ตอนที่แล้วบทที่ 29 โหมโรง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 31 การต่อสู้กับเย่เชีย

บทที่ 30 นายน้อยของตระกูลเย่


บทที่ 30 นายน้อยของตระกูลเย่

ทั้งเย่ไห่และเย่สวี่ เดินตรงไปที่สนามประลองด้วยกัน ในขณะนี้ ผู้อาวุโสใหญ่ และผู้อาวุโสสามมาถึงสถานที่แล้ว พวกเขากำลังนั่งอยู่บนที่นั่งหลักสูงที่ทรงพลัง ราวกับว่าพวกเขากลายเป็นเจ้านายของตระกูลเย่ไปแล้ว

ผู้อาวุโสสามมองเห็นเย่ไห่และเยาะเย้ยว่า “ผู้นำตระกูลของเราหยิ่งยโส จริงๆ เขามาสายได้อย่างไร ...เป็นไปได้ไหมว่าเขาลืมไปว่าวันนี้เป็นวันแข่งขันของตระกูลเย่?”

คำพูดเหล่านี้เต็มไปด้วยการยั่วยุ ทุกคนตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นพวกเขาก็สังเกตสถานการณ์โดยรอบด้วยความสนใจอย่างมาก ดูเหมือนว่าการแข่งขันในวันนี้จะแตกต่างจากการแข่งขันธรรมดาทั่วไปจริงๆ

ดวงตาของเย่ไห่จดจ่อ และเขาตะโกนด้วยเสียงที่ลึกล้ำ "ตามกฎของตระกูลเย่ ผู้นำตระกูลจะเป็นผู้เริ่มต้นพิธีการการแข่งขันในตระกูล แต่เจ้าเป็นเพียงผู้อาวุโสกลับมีปัญหา ..เจ้ากำลังแคลงใจในกฎตระกูลหรือ"

ใบหน้าของผู้อาวุโสสามมืดลง เย่ไห่เปลี่ยนจากบุคคลนิสัยดี กลายเป็นหยิ่งยโสตั้งแต่เมื่อใดกัน

“ข้าจะกล้าดีอย่างไรตั้งคำถามกับกฎของตระกูล ข้าแค่รู้สึกว่าจากใจจริงว่า... ท่านไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะจัดการแข่งขันตระกูล”

การแสดงออกของเย่ไห่นั้นเฉยเมย ในขณะที่เขาพูดว่า “ไม่ว่าข้าจะมีความสามารถหรือไม่ เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะตัดสิน เจ้ากล้าตั้งคำถามกับกฎตระกูล ผู้อาวุโสสาม ตอนนี้เจ้ามีอำนาจมากเหลือเกิน แม้แต่ข้าก็มองไม่เห็นในสายตา”

ใบหน้าของผู้อาวุโสสามมืดลงอีกครั้ง ในอดีตเย่ไห่มักจะนิ่งเงียบและเฉยเมย แต่วันนี้ คำพูดของเขาคมกริบ ทุกคำพูดของเขามุ่งเป้าทิ่มแทง ไม่ยืดเยื้อ

“ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น”

“เจ้าไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรือ” ดวงตาของ เย่ไห่จดจ่อ และทั้งร่างกายของเขาก็ส่งกลิ่นอายที่น่าตกใจออกมา

“ผู้นำตระกูลเย่เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถนั่งบนที่นั่งหลักได้ เจ้าคือผู้อาวุโสของตระกูลเย่ แต่เจ้ากำลังนั่งอยู่บนที่นั่งหลัก เจ้ามีจุดประสงค์แอบแฝงอะไร ทำไมยังไม่ลงมาอีก” เย่ไห่ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และฝ่ามือของเขากลายเป็นน้ำแข็ง อากาศเย็นนับไม่ถ้วนแพร่กระจายออกไป และเขาดึงผู้อาวุโสสามลงจากที่นั่งหลัก ก่อนที่ผู้อาวุโสสามจะทันได้ป้องกันตัว จากนั้นเขารู้สึกเจ็บปวดที่ถูกน้ำแข็งทิ่มแทงไปทั้งร่าง

แข็งจนแทบขยับไม่ได้ เมื่อผู้อาวุโสใหญ่เห็นสิ่งนี้ เขาก็ปล่อยจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาอย่างรวดเร็ว และใช้เปลวเพลิงเพื่อทำให้ผู้อาวุโสสามอบอุ่น

“เย่ไห่ ในฐานะผู้นำตระกูล เจ้าช่างคิดเหลวไหลยิ่งนัก!” ดวงตาของเย่เฟยเฝิงเบิกกว้าง " บิดาของข้าทำดีที่สุดเพื่อตระกูล เขาเหนื่อยล้า การนั่งบนที่นั่งหลักไม่มากเกินไปสำหรับเขา"

เย่สวี่รู้สึกหนาวสั่นในหัวใจของเขา หากไม่ใช่เพราะนิสัยที่รักสงบของบิดา คงไม่โดนคนพวกนี้รังแก

เมื่อเย่สวี่ได้ยินคำพูดที่ไร้ยางอายของเย่เฟยเฝิง เขาเยาะเย้ยและกล่าวว่า "ผู้อาวุโสสามกำลังดูถูกแคลนกฎตระกูล และเจ้าเอง ทั้งผู้อาวุโสสาม พวกเจ้าคิดว่ากฎของตระกูลเย่ ไม่สลักสำคัญใด ๆหรือ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่เฟยเฝิงหยุดชะงักและเขามองไปที่เย่สวี่ด้วยความเกลียดชังในสายตาของเขา

เย่เฟยเฝิงไม่เคยคิดว่า เย่สวี่จะมีฝีปากที่คมกริบเช่นนี้ เขาได้ชี้ให้เห็นถึงความผิดของผู้อาวุโสสาม รวมทั้งเขา ต่อหน้าคนอื่น ๆ หากเย่สวี่ยังคงพูดแบบนี้ต่อไป เขาจะไม่กลายเป็นคนชั่วที่ดูถูกกฎตระกูลหรือ?

“เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร.... เจ้าเชื่อไหมว่า ข้าจะทำให้เจ้าพิการในตอนก็ยังได้” เย่เฟยเผิงกัดฟันกรอดทุกคำ พลังปราณของเขาเย็นชาและในขณะที่เขากำลังจะโจมตี เสียงของเย่เฉียงก็ดังขึ้น

“เย่เฟยเผิง... หยุดเดี๋ยวนี้!” เย่เฉียงเป็นชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ และเสียงของเขามีพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ เย่เฟยเผิงตกตะลึงในใจ จากนั้นเขาก็พลันได้สติขึ้นทันที

หากเขาโจมตีเย่สวี่ที่นี่จริง ๆ ไม่เพียงแต่เขา จะเป็นคนที่เย่สวี่เรียกว่าเป็นคนที่ดูถูกกฎตระกูลเท่านั้น แต่ยังมีเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้เย่ไห่จัดการกับเขา

เขามองไปที่เย่สวี่ด้วยท่าทางดุร้าย แต่เขาหดคอกลับราวกับงูพิษที่กำลังจ้องฉกเหยื่อ แววตาของเย่เฉียงไม่แยแส และเขาพูดอย่างไม่ร้อนใจว่า “ผู้นำตระกูล การแข่งขันในตระกูลเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทำไมเราไม่พูดถึงเรื่องของผู้อาวุโสสามในภายหลังล่ะ?”

เย่ไห่มองไปที่เย่เฉียงและเย้ยหยันในใจ คุยกันทีหลัง? เมื่อการแข่งขันของตระกูลสิ้นสุดลง จะไม่มีใครนำเรื่องนี้ขึ้นมากล่าวอีกครั้ง เย่เฉียงหมายความว่า เรื่องนี้จะถูกปล่อยผ่านไป

อย่างไรก็ตามคำพูดของเย่เฉียงนั้นฉลาดมาก หากเย่ไห่ไม่เห็นด้วย มันจะทำให้ผู้คนรู้สึกว่า เขาไม่ได้เห็นคุณค่าการแข่งขันตระกูล

เย่สวี่เห็นภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเย่ไห่และพูดอย่างเย็นชาว่า "กฎตระกูลมีความสำคัญมาก ในวันที่สำคัญเช่นนี้ อาวุโสสามจะไม่ขอโทษอภัย แม้ว่าเขาจะทำผิด และเขายังดูถูกเหยียดหยามกฎตระกูลตามชอบใจ

หากเป็นเช่นนี้ การแข่งขันของตระกูลจะยังมีความหมายอยู่อีกหรือ?” คำเหล่านี้ยังตั้งอยู่บนจุดยืนของกฎตระกูล ไม่มีใครสามารถหักล้างมันได้ ชั่วครู่หนึ่ง การกระทำของเย่สวี่เทียบเท่ากับการวางผู้อาวุโสสามไว้บนเตาหินร้อน ๆ

เป็นครั้งแรกที่เย่เฉียงมองไปที่ขยะของตระกูลด้วยสายตาเย็นชา นับตั้งแต่พรสวรรค์ของเย่เฉียงถูกเปิดเผย ไม่มีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้มาเป็นเวลานานมากแล้ว

เย่สวี่เป็นเพียงขยะจากตระกูลเย่ แต่หลังจากเอาชนะนักรบขั้นกลั่นพลังปราณระดับ 7 ได้ เขาก็กลายเป็นคนหยิ่งยโส

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? เจ้ากล้าดีอย่างไรมาพูดกับเย่เฉียงเช่นนี้ อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดจะสร้างปัญหากับสำนักเปลวไฟสีน้ำเงิน?” ผู้คนจากสำนักเปลวไฟสีน้ำเงินที่ยืนอยู่ข้างเย่เฉียงล้วนหยิ่งผยอง พวกเขาตะโกนอย่างโกรธเคือง:

“นายน้อยผู้อ่อนแอของตระกูลเย่ ช่างหยิ่งผยองยิ่งนัก! ผู้คนในสำนักเปลวไฟสีน้ำเงินสามารถฆ่าเจ้าได้ตามที่พวกเขาต้องการ!”

เย่สวี่ยิ้ม และเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ และความกล้าหาญในรอยยิ้มของเขา แต่ไม่มีความหวาดกลัวใด ๆอยู่ในนั้น

เขาพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า ที่จะสามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในของตระกูลเย่!”

“ทำไมเจ้าถึงพูดกับแขกแบบนี้” ผู้อาวุโสคนหนึ่งตกใจมาก สำนักเปลวไฟสีน้ำเงินเป็นกองกำลังสำคัญ ที่พวกเขาไม่สามารถยั่วยุได้ พวกเขาไม่มีทางยอมให้เย่สวี่ดูแคลน

“แขกหรือ?” เย่สวี่ยิ้มจาง ๆ ด้วยท่าทางเย็นชา ในรอยยิ้มของเขา เขาเอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่เคยเห็นแขกคนไหน...ชอบยุ่งวุ่นวายเรื่องของตระกูลอื่น คนหยาบคายแบบนี้ไม่คู่ควรที่จะเป็นแขกของเรา อาวุโสสามท่านใจดีเกินไปแล้ว!”

เย่สวี่หันกลับมาและเยาะเย้ย ชายสองคนจากสำนักเปลวไฟสีน้ำเงิน “ข้าแนะนำว่า อย่าเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่น!”

" เจ้ากล้าดิอย่างไรที่ดูถูกสำนักเปลวไฟสีน้ำเงิน!" ผู้อาวุโสสามที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้อาวุโสใหญ่ยืนขึ้นและสาปแช่งไปที่เย่สวี่

“ผู้คนของสำนักเปลวไฟสีน้ำเงินเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในตระกูลข้า และดูแคลนข้าก่อน ในฐานะผู้อาวุโสของตระกูลเย่ ไม่เพียงแต่เจ้าไม่รู้สึกแบบเดียวกันกับข้า แต่เจ้ายังเข้าข้างให้สำนักเปลวไฟสีน้ำเงิน

เจ้าเป็นผู้อาวุโสของตระกูลเย่ หรือเจ้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของสำนักเปลวไฟสีน้ำเงิน? ดวงตาของ เย่สวี่เย็นชาขณะที่เขากวาดสายตาผ่านฝูงชน

“ข้าเป็นนายน้อยตระกูลเย่ ในหัวใจของข้า ตระกูลเย่อยู่เหนือสิ่งอื่นใด แม้แต่สำนักเปลวไฟสีน้ำเงินก็ไม่สามารถดูแคลนกฎของตระกูลเย่ได้!”

คำพูดของเย่สวี่ ทำให้คนที่เคยมองเย่สวี่ในทางไม่ดี กลายเป็นคนโง่เขลาในทันที ในความทรงจำของพวกเขา นายน้อยจากตระกูลเย่มักจะอ่อนแอและขี้กลัวอยู่เสมอ นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาดูแคลนเย่สวี่

พวกเขาไม่เคยคิดว่า เย่สวี่จะพูดอะไรที่เฉียบคมและอันตราย สามารถยอมตายได้ในการรักษาเกียรติของตระกูล มันน่าตื่นเต้นมาก จนพวกเขารู้สึกเอมอิ่มในใจ ตระกูลเย่อยู่เหนือสิ่งอื่นใด!

ไม่มีใครดูถูกกฎของตระกูลเย่! สิ่งนี้ทำให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนรู้สึกแบบเดียวกัน ความภาคภูมิใจในตระกูลที่ออกมาจากใจของพวกเขา!

นี่คือสิ่งที่ นายน้อยตระกูลเย่ควรมีลักษณะเช่นนี้! สำหรับสมาชิกครอบครัวทั่วไปแล้ว ความขัดแย้งระหว่างผู้อยู่ในระดับสูง ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา

ในขณะนี้ มีเพียงชายหนุ่มผู้กล้าหาญเท่านั้นที่ประกาศอำนาจของตระกูลเย่ออกมาให้เห็น! เย่ไห่ตกใจมาก เขามองไปที่สมาชิกตระกูลเย่ที่เคร่งครัดหลาย ๆคน ดวงตาของเขาอดไม่ได้ที่จะเปียกชื้น

ภายใต้การจัดการของผู้อาวุโสใหญ่ ผู้คนในตระกูลเย่ ตกอยู่ในสภาพที่แตกแยก และพวกเขาต่อสู้กันเองอย่างต่อเนื่อง

ในเวลานี้ ในที่สุดเขาก็รู้สึกถึงความสามัคคีในหมู่ตระกูลของเขา และจิตวิญญาณของเขาก็พุ่งทะยาน ในอนาคตเขาต้องดูแลตระกูลของเขาเป็นอย่างดี จึงถือว่าได้ดำเนินตามคำสั่งของผู้นำตระกูลคนก่อนหน้าจริง ๆ การแสดงออกของผู้อาวุโสสามนั้นน่าเกลียดมาก

ความเจ็บปวดในร่างกายของเขาไม่มีผลใด ๆ แม้ว่าเขาจะเสียหน้าต่อหน้าสมาชิกทุกคนในตระกูล แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

คำพูดของเย่สวี่สามารถเอาชนะใจสมาชิกทุกคนในตระกูลของเขา พวกเขากลายเป็นก้าวสำคัญที่สนับสนุนเย่สวี่ และมองตัวเขาในทางชั่วร้าย

ผู้อาวุโสสามได้รับคำสั่งจากผู้อาวุโสใหญ่ และระงับความโกรธในใจของเขา เขาแสร้งทำเป็นขออภัยและพูดว่า “เอาล่ะ คราวนี้ข้าผิดไปแล้ว มันสายมากแล้ว มาเริ่มการแข่งขันกันเถอะ”

เย่ไห่รู้ว่าผู้อาวุโสสามนั้นเสียหน้า และเกิดความตื่นตระหนกต่อท่าทีของคนในตระกูล แต่ทว่าเย่ไห่ไม่ใส่ใจ  จากนั้นเย่ไห่ประกาศเริ่มการแข่งขันตระกูลทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด