ตอนที่ 20 โกหก
“คนเยอะมาก!”
สวี่ไห่เฟิงมองไปทางสนาม นักเรียนกว่า 300 คนและอสูรวิญญาณที่อยู่ข้างๆ ทำให้พื้นที่ปกติจะโล่ง ตอนนี้แออัดอย่างไม่น่าเชื่อ
ที่ด้านข้างอาคาร มีนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งและชั้นปีที่สองหลายคนที่มายืนชื่นชมอย่างตื่นเต้น
“เมื่อก่อนเราก็เป็นแบบนั้น”
สวี่ไห่เฟิงเหลือบมองนักเรียนและรู้สึกขบขันเล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังมองตัวเองในอดีต
ทั้งสองมาถึงคิวยาว
เมื่อช่วงปิดเทอมฤดูหนาวสิ้นสุดลง พวกเขาส่วนใหญ่กำลังพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นกับพวกเขาในช่วงเวลานั้น
ตัวอย่างเช่น พวกเขาไปแฮงเอาท์กันที่ไหน พวกเขาเห็นอสูรทรงพลังอะไร พวกเขาเล่นเกมอะไร พวกเขาดูการแข่งขันอสูรวิญญาณไหม และเรื่องราวและคำถามต่างๆก็ดำเนินต่อไป
แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสามารถสนทนากันซ้ำได้หลายครั้ง
ที่ด้านหน้า ชายวัยกลางคนที่ดูเคร่งขรึมค่อยๆ เดินเข้ามา
“อาจารย์เจิ้งไม่เปลี่ยนแปลงเลย เขาทำตัวเหมือนมีคนเป็นหนี้เขาหลายล้านทุกวัน” สวี่ไห่เฟิงพึมพำ
เมื่อเขาพูดจบ ชายคนนั้นก็จ้องมาที่เขา
“สวี่ไห่เฟิง! คิดว่าฉันไม่ได้ยินหรือไง?”
สวี่ไห่เฟิงค่อยๆ แย้มยิ้ม
แม้ว่าเขาจะอยู่ห่างออกมาหลายสิบเมตร แต่เขาลืมไปว่าอาจารย์เจิ้งในชั้นเรียนของพวกเขาเป็นผู้ควบคุมวิญญาณมืออาชีพ
ร่างกายของผู้ควบคุมวิญญาณมืออาชีพนั้นเหนือกว่าคนธรรมดามาก
แม้ว่าจะเป็นร้อยเมตร แต่ถ้าตั้งสมาธิ พวกเขาก็ยังสามารถตรวจจับเสียงที่เบามากๆ ได้
“เอาล่ะ เอาล่ะ!”
ชายวัยกลางคนมองนักเรียน 42 คนในชั้นเรียนและค่อยๆ เริ่มพูด
“การทดสอบพลังวิญญาณเป็นเพียงการตรวจสอบการบ่มเพาะพลังวิญญาณของอสูรวิญญาณของพวกเธอ ไม่มีความหมายอื่นใดและไม่จำเป็นต้องคิดมาก
“อสูรวิญญาณยังไม่ได้เริ่มบ่มเพาะด้วยตัวเอง พวกมันยังมีการบ่มเพาะบ้าง แต่ก็ต่ำ
“อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นสามปีหรือหลายสิบปี ก็ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญมากเกินไป
“มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เข้าใจไหม?”
อาจารย์เจิ้งพูดอย่างจริงจังและกวาดสายตามองไปรอบๆ นักเรียนทุกคน
เขาเหลือบไปที่หลินซี หวังเช่อและนักเรียนชั้นนำคนอื่นๆ
ดวงตาของเขาหยุดอยู่ที่หนอนผีเสื้อสักครู่ ขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างสับสน
แต่เขาก็ไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ
เขาพูดต่อ
“นี่คือการทดสอบสาธารณะ เธอยังได้รับอนุญาตให้สังเกตนักเรียนคนอื่นๆ ผู้ที่มีฐานการบ่มเพาะต่ำไม่ควรรู้สึกละอายและไม่ควรท้อถอย เช่นเดียวกับผู้ที่มีฐานการบ่มเพาะสูงไม่ควรเย่อหยิ่ง หนทางของพวกเธอทุกคนยังอีกยาวไกล!
“เอาล่ะ เตรียมตัวให้พร้อม นำอสูรวิญญาณของเธอไปที่กลางสนามเพื่อแสดงพลังวิญญาณของพวกมัน”
มีอุปกรณ์ทดสอบพลังวิญญาณวางอยู่กลางสนาม
มันเป็นเครื่องชั่งน้ำหนักหกเหลี่ยมขนาดใหญ่ ซึ่งใหญ่พอที่จะใส่อสูรวิญญาณได้มากกว่าเจ็ดหรือแปดตัว
เมื่ออสูรวิญญาณยืนอยู่บนนั้น ช่องโดยรอบจะสว่างขึ้นราวกับสายฟ้า
แต่ละช่องมีความหมายเท่ากับสิบปี และหากแม้ไม่เต็มแม้แต่ช่องเดียว นั่นก็หมายถึงการบ่มเพาะน้อยกว่าสิบปี
เป็นไปตามที่อาจารย์เจิ้งกล่าว แบบทดสอบง่าย ไม่ได้มีรายละเอียดมาก
กระบวนการทั้งหมดของการประเมินนั้นเงียบมาก คนส่วนใหญ่จำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร
มีเพียงเพื่อนร่วมชั้นเท่านั้นที่รู้กัน
ไม่มีการเอ่ยชื่อใดๆ
หวังเช่อสังเกตช่องขณะที่เพื่อนร่วมชั้นผลัดกันขึ้นไปทดสอบ ส่วนใหญ่ไม่มีแสงสีทองส่องสว่างเลย
สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าอสูรวิญญาณของนักเรียนส่วนใหญ่มีฐานการบ่มเพาะพลังวิญญาณอายุต่ำกว่าสิบปี
ทุกครั้งที่มีแสงสีทองสว่างขึ้น จะมีเสียงดังขึ้นเล็กน้อยท่ามกลางฝูงชน
เพราะฐานบ่มเพาะพลังวิญญาณสิบปีมีอุปสรรค
โดยปกติ อสูรวิญญาณจะต้องผ่านช่วงการตรัสรู้และบ่มเพาะด้วยตัวเองเพื่อให้ถึงระดับนี้ในระยะเวลาอันสั้น
เห็นได้ชัดว่านี่ค่อนข้างยาก
เมื่อใดก็ตามที่แสงสีทองสองแท่งสว่างขึ้น เสียงร้องจะดังขึ้น
แทบไม่มีใครสามารถไปถึงสามช่องได้
หวังเช่อยังสังเกตเห็นหยวนเซียวเล่อหันมามอง
ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงหัวเราะของสวี่ไห่เฟิง “นายไปก่อน”
นักเรียนที่อยู่ข้างหน้าเขาไม่ได้ยืนอยู่ในลานขณะที่เขานำอสูรวิญญาณของเขาขึ้นมา
มันคือกบฝนพรำซึ่งเป็นอสูรวิญญาณปกติ
ตัวมันไม่ใหญ่ การเติบโตทางกายภาพของอสูรวิญญาณประเภทนี้ค่อนข้างค่อยเป็นค่อยไป แม้ว่าจะมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับอสูรวิญญาณ มันก็ยากที่จะบอกระดับการบ่มเพาะพลังวิญญาณที่เฉพาะเจาะจงของมัน
มันดูงี่เง่าและมีลักษณะเป็นสีฟ้า แม้ว่ามันจะค่อนข้างน่ารักเมื่อกระโดด
หวังเช่อมองและทันใดนั้นรอยยิ้มก็แย้มกว้างทั่วใบหน้าของเขา
“นั่นปู้หยานไม่ใช่หรอ?” สวี่ไห่เฟิงเยาะเย้ย “เมื่อวาน เพื่อนคนนี้พูดในกลุ่มว่าเขายังไม่บรรลุการตรัสรู้อสูรวิญญาณ ฉันทำนายว่ามันมีฐานการบ่มเพาะเพียงสามถึงห้าปี”
สวี่ไห่เฟิงเพิ่งพูดจบ แสงสีทองสองแท่งสว่างขึ้นบนเครื่องตรวจจับพลังวิญญาณในทันที
“เห้ย!” สวี่ไห่เฟิงกรีดร้องอย่างตะลึงงัน “สองแท่ง? ฐานการบ่มเพาะพลังวิญญาณ 20 ปี? เด็กเหลือขอนั่นโกหกชัดๆในกลุ่ม!”
เขาจำสิ่งที่ปู้หยานตอบในแชทกลุ่มได้ชัดเจน
ปู้หยาน “อาจารย์เจิ้ง! เป็นการยากที่จะให้การตรัสรู้แก่อสูรวิญญาณ กบฝนพรำของผมถกำเนิดมามากกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว แต่ทั้งหมดที่ทำคือการจ้องมองอย่างว่างเปล่า...”
สวี่ไห่เฟิงพูดไม่ออก
นักเรียนที่อยู่รอบๆ ก็ตกตะลึงเช่นกัน
ปู้หยานนำกบฝนพร่ำของเขาลงจากอุปกรณ์ ขณะที่นักเรียนอีกคนเดินขึ้นไป
“นั่นทงเหลียง!” สวี่ไห่เฟิงกลับมารู้สึกตัวและยิ้มแย้มร่าเริง “เขามีคอตโตนี่ ฉันไม่เชื่อว่าเขาโกหก อสูรตัวนี้ไม่เชื่อฟังและฝึกยาก ฉันคิดว่ามันน่าจะไม่เกินสองถึงสามปี...”
อย่างไรก็ตามอดีตซ้ำรอยเดิม
เมื่อเขาพูดจบประโยค เครื่องตรวจก็สว่างขึ้นอีกครั้งด้วยแสงสีทองสองแท่ง
"เวร!" สวี่ไห่เฟิงรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง “ไอ้พวกนี้ โกหกกันทั้งนั้น!”
หวังเช่อยิ้มเยาะ
นักเรียนคนต่อไปเดินขึ้นไป
ย้อนกลับไปในตอนนั้น ทุกคนในกลุ่มบอกว่าพวกเขาไม่มีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับอสูรวิญญาณ... แต่ระดับการบ่มเพาะที่วัดได้ของพวกเขาตอนนี้กลับสูงจนน่าขัน!
ทุกคนมีอายุเฉลี่ยประมาณ 20 ปี
บางส่วนถึงจำนวนมาตรฐานสิบปี มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังไม่ได้ตรัสรู้
ใบหน้าของสวี่ไห่เฟิงมีคำว่า ‘เรื่องตลกมักเกิดกับฉัน’
หวังเช่อเข้าใจความรู้สึกดี
เหมือนกับหลังสอบ เมื่อมีคนถามคนอื่นว่าเป็นยังไงบ้าง แล้วทุกคนก็พูดแบบเดียวกันว่า ทำได้ไม่ดีและข้อสอบยาก
มันจะทำให้ทุกคนมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น หรือแม้กระทั่งทำให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขามีโอกาสที่จะโอ้อวด
อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด หลังจากการสอบ พวกเขาแค่ผ่านครึ่ง ในขณะที่คนอื่นๆ ได้คะแนนเต็ม
สวี่ไห่เฟิงก้าวเดินอย่างหดหู่ใจ
อสูรร้อยดอกดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอาการซึมเศร้าของสวี่ไห่เฟิงและลูบหน้าเขา
“เด็กน้อยของฉันรักฉันมากที่สุด”สวี่ไห่เฟิงพอใจ
ในขณะนั้นเอง ร่างที่สวยงามก็ค่อยๆ เดินขึ้นไปบนเวที
ราวกับว่าทั้งสนามกำลังจดจ่ออยู่กับเธอในขณะนี้
“หลินซีกำลังขึ้นเวที หวัง นายบอกว่างูหมวกเมฆของเธอมีฐานการบ่มเพาะสี่สิบปีจริงๆ ใช่ไหม?”สวี่ไห่เฟิงถามเบาๆ “ยังไงฉันก็ยืนยันไม่ได้”
งูหมวกเมฆเติบโตช้ากว่า
อสูรวิญญาณหายากเช่นนี้ย่อมมีร่างกายที่แข็งแกร่ง ดังนั้นจึงไม่ง่ายที่จะเติบโตด้วยขนาด
มันดูเกือบจะเหมือนกับครั้งแรกที่พวกเขาพบมัน เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันเปลี่ยนไปมากแค่ไหน
หวังเช่อพยักหน้าไปในทิศทางของเธอ “นายคิดว่าเธอจะโกหก?”
“ฉันไม่คิดอย่างนั้น”
มันเป็นความจริง
ช่องทั้งสี่สว่างขึ้น สนามก็ปะทุขึ้นด้วยเสียงเชียร์
ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ลุ่มหลง และตกใจ...
“ฉันสงสัยว่าใครจะสามารถเอาชนะคนที่น่ากลัวเช่นนี้ได้?” สวี่ไห่เฟิงถอนหายใจ
หลินซีเดินลงจากเวทีและเหลือบมองหวังเช่อด้วยท่าทางสงบ
นักเรียนอีกสองสามคนตามหลังมา
“หวัง ถึงตานายแล้ว”
สวี่ไห่เฟิงมองไปที่หนอนผีเสื้อด้านหลังหวังเช่อ
“จากความรู้ของฉัน อสูรวิญญาณของนายน่าจะอายุประมาณ 20 ถึง 30 ปีใช่ไหม? หนอนผีเสื้อที่เลี้ยงมาขนาดนี้ไม่ธรรมดาเลย มันยังไม่ได้มีการวิวัฒนาการ ฉันสงสัยว่ามันจะได้เท่าไหร่...”
หวังเช่อยิ้ม
ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นเหมือนเขาที่รู้รายละเอียดเฉพาะของอสูรวิญญาณ
“ฉันคิดว่าอย่างน้อยน่าจะ 40 ปี”
นักเรียนตาแหลมอีกคนที่รู้เรื่องหนอนผีเสื้อมากกว่ากระซิบว่า “ตัวใหญ่ขนาดนี้ไม่ธรรมดาเลย”
ขณะที่หวังเช่อเดินออกไป เขาก็ตระหนักว่าตอนนี้มันเงียบกว่าตอนที่หลินซีขึ้นไป
อันที่จริง นักเรียนในการทดสอบส่วนใหญ่ไม่รู้จักคนอื่นนอกจากเพื่อนร่วมชั้นของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นบางอย่าง เช่น คนที่เคยมีชื่อเสียงในปีแรกและปีที่สอง
หลินซีเป็นหนึ่งในนั้นและหวังเช่อเองก็เหมือนกัน
แน่นอนว่าความเงียบนี้เป็นเพราะหลายคนรู้อยู่แล้วว่าอสูรวิญญาณของหวังเช่อคือหนอนผีเสื้อ
ดังนั้น พวกเขาต้องการดูว่าผลจะเป็นยังไง...
“หวังเช่อ แม้ว่าอสูรวิญญาณของนายจะเป็นหนอนผีเสื้อ นายก็ยังเป็นเจ้าชายของฉัน!”
นักเรียนคนหนึ่งรวบรวมความกล้าและตะโกน
“...”
การก้าวขาของหวังเช่อไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับว่าเขาปิดกั้นทุกอย่างและไม่รู้สึกลำบากใจแม้แต่น้อย
เขาเดินไปที่กลางสนามอย่างใจเย็นราวกับว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่ เขามองไปที่อุปกรณ์ทดสอบพลังวิญญาณ
“ไป” หวังเช่อสั่ง
หนอนผีเสื้อเลื้อยเข้าไป
วินาทีถัดมา...
ทันใดนั้น แสงสีทองห้าแท่งก็สว่างขึ้น!