CD บทที่ 155 ไม่มีสิ่งใดมีค่าเท่ากับของสิ่งนั้นที่ใจต้องการ
"ไม่ไม่!" ในสำนักงานของทีม A จ้าวหยู่พูดอย่างจริงจังกับเผิงซิน ในขณะที่เขาผลักเงินกลับคืน “พี่สาว ผมเก็บเงินทั้งหมดนี้ไว้กับตัวเองไม่ได้จริง ๆ ผมตัดสินใจแล้วว่าต่อจากนี้ผมจะเป็นคนดี!!”
เจ้าหน้าที่ที่กำลังดื่มอยู่ก็สำลักน้ำออกมา น้ำกระเด็นไปโดนศีรษะของหลิวเซว่ชาน อย่างไรก็ตาม หลิวเซว่ชานไม่ได้โวยวาย เขาเพียงแค่เช็ดศีรษะและดวงตาของเขายังคงมองไปที่จ้าวหยู่
“ผมจะไม่เก็บรางวัลสองหมื่นหยวนนี้ไว้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น!” จ้าวหยู่หยิบปากกาและกระดาษในมือให้เผิงซิน “พวกเราพยายามจับหยางเหวินเทา ด้วยความพยายามของทุกคน ทุกคนทำงานหนักมาทั้งวันทั้งคืน ผมจะเก็บเงินไว้คนเดียวได้ยังไง ผมจึงตัดสินใจแบ่งเงินให้ทุกคนเท่า ๆ กัน ผมไม่สามารถเพิกเฉยต่อกฎของทีมเราได้!”
หลังจากที่จ้าวหยู่พูดจบ ทั้งทีมก็เงียบไปและเจ้าหน้าที่ก็มองหน้ากัน พวกเขามีการแสดงออกที่ซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลี่เบ่ยหนีที่ไม่รู้จะพูดอะไร นอกจากล้อเลียนเขา
“ดูเหมือนรุ่นพี่จะเหนื่อยมาก พักสักหน่อยดีมั้ยคะ…”
“หยู่ นายไม่สบายหรือเปล่า?” เผิงซินไม่เชื่อสิ่งที่จ้าวหยู่พูดและส่งปากกาและเอกสารกลับมาให้เขา “รายงานการปิดคดีเสร็จสิ้นแล้ว นายมาพูดเรื่องไร้สาระอะไรในตอนนี้ ทำไมความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของนายไม่ทิ่มแทงนายในวันที่รายงานถูกเขียนล่ะ?”
“เอ๊ะ แย่แล้ว…” จ้าวหยู่อยากจะสาปแช่งแต่กลืนมันเข้าไปแล้วพูดด้วยแววตาที่จริงใจว่า “ผมกลับตัวกลับใจแล้ว ได้โปรดเชื่อผมเถอะ! เดี๋ยวผมจะแจกรางวัลให้ทุกคนหลังจากนี้”
"ใช่แล้ว!"
"มาเร็ว!"
แม้ว่าทุกคนจะล้อเล่นแต่จ้าวหยู่ก็ยังบอกได้ว่าคนเหล่านี้ไม่เชื่อเขาเลยและคิดว่าเขาแค่แกล้งทำเป็นเป็นคนดี
“อืม... ก็ได้” เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น จ้าวหยู่คว้าปากกาแล้วพูดว่า "ฉันจะเซ็น เมื่อฉันได้เงินแล้ว ฉันจะโอนให้ทุกคนแน่นอน!" เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจ้าหน้าที่ก็เยาะเย้ยอีกครั้ง
มันเป็นแบบฟอร์มตอบรับสำหรับเงินรางวัล จ้าวหยู่ได้รับเงินสองหมื่นหยวนจากการจับกุมหยางเหวินเทา ฝ่ายธุรการเงินจะสามารถโอนเงินเข้าบัญชีของจ้าวหยู่ หลังจากที่เขาเซ็นเอกสาร หลังจากที่เขาลงนามในแบบฟอร์ม เผิงซินก็ส่งแบบฟอร์มตอบรับอีกฉบับหนึ่งให้เขาซึ่งเป็นรางวัลอย่างเป็นทางการจำนวนหกหมื่นหยวนสำหรับการไขคดีนองเลือดใจกลางเมือง สำนักงานเมืองเพิ่มเข้ามาอีกสองหมื่น ดังนั้นจึงรวมเป็นแปดหมื่นหยวน!
“หนุ่มน้อย ตอนนี้นายกำลังรับทรัพย์รัว ๆ เลยนะ!” เผิงซินชี้ไปที่กระเป๋าหนังของจ้าวหยู่และพูดอย่างอิจฉา "จริงสิ ทำไมนายไม่บอกว่าต้องการแบ่งเงินค่าไถ่สองแสนนี้และเงินรางวัลแปดหมื่นกับเราล่ะ?"
“มันคนละกรณีกัน” จ้าวหยู่พูดอย่างจริงจังในขณะที่เขาเซ็นในแบบฟอร์ม “ผมเป็นคนมีเหตุผล! ผมหยิบขึ้นมาสองแสนนี้ ในตอนที่ผมเสี่ยงชีวิตเพื่อต่อสู้กับคนร้าย ผมได้รับของกำนัลหลังจากที่ผมส่งคืนสิ่งของให้กับเจ้าของอย่างสง่างาม! ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกคุณเลยสักนิดเดียว”
“ส่วนคดีนองเลือดใจกลางเมือง ผมรับผิดชอบคดีนี้ในฐานะหัวหน้าแผนกคดีแช่แข็งและเงินรางวัลเป็นของแผนกคดีแช่แข็ง เนื่องจากแผนกคดีเย็นมีเพียงผมเท่านั้น แล้วใครล่ะที่จะได้เงินไป?”
สายตาอันไม่พอใจมองตรงมาจากทั่วทุกมุมอีกครั้ง
"ฮ่า ๆ ให้มันได้อย่างนี้สิ!" เผิงซินนำแบบฟอร์มตอบรับกลับมาและมองจ้าวหยู่อย่างเคือง ๆ “ฉันเสียใจจริง ๆ ที่ฉันสั่งหอยเป๋าฮื้อตัวเล็กเพียงตัวเดียวตอนที่ไปร้านอาหารทะเลกับนาย!”
“เอ๊ะ คุณพูดแบบนั้นได้ยังไง” จ้าวหยู่รู้สึกตื่นเต้นอย่างมากเมื่อกล่าวถึงอาหาร “ผมไม่เคยขี้เหนียวเวลาที่เลี้ยงอาหารพวกคุณเลย ถ้างั้นบ่ายนี้…” จ้าวหยู่ยกมือขึ้นและกำลังจะเชิญทุกคนไปทานอาหาร แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงมาจากประตู
"บ่ายนี้ที่ร้านเนชันเนลฟู้ด! ฉันขอเชิญทุกคนไปกินที่นั่น มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง!" ทุกคนหันกลับมาและเห็นว่าคนที่พูดนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหัวหน้าทีม A เหมาเหว่ย!
“หัวหน้าเหมา ในที่สุด คุณก็กลับมา!” เจ้าหน้าที่เดินไปข้างหน้าและไฮไฟว์ให้เขา
“เหมา นายนี่มันเหลือเกินจริง ๆ ทำไมไม่บอกเราล่วงหน้าว่านายจะกลับมา? พวกเราเลยไม่ได้เตรียมของไว้ต้อนรับการกลับมาของนายเลย!” เผิงซินยิ้มอย่างมีความสุขและกอดเขา
“โอย โอย!” เหมาเหว่ยผลักเผิงซินออกไปและพูดติดตลกว่า "ในที่สุดฉันก็เดินได้อีกครั้ง อย่ากอดฉันแรงสิ เดี๋ยวฉันก็เดินไม่ได้อีกหรอก!"
จากนั้นทุกคนก็ส่งเสียงหัวเราะ
“ทุกคน” เหมาเหว่ยยกมือขึ้นและยิ้ม “ฉันเพิ่งได้รับแจ้งเกี่ยวกับคดีใหญ่นี้ด้วย! ทางเบื้องบนต้องการให้ฉันกลับมา แล้วฉันจะปฏิเสธได้อย่างไร เอาล่ะ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้เลย บ่ายวันนี้มาคุยกันที่ร้านเนชันเนลฟู้ด! ฉันได้จองโต๊ะใหญ่ไว้แล้ว!”
“ตกลง...” ทุกคนเห็นด้วย หลิวเซว่ชานและเผิงซินพร้อมด้วยสมาชิกในทีมรีบเดินไปข้างหน้าเพื่อพูดคุยกับเหมาเว่ย
ในเวลาเดียวกันหลี่เบ่ยหนีไปหาจ้าวหยู่และสะกิดเขาที่แขน
“รุ่นพี่ คุณช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ แม้แต่ตอนที่คุณต้องการที่จะเลี้ยงข้าวพวกเรา ก็มีใครบางคนเลี้ยงตัดหน้าคุณไป! โชคของคุณเนี่ยยอดเยี่ยมจนหลุดโลกไปแล้ว!”
จ้าวหยู่คิดกับตัวเองว่า ‘ดูเหมือนคำว่า ‘Dui' จะไม่ได้เกิดขึ้นโดยเปล่าประโยชน์ เงินทองไหลเข้ามาเรื่อย ๆ จริง!’
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกโชคดีแต่เขาก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงถูกคนอื่นเรียกว่าหน้าซื่อใจคด ในตอนที่เขาแนะนำให้แบ่งเงินกับทุกคน ปฏิกิริยาตอบรับจากคนอื่น ๆ ถึงไม่ค่อยดีนัก
‘ทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้นไปได้ เฮ้อ การเป็นคนดีทำไมมันยากจึง?’
หลังจากกลับไปที่โต๊ะทำงานของเขา จ้าวหยู่ต้องการอ่านคดีเมียนหลิงอีกครั้งเพื่อตรวจสอบความคิดก่อนหน้านี้ของเขา อย่างไรก็ตาม เพื่อนร่วมงานของเขาต่างรายล้อมเหมาเว่ยและถามเขาว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง พวกเขาส่งเสียงดังมากและจ้าวหยู่ไม่สามารถทำงานได้! คนเหล่านี้ดังขึ้นและไม่มีทีท่าจะหยุดพูดเลย
‘หนวกหู!’ จ้าวหยู่อดไม่ได้ที่จะทุบโต๊ะและตะโกนว่า "เฮ้ เพื่อนร่วมงานที่รัก พวกคุณทุกคนช่วยเงียบหน่อยได้ไหม ฉันกำลังใช้ความคิดเกี่ยวกับคดีนี้อยู่! พวกคุณช่วยหุบปากหน่อยได้ไหม พวกเราได้รับภารกิจที่สำคัญเช่นนี้แล้วและพวกคุณทุกคนก็ยังมีอารมณ์ที่จะพูดคุยกันอีก พวกคุณยังต้องการจะคลี่คลายคดีนี้อยู่หรือเปล่า?”
เจ้าหน้าที่ทุกคนตะลึงกับเสียงตะโกนโวยวายของจ้าวหยู่
เหมาเว่ยมองไปที่จ้าวหยู่และยิ้มให้เขาอย่างรวดเร็ว “อ่า จ้าวหยู่เกิดอะไรขึ้น ทำไมนายดูฉุนเฉียวจัง... ทุกคน สิ่งที่จ้าวหยู่พูดก็ถูกต้องแล้ว เมื่อมีคดีใหญ่เช่นนี้ เราทุกคนควรเงียบและไม่รบกวนเขา!” ขณะที่เหมาเหว่ยกำลังพูด เพื่อนร่วมงานของเขามองดูจ้าวหยู่อย่างแปลกใจอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาในวันนี้
เมื่อเห็นว่าทุกคนหยุดพูดแล้ว จ้าวหยู่ก็นั่งลงอีกครั้งและดูไฟล์บนคอมพิวเตอร์ต่อไป
เหมาเว่ยเป็นคนมีไหวพริบ เขาเคยได้ยินอารมณ์ที่ร้อนแรงของจ้าวหยู่มานานแล้ว ตอนนี้เขาได้เห็นความหัวร้อนของจ้าวหยู่แล้ว เขาก็เดินกะเผลกเข้าไปหาจ้าวหยู่อย่างรวดเร็ว
เมื่อเดินมาถึงจ้าวหยู่ เขาก็พูดกับเขาเบา ๆ ว่า
"จ้าวหยู่ ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับความสำเร็จที่โดดเด่นของนายมามากมายเลย นายนำเกียรติกลับมาสู่ทีม A เมื่อไม่นานมานี้! แต่นายต้องดูแลสุขภาพด้วยนะ! ให้เวลาตัวเองบ้าง คดีนี้เงียบมา 26 ปีแล้ว ไม่ต้องรีบแก้ให้เสร็จในทัน…”
จ้าวหยู่มองไปที่เหมาเว่ยและพยักหน้า เขายังกล่าวขอบคุณเพื่อแสดงว่าเขาเข้าใจเขา
เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของจ้าวหยู่อ่อนลง เหมาเว่ยก็รีบพูดด้วยเสียงต่ำว่า “จ้าวหยู่ ฉันมีบางอย่างที่ฉันต้องจู้จี้กับนาย! ฉันได้ยินมาว่านายกับหัวหน้าหลิวมีเรื่องขัดแย้งกัน ตอนนี้ฉันหายดีแล้ว ฉันสามารถคุยกับหัวหน้าหลิวได้ ทำไมไม่ให้ฉันหาโอกาสที่จะพยายามยุติข้อพิพาทระหว่างนายกับหลิวล่ะ นายคิดว่าไงกับเรื่องนี้?”
จ้าวหยู่ส่ายหัวและคิดกับตัวเองว่า ‘ถ้าฉันไม่ได้สาบานว่าจะกลับตัวกลับใจ ฉันจะไม่หยุดหาผู้หญิงคนหนึ่งและจัดฉากใส่ร้ายหลิวชางฮู’
"ไม่งั้นเหรอ!?" เหมาเหว่ยแนะนำว่า "หลิวเป็นหัวหน้าของพวกเรา จริง ๆ แล้ว... เขาเป็นคนดีมากและอีกอย่างคนอย่างเราไม่มีภูมิหลัง มันจะดีกว่าที่เราไม่รุกรานหัวหน้า…" เหมาเว่ยก็นึกถึงจ้าวหยู่เช่นกันแต่จ้าวหยู่ไม่ได้สนใจจะผูกมิตรกับหลิวชางฮู แม้ว่าจ้าวหยู่จะตัดสินใจเป็นคนใหม่แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยอมก้มหัวให้คนอย่างหลิวชางฮู
เหมาเว่ยกำลังจะเกลี้ยกล่อมเขาอีกเล็กน้อย แต่ในระหว่างนั้น มีบางคนเข้ามาจากทางเข้าหลัก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสถานีรวมตัวกันรอบ ๆ เหลียวจิงซาน หัวหน้าสำนักงานเมืองที่เพิ่งแต่งตั้งใหม่ ขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในสำนักงานของทีม A เจ้าหน้าที่ต่างรีบลุกขึ้นทันทีหลังจากเห็นพวกเขาเข้ามาข้างใน บางคนถึงกับยกย่องพวกเขา!
“ทุกคน ทำตัวตามสบาย ไม่ต้องเกร็ง” รองหัวหน้าหลันเสี่ยวเสี่ยวพูดอย่างรวดเร็ว “หัวหน้าสำนักเหลียวอยู่ที่นี่เพื่อเยียมชมสถานีและทำความเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ในแต่ละวัน ทำตัวให้สบายและทำสิ่งที่คุณทำต่อไป!”
เหล่าเจ้าหน้าที่พยักหน้ารับทราบแต่ใครจะสามารถสงบสติอารมณ์ได้หลังจากทันใดนั้นเห็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้ามาสังเกตการณ์ ทุกคนยืนตรงที่ของตน ไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป
หัวหน้าสำนักงานเหลียวมองไปรอบ ๆ และเดินตรงไปหาจ้าวหยู่หลังจากเห็นเขา เหมาเว่ยคิดว่าผู้นำกำลังเดินเข้าหาเขาและเดินกะโผลกกะเผลกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อจะจับมือเขา อย่างไรก็ตาม หัวหน้าสำนักเหลียวเดินผ่านเขาโดยไม่เหลียวมอง
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” เหลียงจิงซานหัวเราะอย่างเต็มที่ขณะที่เขาเข้าใกล้จ้าวหยู่ "เป็นอย่างไรบ้างจ้าวหยู่ การสืบสวนคดีเป็นอย่างไรบ้าง?"
‘ฮะ? อะไรนะ!?’ จ้าวหยู่ตกตะลึงกับคำถามของฝ่ายตรงข้าม เขาตอบอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ลุกขึ้นยืน “การประชุมเพิ่งจะจบลง ผมควรจะรู้อะไรเพิ่มเติมหรือครับ”
เมื่อได้ยินคำตอบของจ้าวหยู่ ทุกคนก็ตกตะลึงและรองหัวหน้าหลันก็ไอเสียงดังใส่เขาอย่างรวดเร็ว
จ้าวหยู่รู้โดยธรรมชาติว่าบุคคลนี้เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง เมื่อพิจารณาจากอารมณ์ก่อนหน้านี้แล้ว เขาจะไม่สนว่าเขาจะเป็นใคร อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาคิดจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ เขาก็ลุกขึ้นทันทีและแสดงความเคารพ
“อรุณสวัสดิ์ครับท่าน!”
“ไม่จำเป็นไร ๆ ทำตัวตามสบายเถอะ” หัวหน้าสำนักเหลียวถามยิ้ม ๆ “จ้าวหยู่ ฉันได้ยินเกี่ยวกับการกระทำอันกล้าหาญของนายมามากมาย ในการแก้ไขปัญหายาก ๆ มาเป็นเวลานานแล้ว บรรดาเจ้าหน้าที่จากสำนักเมืองต่างกล่าวชื่นชมนายอย่างมาก ฉันมาในนามของตำรวจเมืองนี้ เพื่อถามว่านายทำได้ดีในแผนกสืบสวนหรือไม่?”
"ผมสบายดี!" จ้าวหยู่ตอบอย่างเป็นสุข “ขอบคุณสำหรับความกังวลของคุณ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไขคดีนี้ ผมจะเป็นตำรวจที่ดี ได้โปรดอย่ากังวลไปเลยครับ!” ด้วยเหตุนี้ จ้าวหยู่จึงทำความเคารพสองครั้ง!
“ฮ่าฮ่า” หัวหน้าสำนักงานเหลียวหัวเราะและชี้ไปที่ที่ชงกาแฟที่อยู่ด้านหลัง “เอาล่ะ ไม่ต้องสุภาพกับฉันมากขนาดนั้นหรอก มาเถอะ หลานชายของฉัน ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย!” ด้วยเหตุนี้เขาจึงเดินนำจ้าวหยู่ไปที่ที่ชงกาแฟ