ตอนที่แล้ว775 เขาเป็นยังไงบ้าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป777 เม็ดยา เดินทางหนึ่งพันไมล์เพื่อช่วยเหลือ

776 ผจญคลื่นลม


776 ผจญคลื่นลม

วันต่อมา หวังเย้าที่พักอยู่ในโรงแรมกำลังคิดแผนการขั้นต่อไปอยู่ เขาได้รับการยืนยันจากเจี๋ยจื้อจายแล้วว่าบอสจางเหว่ยอยังปลอดภัยดี คนที่ตายไปไม่ใช่เขา แต่เป็นตัวตายตัวแทนของเขาต่างหาก ตอนนี้บอสจางเหว่ยคงกำลังซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดที่ไหนสักแห่งในเมืองเต๋า เพื่อเตรียมการออกค้นหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องที่เกิดขึ้น และวางแผนรับมือต่อไป

ตัวตายตัวแทน! น่าสนใจดีนี่! ความคิดของผู้บริหารช่างซับซ้อน ไม่แปลกใจเลยที่เจี๋ยจื้อจายกับหูเหมยจะหวาดกลัวเขา

หวังเย้าตัดสินใจอยู่ต่ออีกสองวัน ถ้าหากเรื่องยังไม่คืบหน้า เขาก็จะกลับบ้าน

คืนนั้น มีฝนตกที่เมืองเต๋า พายุเคลื่อนตัวเข้ามาจนเกิดเป็นคลื่นลมในทะเล

“ลมแรงจริงๆ!”

หวังเย้าเดินออกมาจากโรงแรมพร้อมกับกางร่มคันหนึ่ง เขาเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่ชายหาด เมื่อไปถึง ก็มีเพียงเสียงคำรามของคลื่นที่สาดกระทบแนวหินโสโครกริมชายฝั่ง

“นี่ ช่วงนี้อย่าไปเดินแถวชายหาดนานๆล่ะ” คนขับแท็กซี่พูด “พายุกำลังจะมา คลื่นลมแรง มันอันตราย”

“เข้าใจแล้ว ขอบคุณนะครับ” หวังเย้ายิ้มแล้วโบกมือให้เขา “ลมแรงยิ่งดีเลยล่ะครับ”

คนขับถอนหายใจและคิด ชายหนุ่มคนนี้มาทำอะไรที่ชายหาดในช่วงเวลาแบบนี้?

คนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่งรู้ดีว่า เมื่อพายุเริ่มก่อตัว บนบกก็จะเกิดลมพายุพัดแรง น้อยคนที่เลือกไปเดินตามชายหาด ส่วนใหญ่มักหลบอยู่ภายในบ้านมากกว่า

หวังเย้ายืนอยู่บนชายหาด มองดูคลื่นสูงอยู่เงียบๆ ปกติจะไม่มีใครกล้าออกเรือในช่วงคลื่นลมแรงแบบนี้ ตอนนี้จึงไม่มีเรือให้เห็นเลย

หวังเย้าไล่มองดูตามแนวหินโสโครก เขาไม่เคยเผชิญกับสภาพอากาศรุนแรงแบบนี้มาก่อน เขาจึงคิดใช่ประโยชน์จากสถานการณ์นี้

เขาเจอต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 11 นิ้ว มันกำลังยืนต้นต้านลมแรง เขาจับต้นไม้และดึงขึ้นมาด้วยมือเดียว

“ขอโทษที ขอยืมใช้ลำต้นครึ่งหนึ่งของนายหน่อยนะ” หวังเย้าพูดกับต้นไม้

เขาประกบสองมือให้เหมือนมีดเล่มหนึ่ง แล้วตัดลงไปที่ลำต้นจนดูเหมือนไม่ต้องออกแรงอะไรเลย

เกิดเสียงวูบ เมื่อกิ่งไม้ตามลำต้นถูกตัดออกไป เขาลงมือด้วยความรวดเร็ว ภายในเวลาสั้นๆ ต้นไม้ก็ไร้กิ่งก้าน

คนขับแท็กซี่มองการกระทำของหวังเย้าผ่านคลื่นลมแรงได้ไม่ชัดเจนนัก เขาคิด หืม ผู้ชายคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่? รีบๆกลับได้แล้ว! ลมพายุเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ

หวังเย้าออกแรงโยนท่อนไม้ลงไปในทะเล จากนั้นก็กระโดดออกไปและร่อนตัวลงบนท่อนไม้ คลื่นม้วนตัวผลักดันท่อนไม้เข้าสู่ริมฝั่ง เขาโบกสะบัดมือต้าน สองเท้ายึดท่อนไม้ไว้แน่น ท่อนไม้เริ่มเคลื่อนตัวออกจากชายฝั่ง สองมือของเขาโบกสะบัดราวกับตีกลอง ท่อนไม้เคลื่อนตัวเร็วขึ้นและเร็วขึ้น แทรกตัวผ่านคลื่นและลมมุ่งหน้าสู่ท้องทะเล

หวังเย้าถูกล้อมไว้ด้วยลมพายุและคลื่นยักษ์ เมื่อมองออกไปมีเพียงท้องทะเลไร้จุดสิ้นสุด เขาเคลื่อนตัวไปไกล ทอดทิ้งชายฝั่งไว้ด้านหลัง

เขาไม่หวาดกลัว และกล้าบ้าบิ่นมากขึ้นเรื่อยๆ นี่คือโลกของความเป็นจริง

แสงอาทิตย์, ทิวเขาและแม่น้ำคือโลกของความเป็นจริง ลมแรง,คลื่นสูง, พายุม้วนตัว, และสายฟ้าฟาดก็คือโลกของความเป็นจริงเช่นเดียวกัน

หวังเย้าเงยหน้าหัวเราะออกมา ปกติเขาไม่เคยแสดงท่าทีแบบนี้ให้ใครเห็น แล้วตามชายหาดก็มักจะมีคนมาก หากมีใครมาเห็น คนกำลังยืนอยู่บนท่อนไม้ที่ลอยลำอยู่กลางทะเล คงไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็นเป็นแน่ และถ้าพวกเขาได้เห็นว่า เสื้อผ้าและรองเท้าของเขาไม่โดนน้ำเลย เขาคงจะกลายเป็นเทพที่ลงมายังโลกมนุษย์ เทียบได้กับตำนานพระผู้ข้ามแม่น้ำแยงซีด้วยต้นกก

หวังเย้าที่ยืนอยู่บนท่อนไม้ต้านคลื่นลมได้เริ่มต้นการฝึกฝน บรรยากาศรอบตัวดูเกรี้ยวกราดและมีพลัง เขาไม่คิดยั้งกำลังเมื่อชกกำปั้นออกไป ทะลายคลื่นและลม

ขณะเดียวกันนั้น ชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ท่ามกลางลมฝนบนเนินเขาเล็กๆในเมืองเต๋า ชายอีกคนเดินเข้าไปหาและพูดว่า “พายุเริ่มแรงแล้ว ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่อีก?”

“ก็เพราะลมฝนแรง ฉันถึงได้อยู่ที่นี่ยังไงล่ะ” ชายคนแรกพูด “คนพวกนั้นคอยสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดทั้งวันเลยสินะ!”

“ทางหลี่ฟางล่ะ?” ชายอีกคนถาม

“เขาซื่อสัตย์มากกว่า และแทบไม่ได้ติดต่อกับคนพวกนั้น” ชายคนแรกพูด “ส่วนใหญ่จะอยู่กับลูกชายของเขาตลอด”

“ลองคุยกับเขาดู” ชายคนแรกพูด “เขาต้องมีความคิดดีดีแน่”

“ได้” ชายอีกคนตอบรับ

“หลังคลื่นลมสงบ ท้องฟ้าก็จะสดใส” ชายคนแรกพูด

ในทะเล หวังเย้าที่เคลื่อนตัวไปตามคลื่นบังคับให้ท่อนไม้เคลื่อนตัวกลับเข้าชายฝั่ง

ตอนนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่เขาที่อยู่ที่ชายหาด แต่ยังมีอีกสองคนที่ออกมาดูคลื่นลมเช่นกัน

“มีคนอยู่ตรงนั้นใช่รึเปล่า?” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา

“คนที่ไหนกัน?” ชายอีกคนถาม

“ดูตรงนั้นสิ!” ชายคนแรกชี้ไปทางทะเล

“เฮ้ย มีคนยืนอยู่บนทะเลด้วย!” ชายคนที่สองอุทาน “สุดยอดไปเลย! เขาทำได้ยังไงกัน?”

ทั้งสองคนสวมเสื้อคลุมกันฝนพากันเดินเข้าไปเพื่อมองดูให้ชัดขึ้น พวกเขาเดินฝ่าสายฝน, ต้านลมแรง, และมุ่งหน้าไปที่ทะเล เมื่อไปถึงชายหาด พวกเขาก็เห็นเพียงไม้ท่อนนึงลอยอยู่กลางทะเลเท่านั้น

“คนไปไหนแล้วล่ะ?” ชายคนแรกถาม

“เมื่อกี้ เขายืนอยู่บนท่อนไม้นั่นใช่ไหม?” ชายอีกคนมองไปที่ท่อนไม้

“ไม่มีทาง ใครจะไปยืนบนนั้นได้กัน?”

ส่วนหวังเย้าก็กำลังเดินทางกลับโรงแรมแล้ว

เจี๋ยจื้อจายที่โทรหาหวังเย้า แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับสาย สุดท้ายเมื่อหวังเย้ารับสาย เขาก็นัดอีกฝ่ายมาเจอหน้ากัน

“จะไปเจอเขาตอนนี้เลยเหรอ?” หูเหมยถาม

“นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว พายุคงยังไม่สงบเร็วๆนี้หรอก” เจี๋ยจื้อจายมองดูสายฝน

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปรีบกลับล่ะ” เธอพูด

“ได้ เข้าใจแล้ว” เจี๋ยจื้อจายพูด

เขาเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับร่มคันหนึ่ง

ที่โรงแรม หวังเย้าถาม “มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”

เขามีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า การได้ปล่อยตัวปล่อยใจอยู่กลางทะเล ทำให้เขารู้สึกสดชื่นและอารมณ์ดี

เจี๋ยจื้อจายบอกความคิดของเขากับหวังเย้า

“หลี่ฟางเป็นรองประธานเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

“ใช่ ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับความเชื่อใจจากบอสมากเลยล่ะ” เจี๋ยจื้อจายพูด

“ดูเหมือน?” หวังเย้าถาม

“บอสระวังตัวกับทุกคนมาโดยตลอดน่ะสิ” เจี๋ยจื้อจายตอบ “บอกตามตรง ฉันไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเขาเชื่อใจใครจริงๆบ้าง”

“แล้วลูกชายของเขาป่วยเป็นโรคอะไรครับ?” หวังเย้าถาม

“ปอดของเขาเน่า” เจี๋ยจื้อจายพูด

“เน่าเหรอ?” หวังเย้าตกใจเล็กน้อย “แล้วทำไมเขาถึงยังมีชีวิตอยู่ได้ล่ะครับ?”

“มันไม่ได้เน่าทั้งหมด” เจี๋ยจื้อจายพูด “เขาไปเจอหมอฝีมือดีคนหนึ่ง แล้วได้ยาแปลกๆมาช่วยยื้อชีวิตลูกชายของเขาเอาไว้ได้ยังไงล่ะ”

“เขาเป็นหมอแบบไหนเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

*ขออภัยรีดทุกท่าน ที่ผู้แปลหายไปนานนะคะ

4 1 โหวต
Article Rating
3 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด