ตอนที่แล้ว661 - พักผ่อนในตระกูลเฟิง 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป663 - ความลับของหนานหนาน

662 - ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยกพลิกสวรรค์ 


662 - ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยกพลิกสวรรค์

เย่ฟ่านกลับมาที่เกาะแปดร้อยเทพแห่งตระกูลเฟิงโดยไม่สามารถปฏิเสธได้

  

ในคืนนี้บรรยากาศในตระกูลเฟิงอบอุ่นและรื่นเริงมาก เกาะของเทพที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าล้อมรอบด้วยหมอก เหมือนกับอยู่ในสวรรค์

  

เย่ฟ่านยังคงนั่งอยู่ห้องโถงด้านบน ถูกห้อมล้อมโดยเหล่ายอดฝีมือมากมาย หนานหนานนั่งข้างเขาอย่างเชื่อฟัง นางเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆที่ทำให้ผู้คนชื่นชอบมาก

เด็กหญิงตัวน้อยมีความสุขมากเมื่อเย่ฟ่านหยิบอาหารบนโต๊ะมาให้นางกินอย่างต่อเนื่อง ดวงตากลมโตของนางสว่างสดใสและส่งเสียงหัวเราะอยู่ตลอดเวลา

  

คนที่อยู่ทั้งโต๊ะนี้ดูเหมือนจะมีเพียงนางเท่านั้นที่มีความสุข ในขณะที่คนอื่นกลับเกิดความรู้สึกกดดันอย่างหนัก ลูกศิษย์ตระกูล เฟิงแทบจะไม่กล้ายื่นมือไปหยิบอาหารด้วยซ้ำ

  

เฟิ่งหวงที่สวมหน้ากากห้าสีเดินผ่านโต๊ะไป นางหยุดมองพวกเขาเล็กน้อยก่อนจะแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น

การต่อสู้ในวันนี้สั่นสะเทือนหัวใจของนางเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งตอนนี้นางยังไม่สามารถยอมรับได้ว่าราชาเผิงน้อยจะพ่ายแพ้ให้กับเย่ฟ่าน

  

องค์ชายต้าเซี่ย เหยาเย่คง แม่ชีน้อยชุดขาว ทุกคนต่างเดินฉลองให้กับที่เย่ฟ่านได้รับชัยชนะ บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงก็เดินเข้ามาแสดงความยินดีด้วยเช่นกัน

  

ในระหว่างนี้เย่ฟ่านนึกถึงสิ่งหนึ่ง ในอดีตราชาเผิงเคยกล่าวไว้ว่า

เขาต้องการต่อสู้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เหยากวง แต่เนื่องจากพวกเขาถูกผนึกอยู่ในเตาเทพอัคคีด้วยกัน ดังนั้นมันจึงเกิดมิตรภาพในยามยากระหว่างพวกเขาจึงทำให้การต่อสู้ไม่เกิดขึ้น

แต่เย่ฟ่านไม่ได้คิดเช่นนั้น เขาคิดว่าราชาน้อยเผิงปีกทองคงมองเห็นอะไรบางอย่างในตัวของเหยากวงอย่างแน่นอน และสิ่งนี้ทำให้เขาเกิดความหวาดกลัวจนไม่คิดจะต่อสู้ด้วย

  

ในเวลาเดียวกัน เย่ฟ่านก็จำได้ว่าตอนที่บุตรศักดิ์สิทธิ์เหยากวงอยู่ในเหมืองโบราณต้นกำเนิด เขาต้องการแลกเปลี่ยนคัมภีร์โบราณกับทองคำโลหิตหงส์ของเขา

  

บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเคยกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่านี่ไม่ใช่คัมภีร์โบราณของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง แต่เป็นของวิเศษที่เขาได้รับมาระหว่างทาง

  

เย่ฟ่านคิดอย่างจริงจังว่าเด็กน้อยคนนี้อาจจะฝึกฝนทักษะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอื่น บางทีเขาอาจจะเป็นทายาทของจักรพรรดิผู้ชั่วร้ายก็ได้ ตัวตนของคนคนนี้มีปัญหามากเกินไป?

  

เมื่องานเลี้ยงกำลังจะจบลงยอดฝีมือรุ่นอาวุโสหลายคนก็มาถึง

เย่ฟ่านจึงยืนขึ้นและคำนับอย่างรวดเร็ว

“หมอเทวดาผู้โด่งดังหวังเฉินอี้จากภาคกลางมาถึงแล้ว บุคคลนี้มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม และเขาเป็นคนที่มีอำนาจและชื่อเสียงมาก เขาอาจสามารถรักษาบาดแผลของเต๋าได้”

“เจ้าทำให้ข้ารู้สึกละอายใจ เจ้าไม่จำเป็นต้องคำนับข้าเช่นนี้”

หลังจากกล่าวจบชายชราก็คว้าแขนของเย่ฟ่านเพื่อตรวจชีพจร

เกือบครู่หนึ่งสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป แต่เขารีบบังปิดมันไว้อีกครั้งอย่างใจเย็น และตรวจร่างกายของเย่ฟ่านอย่างต่อเนื่อง

  

เย่ฟ่านรู้ว่าในที่สุดความลับของเขาก็ถูกเปิดเผยแล้ว คนคนนี้เป็นหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในดินแดนรกร้างตะวันออก ไม่ว่าอาการบาดเจ็บใดก็ไม่สามารถปิดบังเขาได้

  

"ผู้อาวุโส โปรดเก็บเป็นความลับด้วย!” เย่ฟ่านแอบส่งเสียงด้วยความเคารพ

  

“เจ้าเกินความคาดหมายของข้าจริงๆ และไม่ได้ทำให้ความพยายามของคนรุ่นก่อนเสียเปล่าไปเปล่าๆ” หวังเฉินอี้พยักหน้า

เขาตอบโต้โดยใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน

“เจ้าสามารถวางใจได้ราชาสวรรค์ผู้อาวุโสมีบุญคุณต่อตระกูลของข้า เรื่องนี้ข้าจะปกป้องเจ้าอย่างแน่นอน”

เย่ฟานรู้สึกผ่อนคลายและรู้ว่าเขาวางเดิมพันถูกต้องแล้ว   

“เจ้าไปกับข้า ข้าจะช่วยเหลือเจ้าเอง”

“ตกลง ขอบคุณผู้อาวุโส!”

หลังจากนั้นหวังเฉินอี้ก็ประกาศว่าเย่ฟ่านจะเสียชีวิตภายในสิบสี่วันเรื่องนี้ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน เมื่อข่าวได้รับการยืนยันผู้คนมากมายก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

  

"เขากำลังจะตายจริงๆ หมอหมอเทวดามั่นใจว่าเขาไม่มีอำนาจที่จะคืนสู่ท้องฟ้าได้ "

  

“ร่างเซียนศักดิ์สิทธิ์กำลังจะตาย”

บนเกาะแปดร้อยเทพแห่งตระกูลเฟิง ผู้คนมากมายกำลังสนทนาในเรื่องนี้ พลังการต่อสู้ของเย่ฟ่านโดดเด่นเกินไปซึ่งทำให้หลายคนไม่สบายใจ

 

“ถ้าเจ้าต้องการเอาชีวิตรอด มีเพียงตัวเจ้าเองเท่านั้นที่ทำได้ ตัดฐานการบ่มเพาะของเจ้าแล้วเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา

นี่เป็นข่าวที่สองที่ถูกประกาศโดยหมอหวัง

  

ในเวลานี้ แม้แต่ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ในห้องโถงก็ยังตื่นตระหนก แต่ก็ไม่มีใครกล่าวอะไรอีกพวกเขาทั้งหมดต่างให้ความสนใจอย่างเงียบๆ

  

ในระหว่างนั้นเด็กรุ่นเยาว์หลายคนหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้าน ศัตรูที่เป็นอมตะเช่นนี้ยังคงต้องตาย และพวกเขาจะไม่มีภัยคุกคามอีกต่อไป

  

ลูกศิษย์ของตระกูลเฟิงทั้งหมดเกิดความผ่อนคลายและเริ่มเข้ามาคารวะสุราต่อเย่ฟ่านอีกครั้ง

หลังจากดื่มเหล้าไปหนึ่งถ้วย เหยาซีก็ถอนหายใจยาว ความลับของนางอยู่ในกำมือของเย่ฟ่าน นางรู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอ และตอนนี้นางค่อยรู้สึกโล่งใจได้จริงๆ

  

ดวงตาของเฟิ่งหวงเป็นประกาย นางถือถ้วยสุรามาหาเย่ฟ่านและกล่าวว่า

"ไม่ว่าอย่างไรการมีชีวิตอยู่ก็ยังดีกว่าตาย ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำเรื่องโง่ๆ”

  

องค์ชายต้าเซี่ย เหยาเยว่กง และแม่ชีน้อยชุดขาวก็เข้ามาทีละคนและพวกเขาปลอบโยนเย่ฟ่านอย่างจริงใจ ทุกคนบอกว่า เย่ฟ่านสามารถร่วมเดินทางไปกับพวกเขาได้

  

มีการเสียดสีที่มุมปากของจ้าวฟา และเขาฉีกยิ้มสดใสและตบไหล่ของเย่ฟ่าน

"พี่เย่ ชีวิตมีขึ้นมีลงเจ้าปลงให้ตกเถอะ”

  

หากเป็นก่อนหน้านี้รับรองว่าไม่มีทางที่เขาจะมีความกล้าระดับนี้ แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

  

เย่ฟ่านไม่สนใจอยู่แล้วว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร แต่เมื่อเขาเห็นท่าทางของจ้าวฟาเขาก็ยิ้มและกล่าวว่า

"พี่จ้าว เจ้าไม่ต้องกังวล ก่อนที่ข้าจะตายข้าจะแวะไปขายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ให้เจ้าอย่างแน่นอน!"

จ้าวฝ่าหัวเราะและกล่าวว่า

"ข้าจะตั้งตารอ"

หลังรุ่งสางเย่ฟ่านก็ออกไปกับหวังเฉินอี้ เขาทิ้งหัวข้อสนทนาไว้มากเกินไป ผู้คนต่างคาดเดาเกี่ยวกับชะตากรรมของเขา และหลายคนก็เฝ้ารอและให้ความสนใจ

  

“คนพวกนี้…” สุนัขสีดำตัวใหญ่เยาะเย้ย “ข้าจะรอดูพวกเขาอ้าปากค้าง”

หลี่เหอซุยก็หัวเราะออกมาและกล่าวว่า "มาดูกันว่าการแสดงออกของพวกเขาจะเป็นอย่างไร!"

สถานที่สันโดษของหวังเฉินอี้อยู่ในภาคกลาง มันเป็นสถานที่รกร้างและห่างไกลความเจริญ

  

เขาเข้าสู่เต๋า(หมายถึงการเป็นผู้สูงสุด)ด้วยทักษะทางการแพทย์ และในวันธรรมดาเขาต้องการลิ้มรสสมุนไพรและปรุงยาศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเขาจึงอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้เพื่อค้นหาสมุนไพรโดยไม่คิดจะอาศัยกับผู้คนในโลกมนุษย์

  

ในระหว่างทางเย่ฟ่านกล่าวถึงปัญหาของหนานหนาน และถามหวังเฉินอี้ว่ามีวิธีแก้ไขปัญหาของนางหรือไม่  

“เด็กคนนี้ค่อนข้างพิเศษ ข้าบอกไม่ได้...”

หวังเฉินอี้ค่อนข้างประหลาดใจเมื่อจ้องมองไปที่หนานหนาน จากนั้นเขาก็มองไปที่หินหลากสี ราวกับว่าเขามีความทรงจำในเรื่องนี้บางอย่าง สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจและไม่กล่าวอะไร

  

ในส่วนลึกของดินแดนรกร้าง กระท่อมมุงจากของหวังเฉินอี้ตั้งอยู่ใกล้หน้าผา ในบริเวณใกล้เคียงมีน้ำตกธรรมชาติ

นี่เป็นดินแดนที่บริสุทธิ์จริงๆ มันงดงามยิ่งกว่าดินแดนบรรพบุรุษของตระกูลขุนนางโบราณ! แม้แต่สุนัขสีดำตัวใหญ่ก็ยังประหลาดใจ

 

“เจ้าหมาตัวนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน” หวังเฉินอี้พยักหน้าแล้วชี้ไปข้างหน้าโดยกล่าวว่า "เทือกเขาครั้งนี้มีความลับอันยิ่งใหญ่ หากพวกเจ้ามีความสามารถก็เชิญค้นหาได้เลย"

  

เย่ฟ่านและคนอื่นๆ ได้ยินเช่นนั้นก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากสำรวจอยู่นานในที่สุดพวกเขาก็มองเห็นทัศนียภาพที่คล้ายกับมังกรเก้าตัวล้อมรอบมุก

  

“ที่นี่คือดินแดนที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดของมังกร มีต้นกำเนิดสวรรค์มากมายอยู่ที่นี่ ไม่ทราบว่าเจ้าค้นหาสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร” สุนัขตัวใหญ่สีดำกล่าวด้วยความประหลาดใจ

  

"ที่นี่เคยเป็นที่ตั้งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนรกร้างตะวันออก แต่โชคร้ายที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับพวกเขาเมื่อหกพันปีก่อน"  หวังเฉินอี้ถอนหายใจ

  

"นี่คือที่นั่นจริงๆ" เย่ฟ่านสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ

  

"นี่คือซากปรักหักพังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซวน(หยกพลิกสวรรค์)ที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมากเมื่อครั้งอดีต!" หวังเฉินอี้ให้คำตอบ

“เดิมทีเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้ แต่กลับถูกปล่อยให้รกร้างโดยสิ้นเชิง ตอนนี้มันกลายเป็นที่อยู่ของสัตว์อสูรนานาชนิดไปแล้ว”

“อ๊าก!!!”  

ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังกึกก้องมาจากส่วนลึกของป่า เสียงคำรามนี้ทำให้ทั้งจตุบาทและทวิบาทตกใจกลัว พวกมันวิ่งหนีตายกันอลหม่าน

  

“นี่เป็นเสียงคำรามของผู้ใด?!” หลายคนตกใจเป็นอย่างมากเพราะนี่คือเสียงคำรามของมนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย

  

"มันมาจากส่วนที่ลึกที่สุดของซากปรักหักพังดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซวน เป็นไปได้ไหมว่าหกพันปีผ่านไปแล้วแต่ยังมีใครบางคนอาศัยอยู่ที่นั่น?!"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด