เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 167
ตอนที่ 167
ใบหน้าเล็กๆ ของหลินซวนเต็มไปด้วยความตกตะลึง และนี่ก็นับว่าเป็นเรื่องหายากยิ่งที่จะเห็นอารมณ์ใดๆ ปรากฏขึ้นมาชัดเจนเช่นนี้ ในเสาแห่งแสงต้นนั้น เขาสัมผัสได้ว่ามันคล้ายกับแสงจากหมู่มวลดาราที่ลอยล่องอยู่บนท้องฟ้า!
“หรือ....นี่จะเป็นเพราะดินแดนลึกลับโบราณบางแห่งได้ถูกเปิดขึ้นแล้ว?”
ในท้องนภาด้านทิศเหนือ แสงสีทองอร่ามอาบย้อมเบื้องบน และรูปแบบอักขระที่ลึกล้ำปรากฏขึ้น!
บุปผาสวรรค์เปล่งประกายและเบ่งบานอย่างต่อเนื่อง แสงสีทองนั้นราวกับไร้จุดสิ้นสุด อาบไล้ท้องฟ้าจนเป็นสีเดียวกัน!
“เกิดอันใดขึ้น?”
เหล่ายอดฝีมือมากมายในอาณาเขตเหนือครามต่างก็เงยหน้าขึ้นมามองปรากฏการณ์นั้นด้วยใบหน้าประหลาดใจ พวกเขาได้พบเห็นถึงฉากที่แสดงถึงฤกษ์งามยามดีปรากฏขึ้น แต่เมื่อพวกเขาคำนวณถึงระยะทางของต้นตอแห่งแสงนั้น พวกเขาก็อดมิได้ที่จะนิ่งค้างไป!
“ช้าก่อน... ที่แห่งนั้น... มันอยู่เหนือขึ้นไปจากอาณาเขตเหนือครามซึ่งอยู่ทางเหนือสุดของทวีปแห่งนี้ หรือว่าจะเป็นที่ทะเลไร้ขอบเขต!”
“ทะเลไร้ขอบเขต? หากข้าจำมิผิด นั่นควรจะเป็นสถานที่ซึ่งดินแดนลึกลับโบราณปรากฏขึ้น? หรือว่าดินแดนลึกลับแห่งนั้นจะเปิดขึ้นอีกครั้ง?”
ในอาณาเขตเหนือคราม สีหน้าของผู้บ่มเพาะมากมายกำลังหวาดผวายิ่งนัก ขนทั่วร่างตั้งชัน และอุณหภูมิในกายกลับกลายเป็นหนาวเหน็บ!
ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตอนนี้ช่างมากมายและน่าหวั่นเกรง แม้ว่าระยะทางที่เป็นจุดกำเนิดของมันจะไหลเพียงใด แต่ความรู้สึกจากปรากฏการณ์นั้นยังทำให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ประดุจดวงตะวันร่วงหล่นลงจากฟากฟ้า!
ยิ่งไปกว่านั้น ภายใต้เสาแสงต้นยักษ์ พวกเขายังสามารถมองเห็นซากปรักหักพังของเมืองโบราณซึ่งอยู่ในแดนลึกลับแห่งนั้น แสงจากเสาต้นนั้นแตะสัมผัสกับท้องฟ้า จากนั้นก็อาบย้อมทุกสิ่งให้กลายเป็นสีขาวโพลน!
เหล่าผู้ฝึกตนทั้งหลายต่างค่อยๆ เหาะขึ้นไปยืนกลางอากาศ พวกเขาเงยหน้าขึ้นและกระจายสัมผัสวิญญาณของตนออกไป ก่อนจะค้นพบว่าห้วงมิติรอบกายกำลังสั่นสะท้านเพราะตอบรับการเปิดขึ้นของดินแดนลึกลับแห่งนั้น!
“นี่... อาณาเขตเหนือครามทั้งหมดถึงขั้นสั่นไหวเพราะการปรากฏขึ้นของแดนลึกลับ! กระทั่งกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินยังตอบรับอย่างต่อเนื่อง เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่?” ชายชราผมขาวผู้หนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทาจากความแตกตื่นที่ความว่างเปล่ารอบด้านกำลังสั่นสะเทือน
“มิใช่ว่าดินแดนลึกลับโบราณนั้นเป็นเพียงเรื่องหลอกลวงของราชวงศ์อมตะหรอกหรือ? เหตุใดมันจึงได้ปรากฏขึ้นจริงๆ เช่นนี้?” ชายหนุ่มผู้บ่มเพาะคนหนึ่งกล่าวด้วยความตื่นเต้นยิ่งนัก
ที่แห่งนั้นคือแดนลึกลับโบราณในตำนานที่มีอยู่จริง!
ต้องรู้ก่อนว่าราชวงศ์อมตะที่ครั้งหนึ่งเคยใช้ข้ออ้างของการเปิดประตูสู่แดนลึกลับโบราณในการหลอกลวงและนำตัวอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของตระกูลต่างๆ ไปสังเวยโลหิต เพราะเหตุนี้จึงทำให้คนส่วนมากเข้าใจว่าดินแลนลึกลับโบราณนั้นเป็นเพียงเรื่องโกหก พวกเขามิคาดคิดมาก่อนว่าดินแดนแห่งนั้นจะปรากฏขึ้นจริงในตอนนี้!
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินกลิ่นอายปราณได้สัมผัสกับพลังที่มาจากแดนลึกลับ พวกเขาก็ค้นพบว่าดินแดนแห่งนั้นย่อมต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านปี!
แน่นอนว่าระยะเวลาหนึ่งล้านปีนั้นมากมาย มันสามารถเปลี่ยนทะเลให้กลายเป็นผืนป่า และต่อให้เป็นต้นหญ้าธรรมดา หากรอดชีวิตผ่านช่วงเวลาเนิ่นนานถึงเพียงนั้น มันย่อมต้องกลายเป็นบรรพบุรุษของเหล่าปิศาจที่สามารถทอดสายตาและเหยียบย่ำไปได้ทั่วใต้หล้า!
อย่าได้กล่าวถึง หากว่าสามารถเก็บโอสถล้ำค่าค่าได้จากดินแดนนั้น นั่นย่อมเป็นผลประโยชน์มหาศาล!
“นี่ย่อมเป็นโชคครั้งมโหฬาร ใครก็ตามที่สามารถเข้าไปยังแดนลึกลับโบราณแห่งนั้นและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์กลับมาได้สามารถทำให้อัจฉริยะทั่วหล้าต้องสยบแทบเท้า!”
“นี่เป็นเรื่องใหญ่ยิ่งนัก ปรากฏการณ์นี้ย่อมไม่เพียงทำให้คนทั้งอาณาเขตเหนือครามรับรู้ หากแต่เป็นผู้คนทั้งเก้าอาณาเขตอย่างแน่นอน!”
“ข้ายังคงใคร่รู้ จะเป็นตระกูลใดกันที่สามารถจะพิชิตแดนลึกลับแห่งนี้ได้ หากว่าตระกูลใดก็ตามสามารถช่วงชิงทรัพยากรจากดินแดนแห่งนั้นได้มากที่สุด พวกมันย่อมสามารถกลายเป็นตระกูลชั้นยอด และอาจจะทำให้สถานการณ์ในอาณาเขตเหนือครามเปลี่ยนแปลงไป!”
เมื่อนึกถึงเรื่องเช่นนี้ ย่อมทำให้เหล่าผู้บ่มเพาะทั้งหลายหัวใจเต้นราวกับจะหลุดออกมาจากอก ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะหวาดกลัว และอีกครึ่งย่อมเป็นไปด้วยความตื่นเต้น!
ทว่า อย่างไรก็ตาม การเปิดขึ้นอีกครั้งของดินแดนลึกลับอายุนับล้านปีนี้ย่อมเป็นโอกาสอันดีของผู้คนทั้งหลายและเป็นโชคอย่างที่สุดของยุคสมัยปัจจุบัน!
ผู้ที่สามารถตักตวงผลประโยชน์และทรัพยากรจากในแดนลึกลับได้ย่อมสามารถกำหนดอนาคตของอาณาเขตเหนือครามต่อไปได้อย่างยาวนาน!
ไกลออกไปสุดปลายขอบฟ้า เสาแห่งแสงค่อยๆ จางหายไป ทว่าท้องฟ้ายังคงสั่นไหวและไม่มีทีท่าจะสงบลง ก่อนที่กลิ่นอายเก่าแก่สายหนึ่งจะโอบล้อมไปทั่วทั้งใต้หล้า!
หลังจากผ่านเวลาไปอย่างยาวนาน แสงสว่างเจือจาง แสงสีเลือนหาย และกลิ่นอายโบราณเบาลง สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงแค่เศษซากของเมืองเก่าแก่แห่งหนึ่ง!
แม้ว่ามหานครโบราณแห่งนั้นจะเหลือเพียงซากปรักของคืนวันอันรุ่งโรจน์ แต่กลิ่นอายเก่าแก่แห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ยังคงหลงเหลืออยู่ เหล่าผู้บ่มเพาะทั้งหลายที่มองเห็นเมืองแห่งนั้นทำได้เพียงเนื้อตัวสั่นเทา พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึง ความยิ่งใหญ่ที่แผ่ออกมาราวกับเมืองแห่งนั้นต้องการสะกดข่มทุกสรรพสิ่ง!
“มันย่อมต้องเป็นดินแดนลึกลับแน่นอน! และในที่สุดทางเข้าก็เปิดขึ้นแล้ว!” ยอดฝีมือทั้งหลายที่เฝ้ามองเหตุการณ์นี้อยู่ต่างเริ่มเคลื่อนไหว ไม่เพียงหัวใจของพวกเขาจะสั่นไหวทว่ามันยังราวกับพองโตขึ้นอีกระดับ
“ข้าได้ยินมาว่าก่อนที่ดินแดนลึกลับแห่งนี้จะถูกค้นพบ มีตัวตนที่น่าหวั่นเกรงจากอาณาเขตกลางให้ความสนใจกับมันอย่างลับๆ บัดนี้ในเมื่อแดนลึกลับเปิดเส้นทางขึ้นแล้ว ตัวตนเหล่านั้นย่อมต้องข้ามผ่านอาณาเขตต่างๆ และตรงมาสำรวจอย่างแน่นอน ใช่หรือไม่?”
“พวกเขาย่อมต้องมาเยือนเป็นแน่! ยิ่งไปกว่านั้น ไม่เพียงเหล่าตัวตนที่น่าเกรงขามจากอาณาเขตกลาง แต่ข้าเชื่อว่ายอดฝีมือจากอาณาเขตทั้งหมดของทวีปแห่งนี้จะต้องมาค้นหาสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน!”
“อาณาเขตอื่นๆ? จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”
“ครั้งนี้ ข้าย่อมต้องเดินทางไปยังแดนลึกลับไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม อย่างไรเสีย แดนลึกลับแห่งนั้นก็อยู่ในทะเลไร้ขอบเขตซึ่งใกล้กับอาณาเขตเหนือครามของเรามากที่สุด!”
โดยมิต้องสงสัย หลังจากดินแลนลึกลับโบราณแห่งนั้นเปิดขึ้น พายุลูกใหญ่ย่อมต้องพัดกระหน่ำใส่ทั่วอาณาเขตเหนือคราม!
และไม่เพียงอาณาเขตเหนือครามเท่านั้น กระทั่งอาณาเขตที่เหลือก็เริ่มเคลื่อนไหว กระทั่งกองกำลังขนาดใหญ่ของอาณาเขตกลางยังส่งคนของคนเข้ามาเพื่อทำการสำรวจ!
อันที่จริงแล้ว นี่ย่อมเป็นโอกาสอันดีเนื่องจากเป็นวันแรกที่ดินแดนลึกลับเปิดออก ยอดฝีมือทั่วทั้งอาณาเขตเหนือครามต่างมุ่งตรงไปเพื่อสืบหาข่าวสารและต้องการจะได้รับโอกาสอันสดใส!
“ข้าได้ข่าวมาว่าตระกูลระดับสูงจากอาณาเขตสงครามจะนำกองกำลังขึ้นไปทางเหนือเพื่อเข้าสู่ทะเลไร้ขอบเขตและทำการสำรวจแดนลึกลับโบราณ!”
“ข้าอยากจะบอกเจ้าว่า นั่นมันเป็นข่าวที่เก่าเกินไปแล้ว ไม่เพียงกองกำลังระดับสูงจากอาณาเขตสงครามเท่านั้น กระทั่งอาณาจักรศิลาก็เริ่มเรียกชุมนุมแล้วเช่นกัน ดูเหมือนว่าจักรพรรดิแห่งอาณาจักรศิลาจะมีโองการให้นิกายสรวงสวรรค์ที่น่าหวั่นเกรงเป็นผู้รับหน้าที่สำรวจดินแดน ยิ่งไม่กว่านั้น เขายังจะส่งองค์ชายที่หนึ่งของตนเองไปเข้าร่วมการสำรวจนั้นด้วย!”
“ว่าอย่างไรนะ? องค์ชายหนึ่งแห่งอาณาจักรศิลา? ยอดอัจฉริยะที่น่าเกรงขามที่สุดของอาณาเขตศิลาผู้นั้นน่ะหรือ? ข้าเคยได้ยินมาว่าในวันประสูติ กระบี่วิเศษก็ถูกส่งมาจากสรวงสวรรค์ และใช้เวลาเพียงสิบปีก็สามารถบรรลุระดับการบ่มเพาะถึงแดนปรับปรุงปราณได้แล้ว เขาจะไปยังที่แห่งนั้นจริงหรือ?”
หลังจากได้ยินข่าวนั้น ผู้บ่มเพาะชราแห่งอาณาเขตเหนือครามเองก็ประหลาดใจเช่นกัน ทว่า ยังมีเหล่าผู้ฝึกตนหนุ่มซึ่งไร้สังกัดบางส่วนที่ยังไม่เข้าใจและเอ่ยถามขึ้น
“อาณาจักรศิลา? เป็นกองกำลังแบบใดกัน? เหตุใดนามเรียกขานของพวกมันดูเฉิ่มเชยเช่นนี้?”
“ฮี่ๆๆ เรื่องนี้ข้าสามารถจะบอกกล่าวแก่เจ้าได้ อาณาจักรศิลาเป็นกองกำลังที่น่าหวาดเกรงที่สุดในอาณาเขตสงคราม และพวกเขาก็แข็งแกร่งไม่น้อยกว่าราชวงศ์อมตะแห่งอาณาเขตเหนือครามเลยแม้แต่น้อย” ตาแก่คนหนึ่งอธิบายออกมาด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“ความหวังเดียวของพวกเราคืออาณาเขตอื่นจะมิส่งตัวตนในระดับเดียวกันตามมา หากว่าเหล่ากองกำลังขนาดยักษ์เช่นนั้นร่วมมือกัน พวกเราย่อมหมดหวังที่จะได้รับผลประโยชน์ใดๆ !”