เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 164
ตอนที่ 164
เมื่อข่าวเกี่ยวกับคนจากราชวงศ์อมตะบางส่วนต้องการจะทวงหนี้แค้นจากตระกูลหลินแพร่ออกไป ปฏิกิริยาของตระกูลต่างๆ ที่ได้รับข่าวนี้ก็หลากหลายยิ่งนัก บ้างก็ตกตะลึง บ้างเป็นกังวล และบ้างก็กำลังตื่นเต้น
ทว่า หลังจากหลายวันผ่านไป เหล่าตระกูลทั้งหลายที่กำลังเฝ้ารอการโจมตีของราชวงศ์อมตะกลับรู้สึกแปลกประหลาดนัก เหตุใดราชวงศ์จึงได้นิ่งเงียบไปเช่นนี้ ไม่มีข่าวหรือข้อมูลใดๆ หลุดออกมาแม้แต่น้อย
จากนั้น ก็มีข่าวหนึ่งหลุดลอดออกมา เหล่าสมาชิกราชวงศ์อมตะที่แสนสูงส่งรวมตัวกับเพื่อก่อตั้งกองกำลังในการโจมตีตระกูลหลิน หากแต่จู่ๆ ก็เกิดลมพายุรุนแรงขึ้นเหนือราชวังจักรพรรดิ ราวกับว่ามีสัตว์เทพโบราณสักตนตื่นขึ้นมา!
ตามมาด้วยสุรเสียงโบราณยิ่งใหญ่ที่เอ่ยบางอย่างกับคนราชวงศ์อมตะ บุคคลภายนอกมิอาจได้ยินประโยคเหล่านั้นชัดเจนนัก สัมผัสได้เพียงความทรงพลังมากล้นเยี่ยงอัสนีแห่งเต๋า ด้วยคำพูดนั้นคราเดียว ก้อนเมฆบนท้องฟ้าจางหายไปจนสามารถมองเห็นประกายหมู่ดาวที่กำลังพร่างพราวอยู่เบื้องบน!
เสียงนั้นมาและจากไปอย่างรวดเร็ว แทบจะในพริบตา มันก็จากไปอย่างไร้ร่องรอย และทั้งราชวงศ์อมตะก็ตกลงสู่ความเงียบงัน
กระทั่งสายเลือดตระกูลจางซุนและอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ที่เกรี้ยวกราดที่สุดยังทำได้เพียงหยุดการกระทำของพวกมันลงและกล้ำกลืนโทสะลงท้อง
ในอีกด้านหนึ่ง เหล่าคนจากตระกูลทั้งหลายทำได้เพียงสงสัยเท่านั้น พวกมันจึงมุ่งหน้าไปยังเมืองต้าหยานของตระกูลหลิน หวังจะสืบหาข้อมูลสถานการณ์และต้องการจะรับรู้ว่าค่ายกลเช่นใดกันที่สามารถสังหารชีวิตนับล้านลงได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเหล่าคนจากตระกูลเล็กน้อยทั้งหลายมาถึงต้าหยาน พวกมันก็ค้นพบว่าค่ายกลที่น่าหวาดผวานั้นยังมิได้จางหายไป
ค่ายกลนั้นราวกับทำงานได้โดยอัตโนมัติ มันสามารถดูดซับปราณวิญญาณจากรอบด้านและกระตุ้นให้เกิดปราณกระบี่ได้ตลอดเวลา
หลังจากได้เห็นค่ายกลนั้น ผู้คนจากตระกูลทั้งหลายก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเหตุใดราชวงศ์อมตะที่ทรงพลังสูงสุดจึงเลือกที่จะไม่มาโจมตีซ้ำอีกครั้ง
ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถบอกได้เลยว่าค่ายกลแห่งนี้เป็นประโยชน์แก่ตระกูลหลินอย่างมหาศาลเพียงใด อย่างน้อยที่สุดมันก็มอบเวลาให้ตระกูลหลินได้พักหายใจจากการทำสงคราม และไม่ต้องกังวลถึงการที่ราชวงศ์อมตะจะส่งกองทัพกลับมาโจมตีในเวลาอันใกล้นี้อย่างแน่นอน
ทว่า หลังจากที่ค่ายกลนั้นเปิดใช้งาน มันก็มีเรื่องที่เป็นปัญหาอยู่บ้างเช่นกัน
เป็นเพราะว่าในค่ายกลแห่งนั้น หากมิใช่คนสกุลหลินหรือผู้ที่พวกเขามองว่าเป็นพันธมิตรของตระกูลจะไม่สามารถเหยียบย่างเข้าไปในเมืองต้าหยานได้ กล่าวได้ว่าที่แห่งนั้นกลายเป็นดินแดนแห่งความตายสำหรับมนุษย์ทั้งหลายในใต้หล้านี้
อันที่จริงแล้ว ยังคงมีเหล่าคนที่บ้าบิ่นและต้องการจะลองดีอยู่บ้าง พวกมันบางส่วนเป็นถึงยอดฝีมือชนชั้นแก่นทองคำ และมั่นใจในความสามารถของตนว่าย่อมเอาตัวรอดออกมาได้ ทว่าทันทีที่เท้าของพวกมันเหยียบย่างลงในรัศมีห้าพันลี้จากเมืองต้าหยาน พวกมันก็พบกับความน่าสะพรึงกลัวจับขั้วหัวใจจนท้ายที่สุดต้องหนีหางจุกก้นออกมาอย่างหมดท่า
หลังจากสงครามนั้น ค่ายกลของตระกูลหลินมิได้มีทีท่าว่าจะจางหายไปแต่อย่างใด อันที่จริงแล้ว จากการคงอยู่ของมัน ทำให้ปราณวิญญาณทั่วอาณาจักรฉีซานถูกดึงดูดมาอยู่โดยรอบรัศมีการทำงานของค่ายกลแห่งนี้
ในเวลาเพียงไม่กี่วัน สภาพแวดล้อมของเมืองต้าหยานเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
บุปผาหยกมากมายเบ่งบาน สมุนไพรเซียนเติบโต และทรัพยากรล้ำค่านับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นราวกับพวกมันถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ กระทั่งโอสถในตำนานที่สาบสูญไปแล้วบางส่วนยังมีกำเนิดให้เห็น
ปราณวิญญาณเข้มข้นจนสามารถมองเห็นกระแสของมันเรืองแสงบางเบา และเมื่อมาพืชพันธุ์มากมายงอกงาม เหล่าหมู่มวลผีเสื้อและผึ้งงานก็ตามมา ที่แห่งนั้นกลายเป็นดั่งสรวงสวรรค์ซึ่งปรากฏบนผืนแผ่นดินเบื้องล่าง
ยิ่งไปกว่านั้น กระทั่งปฐพียังขยับตัว ก่อเกิดเป็นภูเขาสูงใหญ่ กล่าวได้ว่าในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน สมาชิกตระกูลหลินก็สามารถสัมผัสได้การเปลี่ยนแปลงที่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว!
แรกเริ่ม พวกเขาสัมผัสได้ถึงปราณวิญญาณฟ้าดินที่เข้มข้นขึ้นกว่าเดิมนับสิบเท่า แสงเบาบางเรืองรองไปทั่วทุกที่เนื่องจากความเข้มข้นของปราณวิญญาณนั้น ด้านนอกเมืองต้าหยาน ภายในเวลาไม่กี่ราตรี เหมืองหินวิญญาณชั้นยอดก็ปรากฏขึ้น สิ่งนี้ทำให้คนแซ่หลินทั้งหลายแทบจะเสียสติด้วยความยินดี!
ยิ่งไปกว่านั้น ในรัศมีห้าพันลี้รอบเมืองต้าหยาน บัดนี้ทุกสิ่งงดงามเยี่ยงสรวงสวรรค์ของเหล่าเทพเจ้า เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติล้ำค่านับไม่ถ้วน!
เหม่อมองฉากเบื้องหน้าของตน ต่อให้เป็นหลินซวนเองก็ยังสับสนไม่น้อย
ทว่า เมื่อพิจารณาให้ดี เขาก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทันที
ทำไมน่ะหรือ? นั่นย่อมเป็นภาพเขียนห้าเมล็ดพันธุ์ดาราจักรนั้นเป็นส่วนหนึ่งของสมบัติล้ำค่าจากยุคปฐมกาล และตัวมันเองก็แฝงไว้ด้วยร่องรอยของปราณสวรรค์ดั้งเดิม!
ก่อนที่โลกนี้จะกำเนิดขึ้น สมบัติวิเศษบางส่วนก็เกิดขึ้นมาก่อนแล้ว และสมบัติเหล่านั้นก็ได้รับพลังดั้งเดิมแห่งความโกลาหลครั้นปฐมกาลซึ่งก่อให้เกิดโลกใบนี้ขึ้นมา แม้ว่าที่หลินซวนได้รับจะเป็นเพียงชิ้นส่วนหนึ่งของภาพเขียนห้าเมล็ดพันธุ์ดาราจักรก็ตาม หากแต่มันก็ยังแข็งแกร่งและทรงพลังมากล้น เมื่อประกอบกับปราณวิญญาณและปราณโลหิตจากผู้บ่มเพาะนับล้านเข้าไป การจะเปลี่ยนพื้นที่นับหมื่นลี้ให้กลายเป็นเช่นนี้ย่อมมิใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
อย่างไรก็ตาม สรวงสวรรค์อมตะแห่งนี้ก็ยังเต็มไปด้วยอันตรายทุกพื้นที่ หากใครสักคนเดินลึกเข้าไปเล็กน้อย พวกเขาย่อมถูกห้อมล้อมด้วยหมอกหนา และในเวลาเดียวกัน สนามแม่เหล็กโดยรอบจะเริ่มปั่นป่วน เมื่อรวมกับอักขระตรวจจับแล้ว ทำให้การจะระบุทิศทางนั้นยากเย็นยิ่งนัก หากพวกเขาเดินออกไปจากระยะปลอดภัยที่สามพันฉื่อ แสงศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏขึ้น ซึ่งในประกายแสงเหล่านั้นแฝงไว้ด้วยอัสนีและปราณกระบี่ ทำให้ผู้คนหวาดกลัวยิ่ง
ต่อให้หลินซวนจะสร้างเครื่องรางปกป้องขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อให้คนอื่นๆ สามารถเข้าหรือออกจากพื้นที่นั้นได้ คนสกุลหลินทั้งหลายก็ยังสามารถสำรวจพื้นที่ได้เพียงระยะไม่ห่างไกลนัก
และต่อให้ราชวงศ์อมตะจะมิได้ส่งกองทัพมาเพื่อกำราบตระกูลหลิน ก็ยังมีคนบางส่วนที่ไม่อาจยอมรับได้ พวกมันต่างมุ่งหน้าเข้ามาเพื่อทดสอบตระกูลหลินและหวังว่าจะสามารถจับตัวหลินซวนออกไปได้
สำหรับเหล่าผู้นำระดับสูงของราชวงศ์อมตะเองก็มิได้มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้
เหล่าคนที่มาตรวจสอบและลองดีเหล่านี้ก็มิได้อ่อนแอนัก ผู้ที่แข็งแกร่งน้อยที่สุดยังเป็นยอดฝีมือขั้นที่สิบของแดนปราณอาณาเขตม่วง และยังมีตัวตนระดับครึ่งก้าวแดนก่อตั้งจิตเข้าร่วมด้วยเช่นกัน
เมื่อพวกมันเข้ามาในรัศมีของค่ายกล พวกมันทั้งหมดก็ถูกตรวจจับได้ทันที และสิ่งที่พวกมันต้องเผชิญคือสายฟ้าและปราณกระบี่มากมาย ทว่าพวกมันเองก็มิได้ลดการป้องกันลง และยอดยุทธครึ่งก้าวแดนก่อตั้งจิตผู้เป็นหัวหน้ายกมือขอมันขึ้นเพื่อต่อต้านพลังที่พุ่งเข้ามา
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ในครั้งทำให้หัวใจของผู้คนหนาวเหน็บ ประกายแสงเจิดจ้า เปล่งประกายระยิบระยับ
พวกมันทั้งหมดรู้ว่าม่านแสงที่ปกป้องพวกมันอยู่เป็นพลังจากสมบัติชิ้นหนึ่งของยอดยุทธแดนครึ่งก้าวก่อตั้งจิตผู้นั้นซึ่งใช้ลมปราณทั้งหมดของมันสร้างขึ้น และม่านแสงนั้นได้รับการกล่าวขานว่าสามารถทนรับการโจมตีเต็มกำลังของยอดฝีมือในขั้นที่เก้าของแดนก่อตั้งจิตได้ มันคือสมบัติที่สืบทอดต่อกันมาในตระกูลของอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ ยู่หัวจี้!
ทว่า พวกมัน ผู้ซึ่งกำลังหลบอยู่ด้านหลังของม่านปกป้องนั้น บัดนี้ร่างกายแข็งทื่อ สายลมกรีดผิวเนื้อของพวกมันจนเจ็บปวด ชัดเจนว่าสมบัติชิ้นนี้มิอาจจะปกป้องพลังของค่ายกลตระกูลหลินได้ทั้งหมด!
ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังเหยียบเข้ามาเพียงรอบนอกของค่ายกลเท่านั้น!
“ค่ายกลเช่นใดกันที่สวะตระกูลหลินสร้างขึ้น?” ยอดคนครึ่งก้าวแดนปราณก่อตั้งจิตเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา
พวกมันทั้งหมดเดินลึกเข้าไปมากกว่าสิบลี้ก็ที่จะพบกับซากศพนับไม่ถ้วนเต็มพื้นที่
“พวกเขาล้วนเป็นคนของราชวงศ์อมตะ”
พวกมันบางคนเดินเข้าไปใกล้ และจดจำได้ถึงโลหะที่เอาไว้ประดับตกแต่งชุดซึ่งตกอยู่ข้างศพเหล่านั้น มันมิใช่สมบัติใด จึงไม่ได้ถูกทำลายลง... นี่คือสิ่งที่ทำให้พวกมันระบุได้ว่าซากร่างเหล่านั้นคือผู้ใดจากราชวงศ์ในยามที่พวกมันยังมีชีวิตอยู่