ตอนที่ 78 โทษใจมาร
คนรอบยอดเขาหลักเริ่มกระจายตัวหลังตำแหน่งว่าที่ผู้นำเป็นอันแน่นอน
มีภูเขาเซียนกับเกาะนับไม่ถ้วนในตระกูลกู่ และมีแค่พวกระดับสูงในตระกูลถึงเหยียบเข้ายอดเขาหลักได้ ตอนนี้ที่กู่ฉางเกอกลายเป็นว่าที่ผู้นำ พวกเขาจึงต้องประกาศให้ทุกคนในตระกูลกู่และขุมอำนาจที่มีความสัมพันธ์กับพวกเขารับรู้
เรื่องใหญ่อย่างตระกูลโบราณคัดเลือกผู้สืบทอดสามารถสร้างความปั่นป่วนได้ ตอนนี้ กู่ฉางเกอคือนายน้อยตัวจริงของตระกูลกู่ ไม่มีใครจะชี้นิ้วใส่เขาได้อีก
“ขอแสดงความยินดีกับนายน้อยด้วย!”
“นายน้อยจะนำตระกูลกู่เราไปสู่อนาคตที่รุ่งโรจน์กว่าเดิมได้แน่!”
สมาชิกตระกูลกู่หลายคนมาเยี่ยมกู่ฉางเกอเพื่อแสดงความยินดี ไม่ว่ายังไง ตำแหน่งของกู่ฉางเกอในฐานะว่าที่ผู้นำก็มั่นคงแล้ว พลังน่ากลัวที่เขาแสดงทำให้ทุกคนทึ่ง
เขาสมควรกับตำแหน่ง!
กู่ฉางเกอรับคำด้วยการพยักหน้า ทั้งหมดนี้เป็นไปตามคาด ยกเว้นท่าทีของผู้อาวุโส เขาอดรู้สึกประทับใจไม่ได้ ความสามัคคีนี้คือหนึ่งในเหตุผลที่ตระกูลกู่สามารถยืนหยัดมาได้!
แม้จะมีความขัดแย้งเล็กน้อยบ้าง แต่โดยรวม พวกเขาอยู่กันอย่างกลมเกลียว พวกเขาต่างจากตระกูลที่เขาเคยอ่านมาในนิยาย ซึ่งทั้งหมดต่างเข่นฆ่ากันเอง
ผู้อาวุโสทั้งหมดของตระกูลสนใจผลประโยชน์ของตระกูลเหนือสิ่งอื่นใด มันเพราะเช่นนี้พวกเขาถึงไม่พูดอะไรหรือทำอะไรตอนเขา คนรุ่นใหม่เหยียบหัวพวกเขาและปฏิเสธไม่ไว้หน้าพวกเขา
นี่ทำให้กู่ฉางเกอแปลกใจ แต่เขาก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ ถ้าตระกูลเต็มไปด้วยคนชั่วที่พยายามเข่นฆ่ากัน มันจะยังสูงส่งขนาดนี้ได้ไง?พวกเขาคงโดนกำจัดไปนานแล้ว
ในเมื่อพวกเขาส่งมอบอนาคตของตระกูลไว้ในมือเขา เขาก็ย่อมต้องทำให้ดีที่สุด
แน่นอน เขาคือนายน้อยเท่านั้น ทั้งตระกูลกู่ยังอยู่ในมือพ่อเขา
“ฉางเกอ ตามพ่อมา”
กู่หลินเทียนพูดกับกู่ฉางเกอด้วยใบหน้าอ่อนโยนหลังทุกคนกระจายตัวไป ในเวลาเดียวกัน สายรุ้งก็ปรากฏใต้เท้าเขาและเขาก็หายไปในท้องฟ้า ทิ้งดอกบัวเต๋าไว้ เขากลับไปตำหนักที่เขามักบ่มเพาะ
“ขอรับ ท่านพ่อ!”
กู่ฉางเกอพยักหน้าและตามไป เขารู้ว่าพ่อของเขามีคำถามมากมาย แต่เขาเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว
ไม่ช้า สองพ่อลูกก็เผชิญหน้ากันในโถงผู้นำ
“ฉางเกอ เจ้าพิจารณาการตัดสินใจในวันนี้ของเจ้าดีแล้วนะ?’
กู่หลินเทียนพูด และจากนั้นก็ถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น เขารู้สึกโล่งใจที่ตำแหน่งว่าที่ผู้นำมั่นคงแล้ว แต่เขารู้จักนิสัยของฉางเกอดี เว้นแต่มันจะส่งผลต่อผลประโยชน์เขา เขาจะไม่มีวันยุ่งกับตำแหน่งนี้ในเร็ววัน
มันเพราะเหตุผลนี้กู่หลินเทียนถึงสงสัยว่ากู่ฉางเกอกำลังพบเจอปัญหา
กู่ฉางเกอพยักหน้า”แน่นอน ลูกคิดดีแล้ว ตำแหน่งว่าที่ผู้นำมั่นคง และมันก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจยืดเยื้อได้’
“สอง ท่านพ่อ ท่านต้องเดาเจตนาข้าออก ท่านคงสงสัยว่าทำไมข้าถึงอยากนำเชื้อสายของอา13กลับมา”
“เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นเป็นความผิดของข้า และเหตุการณ์นั้นก็เป็นหนามทิ่มแทงใจหลายคนในตระกูล ถ้าข้าไม่แก้ไขเรื่องนี้ คนอื่นในตระกูลจะไม่มีวันยอมรับข้าเป็นนายน้อย’
“ข้าตัดสินใจใช้โอกาสนี้เพื่อบอกผู้อาวุโสคนอื่นว่าเราจะจัดการความขัดแย้งภายในตระกูล นี่จะช่วยให้ข้ากลายเป็นนายน้อยโดยไม่มีข้อคัดค้าน.
“นอกจากนี้ ท่านพ่อ ท่านเองก็มักรู้สึกผิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับเชื้อสายของอา 13 ไม่ใช่หรือ?หนึ่งในเหตุผลที่ข้านำพวกเขากลับมาก็เพื่อบรรเทาความรู้สึกผิดในใจท่าน”
กู่ฉางเกออธิบาย แน่นอน เขาไมได้บอกว่าเขาอยากใช้พวกเขาเพื่อข่มขู่กู่เซียนเอ๋อร์ บางเรื่องดีกว่าที่จะไม่บอก แม้เขาจะเห็นแก่ตัว เขาก็ยังมองสถานการณ์และผลประโยชน์รวมของตระกูลกู่ไว้ในหัวตลอด
กู่หลินเทียนตกตะลึงไปหลังได้ยินคำพูดของกู่ฉางเกอ แต่จากนั้นก็ยิ้ม“ฉางเกอ ดีที่เจ้าคิดได้แบบนี้ ข้ารู้สึกผิดต่อน้องชายหลินซวนมาก..”
“แต่เจ้าไม่ต้องแบกรับภาระนี้ไว้คนเดียว อา13ของเจ้ากับคนอื่นจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ ย้อนกลับไป ข้าเป็นคนที่ไล่เชื้อสายพวกเขา ตอนพวกเขากลับมาจากโลกที่พวกเขาติดอยู่ ข้าจะปกป้องเจ้าต่อให้ข้าต้องลดศักดิ์ศรีหรืออะไรก็ตาม.
กู่หลินซวนที่เขาพูดถึงคิดพ่อของกู่เซียนเอ๋อร์ ย้อนกลับไป ทั้งสองแข่งขันกันเพื่อตำแหน่งผู้นำ แต่สุดท้าย กู่หลินเทียนก็ชนะมาแบบฉิวเฉียด
คำพูดของเขาทำให้กู่ฉางเกอประทับใจ
เขาส่ายหัวและตอบ”ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องพูดอีกแล้ว เรื่องนี้เริ่มขึ้นเพราะข้า มันต้องเป็นข้าที่แบกรับความเกลียดชังไว้คนเดียว นอกจากนี้ ข้ายังเป็นคนโน้มน้าวท่านเองในตอนนั้น ท่านทำไปก็เพราะข้า’
กู่หลินเทียนเงียบไปหลังได้ยินคำพูดเขาและความรู้สึกซับซ้อนก็เข้ามาแทน กู่ฉางเกอผู้มักไม่แยแสแลธหดเหี้ยมกลับพูดเช่นนี้
มันจะดีแค่ไหนถ้ากู่ฉางเกอไม่เกิดมาพร้อมใจมาร?
“ฉางเกอ ทำไมจู่ๆเจ้าถึงพูดอะไรแบบนี้?นี่คือความจริงแท้จริงของเจ้าหรือ?”
สีหน้ากู่หลินเทียนเปลี่ยนเป็นจริงจัง และจ้องกู่ฉางเกอด้วยสายตาครุ่นคิด เขาเหมือนกับเทพโบราณที่ยืนบนจุดสูงสุดของอาณาจักรเบื้องบน
ตอนนี้ที่เขาจริงจัง กลิ่นอายกดขี่ของเขาจึงปลดปล่อยออกมาราวกับมันสามารถทำลายโลกและฉีกสวรรค์ได้!
“ท่านพ่อ ท่านต้องสงสัยว่าทำไมข้าถึงทำอะไรแบบนี้สินะ?”
กู่ฉางเกอพยักหน้า
มันดีกว่าที่เขาจะพูดอะไรบ้าง
จากนั้น เขาก็ถามพ่อของเขา“ท่านพ่อ ท่านรู้ว่าข้ามีธรรมชาติของมารใช่ไหม?”
[ฮึ่ม!]
ทันทีที่กู่ฉางเกอพูด ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท และกลิ่นอายมารสวรรค์ไร้อารมณ์ เย็นชาและลึกล้ำก็กระจายออกมา
‘ธรรมชาติมารนี้หนักหน่วงไป...ใจมารบัดซบ’
กู่หลินเทียนถอนหายใจ และพลันผนึกเกาะกับตำหนักของเขา
เขาเข้าใจความหมายของกู่ฉางเกอ
“การเพิ่มขึ้นของฐานบ่มเพาะข้าเพิ่มการควบคุมธรรมชาติมารของข้า”
กู่ฉางเกออธิบาย
แน่นอน คำพูดนี้เป็นแบบสุ่มๆเพราะเขาควบคุมธรรมชาติมารเขาได้เต็มที่แล้ว แต่เนื่องจากเขามีใจมาร เขาจึงใช้มันเป็นแพะรับบาปไปได้ทุกเรื่อง
“เจ้าเคยโดนธรรมชาติมารครอบงำงั้นหรือ?”
กู่หลินเทียนรู้สึกหดหู่กับคำพูดของกู่ฉางเกอ ในความคิดเขา กู่ฉางเกอคนปัจจุบันกำลังเสียใจกับการกระทำในอดีตของตัวเอง
เห้อ!ใจมารนั้นประหลาดเกินไป แม้กระทั่งเขาก็คิดหาทางแก้ไม่ได้
ความสามารถของกู่ฉางเกอตอนนี้แสดงให้เห็นว่าเขาพยายามแค่ไหนที่จะปราบมัน ในเมื่อเขาเคยโดนมารครอบงำ มันก็คงเป็นปกติที่นิสัยเขาจะกลายเป็นแบบนั้น
“ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องกังวลว่าใจมารจะส่งผลต่อเหตุและผลของข้าอีก การมีอยู่ของมันยังช่วยข้าส่งเสริมเจตจำนงและจิตวิญญาณของข้า”
กู่ฉางเกอพูดต่อและไม่ลืมโทษทุกอย่างใส่ใจมาร
“เจ้าคงลำบากมากตลอดหลายปีมานี้’
กู่หลินเทียนพูด แต่ไม่ช้าความสุขก็เติมเต็มหัวใจเขา ปมในใจของเขาคลายสักที
หลังจากนั้น กู่ฉางเกอก็กล่าวอำลา
ความกังวลประทับหน้าขเระหว่างทางกลับ เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาข้ามมาโลกนี้นานแค่ไหนแล้ว แต่จิตใจของเขาโดนธรรมชาติมารครอบงำตั้งแต่เกิดเหรอ?
สุดท้ายเขาก็ได้ความทรงจำของชาติก่อนเพราะระบบ?
‘ระบบ เจ้าข้ามมากับข้าใช่ไหม?’
กู่ฉางเกอถามระบบ
[ถูกต้อง!]
‘มันนานแค่ไหนแล้วที่ข้าข้ามมาโลกนี้?’
[21ปี!]
คำตอบของระบบทำให้กู่ฉางเกอตกตะลึง มันเป็นอย่างที่เขาคิด
‘งั้นก่อนหน้านี้ทำไมเจ้าไม่ตื่น?ทำไมเจ้าถึงไม่ช่วยข้าปลุกความทรงจำของชาติก่อนเร็วกว่านี้?ข้าคงไม่ลำบากเช่นนี้ถ้าเจ้าทำ..’
กู่ฉางเกออดตั้งคำถามไม่ได้
[ขอโทษข้าซะ!ข้าใช้พลังงานไปหมดตอนเราข้ามมา ข้าจึงต้องสะสมพลังงานตั้ง 21ปี]
ระบบตอบ
[นอกจากนี้ โปรดอย่ากังวลเกี่ยวกับตัวตนของท่าน คุณสมบัติของระบบถูกตัดสินตามสถานการณ์ของท่าน]
[ถ้าท่านตายตอนระบบติดตั้ง งั้นระบบก็จะเปลี่ยนเป็นระบบตอบโต้เจ้าของ]
[สำหรับใจมารของท่าน?อันตรายซ่อนเร้นของมันยังได้รับการแก้ไขโดยระบบในช่วงเวลาเริ่มต้น ท่านไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมัน!]
‘ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะคิดมากขนาดนี้ ระบบ สมกับที่เป็นนิ้วทองคำ’
กู่ฉางเกออดชมไม่ได้
เขารู้สึกโล่งใจที่เขารู้ประวัติของตัวเองแล้ว
อันตรายซ่อนเร้นต่อเขาคือใจมาร และมันก็ถูกแก้ไขแล้ว ย้อนกัลบไป จิตใจของเขาโดนใจมารครอบงำอย่างสมบูรณ์ แต่การเริ่มต้นของระบบได้มาแก้ปัญหานั้นให้เขา
มันยังเพราะระบบที่ความทรงจำจากชาติก่อนเขาไม่ได้รับผลกระทบ สำหรับเขาแล้ว การดูความทรงจำของตัวเขาคนก่อนที่โดนใจมารครอบงำก็เหมือนดูหนัง ภาพยนตร์ที่แสดงโดยตัวเอกที่เฉยเมยและโหดร้าย
มันแค่ว่าเขาไม่สามารถหนีไปจากบาปของตัวเขาคนเดิมได้ เหนือสิ่งอื่นใด นี่เป็นการกระทำที่กระทำโดยตัวเขา
..
กู่ฉางเกอเปิดหน้าต่างสถานะเขาหลังกลับมาเกาะบุตรพระเจ้า
เจ้าของ : กู่ฉางเกอ
รัศมี : วายร้ายสวรรค์ลิขิต
อาวุธ : ง้าวมารแปดทิศ
ตัวตน : ศิษย์แท้จริงวังเต๋าเซียนสวรรค์ นายน้อยของตระกูลเซียนกู่
เส้นชีพจร : ใจมาร กระดูกเต๋า
ฐานบ่มเพาะ : จักรพรรดิ(ขั้นต้น)
ความสามารถลี้ลับ : เคล็ดเต๋าเซียนสวรรค์(ขั้นเจ็ด) วิหารจิตเทพบรรพกาล(พรสวรรค์) กายหมื่นปีศาจจำแลง(พรสวรรค์) เคล็ดเซียนปีศาจกลืนกิน ภูมิปัญญาไร้สิ้นสุด
ค่าโชคชะตา : 1000
ค่าโชคลาภ : 1000(มืด)
ร้านค้าระบบ : เปิด
คลัง : เครื่องรางทำลายเขตแดนx1 หนึ่งในสามชิ้นส่วนเมล็ดพันธุ์โลกx3 การ์ดปล้นโชคx3
หน้าต่างสถานะทั้งหมดปรับโฉมใหม่ มีภูมิปัญญาไร้สิ้นสุดภายใต้ความสามารถลี้ลับ และนายน้อยของตระกูลเซียนกู่ก็เขียนอยู่ด้วย
‘ต่อให้ข้าจะพยายามหล่อเลี้ยงโลกโดยใช้ชิ้นส่วนเมล็ดพันธุ์โลก พลังปัจจุบันของข้าจะไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ข้าควรประหยัดมันไว้ทีหลัง’
กู่ฉางเกอตัดสินใจเลื่อนเรื่องนี้ออกไป หลงัจากนั้น เขาก็นำหยกเลี้ยงวิญญาณออกมา
“หยานจี..”
หยานจีผู้แต่งชุดสีแดงและนั่งสมาธิอยู่ภายใน้มิติพลันเปลี่ยนเป็นควันสีแดงและปรากฏจากหยก
“นายน้อย..”
เสียงของนางฟังดูเย็นชาแต่น่าฟัง ทันทีที่นางปรากฏ ความสับสนก็ปรากฏบนหน้านางขณะที่นางสงสัยว่าทำไมนางถึงอยู่ในสถานที่ไม่คุ้นเคย แค่ชำเลืองมองดูสภาพแวดล้อมโอ่อ่าก็มากพอจะทำให้นางรู้ว่าสถานที่นี้น่ากลัว
นางใช้เวลาทั้งหมดกับการบ่มเพาะวิญญาณนาง ไม่ว่าจะด้วยทางใด เพราะข้อจำกัดของหยก นางไม่อาจสัมผัสโลกภายนอกได้ ดังนั้น นางจึงไม่รู้ว่ากู่ฉางเกอได้กลับอาณาจักรเบื้องบนแล้ว
กู่ฉางเกอมองนางและยิ้ม“มีบางอย่างที่ข้าต้องให้เจ้าทำเพื่อข้า”