ตอนที่3 ราชามาเฟียเรียกชื่อเธอเป็นการส่วนตัว
ในขณะที่หลีหัว ที่กำลังนั่งเท้าแขนเหมอๆอยู่บนโต๊ะนั้น เธอเกือบสะดุดลื่นล้มตกจากเก้าอี้ เธออ้าปากค้าง ปากเธอสั่นและดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ
พระเจ้าหนุ่มรูปหล่อพูดได้เหรอ?
เหมิงหยาตีหัวเธอ “สมองของเธอยังดีอยู่หรือเปล่า เขาพูดได้ เขาเป็นใบ้อย่างไร?” “นี่ นี่ ที่เขาพูด...”
เหมิงหยามองดูเธออย่างดูแคลน “ทุกคนได้ยินเสียงของเขาพูด ไม่เพียงแต่พูดได้ แต่เขายังเรียกชื่อเธออีกด้วย”
“ทำไมเธอถึงคิดว่าเขาเป็นใบ้”
“เพราะตอนที่ฉันพูดกับเขา เขากลับไม่ตอบคำถามฉันยังไงล่ะ”
ทำไมเพื่อนของเธอมีวิธีคิดแบบนี้ได้อย่างไร “หลีหัวเธอไม่คิดบ้างเลยเหรอว่า เขาอาจจะเป็นคนธรรมดาๆเงียบๆ แล้วเธอก็คิดเอาเองว่าเขาเป็นใบ้ เธอนี้งี่เง่าจริงๆ”
ศาสตราจารย์พูดอย่างเคร่งขรึม “ซงหลีหัว ลุกขึ้น”
หลีหัวลุกขึ้นยืนนิ่งราวกับเป็นทหาร “ค่ะท่าน”
สายตาของเธอสบตากับสายตาของเขา แต่เธอกลับหลบสายตาของเขา ด้วยความเขินอายและประหม่าอย่างที่สุด
โอ้! เจ้าชายสุดหล่อของฉัน ปกติแล้วฉันอยากจดจำชายผู้นี้ไว้ แต่ตอนนี้ในใจของฉัน ขอร้องให้ฉันลืมเขาเสียเถอะ ลืมเขา ลืมเขา เราไม่เคยเจอกันเลย เขาไม่เคยเห็นฉันคลั่งเลย
“ฉันอยากจะลบความทรงจำนี้ออกไปเสียที โว้ย!” แต่หลังจากนั้น เธอก็พูดอะไรไม่ออกเลย เขาแค่เรียกชื่อเธอก็เท่านั้น
ทุกคนกำลังคิดว่า หลีหัวคิดผิดและกำลังถูกหักหน้า สองสามนาทีผ่านไป แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิด
ศาสตราจารย์ขมวดคิ้ว “ทำไมเขาไม่พูดอะไรเลย?” แล้วเขาก็ลูบที่คอของเขา
“เออ คุณเจียงครับ คุณเรียกชื่อคุณซงหลีหัว คุณมีอะไรจะพูดกับเธอมั้ยครับ?”
เขาไม่ตอบคำถามศาสตราจารย์ ความเงียบเกาะกินภายในใจของหลีหัว ทำให้เกิดอาการกระอักกระอวนอยู่ในใจของเธอ
ความสนใจของเขาจดจ่ออยู่กับหลีหัวอย่างเต็มที่ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ
ผู้ชายที่หล่อขั้นเทพคนนี้ คุณโกรธฉันขนาดนี้เลยเหรอ? เธอร้อง!ได้โปรดพูดอะไรสักหน่อยเถอะ ความสงสัยนี้มันช่างน่ากลัวมากเหลือเกิน
ทันใดนั้นประตูห้องสัมมนาก็ถูกเปิดออก และมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ หายใจหอบเหนื่อย
“ขอบโทษครับเจ้านาย! ผมมาสาย” แต่ราชามาเฟียก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ศาสตราจารย์ถามขึ้นว่า “คุณคือ...” เขายืดตัวขึ้น “ผมชื่อ ฟูเหรินชู เป็นผู้ช่วยหัวเจ้านายครับ”
โอ้! จริงๆแล้ว คุณเจียงเรียกชื่อคุณซงหลีหัว แต่...เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลย อย่างที่คุณได้ยิน...ฟูเหรินชูพูดโอ้! บอสคิดว่าคุณเข้าใจแล้ว มันชัดเจนมากไม่ใช่เหรอครับ? ทุกคนคิดรวมทั้งศาสตราจารย์ด้วยใช่ไหมครับ
เขาถอนหายหายใจ “เอาจริงๆนะ...ผมคิดว่านักศึกษาและอาจารย์ที่นี้ฉลาด เมื่อเราพิจารณาว่า วิทยาลัยแห่งนี้มีชื่อเสียงมากเพียงใด คุณจะไม่เข้าใจข้อความง่ายๆของบอส ได้อย่างไร
เขาเรียกชื่อ ซงหลีหัว เพราะว่าเขาได้จ้างเธอให้ทำงานที่ เจียง อินดัสทรีแล้ว
หลีหัวชะงัก เธอกระพริบตาหลายๆครั้ง ฉันได้ยินอะไรผิดหรือเปล่า?
ศาสตราจารย์ก็ตอบว่า นั่นสินะ!
ฟูเหรินชู ขมวดคิ้ว “แม้ว่าเจ้านายไม่ได้คุยอะไรกับเธอ แต่เธอก็ผ่านการเลือกสรร จากการจัดงานสัมมนาในครั้งนี้
เขาไม่คิดที่จะพูดอะไรมากไปกว่านี้แล้วเหรอ “นักศึกษาคิดอย่างงงๆ”
ในที่สุดหลีหัว ก็จ้องมองไปที่ใบหน้าของเขา ด้วยความไม่เชื่อมั่นตัวเอง เขา – เขาเลือกฉันเหรอ? เขาควรหันหลังให้ฉันไม่ใช่เหรอ?
“คุณไม่ด่าฉันใช่ไหม?” คำถามนี้มันหลุดออกมาจากริมฝีปากของเธอ แล้วเธอก็กัดลิ้นตัวเองตัวเองทันที เวร! ความเงียบ
ราชามาเฟียมองหลีหัวตาไม่กระพริบ ฟูเหรินชูถามแบบโกรธๆ “เจ้านายถามว่า ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้น”
หลีหัวตกใจ เขารู้ได้อย่างไร? เขามีกระแสจิตหรือไม่ เหมิงหยารู้สึกเห็นใจหลีหัว
โอ้! หลีหัวผู้น่าสงสาร
“ที...” ทำไมฉันคิดว่าคุณเป็นใบ้ ฉันตบไหล่คุณด้วยความสงสาร ทั้งๆที่คุณไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิด ฉันทำแบบนี้กับผู้บริหารได้อย่างไร ฉันควรจะตาย แทนที่จะได้รับเลือกให้เข้าไปทำงาน เธอควรจะปิดปากเธอไว้ให้สนิท “ไม่เป็นไรนะ”
“เอาล่ะ จบเรื่องแล้ว เราจะส่งหนังสือเอกสารนัดหมาย อย่างเป็นทางการให้คุณเร็วๆนี้ อย่าลืมมาให้ตรงเวลาด้วยนะ”
“ค่ะท่าน” ขอบคุณมากที่เลือกฉัน ฉันรู้สึกซาบซึ้งมาก ในโอกาสนี้ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้คุณผิดหวัง”
เขาจ้องมองมาที่เธอ เป็นเวลานาน และจากไปโดยไม่พูดอะไรอีกเลย หลีหัวทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ของเธอ รู้สึกอ่อนล้าและหมดแรง ราวกับว่าเธอพึ่งจะชนะสงครามมา
เหมิงหยาหัวเราะคิกคัก “ฟูเหรินชู เป็นผู้ช่วยหรือนักแปลของเขา” เป็นคำถามที่ดีอะนะ แต่ฉันรู้สึกเหนื่อยมาก เหมือนฉันกำลังเล่นเกมทายผลอยู่ แต่ฉันก็เป็นผู้แพ้อย่างมหันต์
“จริงสินะ เขาเป็นคนหล่อมาก แต่เขาก็เป็นคนประหลาดไปหน่อย” หลีหัวตบไหล่เหมิงหยา “อย่าพูดแบบนี้ถึงผู้ชายที่หล่อเหลาของฉัน เขาไม่ได้ผิดปกติ แต่เขาแค่เป็นคนเงียบขรึมไปหน่อยเท่านั้นเอง”
“...” นี่อย่ามากล่าวหาฉันนะ! “อย่างไรก็ดี หลีหัวยินดีด้วยนะที่เธอได้งานทำแล้ว และเขาก็จะโทรหาเธอเป็นการส่วนตัว ให้ตายสิ! ตอนนี้พวกเราทุกคนอิจฉาเธอมากนะ เหมิงหยาหัวเราะคิกคักและขยิบตา
หลีหัวยิ้มอย่างเขินอาย “ฉันก็มีความสุขเหมือนกัน ที่รักเรียกชื่อของฉัน อ้ามันช่างสวยงามไพเราะเพราะพริ้งเหลือเกิน ที่มันออกมาจากริมฝีปากของเขา” เธอพูดอย่างละเมอเพ้อฝัน
“วันนี้ฉันเพิ่งจะพบกับเขา จะมีความรักได้อย่างไร อย่าลืมว่าตอนนี้ เขาเป็นเจ้านายของเธอแล้ว” หลีหัวอ้าปากค้าง จากนั้นเธอก็ร้อง “ฉันจะทำอย่างไรดี ถ้าบริษัทเขาไม่อนุญาต ให้มีความสัมพันธ์ในที่ทำงาน”...“เธอถอนหายใจ”หลีหัวเป็นไปไม่ได้”
หลังจากพิธีสัมมนาเสร็จสิ้นลง หลีหัวก็ผิวปากร้องเพลงอย่างมีความสุข ฉันได้งานแล้ว! ฉันได้งานแล้ว! และเจ้าของบริษัทก็เป็นชายหนุ่มรูปหล่อของฉัน พระเจ้าลิขิตเขามาให้ฉันแล้วเหรอ?
ทันใดนั้นเอง หลีหัวก็เปิดตากว้าง ขณะที่เท้าของเธอสะดุดเข้ากับบางสิ่ง แล้เธอก็ล้มลงกับพื้น
“เชอะ! เชอะ! หลีหัวตอนนี้เธอเดินไม่ถูกเลยเหรอ?” “อย่าเข้าไปใกล้เธอ ความซุ่มซ่ามของเธอมันไม่มีทางรักษา ฉันจับได้แล้วล่ะ” หลู่เจียและเพื่อนๆหัวเราะเยาะเธอ
“อุ้ย! อุ้ย! หลีหัวขมวดคิ้ว ร้องด้วยความเจ็บปวด ที่หัวเข่าและข้อศอกของเธอมีรอยฟอกช้ำจากการถูกกระแทก ขณะที่เธอเงยศีรษะขึ้น เธอพบว่ามีชายหนุ่มร่างสูง ผอมบางขายาวยืนสบตาเธอ”อ่า มาทันเวลาพอดี ช่วยพยุงฉันลุกขึ้นที”
ชายหนุ่มคนนั้นก็รีบถอดเสื้อคลุมของเขา มาคลุมร่างของเธอ เธอดึงเสื้อคลุมนั้นเข้ามาทันทีที่ได้รับความช่วยเหลือ จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นและเธอก็จับมือเขาเขย่าแรงๆ
“คุณคือผู้ที่มาช่วยเหลือชีวิตฉัน ฮิ ฮิ ขอบคุณมากนะค่ะ”
จากนั้นราวกับสายฟ้าฟาดลงมาที่เธอ เธอยืนนิ่งไม่ไหวติง เธอไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้ และหลังจากนั้น เธอก็พูดตะกุกตะกัก พระเจ้า พระเจ้า พระเจ้า เจ้าชายรูปหล่อ...