662 - ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยกพลิกสวรรค์
662 - ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยกพลิกสวรรค์
เย่ฟ่านกลับมาที่เกาะแปดร้อยเทพแห่งตระกูลเฟิงโดยไม่สามารถปฏิเสธได้
ในคืนนี้บรรยากาศในตระกูลเฟิงอบอุ่นและรื่นเริงมาก เกาะของเทพที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าล้อมรอบด้วยหมอก เหมือนกับอยู่ในสวรรค์
เย่ฟ่านยังคงนั่งอยู่ห้องโถงด้านบน ถูกห้อมล้อมโดยเหล่ายอดฝีมือมากมาย หนานหนานนั่งข้างเขาอย่างเชื่อฟัง นางเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆที่ทำให้ผู้คนชื่นชอบมาก
เด็กหญิงตัวน้อยมีความสุขมากเมื่อเย่ฟ่านหยิบอาหารบนโต๊ะมาให้นางกินอย่างต่อเนื่อง ดวงตากลมโตของนางสว่างสดใสและส่งเสียงหัวเราะอยู่ตลอดเวลา
คนที่อยู่ทั้งโต๊ะนี้ดูเหมือนจะมีเพียงนางเท่านั้นที่มีความสุข ในขณะที่คนอื่นกลับเกิดความรู้สึกกดดันอย่างหนัก ลูกศิษย์ตระกูล เฟิงแทบจะไม่กล้ายื่นมือไปหยิบอาหารด้วยซ้ำ
เฟิ่งหวงที่สวมหน้ากากห้าสีเดินผ่านโต๊ะไป นางหยุดมองพวกเขาเล็กน้อยก่อนจะแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
การต่อสู้ในวันนี้สั่นสะเทือนหัวใจของนางเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งตอนนี้นางยังไม่สามารถยอมรับได้ว่าราชาเผิงน้อยจะพ่ายแพ้ให้กับเย่ฟ่าน
องค์ชายต้าเซี่ย เหยาเย่คง แม่ชีน้อยชุดขาว ทุกคนต่างเดินฉลองให้กับที่เย่ฟ่านได้รับชัยชนะ บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงก็เดินเข้ามาแสดงความยินดีด้วยเช่นกัน
ในระหว่างนี้เย่ฟ่านนึกถึงสิ่งหนึ่ง ในอดีตราชาเผิงเคยกล่าวไว้ว่า
เขาต้องการต่อสู้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เหยากวง แต่เนื่องจากพวกเขาถูกผนึกอยู่ในเตาเทพอัคคีด้วยกัน ดังนั้นมันจึงเกิดมิตรภาพในยามยากระหว่างพวกเขาจึงทำให้การต่อสู้ไม่เกิดขึ้น
แต่เย่ฟ่านไม่ได้คิดเช่นนั้น เขาคิดว่าราชาน้อยเผิงปีกทองคงมองเห็นอะไรบางอย่างในตัวของเหยากวงอย่างแน่นอน และสิ่งนี้ทำให้เขาเกิดความหวาดกลัวจนไม่คิดจะต่อสู้ด้วย
ในเวลาเดียวกัน เย่ฟ่านก็จำได้ว่าตอนที่บุตรศักดิ์สิทธิ์เหยากวงอยู่ในเหมืองโบราณต้นกำเนิด เขาต้องการแลกเปลี่ยนคัมภีร์โบราณกับทองคำโลหิตหงส์ของเขา
บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเคยกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่านี่ไม่ใช่คัมภีร์โบราณของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง แต่เป็นของวิเศษที่เขาได้รับมาระหว่างทาง
เย่ฟ่านคิดอย่างจริงจังว่าเด็กน้อยคนนี้อาจจะฝึกฝนทักษะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอื่น บางทีเขาอาจจะเป็นทายาทของจักรพรรดิผู้ชั่วร้ายก็ได้ ตัวตนของคนคนนี้มีปัญหามากเกินไป?
เมื่องานเลี้ยงกำลังจะจบลงยอดฝีมือรุ่นอาวุโสหลายคนก็มาถึง
เย่ฟ่านจึงยืนขึ้นและคำนับอย่างรวดเร็ว
“หมอเทวดาผู้โด่งดังหวังเฉินอี้จากภาคกลางมาถึงแล้ว บุคคลนี้มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม และเขาเป็นคนที่มีอำนาจและชื่อเสียงมาก เขาอาจสามารถรักษาบาดแผลของเต๋าได้”
“เจ้าทำให้ข้ารู้สึกละอายใจ เจ้าไม่จำเป็นต้องคำนับข้าเช่นนี้”
หลังจากกล่าวจบชายชราก็คว้าแขนของเย่ฟ่านเพื่อตรวจชีพจร
เกือบครู่หนึ่งสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป แต่เขารีบบังปิดมันไว้อีกครั้งอย่างใจเย็น และตรวจร่างกายของเย่ฟ่านอย่างต่อเนื่อง
เย่ฟ่านรู้ว่าในที่สุดความลับของเขาก็ถูกเปิดเผยแล้ว คนคนนี้เป็นหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในดินแดนรกร้างตะวันออก ไม่ว่าอาการบาดเจ็บใดก็ไม่สามารถปิดบังเขาได้
"ผู้อาวุโส โปรดเก็บเป็นความลับด้วย!” เย่ฟ่านแอบส่งเสียงด้วยความเคารพ
“เจ้าเกินความคาดหมายของข้าจริงๆ และไม่ได้ทำให้ความพยายามของคนรุ่นก่อนเสียเปล่าไปเปล่าๆ” หวังเฉินอี้พยักหน้า
เขาตอบโต้โดยใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
“เจ้าสามารถวางใจได้ราชาสวรรค์ผู้อาวุโสมีบุญคุณต่อตระกูลของข้า เรื่องนี้ข้าจะปกป้องเจ้าอย่างแน่นอน”
เย่ฟานรู้สึกผ่อนคลายและรู้ว่าเขาวางเดิมพันถูกต้องแล้ว
“เจ้าไปกับข้า ข้าจะช่วยเหลือเจ้าเอง”
“ตกลง ขอบคุณผู้อาวุโส!”
หลังจากนั้นหวังเฉินอี้ก็ประกาศว่าเย่ฟ่านจะเสียชีวิตภายในสิบสี่วันเรื่องนี้ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน เมื่อข่าวได้รับการยืนยันผู้คนมากมายก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
"เขากำลังจะตายจริงๆ หมอหมอเทวดามั่นใจว่าเขาไม่มีอำนาจที่จะคืนสู่ท้องฟ้าได้ "
“ร่างเซียนศักดิ์สิทธิ์กำลังจะตาย”
บนเกาะแปดร้อยเทพแห่งตระกูลเฟิง ผู้คนมากมายกำลังสนทนาในเรื่องนี้ พลังการต่อสู้ของเย่ฟ่านโดดเด่นเกินไปซึ่งทำให้หลายคนไม่สบายใจ
“ถ้าเจ้าต้องการเอาชีวิตรอด มีเพียงตัวเจ้าเองเท่านั้นที่ทำได้ ตัดฐานการบ่มเพาะของเจ้าแล้วเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา
นี่เป็นข่าวที่สองที่ถูกประกาศโดยหมอหวัง
ในเวลานี้ แม้แต่ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ในห้องโถงก็ยังตื่นตระหนก แต่ก็ไม่มีใครกล่าวอะไรอีกพวกเขาทั้งหมดต่างให้ความสนใจอย่างเงียบๆ
ในระหว่างนั้นเด็กรุ่นเยาว์หลายคนหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้าน ศัตรูที่เป็นอมตะเช่นนี้ยังคงต้องตาย และพวกเขาจะไม่มีภัยคุกคามอีกต่อไป
ลูกศิษย์ของตระกูลเฟิงทั้งหมดเกิดความผ่อนคลายและเริ่มเข้ามาคารวะสุราต่อเย่ฟ่านอีกครั้ง
หลังจากดื่มเหล้าไปหนึ่งถ้วย เหยาซีก็ถอนหายใจยาว ความลับของนางอยู่ในกำมือของเย่ฟ่าน นางรู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอ และตอนนี้นางค่อยรู้สึกโล่งใจได้จริงๆ
ดวงตาของเฟิ่งหวงเป็นประกาย นางถือถ้วยสุรามาหาเย่ฟ่านและกล่าวว่า
"ไม่ว่าอย่างไรการมีชีวิตอยู่ก็ยังดีกว่าตาย ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำเรื่องโง่ๆ”
องค์ชายต้าเซี่ย เหยาเยว่กง และแม่ชีน้อยชุดขาวก็เข้ามาทีละคนและพวกเขาปลอบโยนเย่ฟ่านอย่างจริงใจ ทุกคนบอกว่า เย่ฟ่านสามารถร่วมเดินทางไปกับพวกเขาได้
มีการเสียดสีที่มุมปากของจ้าวฟา และเขาฉีกยิ้มสดใสและตบไหล่ของเย่ฟ่าน
"พี่เย่ ชีวิตมีขึ้นมีลงเจ้าปลงให้ตกเถอะ”
หากเป็นก่อนหน้านี้รับรองว่าไม่มีทางที่เขาจะมีความกล้าระดับนี้ แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
เย่ฟ่านไม่สนใจอยู่แล้วว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร แต่เมื่อเขาเห็นท่าทางของจ้าวฟาเขาก็ยิ้มและกล่าวว่า
"พี่จ้าว เจ้าไม่ต้องกังวล ก่อนที่ข้าจะตายข้าจะแวะไปขายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ให้เจ้าอย่างแน่นอน!"
จ้าวฝ่าหัวเราะและกล่าวว่า
"ข้าจะตั้งตารอ"
หลังรุ่งสางเย่ฟ่านก็ออกไปกับหวังเฉินอี้ เขาทิ้งหัวข้อสนทนาไว้มากเกินไป ผู้คนต่างคาดเดาเกี่ยวกับชะตากรรมของเขา และหลายคนก็เฝ้ารอและให้ความสนใจ
“คนพวกนี้…” สุนัขสีดำตัวใหญ่เยาะเย้ย “ข้าจะรอดูพวกเขาอ้าปากค้าง”
หลี่เหอซุยก็หัวเราะออกมาและกล่าวว่า "มาดูกันว่าการแสดงออกของพวกเขาจะเป็นอย่างไร!"
สถานที่สันโดษของหวังเฉินอี้อยู่ในภาคกลาง มันเป็นสถานที่รกร้างและห่างไกลความเจริญ
เขาเข้าสู่เต๋า(หมายถึงการเป็นผู้สูงสุด)ด้วยทักษะทางการแพทย์ และในวันธรรมดาเขาต้องการลิ้มรสสมุนไพรและปรุงยาศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเขาจึงอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้เพื่อค้นหาสมุนไพรโดยไม่คิดจะอาศัยกับผู้คนในโลกมนุษย์
ในระหว่างทางเย่ฟ่านกล่าวถึงปัญหาของหนานหนาน และถามหวังเฉินอี้ว่ามีวิธีแก้ไขปัญหาของนางหรือไม่
“เด็กคนนี้ค่อนข้างพิเศษ ข้าบอกไม่ได้...”
หวังเฉินอี้ค่อนข้างประหลาดใจเมื่อจ้องมองไปที่หนานหนาน จากนั้นเขาก็มองไปที่หินหลากสี ราวกับว่าเขามีความทรงจำในเรื่องนี้บางอย่าง สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจและไม่กล่าวอะไร
ในส่วนลึกของดินแดนรกร้าง กระท่อมมุงจากของหวังเฉินอี้ตั้งอยู่ใกล้หน้าผา ในบริเวณใกล้เคียงมีน้ำตกธรรมชาติ
นี่เป็นดินแดนที่บริสุทธิ์จริงๆ มันงดงามยิ่งกว่าดินแดนบรรพบุรุษของตระกูลขุนนางโบราณ! แม้แต่สุนัขสีดำตัวใหญ่ก็ยังประหลาดใจ
“เจ้าหมาตัวนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน” หวังเฉินอี้พยักหน้าแล้วชี้ไปข้างหน้าโดยกล่าวว่า "เทือกเขาครั้งนี้มีความลับอันยิ่งใหญ่ หากพวกเจ้ามีความสามารถก็เชิญค้นหาได้เลย"
เย่ฟ่านและคนอื่นๆ ได้ยินเช่นนั้นก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากสำรวจอยู่นานในที่สุดพวกเขาก็มองเห็นทัศนียภาพที่คล้ายกับมังกรเก้าตัวล้อมรอบมุก
“ที่นี่คือดินแดนที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดของมังกร มีต้นกำเนิดสวรรค์มากมายอยู่ที่นี่ ไม่ทราบว่าเจ้าค้นหาสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร” สุนัขตัวใหญ่สีดำกล่าวด้วยความประหลาดใจ
"ที่นี่เคยเป็นที่ตั้งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนรกร้างตะวันออก แต่โชคร้ายที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับพวกเขาเมื่อหกพันปีก่อน" หวังเฉินอี้ถอนหายใจ
"นี่คือที่นั่นจริงๆ" เย่ฟ่านสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ
"นี่คือซากปรักหักพังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซวน(หยกพลิกสวรรค์)ที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมากเมื่อครั้งอดีต!" หวังเฉินอี้ให้คำตอบ
“เดิมทีเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้ แต่กลับถูกปล่อยให้รกร้างโดยสิ้นเชิง ตอนนี้มันกลายเป็นที่อยู่ของสัตว์อสูรนานาชนิดไปแล้ว”
“อ๊าก!!!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังกึกก้องมาจากส่วนลึกของป่า เสียงคำรามนี้ทำให้ทั้งจตุบาทและทวิบาทตกใจกลัว พวกมันวิ่งหนีตายกันอลหม่าน
“นี่เป็นเสียงคำรามของผู้ใด?!” หลายคนตกใจเป็นอย่างมากเพราะนี่คือเสียงคำรามของมนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย
"มันมาจากส่วนที่ลึกที่สุดของซากปรักหักพังดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซวน เป็นไปได้ไหมว่าหกพันปีผ่านไปแล้วแต่ยังมีใครบางคนอาศัยอยู่ที่นั่น?!"