เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 170
ตอนที่ 170
อย่างไรก็ตาม หลินเฮ่าได้รับรู้เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่เขาหมดสติไปเกี่ยวกับการสู้รบที่สั่นสะเทือนไปทั้งใต้หล้า เขายินดียิ่งนักที่ตระกูลหลินปลอดภัย และภูมิใจในตัวบุตรชายเช่นหลินซวนเป็นยิ่งนัก
ทว่า เมื่อเขารู้ถึงการเปิดขึ้นของแดนลึกลับอายุนับล้านปี และการที่ราชวงศ์อมตะปิดล้อมเมืองต้าหยานเอาไว้เพื่อไม่ให้ตระกูลหลินได้เข้าไปสำรวจในแดนแห่งนั้น โทสะของเขาก็พุ่งสูงเสียดฟ้า และไม่สามารถจะควบคุมความโกรธนั้นให้ลดลงได้!
แดนลึกลับโบราณในทะเลไร้ขอบเขตเป็นสถานที่ซึ่งผู้บ่มเพาะทุกคนควรได้มีโอกาสไปเยือน แต่บัดนี้ ราชวงศ์อมตะนั้นกลับทำตัวเป็นผู้ไร้เหตุผลและบีบบังคับไม่ให้สมาชิกสกุลหลินทั้งหมดได้ไปยังที่แห่งนั้น!
นี่คือการแย่งชิงโอกาสที่เหล่ารุ่นเยาว์ทั้งหลายของตระกูลจะได้เติบโตไปอย่างเลือดเย็น!
โดยเฉพาะยอดอัจฉริยะเช่นหลินซวน การที่เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นทำให้บุตรชายของหลินเฮ่าต้องสูญเสียโอกาสครั้งมโหฬาร นี่ย่อมเป็นเพราะว่าในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะลมปราณ หากพลาดโอกาสที่หายากเช่นแดนลึกลับไป ย่อมเป็นการสร้างช่องว่างขนาดยักษ์ขึ้นระหว่างผู้ที่ได้เข้าไปและผู้ที่มิอาจไปได้ และสิ่งนั้นจะส่งผลไปตลอดจนชั่วชีวิต!
ยิ่งกว่านั้น เหล่าคนจากราชวงศ์ต่างก็ปิดล้อมสมาชิกตระกูลหลินเอาไว้ นี่ย่อมเป็นการตัดอนาคตอันรุ่งโรจน์ สำหรับสกุลหลินแล้ว เหตุการณ์ในครั้งนี้นับได้ว่าเป็นหายนะอย่างหนึ่งเสียด้วยซ้ำ!
นี่นับว่าเป็นเรื่องหน้าไม่อายยิ่งนัก ราชวงศ์อาศัยกำลังคนที่มากกว่าในการกระทำการที่น่าประณามเช่นนี้!
หลินซวนหรี่ตาลง เขากำลังครุ่นคิดถึงวิธีการต่างๆ และค่อยๆ ตัดตัวเลือกออกไปทีละเล็กน้อย ก่อนที่ท้ายที่สุดจะพบทุกสิ่งล้วนไร้ค่า!
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินซวนต้องพบกับความปวดร้าวครั้งยิ่งใหญ่ เขามิเคยคาดคิดว่าตัวเองจะต้องมีวันที่เป็นเช่นนี้ โหยหาความแข็งแกร่งที่มากขึ้น!
หากว่าเขาทรงพลังมากพอ มีหรือที่เขาจะต้องหวาดกลัวกับการปิดล้อมของราชวงศ์อมตะเช่นนี้?
หากว่าเขามีกระบี่ในมือ โอ้ อันที่จริงแล้ว ถ้าหากเขาแกร่งพอ เขาสามารถจะสังหารพวกมันทั้งหมดที่ขวางทางอยู่ได้ด้วยมือเปล่าเสียด้วยซ้ำ!
ในตอนนี้ ซวนยู่เองก็ฟื้นขึ้นมาแล้วเช่นกัน เมื่อได้เห็นบุตรของนางเต็มไปด้วยความกังวลเช่นนี้ นางมิได้เอ่ยสิ่งใด และทำเพียงกอดบุตรชายตัวน้อยเอาไว้ก่อนลูบศีรษะเขาอย่างอ่อนโยน ประกายความว้าวุ่นวาบผ่านในดวงตาของนาง
“ท่านแม่ ท่านไม่จำเป็นต้องกังวล ต่อให้ข้ามิได้รับโอกาสในการค้นหาสมบัติยังแดนลึกลับแห่งนั้น แต่พวกสุนัขไร้ค่าของราชวงศ์อมตะก็ยังไม่มีโอกาสไล่ตามข้าได้ทัน แม้ว่าพวกมันจะใช้เวลาอีกนับหมื่นปีก็ตามที!”
ในตอนนั้น คำพูดของทารกน้อยช่างองอาจยิ่ง เขาโบกมือเล็กของตนไปมาอย่างกล้าหาญ
“เมื่อข้าแข็งแกร่งกว่านี้ในอนาคต ข้าจะจับพวกมันทั้งหมดมาและไล่เตะพวกมันให้เหมือนกับลูกหนังที่เด็กน้อยใช้เป็นของเล่น และทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพวกมันจะกลายเป็นของข้า!”
ได้ยินบุตรชายวางท่าทางใหญ่โตเช่นนี้ ซวนยู่ทำได้เพียงยิ้มเล็กน้อย จากนั้นนางก็หยิกจมูกน้อยๆ ของหลินซวนและพยักหน้ารับ
“ซวนเอ๋อร์กล่าวได้ถูกต้องแล้ว ซวนเอ๋อร์ของข้าเก่งกาจที่สุด!”
ในอีกด้านหนึ่ง หลินเฮ่ากลับรู้สึกช่วยมิได้ขึ้นมา เขาเพียงก้าวออกไปจากจวนและเตรียมการไปประชุมกับเหล่าตาแก่ตระกูลหลินทั้งหลาย ในสมองพยายามขบคิดหาวิธีการพาเหล่ารุ่นเยาว์ของสกุลหลินเข้าไปยังแดนลึกลับให้ได้
อย่างไรก็ตาม เหล่าอาวุโสทั้งหลายต่างปฏิเสธคำขอของเขาลง
มิใช่เพราะตาเฒ่าทั้งหลายไม่ได้รักหลินซวน ทว่าหลินซวนนั้นยังเยาว์วัยจนเกินไป ทารกวัยยังมิทันครบขวบปีย่อมไม่สามารถทนทานต่อการเผชิญหน้ากับเรื่องหนักหนาในการแย่งชิงทรัพยากรที่รุนแรงและบ้าคลั่ง
ยิ่งไปกว่านั้น หากหลินซวนจะไปยังแดนลึกลับ เขาจะเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้เข้าไป
เด็กน้อยวัยเพียงครึ่งปีที่จะเข้าไปยังแดนลึกลับซึ่งอันตรายอย่างยิ่งยวดเพียงลำพัง ต่อให้ระดับการบ่มเพาะของเขาจะอยู่ในแดนปราณสร้างรากฐาน และเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาเขตเหนือคราม แต่อย่างไรก็ตาม เขายังคงเด็กจนเกินไป นี่เป็นเรื่องที่ตาแก่ทั้งหลายกังวลมากล้น
เมื่อหลินเฮ่าได้ฟังการตัดสินใจของอาวุโสทั้งหลาย เขาทำได้เพียงรู้สึกสิ้นหวังและโค้งคำนับก่อนจากมา
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้าไปยังแดนลึกลับแห่งนั้นได้ และโศกเศร้าอยู่บ้าง ทว่าระดับลมปราณของเขาในตอนนี้ก็เลื่อนไปถึงขั้นที่หกของแดนสร้างรากฐานแล้ว อย่างน้อยสิ่งนี้ก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นอยู่บ้าง
.......
“พวกเจ้ารู้หรือไม่? ข้าได้ยินมาว่าอัจฉริยะจากราชวงศ์อมตะได้รับสมบัติล้ำค่ามาจากส่วนลึกของแดนลับนั้น เมื่อเขากลับไปถึงที่ตั้งของราชวงศ์ กระทั่งจักรพรรดิยังมาปรากฏตัวด้วยตนเองและรับสมบัติชิ้นนั้นไปกับมือ!”
“ใช่แล้ว ข้าเองก็รู้ข่าวนี้เช่นกัน มันแพร่ไปทั่วทั้งอาณาเขตเหนือคราม ข้าได้ยินมาว่าสมบัติชิ้นนั้นล้ำค่าเสียจนตัวตนระดับสูงของอาณาเขตสงครามที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรศิลายังขอซื้อสมบัติชิ้นนั้นด้วยราคาที่สูงเทียมฟ้า น่าเสียดายที่ราชวงศ์อมตะปฏิเสธข้อเสนอนั้น!”
วันหนึ่ง หลินซวนเดินทางออกมาจากเมืองต้าหยานด้วยต้องการจะสูดอากาศที่เมืองเล็กๆ แห่งอื่น เขาก็บังเอิญได้ยินประโยคเหล่านั้นเข้า
ซวนหยานหรานซึ่งมากับหลินซวนด้วย เมื่อนางได้ยินประโยคนั้น นางก็ขมวดคิ้วมุ่นและเอ่ยถามผู้บ่มเพาะในบริเวณนั้น
“ข้าขอถามท่านได้หรือไม่ ได้ข่าวเช่นนี้มาจากที่ใดหรือ?”
เหล่าผู้บ่มเพาะนั้นล้วนแต่เป็นชายหนุ่มร่างหนา เมื่อมีหญิงงามเช่นซวนหยานหรานเอ่ยถาม พวกเขาล้วนยินดีอย่างยิ่งที่จะตอบ
“เป็นข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ และเป็นข่าวล่าสุด ย่อมไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน!”
“ดูเหมือนว่าสมบัตินั้นจะเป็นอักขระมนตราจากยุคสมัยโบราณ ข้าได้ยินมาว่ามันคือพลังดูดกลืนชั้นยอด! มันถูกนำออกมาจากแดนลึกลับโดยยอดอัจฉริยะทั้งสิบของราชวงศ์อมตะ และข้ายังได้ยินมาอีกว่าพวกเขาต้องพบเจอกับพายุโลหิตลูกมหึมาก่อนจะฝ่าฟันพายุนั้นเข้าไปและชิงสมบัตินั้นมาได้ ในยามที่พวกเขาออกมาจากแดนรกร้าง ทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์!”
“ข้าจะบอกให้ฟัง ไม่เพียงอัจฉริยะเหล่านั้นที่ได้พบกับโชคครั้งใหญ่ ไม่กี่วันก่อน อัจฉริยะผู้หนึ่งนำเอาสมบัติบางอย่างออกมา แม้ว่ามันจะมิใช่สิ่งล้ำค่าเช่นพลังดูดกลืน แต่ก็ยังก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหมู่ผู้บ่มเพาะ!”
“ดูเหมือนว่าครั้งนี้ราชวงศ์อมตะจะได้รับผลประโยชน์สูงที่สุดจากแดนลึกลับ! แม้ว่าอาณาจักรศิลาจากอาณาเขตสงครามและตระกูลหยวนโย่วจากอาณาเขตเก้าสุสานจะเป็นกองกำลังที่ทรงพลังเช่นกัน แต่พวกเขาก็อยู่ไกลจนเกินไป การจะเดินทางมายังแดนลึกลับย่อมมิได้สะดวกสบายนัก!”
ได้ยินเช่นนั้น หลินซวนทำได้เพียงขมวดคิ้ว
หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งเดือน หลินซวนก็ได้ข่าวมาว่าสำนักศึกษาบางส่วนของอาณาเขตกลางเริ่มเดินทางมาถึงแดนลึกลับแล้วเช่นกัน
พวกเขาข้ามผ่านอาณาเขตที่กว้างใหญ่และส่งทูตมา ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาจะใช้โอกาสที่แดนลึกลับแห่งนี้เปิดขึ้นในการค้นหายอดอัจฉริยะรุ่นเยาว์และรับพวกเขาไปรับสำนักศึกษาทั้งหลาย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว กล่าวตามตรง แดนลึกลับแห่งนั้นเปิดทางเข้ามานานเกินกว่าที่หลายคนคาดการณ์ไว้ และมันมิได้ปิดตัวลงอย่างรวดเร็วเช่นแดนลึกลับแห่งอื่น
สามเดือนผ่านพ้นไป และอัจฉริยะจากราชวงศ์อมตะต่างล่าถอยออกมา กระทั่งเหล่ายอดอัจฉริยะที่เดินทางเข้าไปก็เริ่มทยอยเดินทางออกมาแล้วเช่นกัน โอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่พวกเขาได้จากแดนลึกลับนั้นส่งผลต่อร่างกายเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าพื้นฐานและพรสวรรค์ของพวกเขาจะเป็นเช่นไร เมื่อได้กลับออกมาจากแดนลึกลับ ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็พุ่งทะยานราวกับดวงอาทิตย์ที่เปล่งประกาย!
ทว่า เหล่าคนจากราชวงศ์อมตะยังมิได้ไปจากทางเข้าแดนลึกลับในทันที พวกมันเลือกที่ส่งสมบัติที่ได้มากลับไป และปักหลักเฝ้าคอยอยู่ที่ชายขอบทางเข้าของแดนลึกลับแห่งนั้น
“หลังจากผ่านมาเนิ่นนานเช่นนี้ พวกเรายังมิสามารถแก้ปัญหาเรื่องตระกูลหลินได้อีกเช่นนั้นหรือ? ไม่เป็นไร หลังจากที่พวกเราออกไปจากแดนลึกลับแล้ว พวกเราจะยกกำลังไปสังหารล้างตระกูลหลินเสีย”
“เซียนน้อยตระกูลหลินแล้วอย่างไร? หลินซวนนับเป็นสิ่งใดได้? มันก็แค่สวะน้อยตัวหนึ่ง!”
“ทว่าพวกเราต่างก็อายุมากกว่ามันทั้งสิ้น การรังแกเด็กน้อยย่อมมิใช่วิสัยของผู้บ่มเพาะ เช่นนั้นข้าจะรอจนกว่ามันจะอายุครบสิบหกปี เพื่อให้มันไล่ตามพวกเราได้ทันเป็นอย่างไร? จากนั้นข้าจะบดขยี้มันด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียว!”
“ส่วนหลินฉิงเทียนผู้นั้น มันเป็นเพียงมดปลวก หลังจากครบหนึ่งร้อยปี เมื่อพวกเราเติบโตขึ้นแล้ว พวกเราจะสังหารมันเช่นกัน!”