึกลับ?” หลินซวนสับสนเล็กน้อย
เหตุใดผู้พิทักษ์วิญญาณจึงส่งเขามายังชายขอบของแดนลึกลับแห่งนี้? หรือว่าอีกฝ่ายต้องการให้เขาเริ่มจากบริเวณที่ไม่อันตรายมากนักก่อนจะค่อยๆ ฝ่าฟันเข้าไปยังส่วนลึก?
อย่างไรเสีย หลินซวนก็มิได้ขบคิดมากมายนักและนำเอาสมุนไพรเหล่านี้ติดตัวกลับมา
“เจ้าหนู สมุนไพรที่เจ้าค้นพบมีหญ้าบุปผาหยกอายุสามพันปีรวมอยู่ด้วย หากเจ้ามอบมันให้กับข้า ข้าจะมอบหินวิญญาณขั้นสูงจำนวนให้ห้าสิบก้อนตอบแทน เจ้าคิดเช่นไร?” อยู่ๆ รุ่นเยาว์ผู้หนึ่งในกลุ่มนั้นก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงร้อนรนเล็กน้อย
หลินซวนมองไปยังชายคนนั้น ในดวงตาปรากฏแววเฉยชา
“เจ้าหนู อย่าได้คิดว่าข้ากำลังหลอกเจ้าอยู่ ราคานี้เป็นราคาที่ดียิ่ง อีกทั้ง ข้าก็มิได้บีบบังคับเจ้าให้ส่งมันมา ข้าไม่ได้ต้องการเอาเปรียบเจ้า เพียงแต่ว่าสมุนไพรต้นนี้หายากอยู่บ้าง และข้าก็มิได้ต้องการจะลอบโจมตีเจ้า ไม่เช่นนั้นข้าคงลงมือไปนานแล้ว...” ชายหนุ่มคนนั้นรู้สึกช่วยมิได้ขึ้นมาพลางยกมือคล้ายกำลังพยายามแสดงความบริสุทธิ์ใจ