วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0015
บทที่ 6 ฉันจะสอนให้รู้จักต่างโลกเอง (4)
* * *
ชาโซฮีพยายามส่ายหน้าเพื่อสลัดให้หลุดจากอาการมึนงง
จากนั้นก็นึกทบทวนสิ่งที่ได้เห็น
คังซอนฮูคาบบุหรี่ไว้ในปาก ตามด้วยจุดไฟที่ปลายบุหรี่
‘เอาไฟมาจากไหน?’
ก่อนที่ไฟจะติด คังซอนฮูเปล่งถ้อยคำที่มิอาจทำความเข้าใจ
คำที่เธอมิอาจออกเสียงตามแม้จะเพิ่งได้ยิน
ยากจะให้เชื่อว่า เสียงดังกล่าวถูกเปล่งด้วยเส้นเสียง ลิ้น และริมฝีปากของมนุษย์
ถัดมาเธอเห็นควันสีขาว และคังซอนฮูก็หายตัวไป
ดูไม่เหมือนระเบิดควัน
ควันมิได้หนาถึงขั้นปกคลุมร่างกาย เป็นแค่ควันบุหรี่จางๆ
อย่างไรก็ดี คังซอนฮูกลับอันตรธานหายไป
เธอรู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือไม่
“ชาโซฮี”
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งดังขึ้น เหมือนกับเสียงที่ได้ยินจากอีกฟากของความฝัน
“ชาโซฮี”
จู่ๆ ร่างคังซอนฮูก็กลับมา
ในตำแหน่งเดิมก่อนจะหายตัวไป
“มัวเหม่ออะไรอยู่?”
“อ้อ… ก…เกิดอะไรขึ้น? ฉันตาฝาดหรือไง… หรือว่าถูกแวมไพร์เข้าสิง?”
จากนั้นเธอรีบหันหลัง
“เธอโดนแวมไพร์สิง?”
เมื่อมองไปข้างหลังชาโซฮี คังซอนฮูเห็นลิลี่กำลังเผยสีหน้าประหลาดใจ
“…คงไม่มั้ง”
“เกิดอะไรขึ้นกับฉัน…”
ชาโซฮีพยายามเค้นสมองคิด เพื่อขจัดความสงสัยภายในหัว
“จริงสิ…! ฉันมองไม่เห็นนาย!”
“จู่ๆ ก็หายไป?”
“ใช่! แล้วก็เวียนหัวด้วย เหมือนกับกำลังฝันและละเมอ… เป็นความรู้สึกที่ประหลาดมาก”
“ตัวร้อนไหม?”
ชาโซฮีส่ายหน้า
“ไม่ได้รู้สึกว่าร่างกายกำลังแย่ แค่เหม่อๆ”
“เยี่ยม”
คังซอนฮูทำหน้าพึงพอใจประหนึ่งทุกสิ่งเป็นไปตามคาด
แต่ชาโซฮียังไม่เข้าใจอะไรเลย
“เล่าให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้!”
“เป็นผลจากการนำยางที่สกัดจากเกสรดอกไม้ เคลือบลงบนใบไม้แห้ง… ยางดอกไม้มีฤทธิ์หลอนประสาทรุนแรง แต่เมื่อนำใบไม้แห้งไปเผา ฤทธิ์ของมันถูกทำให้เป็นกลางพร้อมกับขจัดผลข้างเคียง”
“หลอนประสาท?”
คังซอนฮูพยักหน้ารับ
“เป็นกลไกป้องกันตัวของดอกไม้ มันสร้างภาพหลอนเพื่อไม่ให้คนอื่นมองเห็น”
“นั่นคือเหตุผลที่ฉันมองไม่เห็นนาย?”
“อืม เธอแค่มองไม่เห็น ฉันไม่ได้ล่องหนหรือหายไปไหน”
“นายก็สูดควันเข้าไปเหมือนกัน ทำไมถึงไม่เห็นภาพหลอน?”
“อ้อ เรื่องนั้น…”
“เพราะอะไร?”
“ความลับทางการค้า”
“แล้วทำไมควันนั่นถึงคลุมร่างนายคนเดียว?”
“ความลับทางการค้า”
“…นายคิดจะเอาวิดีโอในโฟลเดอร์ New folder (2) ของไดรฟ์ C: ไปทำอะไร?”
“เธอเห็นมันแล้วหรือ?”
“หา? มีจริงหรือเนี่ย? เอามาให้ฉันดูเดี๋ยวนี้!”
เมื่อตระหนักว่าชาโซฮีกำลังจะเปลี่ยนเป็นโหมดน่ารำคาญ คังซอนฮูรีบเบี่ยงประเด็น
“เจ้านี่มีประโยชน์มากในสถานการณ์อันตราย”
ทุกความคิดของคังซอนฮู ล้วนจดจ่ออยู่กับการสำรวจ
มันกำลังจินตนาการถึงความตื่นเต้นที่จะได้รับบนโลกใหม่
ชาโซฮีอิจฉาสีหน้าของชายหนุ่ม
เมื่อได้เห็นคังซอนฮูหมกมุ่นกับบางสิ่งโดยไม่สนโลก เธอรู้สึกชื่นชมจากก้นบึ้ง
“ขอเตือนไว้ก่อน อย่าสูบบุหรี่นี้เข้าไป ถ้าคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันสูบ เกิดเรื่องใหญ่แน่”
“ปรกติฉันไม่สูบอยู่แล้ว ไม่เคยสนใจเลย ว่าแต่… ทำไมถึงเป็นเรื่องใหญ่ถ้าคนสูบไม่ใช่นาย?”
ชาโซฮีนึกย้อนไปยังตอนที่คังซอนฮูนำบุหรี่ใส่ปากและเปล่งภาษาที่เธอไม่เข้าใจ
“ความลับทางการค้า”
“ลับแม่งทุกเรื่อง!”
“บางที ฉันอาจยอมบอกถ้าเธอมาเป็นลูกจ้างในธุรกิจของฉัน”
“ถ้าเกษียณแล้วจะลองคิดดูน้า~”
คังซอนฮูเงยหน้ามองกระท่อมอีกครั้ง
ยังคงเป็นกระท่อมชั้นเดียว ดูเหมือนห้องเก็บของใหญ่ๆ ที่มีสามห้องย่อยมากกว่า
หลายสิ่งยังไม่เข้าที่เข้าทาง ใช้ได้แค่พอซุกหัวนอน
อย่างไรก็ดี สายตาชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยความภูมิใจ
“เตรียมตัวเสร็จเกือบหมดแล้ว ถึงเวลาเริ่มงาน”
คังซอนฮูพลิกป้ายที่แขวนบนผนัง
<สำนักงานกิลด์นักผจญภัย>
<เปิดให้บริการ>
* * *
ซอจีอาต้องใช้ห้องข้างๆ สำนักงานไปสักระยะ เพราะสำนักงานอยู่ระหว่างการทำความสะอาดคราบฝุ่น น้ำ และขี้เถ้าเปียก
สำหรับลูกน้องที่ส่งกระดาษมาให้ เธอพาตัวกลับมาไม่ได้เพราะ OWIC ปฏิเสธคำขอร้อง
OWIC คือบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่แม้แต่ฮาวนด์ระดับซอจีอาก็ไม่กล้าแตะต้อง
แต่สิ่งที่คาใจซอจีอาก็คือ ก่อนหน้านี้ OWIC ยังเป็นพันธมิตรกับเธออยู่เลย
“ทำไมจู่ๆ ถึงเปลี่ยนท่าที?”
แต่ไหนแต่ไร OWIC จำเป็นต้องทำเรื่องผิดศีลธรรม ชนิดที่ถ้าคนทั่วไปรู้เข้าคงถูกเกลียด งานเหล่านั้นจึงถูกส่งมาให้ซอจีอาจัดการแทน
ซอจีอาก็ทราบว่าตนถูกหลอกใช้ จึงหาทางใช้งาน OWIC ในแบบของตัวเอง
ถือเป็นความสัมพันธ์แบบได้ประโยชน์ร่วมกัน การมีบริษัทวิจัยต่างโลกอันดับหนึ่งคอยหนุนหลังก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายนัก
“…แต่แล้วทำไม?”
โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย OWIC หันหลังให้เธอพร้อมกับตักเตือนอย่างสุภาพว่า ‘หากล้ำเส้นในต่างโลก ขอรับประกันว่าเธอจะต้องเสียใจ’
เธอส่ายหน้าด้วยความฉงน
และเปลี่ยนมาครุ่นคิดเกี่ยวกับคังซอนฮู
เดิมที ซอจีอาไม่ได้เกลียดชังคังซอนฮู ไม่สิ เธอไม่รู้สึกอะไรเลยมากกว่า
สิ่งที่สนใจมีเพียงแวมไพร์
แต่ ณ ปัจจุบัน ความสนใจของหญิงสาวหันเหไปหาคังซอนฮูแทนแวมไพร์
จะดีจะร้าย แวมไพร์ก็เป็นแค่สินค้า การปล่อยหลุดมือไปก็แค่สูญเสียรายได้เล็กน้อย มองเป็นความโชคร้ายก็ยังได้
แต่กับคังซอนฮูนั้นแตกต่าง ยิ่งเธอศึกษาอีกฝ่าย ข้อมูลสุดพิสดารก็ประดังเข้ามาไม่หยุด
ชายผู้ไม่เสียขวัญขณะเผชิญหน้ากับฝูงหมาป่าสคาเวน แถมยังมีข่าวลือว่า แค่จ้องหน้าก็ไล่หมาป่ากลับไปได้แล้ว
นอกจากนั้น อีกฝ่ายยังจับโป๊ะยูทูเบอร์สังกัดฮาวนด์ที่พยายามใช้ผลไม้สร้างคอนเทนต์
ในโรงแรมที่แวมไพร์ถูกขังไว้ คังซอนฮูจัดการกับฮาวนด์สองคนได้ง่ายดาย
แม้ซอจีอาจะไม่ได้มองว่าคังซอนฮูวิเศษวิโสที่สามารถเอาชนะลูกน้องของเธอ แต่ทั้งสองคนก็ถือว่ามีฝีมือไม่ธรรมดา
“ไม่เพียงแค่นั้น สามคนที่ส่งไปตอนกลางคืนก็ยังถูกกำราบโดยไร้รอยขีดข่วน แถมพวกหน่วยข่าวกรองหัวกะทิของ OWIC ก็ยังต้องหน้าแตก…”
แน่นอน อย่างหลังอาจเป็นแค่ข่าวลือ
แต่ไม่ว่าจะมองมุมใด อีกฝ่ายก็ไม่ธรรมดา
ซอจีอาเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อคังซอนฮู จากคนน่ารำคาญเป็นผู้ชายที่น่าสนใจ
หมอนั่นแข็งแกร่งสินะ…
ถ้าแข็งแกร่ง ก็ควรมาอยู่เคียงข้างฉันสิ
ซอจีอาแสยะยิ้มด้วยความโล�
* * *
“เราเป็นนักธุรกิจแล้วสินะ… ฟังดูเท่ชะมัด”
เมื่อคืน ฉันกลับมาวิจัยภาษารูนอย่างจริงจังอีกครั้ง
อันที่จริง จะเรียกว่าวิจัยก็ไม่เชิง แค่นำสมุดบันทึกที่วางบนชั้นมาอ่านหลังจากห่างหายไปนาน
เนื้อหาช่วงแรกถูกเขียนขึ้นขณะอยู่ในเมือง เต็มไปด้วยข้อมูลภาษารูน มากมายชนิดที่ฉันจำได้ไม่หมด
“ไว้ค่อยศึกษาวันหลังก็แล้วกัน”
ตอนนี้มีงานสำคัญต้องทำก่อน
อันดับแรก ต้องติดตั้งอุปกรณ์ล็อกประตูและแสงไฟ
เพื่อการนั้น แบตเตอรี่คือสิ่งจำเป็น
ฉันจึงไหว้วานให้ชาโซฮีช่วยจัดหาวัสดุ และเธอก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี คงถือโอกาสเที่ยวโซลหลังจากเว้นระยะมานาน
“เดี๋ยวฉันจะกลับมา”
ลิลี่ผู้นั่งบนเตียงชั่วคราว จ้องหน้าฉันพร้อมกับผงกศีรษะ
เธอคงไม่เข้าใจหรอก…
ในช่วงหลัง ระยะห่างระหว่างพวกเราลดลงมาก
บางครั้ง ลิลี่จะหายตัวไปโดยไม่บอกกล่าว แต่บางครั้งก็มาโผล่ข้างๆ เหมือนกับแมวจรในชนบท
แม้จะช่วยทำงานบ่อยครั้ง แต่ฉันก็อดไม่ได้ที่มองเธอเป็นแมวจร
“…แมวจร เราใจร้ายไปไหม?”
ถึงยังไงเธอก็มีรูปร่างเป็นมนุษย์
ฉันยิ้มอย่างไร้เหตุผล ส่ายหน้าและเดินเข้าไปในหมู่บ้าน
หมู่บ้านยังคงเหมือนเดิม
หลังจากเห็นอาคารสองหลังกำลังก่อสร้างใกล้ริมรั้ว ฉันตระหนักว่าหมู่บ้านนี้มีประชากรเพิ่มขึ้นตลอดเวลา
เขตหมู่บ้านมีความเข้มข้นพิษต่ำกว่าเขตอื่น แม้จะเป็นต่างโลกเหมือนกัน แต่ความเข้มข้นของพิษแต่ละพื้นที่ไม่เท่ากัน
ได้ยินว่าสถานที่จัดสอบใบอนุญาตซึ่งอยู่ทางใต้ของหมู่บ้าน ถูกประเมินว่ามีความหนาแน่นของพิษต่ำที่สุดในบรรดาดินแดนที่มนุษย์ครอบครอง
นอกจากนั้นเกาหลีใต้ยังค่อนข้างพิเศษ ไม่มีประเทศใดในโลกเดินทางมายังต่างโลกได้สะดวกเท่านี้อีกแล้ว
เป็นประเทศเดียวที่ประตูมิติโผล่ขึ้นใจกลางเมืองหลวง
แถมดินแดนที่เชื่อมต่อกันในต่างโลก ก็ค่อนข้างราบเรียบและเงียบสงบ เบสแคมป์ขนาดใหญ่จึงถูกสร้างอย่างรวดเร็ว
เกาหลีใต้คือประเทศที่บริษัทเอกชนมีวิทยาการล้ำสมัย สามารถผลิตอุปกรณ์ควบคุมประตูมิติได้ภายในไม่กี่ปี
แต่จากที่ได้ยิน มีข่าวลือว่าพวกเขาขโมยวิทยาการมาจากต่างโลก
ฉันเดินมายังใจกลางหมู่บ้านพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ขณะเดินไปบนถนนที่สุดสายเป็นประตูมิติ ฉันสัมผัสถึงบรรยากาศไม่ชอบมาพากล
ยุนมินจี พนักงานโรงแรมสาวผมสั้นที่เคยถูกฮาวนด์สองคนแทะโลม กำลังสนทนากับลุงขายของชำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ในเขตปลอดเทคโนโลยีเช่นนี้ การสนทนาแบบเห็นหน้ากันคือเรื่องปรกติ
“สวัสดีครับ”
“อ๊ะ! คุณซอนฮู สวัสดีค่ะ”
ยุนมินจีโค้งศีรษะทักทาย ใบหน้าเรียบๆ ที่แต่งหน้าอ่อนๆ เข้ากับความเป็นลูกจ้างในยุคกลางได้ดี
“กำลังคุยอะไรกันอยู่หรือ”
“อ้อ… OWIC เพิ่งส่งกองกำลังขนาดใหญ่ข้ามประตูมิติมา… เป็นเหตุการณ์ที่พบได้ไม่บ่อย”
คุณลุงด้านข้างช่วยเสริม
“คุณซอนฮูยังไม่รู้สินะ… หากบริษัทส่งกองกำลังมา นั่นแปลว่ามีเรื่องไม่ดีเกินขึ้น”
“ฉันไม่เคยเห็นกองกำลังจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน แถมยังไม่มีการแจ้งล่วงหน้า… ในอดีต หากมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น พวกเขามักจะส่งกองกำลังมาแก้ไขสถานการณ์เสมอ… เห็นว่าช่วงนี้มีข่าวลือแย่ๆ กำลังแพร่สะพัดด้วย”
“เล่าให้ฟังหน่อยสิ”
“รู้จักป่าเบอร์มิวด้าไหมคะ”
ชื่อของป่าเบอร์มิวด้าหลุดจากปากยุนมินจี
ในเมื่อฉันกำหนดให้ที่นั่นเป็นเป้าหมายถัดไป จะไม่ฟังก็กะไรอยู่
“ผู้คนกำลังแตกตื่น เพราะมีลมร้อนแปลกๆ พัดมาจากป่าเบอร์มิวด้าทุกคืน”
“แม่หนู ปรกติก็มีลมพัดมาจากป่าเบอร์มิวด้าอยู่แล้ว”
“แต่นี่เป็นลมร้อน!”
“นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่เมื่อไม่นานมานี้ OWIC ส่งกองหน่วยหัวกะทิสิบนายเข้าไปในป่าเบอร์มิวด้า แต่ว่า…”
ใบหน้ายุนมินจีเคร่งเครียดเกินกว่านั่นจะเป็นแค่ข่าวลือ
“ไม่มีใครได้กลับมา”
“…”
คำอธิบายถัดจากนั้นก็คือ ทุกคนมั่นใจว่าทั้งสิบคน หากไม่ตายก็คงหายสาบสูญไปแล้ว แต่ทาง OWIC กลับไม่ยอมออกมาชี้แจง และดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ทราบเรื่องนี้
คล้ายกับ OWIC กำลังปิดบังบางสิ่งที่สำคัญมาก
ขณะครุ่นคิด ฉันได้ยินเสียงจากด้านหลัง
“ไม่ได้พบกันนานเลยนะ”
เป็นเสียงที่คุ้นหู
“จำฉันได้ไหม?”
“อา… จินซอยอน… คุณจินซอยอนใช่ไหม?”
“ฉันเสียใจนะ อุตส่าห์บากหน้าให้เบอร์ไป แต่นายกลับไม่ติดต่อมาเลย”
นักวิจัยของ OWIC คนแรกที่ฉันพบหลังจากได้กลับโลก
สีหน้าและวิธีการพูด แตกต่างไปจากท่าทางสุภาพเรียบร้อยที่ฉันเคยเห็น
หรือว่านี่คือธาตุแท้?
ฉันล้วงมือหยิบโทรศัพท์ที่ไม่มีประโยชน์เพราะหลุดระยะสัญญาณ เพื่อตรวจสอบรายชื่อผู้ติดต่อ
[จินซอยอน R&D สำนักงานใหญ่ ♥]
“…ก็นึกว่าเป็นคนเรียบร้อย”
“หา…?”
“ไม่มีอะไร ยินดีที่ได้พบกันอีกครับ”
“ยินดีที่ได้เจอเช่นกันค่ะ”
กล่าวจบ จินซอยอนยิ้มให้
“ฉันมาที่นี่เพราะอยากแวะไปเยี่ยมสำนักงานของคุณ บังเอิญจังเลยนะ”
“มาเยี่ยม?”
“รับงานไหมคะ? คุณเจ้าของกิลด์นักสำรวจ”
“ข่าวลือแพร่ไปเร็วดีนี่”
“ฉันเป็นลูกค้าคนแรกรึเปล่า?”
ทำไมพวกลูกค้าถึงชอบคิดว่าตัวเองเป็นคนแรก?
ฉันกลับไปที่กระท่อมพร้อมกับจินซอยอน
* * *
“กองกำลังพิเศษจากสำนักงานใหญ่ที่ถูกส่งเข้าไปในป่าเบอร์มิวด้า ทุกคนหายสาบสูญ”
ได้ยินอีกฝ่ายเล่าข้อเท็จจริงอันน่าตกตะลึงด้วยสีหน้าเรียบเฉย ฉันเข้าใจทันทีว่า ทำไมเธอที่ยังดูอายุไม่มาก ถึงได้นั่งทำงานในตำแหน่งใหญ่โตของ OWIC
“อันที่จริง หากนับเฉพาะที่เป็นทางการ พวกเราไม่เคยประสบความสำเร็จในการสำรวจป่าเบอร์มิวด้าเลยสักครั้ง OWIC จึงตัดสินใจยอมแพ้และสำรวจแค่รอบนอก… นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุร้ายแรงขึ้น”
“แล้ว… คุณอยากให้ผมช่วยอะไร?”
“ช่วยหาความจริงว่า เกิดอะไรขึ้นข้างในกันแน่ จากนั้นบริษัทจะดำเนินการแก้ไขเอง… ตอนนี้เบื้องบนกำลังทะเลาะกันเพราะความคลุมเครือ”
“เป็นการว่าจ้างจากบริษัทหรือส่วนตัว?”
“อาจจะส่วนตัว หรืออาจจะบริษัท”
“ขึ้นอยู่กับว่าความจริงที่ผมค้นพบ หลังจากนั้นค่อยพิจารณาว่าควรจ้างแบบไหน?”
“ฉลาดมาก… อยากได้จัง”
พูดว่า ‘อยากได้’ ออกมาง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ?
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ใส่ใจกับการว่าจ้างฉันสักเท่าไร
“…ทำไมถึงปิดบังผม”
“หา?”
จินซอยอนผู้กำลังนั่งไขว่ห้าง ยังคงมีสีหน้าผ่อนคลาย
“ถึงจะไม่มีข้อมูลของกองกำลังพิเศษเลย แต่ผมรู้สึกว่ามันแปลกที่หน่วยหัวกะทิสิบคน จะถูกส่งเข้าไปในป่าเบอร์มิวด้าด้วยเหตุผลแค่นั้น”
“แปลกยังไง? บริษัทใหญ่มักตัดสินใจแปลกๆ เป็นปรกติอยู่แล้วไม่ใช่หรือ”
“รังไหม, โลหะผุกร่อน, การแพร่กระจายของพิษ, คลื่นพลังจิตระลอกใหญ่, เติบโตฉับพลัน, การก่อตั้งลัทธิ”
“…”
“คีย์เวิร์ดไหนที่เกี่ยวข้อง?”
สีหน้าจินซอยอนเริ่มเคร่งขรึม
เธอใช้เวลาสักพักก่อนจะมอบคำตอบ
“รังไหม, โลหะผุกร่อน”
“ในป่าอาจมีปรสิต มักเกิดกับป่าอายุน้อย”
“…ฉันมองคนไม่ผิดจริงๆ เบื้องบนของ OWIC มีแต่พวกสมองทึบ”
“นั่นคือเหตุผลที่ต้องปิดบัง?”
“ฉันเป็นแค่พนักงาน พูดได้แค่สิ่งที่บริษัทอนุญาต… แต่ถ้าถูกจับโกหกได้ นั่นแปลว่าฉันไม่ได้ปากพล่อย”
ฉันพยักหน้ารับ
ป่าในต่างโลกคือสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ ยิ่งมีชีวิตอยู่นานก็ยิ่งทรงพลังและมากประสบการณ์
จากเท่าที่ฟัง ป่าเบอร์มิวด้าอยู่ในหมวดหมู่ ‘ป่าเด็ก’
และสำหรับป่าเด็ก บางครั้งจะมีสัตว์ปรสิตเข้ามาตั้งรกราก
เฉกเช่นเด็กเล็ก ป่าเด็กมีภูมิคุ้มกันต่ำ
“เมื่อไม่นานมานี้ มีสัญญาณประหลาดมาจากในป่า ทางเราจึงตรวจสอบด้วยเรดาร์และพบสัญญาณชีพกลุ่มใหญ่ หลังจากจับตามองอยู่สักพัก เราพบสิ่งที่น่าจะเป็นรังไหม ซึ่งคาดว่าจะฟักตัวในอีกสามวัน… ทางเรายังไม่ทราบว่าสิ่งนั้นคืออะไร ถ้าแค่รังไหมยังทำลายกองกำลังพิเศษได้ หลังจากฟักเป็นตัว พวกมันคงบุกเบสแคมป์ทันที…”
แน่นอน มนุษย์สามารถรับมือไหว แค่หมู่บ้านยังไม่เคยงัดอาวุธสมัยใหม่ออกมาใช้
หากจำเป็นจริงๆ ก็พร้อมป้องกันตัวอย่างสุดความสามารถ
อย่างไรก็ดี หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว การสูญเสียคือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ จำเป็นต้องอพยพประชากรล่วงหน้า
“แต่นั่นจะทำให้ไม่มีใครกล้ามาที่เบสแคมป์อีก และถ้าพวกนักรณรงค์หยิบมาเป็นประเด็นโจมตี วิทยาการต่างโลกของประเทศเราจะถอยหลังไปสามก้าว”
ขณะเธอเล่าถึงตรงนี้ ฉันเริ่มเก็บกระเป๋า
“อันที่จริง ทางเราอยากทราบตัวตนที่แท้จริงของรังไหม นั่นคือเหตุผลที่ OWIC ตัดสินใจจ้างคุณคังซอนฮู…”
ฉันหยิบขวานที่พกติดตัวตลอดเวลา และมีดเดินป่าเล่มพิเศษที่นำมาจากเมืองในต่างโลก
ทั้งสองชิ้นเป็นอาวุธคู่กายของฉันมานานแล้ว
“ผมจะไปล่า”
“…คะ?”
ไม่หลงเหลือใบหน้าของหญิงฉลาดอีกต่อไป ดวงตาที่มองผ่านกรอบแว่นเปี่ยมไปด้วยความสับสน
“ค…คนเดียว? ถ้าต้องการกำลังเสริม ฉันคิดว่าต้องมีการประชุม…”
ตรวจสอบความคมเรียบร้อย
ยังคมกริบเหมือนกับที่ใช้มาตลอด
สำหรับมีดล่าสัตว์ นี่คือครั้งแรกที่ฉันนำออกมาหลังจากกลับโลก
“จะจ้างหรือไม่จ้าง… ตัดสินใจมา”
เรื่องอื่นนอกจากนี้ไม่สำคัญ
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์
ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:
https://www.facebook.com/bjknovel/
หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel