658 - ความผิดหวังของผู้เฒ่า
658 - ความผิดหวังของผู้เฒ่า
เมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตาเช่นนี้ เย่ฟ่านก็รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
ควรทราบว่าเผิงสวรรค์ผู้เฒ่าคนนี้มีความรักต่อหลานชายมากแค่ไหน แต่ในเมื่อเขาไม่ลงมือขัดขวางการกระทำของเย่ฟ่าน ก็เห็นได้ชัดว่าเขาตัดสินใจจะฆ่าเย่ฟ่านอย่างแน่นอนแล้ว
เผิงสวรรค์ผู้เฒ่ามีชื่อเสียงก้องโลกมาหลายพันปี มันเป็นธรรมดาที่เผ่าพันธุ์อสูรจะมีชีวิตยืนยาวมากกว่ามนุษย์ ซึ่งแน่นอนว่ามันจะทำให้พวกเขามีโอกาสได้ตระหนักรู้ในเต๋ามากกว่ามนุษย์ด้วย
เขาน่ากลัวกว่าราชาเผิงน้อยปีกทองร้อยเท่า แค่ความคิดก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตนับล้านบนโลกกลายเป็นซากศพ
ราชาเผิงผู้เฒ่าอาละวาดมานานหลายพันปี แม้แต่ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์หลายคนก็ยังยอมรับว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา นี่คือวีรบุรุษแห่งยุคของเผ่าพันธุ์อสูรที่มีอายุยืนยาวเป็นรองเพียงนักพรตมังกรแดง
“ฆ่าข้า ข้าไม่เสียใจที่ได้ตายในมือของคู่ต่อสู้” ราชาเผิงน้อยปีกทองคำราม
เย่ฟ่านเรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่พวกเขาพบกัน นกที่หยิ่งยโสคนนี้จะยั่วยุเขาและพยายามจะฆ่าเขาอยู่ตลอดเวลา และในความเป็นจริงการต่อสู้ระหว่างพวกเขาควรเกิดขึ้นนานแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่สิ้นหวังและดื้อรั้นในเวลานี้ เย่ฟ่านรู้สึกว่านกที่น่ารังเกียจนี้ค่อนข้างตรงไปตรงมาและน่ายกย่องกว่าผู้คนมากมาย
ในแง่หนึ่งราชาเผิงน้อยปีกทองคนนี้ยังน่านับถือมากกว่าฮั่วอวิ๋นเฟยที่มีแผนการอยู่เต็มอก ในขณะเดียวกันบุตรศักดิ์สิทธิ์เหยากวงผู้คุมเครือไม่มีความชัดเจนก็ดูเหมือนจะเทียบเขาไม่ได้
ในบรรดาบุตรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของโลกนี้ เย่ฟ่านให้การยอมรับต่อราชาเผิงน้อยปีกทองเท่านั้น เพราะนี่คือคนคนเดียวที่กล้าต่อสู้กับเขาอย่างตรงไปตรงมา
"ข้านับถือเจ้า แต่ข้ายังคงต้องฆ่าเจ้า!"
เย่ฟ่านขยับตัวในที่สุดมือขวาของเขาก็บดขยี้ศีรษะของราชาเผิงน้อยปีกทองจนแหลกละเอียด
ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหล ในที่สุดเย่ฟ่านก็ล้มราชาเผิงน้อยปีกทองลงได้จริงๆ เผิงสวรรค์ผู้หยิ่งผยองถูกทำลาย จากนี้ไปจะไม่มีราชาเผิงน้อยปีกทองในโลกนี้อีก เขาได้กลายเป็นอดีตสำหรับทุกคน
“น่าเสียดายข้าไม่สามารถกลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้”
เศษเสี้ยววิญญาณของราชาเผิงน้อยปีกทองถอนหายใจ
การตายของราชาหนุ่มผู้นี้ทำให้ผู้คนมากมายเกิดความเศร้าเสียดาย นี่คือยอดฝีมือผู้มีอนาคตไกลอย่างแท้จริง แต่เขากลับต้องมาตายในมือของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน
“เอาล่ะ บดขยี้วิญญาณของข้าซะ ให้ข้าได้รับเกียรติในฐานะนักรบ!” ราชาเผิงน้อยปีกทองตะโกนด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ และวิญญาณของเขาเริ่มหลั่งน้ำตา
หัวใจของทุกคนสั่นไหว และราชาหนุ่มผู้ดื้อรั้นคนนี้ก็น้ำตาไหลเป็น เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของเขาตอนนี้สิ้นหวังมากแค่ไหน
การคุกคามของร่างศักดิ์สิทธิ์นั้นยิ่งใหญ่เกินไป เมื่อมองไปทั่วทั้งดินแดนรกร้างตะวันออก อาจไม่มีแม้สักคนเดียวที่สามารถต่อสู้กับเขาได้
สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขามีความสุขคือเย่ฟ่านมีชีวิตเหลืออยู่ไม่มากแล้ว อย่างมากที่สุดเขาก็อยู่ได้อีกเพียงครึ่งเดือน หากเขาต้องการมีชีวิตอยู่เขาก็จะไม่มีวันกลับสู่ความแข็งแกร่งในระดับนี้ได้
แต่ในขณะเดียวกันหลายคนก็เกิดความสงสัยไม่น้อย คนคนนี้จะตายจริงๆหรือ คนที่แข็งแกร่งขนาดนี้จะตายได้อย่างไร?
แต่เย่ฟ่านได้รับบาดเจ็บจากเต๋าสุดขั้ว และทุกคนรู้ดีว่าแม้แต่ราชาสวรรค์ผู้อาวุโสได้เสียสละชีวิตของตัวเองก็ยังไม่สามารถช่วยเขา พวกเขาไม่เชื่อว่าเย่ฟ่านจะสามารถฟื้นฟูกลับมาได้อีกครั้ง
“ข้าไม่ได้ต้องการฆ่าพี่เผิง แต่เขาบังคับให้ข้าลงมือ ขอให้ผู้อาวุโสมารับวิญญาณของเขาเถอะ” เย่ฟ่านรีบประสานมือไปยังทิศทางหนึ่ง
เขารู้สึกถึงเจตนาฆ่าที่ไม่มีใครเทียบได้ มันราวกับว่าชายชราคนนั้นพร้อมจะโจมตีได้ตลอดเวลา
แต่เย่ฟ่านไม่ได้รู้สึกเกรงกลัว เขาแอบส่งเสียงให้จักรพรรดิดำสร้างอุโมงค์มิติไว้แล้ว ต่อให้สถานการณ์ร้ายแรงที่สุดเขาก็แค่ไม่กลับมายังดินแดนรกร้างตะวันออกอีกต่อไป
แต่มันยังมีเรื่องบางอย่างที่ทำให้เขาเสียดายอยู่บ้าง เก้าญาณวิเศษลึกลับยังคงกระจัดกระจายไปทั่วดินแดนรกร้างตะวันออก และหนึ่งในนั้นอยู่ในหน้าผาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเขารู้ตำแหน่งที่แน่นอนแล้ว เขาจึงไม่ต้องการออกจากดินแดนรกร้างตะวันออกตอนนี้
ในความว่างเปล่าร่างหนึ่งเดินเข้าสู่สนามรบอย่างรวดเร็ว ทุกก้าวเดินของเขาทำให้สวรรค์และปฐพีสะเทือนอย่างรุนแรง
ทุกคนตะลึงนี่คือการดำรงอยู่ที่น่าเหลือเชื่อ ร่างที่พร่ามัวนั้นน่ากลัวอย่างถึงที่สุด
ราชาเผิงผู้เคยเขย่าโลกให้สั่นสะเทือนปรากฏตัวแล้ว และหลังจากฝึกฝนวิชาศักดิ์สิทธิ์อสูรทลายสวรรค์ กลิ่นอายของเขาก็ทำให้ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์หลายคนเกิดความกลัว
เขามีร่างกายที่แข็งแรง สวมเสื้อคลุมนักพรตสีทอง ใบหน้าที่แคบยาวของเขาไร้ความรู้สึก ในขณะที่จ้องมองไปยังเย่ฟ่านอย่างเย็นชา
ทันทีที่ราชาอสูรไร้เทียมทานปรากฏตัว ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์มากมายก็เผยตัวเช่นกัน ตอนนี้เป็นวันเกิดของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลเฟิง ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากมาถึงตั้งนานแล้ว
“เจ้าโง่!”
ราชาเผิงเฒ่าชี้ไปที่ชิ้นส่วนร่างกายที่ถูกฉีกขาดของราชาเผิงน้อยปีกทอง ร่างของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นละอองเลือด แล้วทุกคนไม่เข้าใจว่าเขาทำเช่นนี้เพื่ออะไร?
“รู้หรือไม่ทำไมเจ้าถึงแพ้” ชายชราดูสงบแต่ก็เต็มไปด้วยความผิดหวังเช่นกัน
“ข้า…” วิญญาณของราชาเผิงน้อยปีกทองคำรามด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเลือด
“ลืมมันไปเถอะ เป็นเพราะข้าเลี้ยงดูเจ้ามาดีเกินไปจึงทำให้เจ้าเสียคนแบบนี้” คำพูดของราชาเผิงอาวุโสสงบก่อนที่นิ้วของเขาจะบดขยี้วิญญาณหลานชายด้วยมือของตัวเอง
“พี่เผิง เรื่องนี้ข้าขอ” ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเฟิงส่งเสียงคำรามขึ้น
ในเวลานี้ผู้คนมากมายยังคงตกใจไม่หาย ราชาเผิงเฒ่ากลับคิดจะทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง
ราชาเผิงน้อยปีกทองกระวนกระวายใจ แสงสว่างในวิญญาณของเขามืดสลัวเล็กน้อยแต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็ไม่ส่งเสียงร้องขอชีวิต
“เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่” นิ้วของราชาเผิงเฒ่ากวาดไปข้างหน้าและทำลายร่างกายทั้งหมดของหลานชายของเขาให้กลายเป็นฝุ่นผง
“ข้าเข้าใจ” วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของราชาเผิงน้อยปีกทองกล่าวอย่างสงบโดยไม่สนใจชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
“ดี อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวังอย่างสมบูรณ์!” ราชาเผิงเฒ่าเงยศีรษะขึ้น เสื้อคลุมสีทองโบกสะบัดก่อนจะเดินออกไปท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน
เย่ฟ่านตกใจมากราชาเผิงผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาสามารถควบคุมโลกได้
“พี่เผิงได้โปรดอยู่ต่อ ข้ามียาศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถฟื้นฟูร่างกายของหลานชายท่าน โปรดรับไว้” ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเฟิงกล่าว เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อสิ่งนี้ในวันเกิดของตัวเองได้
“ไม่จำเป็น” ราชาเผิงไม่หันหลังกลับและหายตัวไปในความว่างเปล่า
“หากเจ้าไม่สามารถผ่านกำแพงทั้งเก้าที่ถูกสร้างขึ้นโดยบรรพบุรุษ เจ้าก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ” นี่เป็นคำพูดสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลัง
“ราชาเผิงคิดจะทำเช่นนี้จริงๆ กำแพงเก้าชั้นที่บรรพบุรุษของพวกเขาสร้างขึ้นไม่เคยมีใครผ่านไปได้ คนสุดท้ายที่ทำสำเร็จก็ผ่านมาเป็นแสนปีแล้ว”
“ราชาเผิงน้อยปีกทองจบสิ้นแล้ว การที่บังคับเขาเข้าสู่กำแพงเก้าชั้นแห่งตระกูลเผิงสวรรค์ก็เหมือนกับการส่งเขาไปตาย?”
ผู้บ่มเพาะทั้งรุ่นก่อนและรุ่นใหม่ประหลาดใจ
“ความองอาจกล้าหาญของตระกูลเผิงสวรรค์ช่างน่ากลัวจริงๆ”
หัวใจของทุกคนสั่นสะท้าน ในยุคโบราณมีเซียนมากมายแค่ไหนที่ถูกอสูรตระกูลนี้ฆ่า
หลังจากที่ทุกอย่างจบลงราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเฟิงก็พยักหน้าให้เย่ฟ่านก่อนจะโยนเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ให้เขาและหายตัวไปในความว่างเปล่าทันที
ภายใต้ลมหนาวที่เย็นยะเยือก บุตรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมองเย่ฟ่านด้วยความกลัว พลังการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมาวันนี้มันเหมือนกับปาฏิหาริย์ และทุกคนทำได้เพียงแหงนหน้ามองเขาเท่านั้น
“บูม”
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน กระบี่เล่มหนึ่งได้ทะลวงเข้าสู่หน้าอกของเย่ฟ่านโดยไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเหลือได้
“เจ้ากล้า!”
เย่ฟ่านคำรามด้วยความโกรธ กำปั้นของเขากระแทกคมกระบี่อย่างรุนแรง แต่มันไม่เป็นผล กระบี่เล่มนั้นยังคงทะลวงเข้าหาหน้าอกของเขาโดยไม่เบี่ยงเบนทิศทาง
เจ้าของกระบี่คือหญิงสาวในชุดขาวคนหนึ่ง และความเคลื่อนไหวของนางทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัวจับใจ