Ep.61 - แสร้งออมมืออีกคงไม่ง่าย
2/3
Ep.61 - แสร้งออมมืออีกคงไม่ง่าย
คุยกับอ้วนต้าไห่จบ ฮังอวี่ก็ออกจากสำนักงาน
ระหว่างทางเขาเจอจักรยานสาธารณะ จึงตัดสินใจขี่กลับบ้านเลย
ที่ทำแบบนี้เพราะมันช่วยไม่ได้
สถานีรถไฟใต้ดินปิดถาวรแล้ว แม้รถเมล์บางสายยังวิ่งอยู่ แต่สภาพถนนแย่มาก มีแต่หลุมบ่อ หากขึ้นไปนั่งคงเหมือนอยู่ในรถวิบาก ดังนั้นการปั่นจักรยานเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
ชุมชนตรอกมังกรฟ้ากำลังเปลี่ยนแปลงไปในทุกๆวัน
ฮังอวี่พบว่าซอกซอยหลายแห่งถูกพืชพรรณปิดทึบ มันได้บดบดวิสัยทัศน์จนหมดสิ้น บางต้นสูงเป็นสิบเมตร แผ่กิ่งก้านเหมือนร่มคันใหญ่ นอกจากนี้ยังมีพืชแปลกๆอีกมากมาย พวกมันเป็นพันธุ์ไม้ที่ไม่เคยมีมาก่อนบนโลกมนุษย์
ขณะเดียวกัน พวกสัตว์เล็กๆอย่างงู กิ้งก่า หนู และกระต่ายอะไรทำนองนั้น สามารถพบเห็นได้ทุกที่ในพงหญ้าทึบ มองยังไงก็ไม่เหมือนสถานที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่
เมื่อก้าวเข้ามา มันให้ความรู้สึกราวกับต้องเอาชีวิตรอดในป่าทึบ เป็นสถานที่ที่ราวกับได้กลับคืนสู่ธรรมชาติอย่างแท้จริง
ถึงจุดนี้ รถจักรยานเข้าไม่ได้แล้ว ต้องจอดไว้ข้างนอก แล้วเดินฝ่าเข้าไป
อันที่จริง เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ฮังอวี่เองก็อยากจะบ่นเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม มองในอีกแง่มุมหนึ่ง การที่ทางเข้าออกลำบาก ทำให้การใช้ชีวิตใจกลางชุมชมตรอกมังกรฟ้า ไม่ต่างอะไรจากการอยู่อย่างสันโดษ ยากนักที่คนนอกจะเข้ามารบกวน
ซึ่งนี่ช่วยให้ฮังอวี่ที่กำลังเตรียมการอย่างลับๆ ยากนักที่จะมีคนอื่นค้นพบ
ขณะนี้ยังมีวัตถุดิบอีกหลายร้อยอยู่ในมือ ยังเหลือสมุนไพรที่ใช้กลั่นยาอีกมาก เขาจำเป็นต้องทุ่มเทพลังและแรงงานไปกับมัน
เนื่องจากผลประโยชน์ของโพชั่นเหล่านี้มีความสำคัญมาก ดังนั้นช่วงนี้ที่ยังหาคนที่ไว้ใจไม่ได้ เลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลงมือกลั่นยาด้วยตัวเอง
ฝ่าดงพงหญ้าอยู่นาน ในที่สุดฮังอวี่ก็ใกล้มาถึงซอยคฤหาสน์เก่าของเขาที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึง 100 เมตร
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงทุบตีและตะโกนด่าทอกลับแว่วเข้ามาในหูเขา
หือ? เกิดอะไรขึ้น? มีการใช้ความรุนแรงในครอบครัว? หรือโจรบุกรุกบ้าน?
ฮังอวี่หันไปตามทิศทางเสียง และพยายามแยกแยะมัน
ตัดสินจากเสียง เขาบอกได้คร่าวๆ ว่ามียายแก่และหลานสาวกำลังถูกรังแก
ตรอกมังกรฟ้าเป็นชุมชนเก่าแก่และทรุดโทรม จึงมีผู้สูงอายุและเด็กซะส่วนใหญ่ คนหนุ่มสาวมีไม่มากนัก
แต่จะยังไงก็ช่าง เวลานี้ดันเกิดเรื่องขึ้นกับเพื่อนบ้านเขาที่อยู่ห่างกันไม่ถึง 100 เมตร
แต่ถึงไม่ใช่เพื่อนบ้าน เขาก็ไม่สามารถตบตูดแล้วเดินจากไปอย่างไม่สนใจได้
ฮังอวี่เป็นคนรักสันโดษ แม้ตามปกติแล้วเขาจะชอบป้องกันตัวโดยใช้สมองและหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจทำให้เดือดร้าน แต่ถ้าปัญหาที่ว่ามันปราศจากอันตรายหรือไม่ทำให้ขาดทุน เขาก็ยินดีช่วยเหลือผู้อื่น ดังคำกล่าวที่ว่าการช่วยเหลือผู้คนคือแก่นแท้ของความสุข
...
ในบ้านหลังเก่า ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ มีพื้นที่เพียงครึ่งหนึ่งของคฤหาสน์ฮังอวี่
เวลานี้มีชายฉกรรจ์ร่างโต สวมสร้อยทองเส้นใหญ่และนาฬิกาทองเรือนเล็ก และมีรอยสักบนแขน ได้นำสมุนสามคนบุกเข้ามาในบ้าน ตะโกนเสียงเอะอะ ทำลายข้าว มองยังไงก็ไม่ใช่คนดีตั้งแต่แรกเห็น
ฝ่ายหญิงชราที่ถูกรังแกอายุไม่ต่ำกว่า 70 ปี ร่างกายผอมแห้ง แต่งกายด้วยชุดธรรมดา ผมสีขาวเต็มหัว หน้าตาดูใจดี
ฝ่ายหลานเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก อายุราวๆ 6-7 ขวบ ตัดผมทรงดอกเห็ด สวมชุดหมีตัวเล็ก เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ผิวขาวอมชมพู เป็นโลลิน้อยน่ารัก
แต่ขณะนี้เด็กน้อยกำลังตัวสั่นด้วยความกลัว เฝ้ามองพวกอันธพาลใช้แท่งเหล็กทุบข้าวของ ตัวบ้านเละเทะไปหมด
หญิงชราอ้อนวอนขอความเมตตา แทบจะคุกเข่าลง
พี่ใหญ่ที่ใส่สร้อยทองตะโกนว่า “บัดซบ! อีแก่โกหกหน้าไม่อาย รีบเอาของมาให้ฉัน!”
หญิงชรารีบอธิบาย “ฉันไม่รู้ว่าพวกแกกำลังพูดเรื่องอะไร!”
“บ๊ะ! ยังจะแกล้งโง่อีก ถ้าไม่เอามันออกมา ฉันจะเผาบ้านนี้ทิ้ง!”
หญิงชราเริ่มเป็นกังวล “ทำไมพวกแกถึงไร้เหตุผลแบบนี้ ... เจ้าพวกโจรร้าย!”
หลานสาวตัวน้อยรวบรวมความกล้าแล้วร้องว่า “พวกคนเลว! อย่ามารังแกคุณย่านะ! ไม่งั้นฉันจะเรียกตำรวจมาจับ! แล้วอีกอย่าง ลุงหัวล้านของฉันแข็งแกร่งมาก ถ้าเขากลับมา พวกนายเตรียมเจอดีได้เลย!”
“เหอ เหอ โทรแจ้งตำรวจ? สาวน้อย ตอนนี้พวกตำรวจยุ่งจะตาย ไม่มีเวลามาที่นี่หรอก” พี่ใหญ่สร้อยทองเริ่มหมดความอดทน
“ส่วนไอ้สารเลวหยางว่านเฉียง มันกล้าขโมยของจากถิ่นพวกฉัน อีกไม่นานมันก็ต้องตาย ตอนนี้พวกแกล่วงหน้าไปรอมันที่นรกก่อนก็แล้วกัน”
น้องเล็กคนหนึ่งเริ่มสาดน้ำมันเบนซิน แต่ได้เพียงครึ่งถังหญิงชราก็กระโจนเข้ามาหยุดเขา ทั้งสองล้มลงกระแทกกับพื้นเสียงดัง
หลานตัวน้อยก้มหน้าลง แตกตื่นหวาดกลัวสุดขีด ร้องไห้น้ำตาซึม
แต่ในตอนที่พวกอันธพาลกำลังจะก่อเหตุฆาตกรรม ข้างหลังพลันเกิดเสียงผลักประตูเข้ามา
หรือว่าไอ้หัวล้านจะกลับมาแล้ว?
พี่ใหญ่สร้อยทองหันไปตามเสียง และพบว่าผู้มาเยือนไม่ใช่ชายหัวล้าน แต่เป็นชายหนุ่มแปลกหน้าในวัยยี่สิบต้นๆ ดูไม่มีพิษมีภัย
เห็นแบบนั้น เขาอ้าปากตวาดทันที “แกเป็นใคร! อย่าเข้ามายุ่ง! ไสหัวไปจากที่นี่ซะ!”
ฮังอวี่ขมวดคิ้วเมื่อเห็นสถานการณ์ในบ้าน
นี่มันนรกอะไรกัน?
เด็กตัวเล็กๆกับหญิงชรากำลังถูกทำร้าย ไอ้พวกนี้มันไร้มนุษยธรรมสิ้นดี!
ว่าแต่ฉันจะตอบโต้พวกมันกลับไปว่ายังไงดีนะ?
ฮังอวี่นึกไปถึงคำพูดเปิดบทสนทนาของพระเอกซีรี่ย์ เขากระแอมในลำคอ ตะโกนเสียงขรึม “กลางวันแสกๆ พวกแกกล้าดียังไงบุกเข้าบ้านคนอื่น รังแกเด็กและคนชรา ช่างไร้ศีลธรรม วันนี้ฉันจะ ...”
“มึงเป็นพระเอกลิเกรึไง บอกว่าให้ไสหัวไป!”
พี่ใหญ่สร้อยทองขัดจังหวะ ขณะเดียวกันระเบิดกำปั้นที่สาดแสงสีฟ้าหวดใส่เขาในชั่วพริบตา
ฮังอวี่รู้สึกหดหู่มาก เขาแค่อยากจะลองพูดบทพระเอกซี่รี่ย์ อย่างน้อยรอให้จบประโยคก่อนก็ได้
พี่ใหญ่สร้อยทองดูเหมือนว่าจะมีสกิลในการโจตี แล้วอีกอย่างพลังโจมตีก็ค่อนข้างรุนแรง มันคงยากหากเขายังแสร้งทำเป็นพระเอกอีก
ความเสี่ยงมากเกินไป
ต่อให้เป็นฮังอวี่ หากมัวแต่เล่นไม่ระมัดระวัง เขาอาจโดนมันอัดคว่ำได้
โชคดีก็คือพี่ใหญ่ของอันธพาลกลุ่มนี้ยังเป็นแค่เลเวล 1
สกิลพรสวรรค์นั้นตามปกติแล้วจะแปรผันตามเลเวลของผู้เล่น
ด้วยเลเวล 3 ในปัจจุบันของฮังอวี่ แน่นอนว่าหากตั้งใจย่อมสามารถรับมือได้
เขากลิ้งตัวหลบไปด้านข้าง และระหว่างหลบ มือขวากวาดไปตามพื้นอย่างรวดเร็ว หยิบก้อนกรวดหลายก้อนขึ้นมาได้อย่างฉับไว
ปัง!
เงาหมัดสีฟ้าจางกระแทกลงบนประตูไม้ ประตูไม้หนาถูกชกเป็นรู
เป็นพลังที่รุนแรงอะไรเช่นนี้!
หากการโจมตีเมื่อครู่ถูกตัวมนุษย์ คนๆนั้นอาจพิการหรือตายเลยก็เป็นได้
พี่ใหญ่สร้อยทองเองก็คาดไม่ถึง ว่าเจ้าเด็กนี่จะหลบสกิลอันไร้เทียมทานของเขาได้!
ปฏิกิริยาของอีกฝ่ายว่องไวจนเขาตอบสนองไม่ทัน
แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงหวีดแหลมของสายลมดังขึ้น หัวเข่าของพี่ใหญ่สร้อยทองเกิดเสียงเป๊าะอย่างรุนแรง ราวกับโดนกระสุนปืนยิงใส่ ทรุดตัวลงกับพื้นกรีดร้องน่าสังเวช เลือดทะลักออกมาต่อเนื่อง แทบสลบไปด้วยอาการบาดเจ็บนี้
“พี่ใหญ่!”
“พี่ใหญ่!”
“พี่ใหญ่เป็นอะไรไป?”
อันธพาลอีกสามคนต่างตะลึงงัน
กระบวนการทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตา พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
พี่ใหญ่จู่ๆก็ถูกโจมตีโดยไม่รู้ตัว เข่าทรุดลงกับพื้นร้องไห้คร่ำครวญ
เข่าของพี่ใหญ่สร้อยทองทุละเป็นรู นี่ต้องเป็นสกิลโจมตีอะไรบางอย่างแน่นอน
และเนื่องจากมันเป็นสกิลของโลกวิญญาณ แสดงว่าต้องมีระยะเวลาคูลดาวน์!
หนึ่งในนั้นตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “พวกเราลุย! รีบกำจัดเขาให้เร็วที่สุด!”
ฮังอวี่เห็นแบบนั้นได้แต่ยิ้มหยาม มือขวาของเขาขยับเบาๆ อย่างไม่ใส่ใจ
เวลานี้พวกอันธพาลที่เหลือสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ปรากฏว่าอาวุธที่อีกฝ่ายใช้ กลับเป็นเพียงก้อนกรวดเล็กๆที่พบได้ทั่วไป
อย่างไรก็ตาม พริบตาที่ก้อนกรวดนี้ขว้างจากมือ มันจะปะทุไปด้วยเสียงหวีดแหลมของสายลม รุนแรงไม่ต่างจากกระสุนปืน
“อ๊ากกกก!”
“ขาฉัน!”
“ขาฉันถูกยิง!”
อันธพาลอีกคนกรีดร้อง ล้มลงกับพื้น
อันธพาลอีกสองคนที่เหลือแวบแรกตะลึง เมื่อได้สติคว้าแท่งเหล็กและกริชขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก
อย่างไรก็ตาม พวกเขาอยู่ห่างจาก ฮังอวี่เป็นระยะกว่า 4-5 เมตร ฉะนั้นยังไม่มีแม้แต่เวลาจะได้ทันโจมตี
ฮังอวี่เพียงหงายฝ่ามือขึ้น ดีดกรวดอีกก้อนออกไป ระเบิดเข้าใส่มืออันธพาลที่ถือแท่งเหล็ก กระดูกนิ้วหักทันที!
อันธพาลคนสุดท้ายเห็นแบบนั้น ความกล้าที่มีพังทลายลง เขากรีดร้องออกมา หันหลังพยายามหลบหนี
ฮังอวี่ส่ายหัว “กระจอกจริงๆ”