ตอนที่ 9 ราชามาเฟียเป็นมาสเตอร์เซฟ
หลีหัวตัวสั่นเมื่อเห็นเช็คเปล่า เธอขยี้ตามองเขาด้วยความตกใจ จิตใจของเธอสับสนวุ่นวายไปหมด
“บอส ...นี่คือเช็คเปล่าที่คุณเซ็นไว้นะค่ะ”
เหว่ยตอบว่า “ใช่”
“เป็นเช็คที่ฉันสามารถเขียนตัวเลขจำนวนเงินเท่าไรก็ได้ในช่องจำนวนเงินแล้วเข้าบัญชีของฉันได้เลยใช่มั้ยค่ะ”
เหว่ยตอบว่า “ใช่”
“จำนวนเท่าไรก็ได้ไม่มีขีดจำกัด”
“ใช่”
“แต่ฉันมีปัญหาอีกอย่างหนึ่ง”
“อะไรเหรอ?”
“คุณให้เงินฉันทำไม?”
เหว่ยเอียงศีรษะของเขา“คุณเสียเวลามาช่วยเหลือผมและคุณก็พยายามซ่อมก๊อกน้ำให้ผมด้วย”
แล้วฉันก็ได้รับเช็คเปล่าจากคุณนี้นะ ที่ฉันได้ไปขจัดสิ่งสกปรกออกจากก๊อกน้ำในห้องน้ำให้คุณเหรอค่ะ!
เหงื่อของหลีหัวผุดขึ้นเต็มหน้าผากไปหมด “บอสค่ะฉันคิดว่าคุณไม่เข้าใจมันเป็นเพียงการแก้ปัญหาเล็กๆน้อยๆ ฉันไม่สามารถรับเช็คเปล่าจากคุณได้หรอกค่ะ”
ทันใดนั้นหลีหัวรู้สึกประหม่า เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ชายที่ยื่นเช็คเปล่าให้เธออย่างง่ายดาย
“เจ้าชายรูปหล่อขั้นเทพคุณเป็นใคร? คำจำกัดความของเงินและรางวัลของคุณอยู่เหนือโลกนี้มากเกินไปหรือเปล่า
คิ้วของเหว่ยย่น “คุณช่วยเหลือผม ผมก็ให้รางวัลคุณ คุณจะคิดเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร”
หลีหัวกระพริบตาของเธอ รอยยิ้มของเธอสั่นสะท้านขณะที่เธอพูด “บอสค่ะสำหรับใครบางคนที่คิดว่าการช่วยเหลือกันนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าได้รับการสมนาคุณจากบอสด้วยเช็คเปล่านี้ ถ้ามีการขโมยความมั่งคั่งจากคุณไป มันคงเป็นเรื่องง่ายมากจริงๆนะค่ะ”
เหว่ยเหลือบมองหลีหัวด้วยความสงสัย “สำหรับคนที่ทำงานดีทำไมถึงไม่ได้รับรางวัล”
“บอสสำหรับเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้แค่คำขอบคุณง่ายๆก็เพียงพอแล้วค่ะ”
เหว่ยเอามือแตะคางตัวเองครุ่นคิดอยู่ลึกๆ “ขอบคุณเหรอ ?”
หลีหัวพยักหน้า “ใช่”
“มันน่าพอใจมากกว่าการให้เงินเหรอ”
เธอมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง การช่วยเหลือกันไม่จำเป็นต้องตอบแทนด้วยเงิน โดยเฉพาะการซ่อมแซมก๊อกน้ำเป็นการแสดงความจริงใจต่อกัน
เหว่ยมองลงไปที่เช็คของเขา แล้วมองกลับไปที่หลีหัว
“ผมให้เช็คนี้กับคุณด้วยความจริงใจทั้งหมดของผมเลย”
ทำไมฉันรู้สึกว่าเราสองคนพูดกันเข้าใจกันยากจังเลย น้ำตาหลีหัวคลอเบ้า “บอส สิ่งที่ฉันหมายถึงคือ ฉันไม่ต้องการเงิน แค่คำขอบคุณก็เพียงพอแล้วสำหรับฉัน”
เขาเม้มริมฝีปาก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับผลลัพธ์ที่ได้
“คุณเป็นคนแปลก ไม่มีใครปฏิเสธรางวัลของผมมาก่อนเลย คุณพูดอะไรที่เข้าใจยากจัง แค่สองคำก็เพียงพอแล้ว ผมไม่เคยเจอคนแบบคุณเลย” หลีหัวอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“บอส คุณไม่เคยขอบคุณใครมาก่อนเลยเหรอ? แค่พูดคำว่าขอบคุณ”
“ไม่” เขาพูดเงียบๆโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “แม้ว่าคนอื่นจะพูดสองคำนี้กับผมหลายๆครั้งก็ตาม”
ปากของหลีหัวกระตุก ตอนนี้หลีหัวมั่นใจแล้วว่า ไม่เพียงแต่เขาเป็นเจ้านายที่หล่อเหลาขั้นเทพแล้ว เขายังเป็นมนุษย์ต่างด้าวอีกด้วย เขารวยมากเขาก็เลยใช้เงินซื้อทุกอย่างเหมือนลูกคนรวยทั่วๆไป แต่เขาก็เป็นคนที่จริงใจและไม่ดูถูกเธอ การช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นเรื่องแปลกสำหรับเขา
หลีหัวพูดขึ้นว่า “ถ้าคุณไม่พอใจกับการขอบคุณ คุณก็สามารถขอบคุณฉันได้ด้วยการทำความสะอาดห้องครัวก็แล้วกัน” ทั้ง ๆ ที่เป็นความผิดของฉันเองที่เป็นฝ่ายเริ่มต้น...
“การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ก็เป็นการแสดงความขอบคุณเหมือนกัน และความรักที่กำลังเบ่งบานอีกด้วย”
“ช่วยคุณเหรอ ?”
“ใช่ค่ะ เราจะทำความสะอาดห้องครัวด้วยกันและทำอาหารด้วย วันนี้ฉันจะทำอาหารเย็นต้อนรับคุณนะค่ะ”
“เข้าใจแล้ว”
เหว่ยตามหลีหัวเข้าไปในบ้านของเธอและเธอก็กลืนน้ำลายเมื่อเห็นสภาพห้องครัวของเธอ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลย และเริ่มทำงาน จัดเก็บสิ่งของที่รกระเกะระกะให้เข้าที่เข้าทาง ดูดีเหมือนตอนที่เขาเคยช่วยเหลือเธอจัดเก็บเรียบเรียงเอกสารวิทยานิพนธ์ของเธอได้อย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบ
"บ - บอส รอฉันด้วย เขาทำอย่างรวดเร็วขณะที่เธอยังยืนนิ่งไม่ได้ช่วยทำอะไรเขาเลย”
เมื่อถึงเวลาทำอาหาร เหว่ยได้แสดงฝีมืออีกอย่างหนึ่งสำหรับเขา หลีหัวคิดว่าบอสน้อยผู้มั่งคั่งและร่ำรวยคนนี้คงจะทำอะไรไม่เป็นเลยเกี่ยวกับการเข้าครัว แต่เธอก็ต้องตกใจมากเพราะว่าเขาเก่งระดับเชฟมืออาชีพ
“บอส คุณทำอาหารเป็นมั้ยค่ะ?
“นิดหน่อย”
นี่ไม่ใช่นิดหน่อยแล้ว คุณเก่งระดับเชฟมืออาชีพ คุณสามารถเปิดโรงแรมระดับ 5 ดาว ด้วยตัวคุณเองได้นะค่ะ
เขาสามารถปรุงอาหารในครัวของหลีหัวเสร็จได้ในเวลาอันรวดเร็วและกลิ่นหอมอร่อยของอาหารลอยมาเตะจมูก ซึ่งน่ารับประทานมาก แกงในหม้อดูรสเผ็ดและมีกลิ่นหอม
“บอสช่วยบอกฉันทีว่าคุณไปเรียนวิชาการทำอาหารมาจากที่ไหนค่ะ?”
เหว่ยเหลือบมองท่าทางอ้อนวอนของหลีหัว “เรียนการทำอาหารผ่านวีดีโอ”
“แค่นั้นเหรอค่ะ?”
“ใช่”
“สามารถทำให้คุณเก่งและเยี่ยมมากขนาดนี้เลยเหรอ!”
เขาพยักหน้า “มันง่ายมาก ๆ”
ถ้ามันง่ายขนาดนั้น ทำไมฉันถึงทำอาหารไม่เป็นแบบนี้เลยค่ะ”
เหว่ยไม่ได้ดูถูกหรือเยาะเย้ยอะไรหลีหัว ที่เธอได้ชื่นชมเขาคำพูดต่อไปของเหว่ยคือ “คุณขาดพรสวรรค์”
วันนี้หลีหัวอยากจะแทรกตัวหนีหายไปและบอกลาโลกที่โหดร้ายนี้ไปให้ไกล ๆ
เหว่ยพูดว่า “ทุกอย่างเรียนรู้ได้จากการกระทำ ถ้าทำตามวิธีขั้นตอนก็ไม่น่ามีปัญหา ถ้าทำไม่ได้ก็พูดง่ายๆสั้นๆว่า”เป็นคนโง่”
“ทำไมวันนี้ฉันถึงโดนด่า ฉันทำอะไรผิดเหรอ”
หลีหัวร้อง “ที่ฉันสนิทกับคุณนี้มันช่างโหดร้ายจริงๆ ฉันไม่ใช่คนโง่นะ ฉันแค่มีเวลาน้อยเท่านั้นเอง”
“.....”
“เอาล่ะให้ผู้ชายคนนี้มายืนอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันจะแสดงให้เขาเห็นว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนโง่”
หลีหัวอยากมาถามเพื่อนของเขาว่า “เธอคิดว่าฉันเป็นคนโง่ด้วยเหรอ” ความคิดของเพื่อนเขามันต้องแตกต่างจากเจ้าชายที่หล่อเหลาของเธอแน่นอน
เหว่ยจ้องไปที่ดวงตากลมใสสีดำของเธอ ที่ส่องประกายด้วยความหวัง ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
“คุณไม่ใช่คนโง่” ดวงตาของหลีหัวสว่างขึ้น
“อา..ฉันรู้ คุณเป็นคนน่าสงสารค่ะ”