ตอนที่แล้วตอนที่ 9 ราชามาเฟียเป็นมาสเตอร์เซฟ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11ตอนที่ 11 ราชามาเฟียไม่ชอบให้ผู้หญิงแตะต้องตัวเขา ราชามาเฟียไม่ชอบให้ผู้หญิงแตะต้องตัวเขา เมื่อพวกเขาก้าวออกไปข้างนอกแล้ว หลีหัวคิดหนักก็ได้ตั้งคำถามว่า บอสคุณไม่ใช้รถเปอร์เช่หรูราคาแพงเหรอค่ะ? บอสไม่มีทางที่จะเอารถหรูของคุณมาจอดที่นี้หรอกน่ะ ฉันหมายถึงบนถนนแคบ ๆ แห่งนี้ก็ไม่มีที่ว่างให้คุณจอดรถเหมือนกันค่ะ เหว่ยเหลือบมองเธอ “คนขับรถจะขับมาที่นี่” หลีหัวไออย่างหนัก “บอสถ้าชาวบ้านแถวนี้เห็นรถหรูราคาหลายล้านดอลล่าร์ของคุณที่นี้ พวกเขาคงตกใจเมื่อรู้ว่าคุณเป็นเศรษฐี มันจะเป็นข่าวใหญ่ที่พบว่ามีซีอีโอมาพักอยู่ที่นี่และฉันคิดว่าคุณไม่ต้องการจะบอกใครๆแบบนั้น หลีหัวคาดเดาได้ว่าคนเงียบๆ อย่างเขาคงจะรำคาญอย่างมาก เหว่ยถามว่า “ดูเหมือนคุณจะมีปัญหา” หลีหัวพยักหน้า “คุณช่วยแนะนำหน่อยว่าเราจะควรทำอะไรได้บ้าง” หลีหัวให้ข้อคิด “บอสมีรถมากกว่าหนึ่งคันใช่มั้ยค่ะ” ทำไมคุณไม่ให้คนขับรถขับคันเล็ก ๆ มาเพื่อจะได้ไม่ดึงดูดความสนใจผู้คนมากเกินไป “เหว่ยพยักหน้า” ไม่กี่นาทีต่อมา หลีหัวเหมือนจะเป็นลม รถเล็ก ๆ ที่คาดเดาไว้ไม่ได้เล็กอย่างที่คิด มันมีขนาดเล็กกว่าเปอร์เช่เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม มันเป็นรถยนต์ที่มีแต่มหาเศรษฐีเท่านั้นที่สามารถซื้อได้ เป็นรถที่คนอย่างเธอเห็นได้เมื่อเวลาเธอเดินผ่านโชว์รูมเท่านั้น เธอมองแล้วก็พูดอะไรไม่ออก นี่คือคำจำกัดความของคำว่ารถเล็ก ๆ ของคุณใช่หรือไม่ค่ะ? ตามที่คาดเดาเอาไว้ ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมารอบ ๆ ต่างก็พูดพึมพำกับตัวเองเมื่อเห็นรถหรูราคาแพงคันนี้จอดอยู่ในพื้นที่ของพวกเขาเป็นครั้งแรก “โอ้โห รถสวยจังเลย” “เศรษฐีคนนั้นคือใคร?” พวกเขายิ่งตกใจขึ้นไปอีก เมื่อได้เห็นเหว่ยเขาดูดีเหมือนนายแบบที่ออกมาจากนิตยสารยอดนิยมทั้งหลาย ขณะที่รถมาจอดอยู่ตรงหน้าเธอนั้น หลีหัวรู้สึกว่าทุกคนจ้องมองมาที่เธอ คนขับรถพูดออกมาว่า “เจ้านายครับผมเอารถคันเล็ก ๆ ที่เรามีมาให้ครับ” เหว่ยตอบว่า “โอเค” เสียงของหลีหัวพูดตะกุกตะกัก “บอสรถคันนี้ดูเหมือนคนชนชั้นกลางไม่น่าจะมีนะคะ” คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย “นี่เป็นรถที่แพงที่สุดที่ฉันมีนะ” “.....” “หลีหัว” เสียงเรียกของเกาสุ่ยเป็นหนึ่งผู้ที่พักอยู่ในอพาร์ทเม้นท์เดียวกันกับเธอ ซึ่งพักอยู่ชั้นล่างถัดไปหนึ่งชั้น เกาสุ่ยเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็น เมื่อมองผู้คนที่มารวมตัวกันอยู่ด้านหน้าของอพาร์ทเม้นท์ของเธอ เธอก็ตกใจมากเมื่อเห็นหลีหัวยืนอยู่กับชายหนุ่มรูปงามข้างหน้ารถสุดหรูราคาแพงของเขา “ผู้ชายคนนั้นคือใคร?” “เกาสุ่ย” หลีหัวโบกมือทักทาย เกาสุ่ยมองสลับไปมาระหว่างเหว่ยกับหลีหัว เอ้ ! ฉันเพิ่งกลับมาถึงและผู้คนกลุ่มนี้...แล้วเมื่อเธอมองดูเหว่ยใกล้ ๆ เธอรู้สึกหัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะ “หลีหัว...เขาเป็นใครเหรอ?” หลีหัวไม่รู้ว่าจะตอบเกาสุ่ยว่าอย่างไร คงจะลำบากใจมากถ้าตัวตนของเขาในฐานะซีอีโอถูกเปิดเผย เธอคิดถึงข้อความคุกคามจากฟูเหรินชู เธอคิดว่า “ฉันจะหาวิธีปกปิดเรื่องสำหรับรถคันนี้ได้อย่างไร” เกาสุ่ยหัวเราะคิกคัก “เขาดูเหมือนกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทนะค่ะ” “เขาไม่ใช่ เขาไม่ใช่!” หลีหัวพูดระเบิดออกมารู้สึกตื่นตระหนก จากนั้นเกาสุ่ยก็มาคลอเคลียที่คอของเธอ “ฉันหมายถึงเขาเป็นคนที่น่าสงสารจริงๆ” ในการสนทนาทั้งหมดระหว่างพวกเธอ นี่เป็นครั้งแรกของเหว่ยที่ประสบปัญหาในการหันศีรษะของเขา เขาเหลือบมองดูหลีหัวอย่างเงียบ ๆ ผู้ซึ่งโกหกได้อย่างไม่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับตัวเอง เกาสุ่ยขมวดคิ้ว “กับรถแบบนี้เหรอ?” เธอหัวเราะอย่างประหม่า “ฉันจะพูดอะไรได้ล่ะเขาเป็นคนที่น่าสงสารจริง ๆ” รถคันนี้เป็นของลุงห่างๆของเขา เขาทำงานอยู่ในบริษัทของลุง ลุงรู้สึกละอายใจที่เขายากจนมาก จึงส่งรถมาให้เขาขับเพื่อรักษาภาพลักษณ์ความมั่งคั่งของเขา เขาใช้ชีวิตอย่างสงสาร ถูกลุงทารุณกรรม พวกเขาทะเลาะกันและถูกไล่ออกจากบ้านและมาอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ของเรา เขาเพิ่งย้ายมาเมื่อวานนี้เอง ปากของเกาสุ่ยกระตุกเล็กน้อย เธอคิดว่ามันยากมากที่จะแยกแยะได้เพราะว่าผู้ชายคนนี้ดูดีและมี ออร่าเขา เขาถูกทำร้ายจริงเหรอ? แต่เนื่องจากเขาไม่โต้ตอบอะไรกับสิ่งที่หลีหัวพูด เธอจำเป็นต้องเชื่อ “น่ากลัวจัง” เกาสุ่ยมองไปที่เหว่ยและก้าวไปข้างหน้า “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเกาสุ่ย ฉันพักอยู่ที่นี้อยู่ชั้นล่างห้องของหลีหัว ถัดลงไปอีกหนึ่งชั้นค่ะ เธอยิ้มและยื่นมือไปข้างหน้า เหว่ยไม่พูดและไม่ตอบสนองใด ๆ เกาสุ่ยยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น สองสามวินาที หลีหัวไอและกระซิบ “เออ...บอส...การจับมือ...” เหว่ยมองไปที่เธอและแยกริมฝีปากของเขา “ฉันไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องตัวฉัน” เกาสุ่ยเบิกตากว้างและปากของเธอเปิดออกด้วยความตกใจ “เออ...ผมขอโทษ” แก้มของเกาสุ่ยแดงด้วยความเขินอาย หลีหัวตกใจ “อา...” เธอคิดตอนที่เธอแตะไหล่ของเขา แล้วเขาก็ดึงกางเกงเพื่อที่ลุกขึ้น ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่ามีเหงื่อขึ้นที่หน้าผาก ตอนนั้นฉันทำให้บอสโกรธจริงๆเหรอ? แต่เธอก็ไม่เห็นเขาพูดว่าอะไรเลย และเธอก็ยังสงสัยอีกว่าทำไมเธอถึงยังไม่ถูกไล่ออก จากนั้นเธอก็สั่นสะท้านคิดถึงเรื่องราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้กับเหตุการณ์น้ำไม่ไหล... ถ้าเขาจริงจังกับผู้ร้ายที่ไม่มีอยู่จริงคนนั้นแล้วฉันจะทำอย่างไรดีล่ะ..? บอสกำลังวางแผนที่จะให้เธอผ่านการถูกลงโทษ ที่ทำความผิดควรได้รับโทษหรือไม่ ทันใดนั้น เธอรู้สึกตื่นเต้นมากกับการนั่งรถร่วมกันกับเขา เขาจะทิ้งเธอไว้กับทีม เอส3 ของเขาหรือไม่? หลีหัวรีบพูดขึ้นว่า “บอส ฉัน- ฉันจำได้ว่าเช้านี้ฉันไม่มีเรียน ฮ่า ฮ่า ฉันสามารถขึ้นรถบัสได้ ฉันจะไม่สาย” ริมฝีปากของเหว่ยเหยียดเป็นเส้นตรงบางๆ เขามองเธอว่างเปล่ามีความรู้สึกแปลก ๆ ซึ่งเขารู้สึกว่าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วพิมพ์ข้อความหนึ่งข้อความ หลีหัวไม่เห็นข้อความสิ่งที่เขาพิมพ์หรือพูดกับใคร แต่เธอเริ่มประหม่ามากขึ้นเรื่อย ๆ เขากำลังเรียกทีม เอส3 ของเขาเพื่อลักพาตัวเธอหรือไม่ เธอมองไปรอบ ๆ ตัวอย่างระมัดระวังราวกับว่ามีรถสีดำและเฮลิคอปเตอร์มาล้อมรอบตัวเธอ จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น ทำให้เธอตื่นจากภวังค์ อา ? ผู้ช่วยฟู ? “ซงหลีหัว ! เธอกล้าปฏิเสธข้อเสนอที่สุภาพของเจ้านายได้ยังไง ขึ้นรถเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นเธอจะถูกไล่ออก!

ตอนที่ 10 ราชามาเฟียรู้จักกับพี่สาวของหลีหัว


หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยผ่านไปด้วยดี จากคำบอกเล่าของหลีหัว เธออดทนได้อย่างไรที่มีคนมาดูถูกเยาะเย้ยเธอได้จำนวนหลายๆครั้งในต่อวัน และแล้วก็ถึงเวลาล้างจาน

“บอส คุณช่วยฉันทำความสะอาดและทำอาหารแล้ว ฉันจะล้างจานเอง”

“ตกลง”

“เดี๋ยวก่อนค่ะอย่าเพิ่งไปวันนี้ฉันมีไอศกรีมเพื่อฉลองการได้ทำงาน เราจะกินของหวานด้วยกันอยู่ต่ออีกสักหน่อยได้มั้ยค่ะ”

เหว่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ได้”

หลีหัวกระโดดเข้าไปด้านในด้วยความยินดี ฉันจะได้ใช้เวลาอยู่กับเขานานที่สุด

เขาออกไปรอที่ห้องนั่งเล่นเพราะเขาไม่มีอะไรจะทำมากไปกว่านี้แล้ว เขาจึงมองไปรอบๆ ห้อง สายตาของเขาก็เลื่อนไปที่ผนังห้องซึ่งมีกรอบรูปสองสามรูปแขวนอยู่

เหว่ยเดินไปที่กรอบรูปและหยิบขึ้นมาหนึ่งรูปมาไว้ในมือของเขา มันเป็นรูปของหลีหัวที่ยืนอยู่กับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ซึ่งในรูปนั้นทั้งคู่ยิ้มสดใส

เขาจ้องมองไปที่ผู้หญิงอีกคน อย่างไร้อารมณ์เป็นเวลานาน

“ซงเจีย”

เสียงดังยังก้องอยู่ในหูของเขา “เจียงเหว่ย แม้ว่าฉันจะตายในวันนี้ อย่าเย่อหยิ่งมากนัก ความจริงอันน่าเกลียดน่าขยะแขยงของราชามาเฟียจะต้องถูกเปิดเผยออกมาอย่างแน่นอน สักวันหนึ่งคุณจะต้องเสียใจที่ฆ่าฉัน”

มีคนเคาะไหล่ของเขา ทำให้เขาออกจากภวังค์ “บอส ฉันเอาไอศกรีมมาให้ค่ะ”

หลีหัวยิ้ม เธอมองดูรูปถ่ายในมือของเขาและยิ้มสดใสขึ้น

“โอ้! คุณคงสงสัยใช่มั้ยค่ะว่าเธอเป็นใคร เธอเป็นพี่สาวของฉันเองค่ะชื่อ ซงเจีย”

“ฉันรู้”

หลีหัวกระพริบตา “อะไรนะค่ะ คุณรู้จักพี่สาวของฉันด้วยเหรอ”

แทนที่เขาจะถามว่า “เธอเป็นใคร”

ฉันคิดว่าฉันหูฝาดไป บอสรู้จักกับพี่สาวของฉันได้อย่างไร? และแล้วสายตาของหลีหัวก็อ่อนลงและเธอยิ้มสดใส

“พี่ซงเจียทำงานในสาขาอาชญากรรม ฮ่า ฮ่า ฉันรู้สึกภูมิใจในตัวเธอมาก เธอเป็นตำรวจที่เก่งและทำงานหนักมาก เธอโชคดีและมีชื่อเสียงโด่งดัง สามารถทำงานหนักได้มากมาย ทั้งแข็งแกร่งและรักความยุติธรรม ฉันชื่นชมและรักเธอจริงๆ

เหว่ยเงียบฟังหลีหัวพูดถึงพี่สาวของเธอ

หลีหัวขมวดคิ้ว “ฉันคิดถึงเธอมาก ประมาณสองเดือนที่แล้วซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้คุยกัน เธอกำลังทำงานเกี่ยวกับคดีสำคัญและยุ่งอยู่”

“เข้าใจแล้ว”

“ปกติเราจะออกไปเที่ยวด้วยกันหรือไม่ก็คุยกันผ่านทางข้อความเสมอ แต่คราวนี้เป็นเวลาที่นานที่สุด

ที่เธอไม่ส่งข้อความถึงฉันเลย ฉันหวังว่าเธอจะปลอดภัยและสบายดี

เหว่ยไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร เหว่ยหยิบไอศกรีมจากมือของเธอ ขณะที่เขาพูดน้ำเสียงของเขามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแต่หลีหัวไม่ได้สนใจ

“เธอบอกหรือเปล่าว่าเธอไปทำงานอะไร?”

หลีหัวแตะคางครุ่นคิด “อืม....เธอไม่ได้พูดบอกอะไรมากค่ะ แต่ฉันคิดว่า เธอเคยพูดถึงบางอย่างเกี่ยวกับคนมาเฟีย  เหว่ยไม่ได้โต้ตอบอะไร

หลีหัวเม้มริมฝีปากของเธอ “บอกตามตรงนะค่ะฉันรู้สึกเป็นห่วงเธอบ้างเหมือนกัน คนมาเฟียก็เป็นคนอันตรายไม่ใช่เหรอ บางครั้งฉันก็รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ กับเธอจริง ๆ”

หลีหัวแปลกใจตัวเองที่พูดมากเกินไปเกี่ยวกับซงเจียกับคนที่เธอเพิ่งรู้จักเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง

“รับอีกสักถ้วยได้มั้ยครับ” เหว่ยถามแบบกะทันหัน ทำให้หลีหัวออกจากอาการครุ่นคิดของเธอ หลีหัวแปลกใจที่เห็นถ้วยไอศกรีมของเขาว่างเปล่า

“โอ้ บอสคุณทานหมดแล้วเหรอค่ะ ฉันยังมีอันหนึ่งฉันไปเอามาให้เดี๋ยวนี้ค่ะ”

เหว่ยจ้องไปที่กรอบรูปอีกครั้ง สายตาที่อ่านไม่ออกของเขายากที่จะเข้าใจ เขาเอารูปไปแขวนไว้ที่บนผนังเหมือนเดิมแล้วกลับมานั่งบนโซฟาอย่างสงบ

เขาส่งข้อความหาฟูเหรินชู เช็คข้อมูลเกี่บวกับซงหลีหัวว่าเธอรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซงเจียมากน้อยแค่ไหน

“ครับเจ้านาย”

เช้าวันรุ่งขึ้นหลีหัวได้รับข้อความจากหมายเลขโทรศัพท์ที่เธอไม่เคยรู้จัก ที่แท้เป็นฟูเหรินชูนี่...เก็บความลับของเธอไว้ในใจ ห้ามบอกบอสในฐานะซี อี โอ จนกว่าเขาจะไปอยู่ที่นั่นไม่เช่นนั้นเธอจะถูกไล่ออก

“.......”

ฉันเข้าใจค่ะแต่ว่า....ฉันไม่ควรบอกเรื่องนี้กับบอสมากกว่าคุณเหรอ? เธอส่งข้อความหาเขาแต่เธอกลับได้คำตอบที่รุนแรง

“ไม่มีการตั้งคำถามแค่ทำตามคำสั่ง!”

หลีหัวถอนหายใจ เธอรีบเตรียมตัวและก้าวออกจากบ้านของเธอ เธอมองไปยังบ้านของเหว่ยในความฝัน อา...มันไม่ใช่ความฝันสิ เจ้าชายที่หล่อเหลาของฉันอยู่ข้างๆ บ้านฉันจริง ๆ ฉันเห็นเขาทุกวัน..

“หลีหัว”  ป้าจางเรียกเธอ

“ป้าจาง”

“เจ้านายของหนูเป็นอย่างไรบ้าง? หลังจากกินอาหารฝีมือหนู เขายังมีชีวิตอยู่มั้ย ป้าหวังว่าเขาจะไม่ปวดท้องนะ” ป้าจางถอนหายใจ

หลีหัวไอ “ก็...มันกำลังจะแย่แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีค่ะ”

ป้าจางพยักหน้าของเธอ “ป้ารู้มั้ยว่าหนูทำพลาดอะไร?” แล้วป้าจางก็มองหลีหัวด้วยความสงสัย

“มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ คุณสองคนจูบกันหรือเปล่า”

ป้าจางตื่นเต้นเหมือนชาวบ้านที่สอดรู้สอดเห็นชอบนินทาทั่วๆไป ป้าจางจินตนาการถึงฉากเลิฟซีนที่เร่าร้อนและสัมผัสน้ำลายที่ไหลออกจากริมฝีปากของเธอ ทำให้หลีหัวคิดถึงริมฝีปากบางๆ สีชมพูของบอส คนพวกนั้นจะรู้สึกยังไงถ้าเธอได้สัมผัสจริงๆ

หลีหัวกระแอมในลำคอ “ป้านั่นมันเร็วเกินไปมั้ยค่ะ”

ปากของหลีหัวเม้ม “ฉันต้องทำอะไรอย่างช้า ๆ ไม่ใช่เร่งรีบกระโดดไปตะครุบเขา”

หลีหัวคิดว่า “เมื่อคุณต้องการความช่วยเหลือหรือคำแนะนำใดๆ จากเธอที่พักอยู่ที่นี่ คุณก็จะรู้สึกตกหลุมรักเสน่ห์ของฉันทันที”

หลีหัวหน้าแดง เธอหัวเราะคิกคัก “ใช่ ใช่ เธอทำได้ อย่าบอกใครเชียวว่าบอสรวยและไม่ควรพูดถึงซันซาย เมโดว์ มันคงจะน่ารำคาญเกินไปสำหรับบอส ถ้าทุกคนรู้ความจริง”

หลีหัวพยักหน้า “ฉันเองก็รู้สึกเหมือนกัน ไม่ต้องห่วงฉันจะไม่พูดถึงมัน”

เธอส่งจูบ “คุณเก่งที่สุดเลยตอนนี้ฉันต้องรีบไปแล้วล่ะ บาย...” หลีหัวมองไปที่ประตูห้องของเหว่ย แล้วก็ถอนหายใจ “ฉันคิดว่าฉันจะชนเขา แต่เอ่อ...” เธอคร่ำครวญ

ป้าจางดึงกระเป๋าเธอไว้  “เดี๋ยวก่อนนะ ป้ามีบางอย่างจะบอกหนู  สองสามวันนี้กลับบ้านเร็ว ๆ หน่อยนะ”

เธอทำหน้างง ทำไมค่ะป้า?

ป้าจางพูดอย่างกังวลว่า “ป้าได้ยินเขาพูดกันเรื่องผู้ชายที่สะกดรอยตามผู้หญิงในตอนกลางคืน ซึ่งมันมืดมองไม่เห็นใครเลย แต่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามมาข้างหลัง เวลาหันกลับไปมองดูอีกทีก็ไม่เห็นมีใครเดินตามมา มันน่ากลัวมากนะ ป้าก็เลยบอกให้หนูรีบกลับบ้านเร็ว ๆ”

หลีหัวพยักหน้า “หนูจะระวังตัวค่ะป้า”

ทันใดนั้น เหว่ยก็เดินออกมาข้างนอก เขาสวมสูทดูดีและสง่างาม เขาหยุดชั่วครู เมื่อเขาเห็นหลีหัวกับป้าจาง

หลีหัวทักทาย “อรุณสวัสดิ์ค่ะบอส เมื่อคืนคุณนอนบ้านใหม่เป็นอย่างไรบ้างค่ะ”

เหว่ยเล่าเหตุการณ์ที่เขามีอาการเจ็บปวดว่า เตียงนั้นมีขนาดเล็กจนเกินไปและตัวเขาเองก็ตัวสูงใหญ่จนเกินไป จนทำให้เขามีอาการปวดที่หลังในเวลาตอนตื่นเช้า”

“เมื่อคืนก็เลยนอนไม่ค่อยหลับ”

“อา?”

ป้าจางพูดว่า “เรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นได้เพราะคุณเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ ต้องใช้เวลาปรับตัวสักพัก ให้เข้ากับบ้านใหม่ของคุณนะค่ะ” โดยเฉพาะผู้ชายเช่นคุณที่อาศัยอยู่ที่ ซันซาย เมโดว์ มาก่อน”

เหว่ยเหลือบมองหลีหัว “วิทยาลัยเหรอ?”

“ใช่” หลีหัวอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

“รถเมล์ของฉัน!  ฉันจะพลาดรถแล้ว!  ฉันต้องวิ่ง

“ฉันไปล่ะ”

“เอ๋  ?  ต – นั่น”

ป้าจางสะกิดข้อศอกของหลีหัวเบา ๆ “ทำไมหนูคิดมากจัง”

ป้ากระซิบ “นี่เป็นโอกาสทองของหนูนะค่ะที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับเขามากขึ้น” แล้วหลีหัวก็ยิ้มให้เหว่ย

“ฉันคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีนะค่ะที่รัก”

หลีหัวไอ “ขอบคุณค่ะบอส”

เหว่ยพยักหน้า ขณะที่พวกเหว่ยเดินจากไป ป้าจางก็พูดขึ้นว่า “หลีหัวอย่าลืมที่ป้าพูดล่ะ เกี่ยวกับคนที่สะกดรอยตามนะ กลับบ้านให้เร็ว ๆ หน่อยนะ”

“หนูไม่ลืมค่ะป้า”  หลีหัวพูด

เหว่ยเหล่ตามองเล็กน้อย เมื่อเขาได้ยินป้าจางพูดถึงคนที่สะกดรอยตามและเหลือบมองไปที่หลีหัว จากนั้นเขาก็มองออกไป

*********

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด