เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 173
ตอนที่ 173
“ตอนนี้ยังมิใช่เวลา ก่อนหน้านั้น เพื่อการจารึกค่ายกล ทรัพยากรทั้งหมดในคลังสมบัติตระกูลหลินถูกใช้ไปจนหมดสิ้นไม่เหลือแม้แต่สิ่งเดียว”
แสงจันทร์เย็นเยียบดุจสายน้ำ ใบหน้าของหลินซวนเต็มไปด้วยความกังวล
โลกใบนี้กว้างใหญ่เพียงใด? แม้ตัวเขาเองจะมั่นใจในความแข็งแกร่ง ทว่าเขาก็มิใช่คนหยิ่งผยอง
กระทั่งราชสีห์ยังต้องกำลังทั้งหมดเพื่อล่ากระต่าย แดนลึกลับที่หลินซวนต้องการจะไปนั้นแม้แต่ผู้พิทักษ์วิญญาณยังให้ความสำคัญ เขาจำเป็นต้องเตรียมตัวให้ดี นี่เป็นสิ่งที่เซียนต้นหลิวได้ตักเตือนไว้
“ข้าไม่อาจจะนำชิ้นส่วนภาพเขียนห้าเมล็ดพันธุ์ดาราจักรไปด้วยได้เพราะมันคือแก่นของค่ายกล หากนำมันออกไป ค่ายกลย่อยไร้ค่า”
“ต้องเอาตัวอ่อนกระบี่เล่มนั้นไป แม้ว่ามันจะใช้งานได้เพียงไม่กี่ครั้ง อานุภาพของมันย่อมปกป้องชีวิตข้าได้”
“ขลุ่ยกระชากวิญญาณก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องเตรียมไว้ แม้ว่ามันจะมิได้ทรงพลังเท่าตัวอ่อนกระบี่ แต่ก็ยังเป็นสมบัติชั้นยอด ท้ายที่สุด ข้าอาจจำเป็นต้องใช้งาน”
“หากแต่ แท่นบูชาห้าสีดูจะไร้ประโยชน์ในครานี้ ช่างเถิด นำมันไปด้วยสักเล็กน้อยก็แล้วกัน”
หลินซวนจัดเก็บสิ่งของทั้งหมดที่จำเป็น ท้ายสุด เมื่อเขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ก็ตระหนักได้ว่านอกจากตัวอ่อนกระบี่แล้ว สิ่งของอย่างอื่นกลับมิสามารถช่วยเหลือเขาได้มากมายนัก
แต่ก็ไม่จำเป็นต้องนำสิ่งใดไปให้มากเกิน ในแหวนมิติของเขามีเพียงตัวอ่อนกระบี่ ขลุ่ยกระชากวิญญาณ และแท่นบูชาห้าสีจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น
หลินซวนอดจะรู้สึกช่วยไม่ได้ขึ้นมาอยู่บ้าง อย่างที่คาดไว้ เขายังด้อยประสบการณ์และมิใช่คนมั่งคั่งแต่อย่างใด
ทว่า กล่าวตามตรง หากมีผู้อื่นได้รับรู้ความคิดนี้ พวกเขาต้องโกรธเกรี้ยวจนอยากจะทุบตีเจ้าเด็กคนนี้อย่างแน่นอน
ดูสิ่งที่เจ้ามีเถิด! หากยังกล้าบอกว่าตระกูลหลินยากจนอีก? เช่นนั้นชีวิตของผู้อื่นมิอนาถาเลยหรือ?
จากนั้น หลินซวนก็ทิ้งจดหมายเอาไว้ในห้องของตน ก่อนที่เขาจะกระตุ้นค่ายกลเคลื่อนย้ายและหายไปจากตระกูลหลิน มุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของแดนรกร้าง
ในหุบเขาด้านหลังหมู่บ้านหวงเหลียง กิ่งก้านของต้นหลิวนับพัดโบกไหวไปมา ประกายสีเขียวสว่างระยิบระยับ
“พร้อมแล้วหรือ?”
หลินซวนพยักหน้ารับ ดวงตาเต็มไปด้วยด้วยความมุ่งมั่น
ผู้พิทักษ์ต้นหลิวมิได้กล่าวสิ่งใด เขาเพียงสะบัดกิ่งของตนเบาๆ บนกิ่งหลิวนั้น แสงที่เจิดจ้าขึ้นในทันที!
ท่ามกลางหุบเขา กิ่งก้านของต้นหลิวทั้งหมดเรืองแสงขึ้นมา และแสงสว่างนั้นก็ขยายตัวจนครอบคลุมทั้งหุบเขารวมไปถึงหมู่บ้านหวงเหลียงที่อยู่ไกลออกไป
“พวกเรากำลังจะเดินทางแล้ว!”
ในตอนนั้นเอง ตรงหน้าทางเข้าของหมู่บ้าน เสี่ยวหวงที่กำลังกอดไหนมอสูรอยู่ก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาปรากฏร่องรอยมุ่งหมายบางอย่าง
ด้านข้างของเขาเป็นชาวบ้านบางส่วนที่รอคอยอยู่เป็นเวลานาน ความรู้สึกมากมายท่วมท้นอยู่ในอก พวกเขาต่างหันกลับไปยังทิศทางของหุบเขานั้นและโค้งคำนับอย่างนอบน้อม ทุกพื้นที่ของหมู่บ้านถูกโอบล้อมไปด้วยแสงสีเขียวเรืองรอง ตามมาด้วยรูปแบบอักขระปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลินซวน ผู้ที่อยู่ใกล้กับต้นหลิวมากที่สุดย่อมมองเห็นทุกสิ่งได้อย่างชัดเจน และเราสัมผัสได้ถึงพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่แฝงอยู่ในแสงเหล่านั้น จิตวิญญาณแห่งธรรมชาติมากมายกำลังคุกเข่าแสดงความเคารพแก่ผู้พิทักษ์วิญญาณ
ท้ายที่สุด ปรากฏเสียงดังสนั่น และแสงทั้งหมดก็กลายเป็นเสาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า กิ่งก้านต้นหลิวที่ทรงพลังเช่นโซ่แห่งสวรรค์เปล่งประกายยื่นออกมาโอบล้อมทุกสรรพสิ่ง และบางอย่างก็เกิดขึ้น!
จากนั้น ทั้งหมู่บ้านหวงเหลียงและหุบเขาก็หายไป ราวกับมิเคยมีสถานที่แห่งนี้ปรากฏขึ้นมาก่อน!
ในตอนนั้นเอง ทางทิศเหนือซึ่งอยู่ไกลจากแดนรกร้างไปจนมิอาจประเมินระยะทางได้ เสาแห่งแสงก็ปรากฏขึ้นในแดนลึกลับของทะเลไร้ขอบเขต!
เสียงสะเทือนเลือนลั่น แสงสีเขียวที่แฝงไปด้วยพลังชีวิตมากล้นบังเกิดขึ้นใจกลางของแดนลึกลับโดนไร้ซึ่งสัญญาณเตือน!
ความปั่นป่วนก่อตัวตัวขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า เมฆหมอกจางหาย และแสงสีเขียวนั้นก็แผ่กระจายไปรอบด้าน!
แกร่ก! แกร่ก!
แสงมากมายยังคงปรากฏขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน และในแสงเหล่านั้นมีทรัพยากรล้ำค่ากระจายอยู่นับไม่ถ้วน หากผู้ที่เข้ามายังแดนลึกลับทั้งหลายได้เห็นสมบัติเหล่านี้ พวกมันย่อมเร่งรีบเข้ามาแย่งชิงราวกับเป็นแร้งกาโหยหาซากศพ!
อสูรบางส่วนซึ่งอาศัยอยู่ในแดนลึกลับเผชิญหน้ากับแสงสีเขียวที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตนั้น ความเคารพและหวาดกลัวปรากฏขึ้นในหัวใจ พวกมันต่างคุกเข่ากราบกรานด้วยความนบนอบ ทว่าก็ยังมีบางส่วนที่ดวงตาเต็มไปด้วยความโลภและกำลังคิดถึงเรื่องการแย่งชิงผลประโยชน์ที่กำลังจะเกิดขึ้น!
ในเวลาเดียวกัน พวกมันก็ได้ยินเสียงของอากาศถูกฉีกกระชาก เหล่าอัจฉริยะบางส่วนซึ่งอยู่ในแดนลึกลับต่างก็เร่งรีบทะยานตรงมา
“หรือว่าจะเป็นสมบัติล้ำค่าปรากฏขึ้น? พลังชีวิตที่ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามเช่นนี้ ข้ามสามารถสัมผัสมันได้จากระยะไกล ย่อมต้องเป็นสมบัติที่ทำให้ใต้หล้าสั่นสะเทือน!”
“เร็ว รีบกระจายข่าวเร็วเข้า ข้ารอมิไหวแล้ว!”
“ใจกลางแดนลึกลับ ดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งปรากฏขึ้น ความโกลาหลที่เกิดจากการปรากฏตัวของสิ่งนั้นทรงพลังที่สุดในรอบครึ่งปี!”
อัจฉริยะทั้งหลายที่มายังแดนลึกลับแห่งนี้ต่างตกตะลึงและเริ่มกระทำบางสิ่งโดยเร็ว
ไม่ไกลจากใจกลางแดนลึกลับ มีอสูรขนาดยักษ์เท่าภูเขาอาศัยอยู่ ทั่วร่างของมันสูงถึงขั้นทำให้ก้อนเมฆรอบกายกลายเป็นสายรุ้งงดงาม มันยืนอยู่ตรงนั้นเปรียบกันเสาค้ำสวรรค์ ดวงตาสีน้ำเงินเปล่งประกายดุจท้องทะเล และมันกำลังปลดปล่อยจิตสังหารออกมา
ทว่า อสูรที่น่าหวาดผวาเช่นนี้กลับสูญสิ้นชีวิตของมันไปแล้ว ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์
เหล่ารุ่นเยาว์บางส่วนรอบด้านสวมใส่ชุดคลุมยาวประดับด้วยขนนกเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์อมตะยืนอยู่ด้านข้างอสูรตนนั้น พวกมันมีอาวุธหลากหลายรูปแบบอยู่ในมือที่กำลังเปล่งแสงและปลดปล่อยค่ายกลออกมาเพียงเชือดเฉือนอสูรตนนั้นให้กลายเป็นชิ้นๆ
ชายหนุ่มผู้หนึ่งผมเผ้าขาวโพลนในชุดสีเดียวกันยืนอยู่บนศีรษะของอสูรยักษ์ มันปักกระบี่ของตนลงกลางหว่างคิ้วของอสูรพลางบิดข้อมือก่อนจะแหวกกะโหลกของอีกฝ่ายเพื่อเอาไข่มุกซึ่งผนึกอักขระโบราณเอาไว้ออกมา
ไข่มุกเม็ดนั้นมีขนาดถึงร้อยฉื่อ เพียงชั่วพริบตา มันก็ชำระล้างไข่มุกจนมีขนาดลดลงเหลือเท่านิ้วโป้งก่อนจะส่งเข้าไปยังแหวนมิติของตน
จากนั้นมันก็ดึงเอากระบี่ออกมา โลหิตมากมายพุ่งกระฉูดราวกับสายฝน... มันมองไปยังทิศทางของลำแสงสีเขียวนั้น และร่องรอยความคิดบางประการวาบผ่านในแววตา