MDB ตอนที่ 118 การประเมินพันธสัญญาโลหิต
เมื่อหลินจินพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เขารู้สึกว่า มันอาจจะมีโอกาสที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นจึงทำให้ เขาเริ่มมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
ทางด้านจ้าวปี่กับบุคคลนั้นยังคงแสดงอยู่
จากนั้น เขาก็เข้ามาหาหลินจินและพูดว่า “ผู้ประเมินหลิน ท่านคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?”
การกระทำทั้งหมดนี้มีขึ้นเพื่อเพิ่มอัตตาของหลินจินเพื่อให้คนหลังยอมรับการประเมินพันธสัญญาโลหิต ในเวลาเดียวกัน พวกเขาจะพยายามทำให้ผลการประเมินนี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ปรากฏขึ้น หลินจินจะต้องเผชิญกับความอับอายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ นี่คือสิ่งที่จ้าวปี่คาดการณ์ไว้ ไม่ว่าหลินจินจะเลือกเส้นทางไหนปลายของเขาจะมีความย่อยยับรออยู่ตรงนั้น
'เอาล่ะ ในเมื่อคุณรักการแสดง ฉันก็จะเล่นด้วย'
หลินจินแสดงสีหน้า 'ลังเล' ก่อนที่จะสั่นศีรษะและกระซิบว่า “ถึงแม้สิ่งที่เขาพูดมันอาจจะไม่เป็นความจริง แต่ตอนนี้ข้ายังไม่พร้อมสำหรับการประเมิน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จ้าวปี่ตอบกลับในทันทีว่า “ผู้ประเมินหลิน พวกเขาบังอาจมาหยามท่าน ท่านต้องทำอะไรสักอย่าง อย่าปล่อยให้เขาเล่นงานท่านเพียงฝ่ายเดียว!”
ผู้ชายอีกคนพยายามที่จะก้าวเข้ามาและพูดว่า “เจ้าไม่มีความกล้าใช่ไหม? ถ้าเจ้ากลัวก็แค่พูดออกมา อย่าทำตัวดื้อด้านและโง่เขลาได้แล้ว!”
เสียงของเขาดังก้องราวกับเสียงสุนัขเห่า
หลินจินแสดง ‘ความโกรธ’ ก่อนที่จะขมวดคิ้วและครุ่นคิด จากนั้นเขาก็ดึงแขนของจ้าวปี่และพูดว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการไปแต่ข้าไม่มีหินวิญญาณอยู่กับตัวในตอนนี้… ใช่ ข้าไม่มีหินวิญญาณ แล้วข้าจะไปประเมินได้อย่างไร?”
การประเมินพันธสัญญาโลหิตของสมาพันธ์นักบวชนั้นไม่ฟรี
หนึ่งต้องจ่ายสำหรับมัน
และราคาก็ค่อนข้างสูงเช่นกัน
สมาพันธ์นักบวชใช้เงินไม่เหมือนกับโลกภายนอก แทนที่จะแลกด้วยเงิน พวกเขาแลกเปลี่ยนสิ่งของกันด้วยหินวิญญาณ ว่ากันว่าเมืองจักรพรรดิและเมืองใหญ่บางเมืองก็ใช้หินวิญญาณเป็นสกุลเงินหลักเช่นกัน
ทางสมาพันธ์นักบวชจะเรียกค่าธรรมเนียมเป็นหินวิญญาณระดับต่ำสามสิบก้อนสำหรับการประเมินพันธสัญญาโลหิต แต่สิ่งนี้ใช้ได้กับพันธสัญญาโลหิตของอาณาจักรที่หนึ่งเท่านั้น
หากต้องการประเมินพันธสัญญาโลหิตของอาณาจักรที่สอง ค่าธรรมเนียมเพิ่มสูงถึงหินวิญญาณระดับต่ำเจ็ดสิบก้อน สำหรับอาณาจักรที่สาม ราคาจะอยู่ที่หินวิญญาณระดับต่ำหนึ่งร้อยห้าสิบก้อน
และการประเมินพันธสัญญาโลหิตของอาณาจักรที่สี่ค่าธรรมเนียมจะเพิ่มขึ้นสองเท่าของจำนวนก่อนหน้านี้ หากต้องประเมินไปในถึงอาณาจักรที่สี่ คน ๆ นั้นต้องจ่ายหินวิญญาณระดับต่ำกว่าห้าร้อยก้อน
ในกรณีที่ล้มเหลวในการประเมิน พวกเขาก็ยังต้องจ่ายเงินตามจำนวนดังกล่าวอยู่ดี
ทุกคนจึงคิดว่าหลินจินสามารถหา 'ข้อแก้ตัว' ที่สะดวกขึ้นมาได้
'ไม่ใช่ว่าข้าเป็นคนขี้ขลาด แต่ตอนนี้ข้าไม่มีหินวิญญาณ ว่ากันตรง ๆ พวกเจ้าไม่สามารถเรียกข้าว่าคนขี้ขลาดหรือคนโง่เขลาได้'
จ้าวปี่ไม่คิดว่าหลินจินจะ 'ไร้ยางอาย' มากพอที่จะหาข้อแก้ตัวที่น่าสมเพชเช่นนี้
'ฮึ่ม! ข้า จ้าวปี่ ข้าเป็นกุนซือที่มีชื่อเสียง ข้าได้คิดหาวิธีรับมือกับข้อแก้ตัวทั้งหมดที่เจ้าจะมีอยู่แล้ว หลินจิน วันนี้เจ้าจะต้องอับอายอย่างย่อยยับ'
หลังจากคิดกับตัวเองแล้ว จ้าวปี่ก็โบกมือและพูดอย่างไม่เห็นแก่ตัว “ไม่เป็นไร ข้า จ้าวปี่จะจ่ายหินวิญญาณที่จำเป็นสำหรับการประเมินของท่านเอง ผู้ประเมินหลิน”
จ้าวปี่คาดการณ์ไว้ว่า แม้ว่าหลินจินจะผ่านการประเมิน เขาก็จะสามารถบรรลุอาณาจักรที่หนึ่งได้มากที่สุดเท่านั้น เขาไม่รู้ว่าแม้แต่อาณาจักรที่หนึ่ง หลินจินจะสามารถบรรลุได้หรือเปล่า
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาต้องจ่ายหินวิญญาณระดับต่ำเพียงสามสิบก้อนเท่านั้นเพื่อให้แน่ใจว่าแผนของเขาจะสำเร็จ
สำหรับเขา หินวิญญาณระดับต่ำสามสิบก้อนก็ยังมีราคาที่เอื้อมถึงได้
เมื่อได้ยินข้อเสนอของจ้าวปี่ 'ความตื่นตระหนก' ก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของหลินจินทันที
จ้าวปี่มองเห็นมันด้วยสายตาที่แหลมคมและทำให้เขาพอใจ เขารำพึงในใจว่า 'มาดูกันสิว่าเจ้าจะหาข้อแก้ตัวเส็งเคร็งอะไรได้อีก'
“เจ้าจะจ่ายสำหรับการประเมินของข้าจริง ๆ เหรอ?” หลินจินถาม
จ้าวปี่พยักหน้า "แน่นอน ฟังนะทุกคน ข้า จ้าวปี่จะจ่ายค่าธรรมเนียมการประเมินพันธสัญญาโลหิตของผู้ประเมินหลินเอง! นี่คือการล้างชื่อเสียงของเขาและพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่คนไร้ประโยชน์หรือเป็นคนอนาถา”
ด้วยเหตุนี้ชะตากรรมของหลินจินจึงถูกผนึกด้วยความยินยอมของเขาเอง แม้ว่าเขาจะดูไม่เต็มใจแต่หลินจินก็ทำได้เพียงติดตามกลุ่มเพื่อประเมินพันธสัญญาโลหิตของเขา
เมื่อจ้าวปี่และกลุ่มของป่าวประกาศ มีคนเกือบร้อยคนคอยติดตามดูการแสดงดี ๆ
ทางด้านเฉินเฉิง เขาไม่พลาดโอกาสดี ๆ เช่นนี้ เมื่อหลินจินไม่ผ่านการประเมิน เขาก็สามารถเริ่มหัวเราะเยาะและป่าวประกาศไปทั่วให้มากเท่าที่เขาจะทำได้ หลังจากนั้น ชื่อเสียงของหลินจินในสมาพันธ์นักบวชก็จะถูกทำลายจนป่นปี้
จากนั้น ฝูงชนมาถึงแผนกประเมิน
ผู้รับผิดชอบการประเมินพันธสัญญาโลหิตเป็นผู้อาวุโสที่มีประสบการณ์ของสมาพันธ์นักบวช พวกเขาทั้งสองจะดูแลการประเมินร่วมกันเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมสูงสุด เนื่องจากความเข้มงวดของผู้อาวุโสเหล่านี้ ทำให้ฝูงชนจำนวนมากหุบปากของพวกเขาโดยไม่มีใครกล้าก่อเรื่องวุ่นวาย
หลินจินเข้าหาผู้อาวุโสโดยระบุความตั้งใจที่จะทำการประเมินพันธสัญญาโลหิต
ผู้อาวุโสคนหนึ่งพยักหน้าและถามว่า “เจ้ารู้กฎของที่นี่หรือไม่?”
"ข้าทราบขอรับ!" หลินจินชี้ไปที่จ้าวปี่และพูดว่า “ส่วนเขาจะเป็นคนจ่ายหินวิญญาณที่เป็นค่าธรรมเนียมสำหรับการประเมินพันธสัญญาโลหิตขอรับ!”
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีผู้อื่นจ่ายเงินค่าธรรมเนียมแทนผู้เข้ารับการประเมิน ดังนั้น หนึ่งในผู้อาวุโสจึงกวักมือเรียกจ้าวปี่ให้เข้ามา
“เจ้าจะจ่ายค่าธรรมเนียมแทนเขาใช่หรือไม่?” ผู้อาวุโสสอบถามอีกครั้งเพื่อยืนยัน
จ้าวปี่พยักหน้าและตอบอย่างเด็ดเดี่ยว “ขอรับ ข้าจะจ่ายแทนเขา!”
"อืม ถ้าอย่างนั้น ผู้ที่จะรับการประเมินพันธสัญญาโลหิตให้เข้าห้องประเมิน คนอื่น ๆ รออยู่ข้างนอก!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งประกาศและฝูงชนก็เชื่อฟังโดยดี
สิ่งเหล่านี้เป็นกฎ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการแก้ไขผลพันธสัญญาโลหิตของคน ๆ หนึ่งจะต้องได้รับการประเมินภายในห้องประเมินแบบปิด
“ข้าไปข้างในก่อนนะ!” เมื่อพูดจบ หลินจินก็ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้จ้าวปี่ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง
จ้าวปี่ตกตะลึง
ทำไมรอยยิ้มของหลินจินถึงดูแตกต่างไปจากเดิม? ก่อนหน้านี้ รอยยิ้มของชายผู้นั้นดูไม่เต็มใจ ลังเลและหวาดกลัว แต่ตอนนี้ รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ
จ้าวปี่ถึงกับงงงัน
'รอก่อนเถอะ ข้าอยากจะรู้นัก เมื่อผลออกมาเจ้ายังยิ้มออกมาแบบนั้นได้อีกมั้ย'
จ้าวปี่นำตราสาวกของเขาออกมาแล้วมอบให้ เขาไม่สามารถพกหินวิญญาณจำนวนมากติดตัวไปกับเขาได้ ดังนั้นการใช้จ่ายสิ่งต่าง ๆ ในสมาพันธ์จะถูกบันทึกไว้เพื่อให้พวกเขาชำระในเวลาที่กำหนด
ถึงจะต้องจ่ายทีหลังแต่ก็ไม่มีใครกล้าหนีจากหนี้ในสมาพันธ์นักบวชอย่างแน่นอน
ทันใดนั้น มีคนเข้ามาและพูดอย่างเงียบ ๆ กับจ้าวปี่ว่า
“ศิษย์พี่จ้าว หลินจินผู้นี้ไม่ได้ตั้งใจมุ่งสู่อาณาจักรที่สูงกว่าอย่างจงใจใช่หรือไม่? หากสิ่งนั้นเกิดขึ้น ไม่ว่าเขาจะผ่านหรือไม่ ท่านก็ยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมอยู่ดี”
จ้าวปี่จ้องกลับมาที่เขาราวกับว่าเขาเป็นคนงี่เง่าและตอบว่า “เจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร ข้าไม่มีทางตกหลุมพรางง่าย ๆ เช่นนี้หรอก เจ้าลืมไปแล้วเหรอว่าการประเมินพันธสัญญาโลหิตทั้งหมดต้องเริ่มต้นจากอาณาจักรที่หนึ่งใช่หรือไม่? หลังจากที่เจ้าผ่านอาณาจักรนั้นไปได้ เจ้าถึงจะสามารถรับการประเมินในอาณาจักรถัดไป
หลินจินคงไม่ผ่านอาณาจักรที่หนึ่งด้วยซำ ดังนั้นข้าจะใช้เพียงแค่หินวิญญาณระดับต่ำสามสิบก้อนเท่านั้น เมื่อเขาออกมาหลังจากการประเมิน เจ้ารู้ใช่มั้ยว่า เจ้าต้องทำอะไรต่อไป”
“อย่ากังวลไปเลย ศิษย์พี่จ้าว ท่านเพียงแค่นั่งดูเฉย ๆ ก็พอ ข้ารับประกันเลยว่าหลินจินจะต้องอับอายขายหน้าอย่างแน่นอน แม้จะไม่สามารถทำเช่นนี้ในที่อื่นได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่สามารถแบกหน้าอยู่ในสมาพันธ์นักบวชได้แน่นอน”
“เยี่ยมมาก!”
ฝูงชนยังคงเฝ้ารออย่างใจจ่อใจจ่อ
ผ่านไปครู่หนึ่งไม่มีใครออกมาจากห้องประเมิน
จ้าวปี่พบว่ามันผิดปกติ จริง ๆ แล้วการประเมินอาณาจักรที่หนึ่งควรจะใช้เวลาไม่นานและเมื่อผู้รับการประเมินล้มเหลว การประเมินจะสิ้นสุดทันที
‘ทำไมพวกเขายังไม่ออกมา?’
'บางทีพวกเขาอาจมีปัญหาบางอย่างจึงทำให้เกิดความล่าช้าก็เป็นได้' จ้าวปี่หาข้อแก้ตัวสำหรับตัวเองและรอต่อไป
ผ่านไปสองสามนาทีก็ยังไม่มีใครออกมา
ถึงตอนนี้จ้าวปี่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ถ้าการประเมินล้มเหลว พวกเขาควรจะออกมาได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องรอนานขนาดนี้
ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นข้างใน
ตอนนี้ฝูงชนเริ่มกระซิบกันเอง
“ทำไมมันใช้เวลานานจัง? ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ข้าประเมินพันธสัญญาโลหิต มันจบลงในพริบตาเท่านั้น”
"ใช่ มันควรจะเป็นเช่นนั้น มันไม่ควรจะใช้เวลานานขนาดนี้”
"หรืออาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้นข้างใน?"