ตอนที่ 76 พรสวรรค์มิติ
ยอดเขาหลักตกอยู่ในความเงียบจนได้ยินแม้แต่เสียงเข็มตก!
คำพูดของกู่ฉางเกอทำให้ทุกคนตกตะลึง และแม้กระทั่งกู่หลินเทียน ผู้นำของตระกูลเซียนกู่ก็ยังไม่เว้น เขาไม่คิดเลยว่ากู่ฉางเกอจะพูดคำที่หยิ่งยโสแบบนี้ออกมา
ไม่สิ นี่ไม่ใช่แค่หยิ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาดูถูกทุกคน เขาไม่มองอัจฉริยะของตระกูลกู่ไว้ในสายตาเลย
สีหน้าของกู่ฉางเกอไม่แยแสอย่างสมบูรณ์ เขาแสดงออกมาชัดว่าเขาดูถูกคนอื่น
กู่ฉางเกอมีความคิดเรียบง่ายและตรงไปตรงมา’อัจฉริยะรุ่นเยาว์ของตระกูลกู่อาจกลัวเขา แต่พวกมันจะยังไม่กล้าสู้กับเขาอีกไหมถ้าเขาทำขนาดนี้?’
ในเมื่อพวกมันกลัวเสียสิทธิ์แข่งขันตำแหน่งว่าที่ผู้นำ เขาก็แค่ต้องเรียกรวมทุกคนและยั่วยุต่อหน้า
แบบนี้ พวกมันจะต้องอยากสู้กับเขาเพื่อพิสูจน์ว่าใครกันแน่ที่แข็งแกร่งสุด
“กู่ฉางเกอ เจ้าหยิ่งได้ขนาดนี้ก็แค่เพราะว่าเจ้ามีพ่อที่ดีเท่านั้นแหละ”
ชายหนุ่มตัวสูงทนไม่ไหวอีก เขาก้าวมาข้างหน้าด้วยใบหน้าดำมืด เขามีร่างกายกำยำที่ปกคลุมด้วยแสงสีทองจนคล้ายกับเสื้อเกราะ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นผู้บ่มเพาะกายา
เขาคืออัจฉริยะชื่อดังในโลกภายนอก และมีคนไม่มากที่แข่งขันกับเขาได้!
กู่ฉางเกอเหลือบมองเขา“เจ้าคือลูกชายของลุงสี่ ส่วนชื่อก็...กู่เฉินซิงสินะ?เจ้ากล้าพูดอีกครั้งไหม?”
กู่เฉินซิงผงะ และโกรธ เขาคือทายาทสายตรงของตระกูลกู่เช่นกัน เขาจะไม่กล้าพูดซ้ำได้ไง?
“ทำไมข้าจะไม่กล้า?กู่ฉางเกอ เจ้าหยิ่งได้ขนาดนี้ก็แค่เพราะว่าเจ้ามีพ่อที่ดีเท่านั้นหและ’
กู่เฉินซิงพูดซ้ำ
ถ้าพ่อของกู่ฉางเกอไม่ใช่ผู้นำตระกูลกู่ กู่ฉางเกอจะยังมีจุดยืนได้ยังไงหลังจากสิ่งที่เขาทำลงไป?เขาคงโดนขับไล่ไปนานแล้ว!
กู่ฉางเกอยิ้ม
“ข้าชอบที่เจ้าพูดนะ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าอิจฉาข้ากันที่ข้ามีพ่อที่สุดยอด แต่นั่นจะเป็นความผิดข้าได้ไง?’
คำพูดของเขาทำให้ทุกคนตกใจ และกู่เฉินซิงก็มีใบหน้าดำมืด ผู้อาวุโสหลายคนเองก็ตะลึง พวกเขาเคยเห็นคนหน้าด้านมา แต่ไม่เคยเจอคนที่หน้าด้านหน้าทนขนาดนี้มาก่อน
“ฉางเกอ...”
กู่หลินเทียนกระแอมลำคอ แม้คำพูดของกู่ฉางเกอจะทำให้เขาอบอุ่นหัวใจ แต่การพูดต่อหน้าทุกคนก็ทำให้เขาเขินอายบ้าง
“ข้าจะพูดซ้ำ ข้าเรียกรวมผู้อาวุโสทุกคนมาที่นี่เพื่อบอกทุกคนว่าข้าจะรับตำแหน่งว่าที่ผู้นำ ไม่ใช่ขอความเห็นหรือปรึกษาหารือ”
“ตอนนี้ พี่น้องที่รักของข้าจากตระกูล จงสู้กับข้าหรือพิสูจน์ความสามารถอะไรตอนนี้ ไม่งั้นก็จงเก็บหางวิ่งหนีไปให้พ้นหน้าข้าตอนเห็นข้าในอนาคต!ถ้ากลัวกัน ก็ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ”
“ตำแหน่งของว่าที่ผู้นำตระกูลกู่ไม่เหมาะกับขยะอย่างพวกเจ้าหรอก!”
สีหน้าของกู่ฉางเกอสงบมาก
“ท่านปู่...”
“ข้าทนไม่ไหวอีกแล้ว!มาเลย!กู่ฉางเกอ อย่าคิดว่าเจ้าจะรังแกเราได้!เจ้าคิดว่าใครจะไปกลัวเจ้ากัน?!”
“เจ้าจะมากเกินไปแล้ว!”
ใบหน้าพวกเขาแดงก่ำ
เขาพูดด้วยใบหน้าตายด้านแบบนั้นได้ไง?
สีหน้าของกู่ฉางเกอพูดได้เลยว่ายั่วส้นเท้ามาก พวกเขาจะไม่โกรธขนาดนี้ถ้าเขาแค่พูด ปัญหาคือใบหน้าไม่แยแสและดูถูกนั่น!
นี่ทำให้พวกเขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
พวกเขาเองก็เป็นคนตระกูลกู่ และก็ยังเป็นอัจฉริยะที่มีสิทธิ์ดูถูกคนทั่วโลก พวกเขาจะยอมรับได้ไงว่าตนด้อยกว่าคนอื่น?
กู่ฉางเกอยิ่งใหญ่แล้วไง?
พวกเขามักเลี่ยงเขาด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ตอนนี้ เขากำลังเหยียบหัวพวกเขา!พวกเขาจะยังก้มหัวได้ไง?เวลาและความพยายามที่พวกเขาทุ่มเทกับการบ่มเพาะนั้นมากกว่าที่พวกเขาผายลมซะอีก!
หลายคนของตระกูลอดแสดงรอยยิ้มหน่ายใจไม่ได้ ในวันปกติ เหล่าผู้อาวุโสจะบอกพวกเขาให้เลี่ยงความขัดแย้งกับกู่ฉางเกอให้ได้ พวกเขาไม่สามารถสู้กับเขาได้
เหนือสิ่งอื่นใด กฏของตระกูลนั้นชัดเจน’คนที่แข็งแกร่งสุดในหมู่คนรุ่นใหม่จะเป็นว่าที่ผู้นำ’
พลังของกู่ฉางเกอเหนือกว่าพวกเขา เขาแสดงพรสวรรค์น่ากลัวและทำลายสถิติมากมาย
เขามีฉายามากมายเช่น’พรสวรรค์คู่สวรรค์ การกลับชาติเกิดใหม่ของเทพเซียนแท้จริง บุตรพระเจ้าและอื่นๆง
มันเป็นความจริงที่ทุกคนยอมรับเขา และมันก็คือเหตุผลที่ทุกคนในตระกูลกู่ยอมรับการมีอยู่ของเขา
ทว่า เหตุการณ์ในอดีตได้ทำลายความประทับใจของกู่ฉางเกอที่มีต่อพวกเขา เขาโหดมากตั้งแต่ยังเด็ก มันไม่มีทางที่เขาจะเป็นผู้นำที่ดีได้เลย
ถ้าพวกเขาสามารถหาทางได้ พวกเขาก็จะไม่มีวันยอมให้กู่ฉางเกอเป็นว่าที่ผู้นำ!
กู่ฉางเกอทำให้เกิดการต่อสู้ภายในตระกูล และไม่พิจารณาสถานการณ์โดยรวมกับผลประโยชน์ของตระกูล พวกเขาจะยอมได้ไง?
ตระกูลเซียนโบราณกู่มีคนนับร้อยล้านถ้านับรวมทุกเชื้อสาย สมาชิกครอบครัวที่แต่งออกไป ขุมกำลังอิสระของพวกเขาและผู้ติดตามต่างถิ่น จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนอย่างกู่ฉางเกอมากุมบังเหียน?
พวกเขาไม่สามารถจินตนาการผลลัพธ์ได้!
แม้กู่ฉางเกอจะเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นสุดในทั้งอาณาจักรเบื้องบน และเป็นคนแรกที่อยู่ในหัวของนิกายสูงสุดกับผู้ยิ่งใหญ่หลายคนพอพูดถึงตระกูลกู่ แต่นั่นก็แค่ภาพลักษณ์ภายนอกตระกูล
เหนือสิ่งอื่นใด เขาเป็นหน้าตาของทั้งตระกูลในโลกภายนอก
ตอนนี้ที่พวกเขาได้ยินคำยั่วยุเช่นนี้จากกู่ฉางเกอ พวกเขาจึงอดโกรธไม่ได้ และเส้นเลือดก็ปูดบนหน้าผาก
แม้กระทั่งพวกเขาก็ยังไม่ชอบสีหน้านั้นของกู่ฉางเกอ
เขากำลังบอกว่าพวกเขาไม่กล้าปล่อยให้คนหนุ่มของตัวเองไปสู้กับเขา เพราะพวกเขา เหล่าผู้อาวุโสกลัวกู่ฉางเกอ?
แน่นอน นั่นจะไม่ใช่ปัญหาถ้าเขาแค่เก็บไว้ในใจ แต่ตอนนี้ที่เขาพูดออกมา มันเท่ากับฉีกหน้าพวกเขา
ในฐานะผู้อาวุโส ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาสามารถชี้เป็นชี้ตายได้ในโลกภายนอก และตอนนี้ ก็มีคนมากมายของตระกูลกำลังเฝ้าดู
พวกเขาจะทนได้ไง?
ไม่ต้องพูดถึงหน้าตาพวกเขา แม้กระทั่งพวกคนหนุ่มสาวด้านหลังพวกเขาก็ยังทนไม่ไหว ถ้าพวกเขาปล่อยไปและก้าวถอย งั้นพวกเขาจะเสียมากกว่าได้
‘มันเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นกู่ฉางเกอใช้วิธีการแบบนี้ ถ้าเขาไม่คิดด้วยตัวเอง งั้นข้าคงเชื่อว่าผู้นำกำลังชี้นำเขาจากเงามืด..’
‘แต่ดูจากสีหน้าของผู้นำแล้ว ดูเหมือนเขาเองก็ตกใจเหมือนกัน เขาต้องไม่ใช่คนคิด มันดูเหมือนว่ากู่ฉางเกอจะไม่สนใจรักษาสมดุลของตระกูลแล้ว และเลือกเปิดเผยความปรารถนา’
‘การต่อสู้วันนี้ดูเหมือนจะเลี่ยงไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร!เราสามารถฉวยโอกาสนี้ตรวจสอบพรสวรรค์กำเนิดของกู่ฉางเกอ แม้เขาจะมักแสดงกระดูกเต๋าเป็นพรสวรรค์กำเนิด แต่นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่ใช้ปกปิดความจริง’
ความคิดเหล่านี้แวบผ่านหัวของเหล่าผู้อาวุโส
พวกเขาสับสนเรื่องนี้มานานแล้ว ว่าพรสวรรค์กำเนิดของกู่ฉางเกอคืออะไรกันแน่?
หลายปีผ่านไปตั้งแต่เขาเกิด แต่ไม่มีใครรู้ มันเพราะเหตุนี้ที่ผู้อาวุโสหลายคนเริ่มคาดเดาในใจ และนั่นคืออีกเหตุผลที่พวกเขาไม่เต็มใจจะเห็นตำแหน่งว่าที่ผู้นำตกไปอยู่ในกำมือของกู่ฉางเกอ
“ในเมื่อฉางเกอพูดแล้ว พวกเจ้าก็ควรลองแข่งขันกับเขา”
ทันใดนั้น ชายชราคนหนึ่งก็พูด และจ้องกู่ฉางเกอราวกับอยากกลืนกินเขา
“ฉางเกอ ทุกคนที่นี่มาจากตระกูลเดียวกัน อย่าทำอะไรเกินเลยนัก..”
“ถ้ามีเรื่องเกิดขึ้นกับหลานชายข้า ข้าจะไปแดนบรรพชนและปลุกบรรพชนขึ้นมาจัดการกับพวกเจ้าสองพ่อลูก”
ผู้อาวุโสหลายคนเตือน พวกเขากังวลว่ากู่ฉางเกอจะไม่ปรานีและทำให้ลูกหลานพวกเขาบาดเจ็บสาหัส
เหนือสิ่งอื่นใด ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในกฏของตระกูล พวกเขาจึงพูดไม่ได้มาก
แต่ก็ยังไม่มีใครในคนรุ่นใหม่ที่สู้กับกู่ฉางเกอได้
พลังของเขาไม่อาจปฏิเสธ!
พวกเขาจะไปหาจักรพรรดิเซียนที่อายุเพิ่งแตะยี่สิบได้ที่ไหน?
พอคิดแบบนี้ พวกเขาก็ตระหนักว่าพวกเขาคือคนกลุ่มเดียวที่รู้ว่ากู่ฉางเกอเพิ่งทะลวงผ่าน ส่วนนิกายกับสำนักอื่นยังไม่รู้ข่าว
..
“โปรดวางใจ ผู้อาวุโส!ฉางเกอจะไม่ทำเกินเลย มันแค่ว่าพวกท่านทั้งหมดกำลังหยุดข้าจากการรับตำแหน่งว่าที่ผู้นำไปอีกสักนิด แค่นั้น”
“มันทำให้ข้าลำบาก”
กู่ฉางเกอส่ายหัวด้วยใบหน้าเศร้าหมอง
ใบหน้าของเหล่าผู้อาวุโสแข็งทื่อ และลอบก่นด่าในใจ มันชัดเจนว่าเขากำลังฉวยโอกาสนี้แก้แค้น
“ข้าจะไม่รังแกพวกเจ้า พวกเจ้าทั้งหมดสามารถเข้ามาพร้อมกันได้ ข้าจะสะกดฐานบ่มเพาะลงเป็นอาณาจักรราชา...แน่นอน สามารถสะกดเป็นอาณาจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ได้ถ้าพวกเจ้าต้องการ”
กู่ฉางเกอพูดอย่างสงบพลางจ้องญาติๆของเขาที่จ้องเขาด้วยสายตาอาฆาต แน่นอน มันก็จะทำให้เขาลำบากหนน่อยถ้าเกิดคนเหล่านั้นขอให้เขาสะกดพลังเป็นเซียนศักดิ์สิทธิ์จริง
แต่เขาก็ไม่กังวล เหนือสิ่งอื่นใด ทั้งหมดคืออัจฉริยะรุ่นเยาว์ชื่อดัง ไม่มีใครเป็นดอกไม้เรือนกระจก พวกเขาจะไม่รับคำยั่วยุ
ทันทีที่พวกเขาได้ยินคำพูด พวกเขาก็แทบระเบิด แม้กระทั่งผู้หญิงที่สวมท่าทางเหมือนเทพธิดาในวันปกติก็ยังอดพ่นไฟออกจากตาไม่ได้ หมายมั่นจะกัดคอเขา
“มันจะเกินไปแล้ว กู่ฉางเกอ!วันนี้ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้า!’
คิ้วคล้ายกระบี่ ดวงตาประดุหมู่ดาว และกลิ่นอายน่าทึ่ง...กู่ฉางเกอจำเขาได้ทันที เขาคือลูกชายของลุงหก ผู้เป็นจุดสูงสุดของอาณาจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์และครอบครองพรสวรรค์กำเนิดน่ากลัวที่ช่วยเพิ่มพลังกายเขา
กู่ฉางเกอเหยียดตัว และยืนเอามือไพล่หลัง และเตะเท้าออกไป ลูกเตะของเขาพลันส่งคลื่นพลังออกไปด้านหน้า
[พุฟ!]
อัจฉริยะที่พุ่งใส่เขารู้สึกว่าเข่าตัวเองอ่อนยวบและล้มลงกับพื้นเหมือนสุนัขที่ไม่มีแรงจะตะเกียกตะกายลุกขึ้น
“ได้ไง..”
เขาสับสน ไม่เข้าใจว่ากู่ฉางเกอเตะเขาลงพื้นได้ไงทั้งที่ยืนห่างขนาดนั้น?ไม่ว่าความต่างชั้นจะมากแค่ไหน นี่ก็ไม่ควรจะเกิดขึ้น
เหมือนกับเขา ทุกคนรอบตัวเขาเผยสีหน้าตกใจ
“ถ้าข้าเดาไม่ผิด มิติเพิ่งผันผวน ใช่ไหม?’
“นี่คือพรสวรรค์มิติ..”
“มันกลายเป็นว่าพรสวรรค์กำเนิดที่กู่ฉางเกอซ่อนไว้ตลอดคือมิติ!”
ผู้อาวุโสหลายคนตกใจ และหัวใจพวกเขาก็ปั่นป่วน พรสวรรค์มิติคือพรสวรรค์โดยกำเนิดที่น่ากลัวมาก และก็มีคนไม่มากในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรเบื้องบนที่เกิดมาพร้อมมัน
เหนือสิ่งอื่นใด ความสามารถนี้เป็นการท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง!
พวกเขาไม่คิดเลยว่ากู่ฉางเกอจะซ่อนพรสวรรค์เช่นนี้ไว้!
ไม่ เขาอาจไม่ได้ปิดบัง เหนือสิ่งอื่นใด พรสวรรค์มิตินั้นไม่อาจรับรู้ได้เว้นแต่บางคนจะมองผู้ใช้ใช้มันต่อหน้า
เหล่าผู้อาวุโสมีอารมณ์ซับซ้อน ตอนแรก พวกเขาสงสัยว่ากู่ฉางเกอเกิดมาพร้อมใจมาร เขาจึงใช้กระดูกเต๋าเพื่อปกปิด มันดูเหมือนการสงสัยพวกเขาจะผิด
‘มันดูเหมือนฉางเกอจะพบโอกาสมากมายข้างล่างนั่น..’
กู่หลินเทียนเองก็ประหลาดใจ และไม่ช้าก็ยิ้ม เหนือสิ่งอื่นใด ใจมารของกู่ฉางเกอคือภัยคุกคามต่อชีวิตเขา แต่ตอนนี้ เขาพลับมีพรสวรรค์น่ากลัวอีกหนึ่งซ่อนอยู่
เขารู้สึกวางใจกว่าเดิม
ในเวลาเดียวกัน กู่ฉางเกอก็ก้มมองญาติเขาที่ค่อยๆลุกขึ้นยืนได้
“มันก็แค่การแข่งขันแบบเป็นมิตร ทำไมเจ้าถึงคุกเข่าเล่า พี่ชาย?ต่อให้จะอยากขอโทษ ก็ไม่เห็นต้องคุกเข่าต่อหน้าข้าเลย ข้าไม่สามารถยอมรับเจตนาเช่นนี้จากท่านได้หรอก”
พอพูด เขาก็เตะอีกครั้ง
ญาติเขาที่ยังลุกขึ้นไม่เสร็จได้แต่เบิกตากว้างพลางกระเด็นไปข้างหลังและหมดสติไป มันไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บหนัก แต่เขาแค่ต้องนอนเตียงไปสักพัก
เส้นเลือดบนหน้าผากของเหล่าผู้อาวุโสปูดโปน มีแค่กู่ฉางเกอถึงกล้าทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าพวกเขา
“พวกเจ้าควรโจมตีข้าพร้อมกัน และหยุดทำข้าเสียเวลา ไม่มีทางที่พวกเจ้าจะสู้กับข้าตัวต่อตัวได้หรอก”
“ตำแหน่งว่าที่ผู้นำต้องเป็นของข้า พวกเจ้าไม่มีทางแย่งมันไปจากข้าได้!’
พอเห็นว่าเขาทำสำเร็จ กู่ฉางเกอก็หันไปมองอัจฉริยะคนอื่น และยั่วยุพวกเขา