CD บทที่ 145 เพียงลำพัง
“หัวหน้าเหมี่ยว?” จ้าวหยู่อยู่ในรถตำรวจของเหมี่ยวอิงเขารู้สึกอึดอัดและถามว่า “ทำไมคุณถึงมองกระจกข้างอยู่ตลอดเวลาล่ะ?”
เหมี่ยวอิงสวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่ มันทำให้เธอดูเท่และมีเสน่ห์มาก เธอเหลือบมองที่จ้าวหยู่ ก่อนที่จะส่ายหัว
“คุณยอดนักสืบ คุณเดาไม่ได้จริง ๆ เหรอ? ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าพวกคุณที่สถานีหรงหยางคิดอะไรอยู่ ทำไมไม่มีใครติดตามคุณเลย”
"ติดตามฉัน?" จ้าวหยู่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ "ตามฉันเพื่ออะไร?"
“ฉันขอให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งติดต่อหัวหน้าของคุณก่อนที่ฉันจะขึ้นเครื่องบิน” เหมี่ยวอิงไม่ตอบคำถามของเขา “แต่กว่าคุณจะได้รับสายก็ต่อเมื่อฉันมารับคุณที่บ้านของคุณ พวกคุณประสานงานกันประสาอะไร?”
‘ไม่ใช่ซะหน่อย!’ จ้าวหยู่พูดกับตัวเอง “มันเป็นเพราะหลันเสี่ยวเสี่ยว กับหลิวชางฮูต่างหาก เหตุผลที่ฉันได้รับการแจ้งเตือนช้าไม่ใช่เพราะปัญหาเรื่องการประสานงานแต่เป็นเพราะพวกเขาไม่พอใจฉันเป็นการส่วนตัวต่างหาก!’
โดยเฉพาะหลิวชางฮู เมื่อเขาพบว่าจ้าวหยู่ได้แก้ไขคดีแช่แข็งอีกคดีหนึ่งในสถานีรุ่ยหยาง แน่นอนว่าเขาต้องไม่พอใจ เขาอาจจะต้องการสร้างปัญหาแต่ไม่สามารถหาเหตุผลที่ดีพอได้ ดังนั้นเขาจึงต้องปล่อยให้เผิงซินโทรหาจ้าวหยู่ในท้ายที่สุด
อย่างไรก็ตาม จ้าวหยู่ยังคงไม่เข้าใจเพราะเขาสามารถสัมผัสได้ว่าคำพูดของเหมี่ยวอิงมีความนัยที่ซ่อนอยู่
"เฮ้! เหมี่ยวเหรินเฟิง" จ้าวหยู่ถามเธอโดยตรง "คุณกำลังพยายามจะพูดอะไร?"
“อะไรกัน แค่นี้คุณไม่รู้เหรอ?” เหมี่ยวอิงกล่าวด้วยสีหน้าว่างเปล่า “ถ้าฉันเป็นหัวหน้าของคุณ ฉันจะส่งคนตามคุณไปอย่างแน่นอน มันจะเป็นเรื่องบังเอิญได้อย่างไรที่คุณพบเงินค่าไถ่ในคดีลักพาตัวเมียนหลิง?”
"ฮะ?" จ้าวหยู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเข้าใจว่าเหมี่ยวอิงหมายถึงอะไร เขารีบตอบอย่างเฉยเมย “ทำไมล่ะ? คุณคิดว่าฉันเป็นคนลักพาตัวเหรอ? นี่ฉันแก่ขนาดนั้นเลยรึไง?”
“ทีเด็กสาวคนนั้นยังเรียกคุณว่าพ่อเลย!” เหมี่ยวอิงอาจหัวเราะ แต่ก็ไม่มีใครบอกได้เนื่องจากแว่นกันแดดขนาดใหญ่ของเธอ
‘ผู้หญิงคนนี้กำลังล้อเลียนฉันอยู่สินะ’
“หัวหน้าเหมี่ยว ทำไมวันนี้คุณถึงทำตัวแปลก ๆ หรือว่าคุณอิจฉาฉันหรือคุณพยายามที่จะล้วงข้อมูลภายในจากฉัน?”
“คดีลักพาตัวเมียนหลิงเป็นคดีแช่แข็งอันดับหนึ่งของฉินซาน” เหมี่ยวอิงพูดโดยไม่สนใจสิ่งที่จ้าวหยู่พูดใจสิ่งที่จหๆอยู่สินะงเหรอ? ลย ละำนวนมากเท่าไหร่ เขาก “เมื่อคืนนี้ ตำรวจของฉินชานไปที่เหมืองเงินหยินแพนกันทั้งหมด ทำไมฉันไม่ได้ยินข่าวความคืบหน้าอะไรเลยและอีกอย่างฉันแค่สงสัยว่า ทำไมเรื่องแปลก ๆ และเรื่องบังเอิญทั้งหมดนี้จึงเกิดขึ้นรอบตัวคุณ?”
“คำตอบก็ง่าย ๆ” จ้าวหยู่ใช้โอกาสนี้ในการโอ้อวด “ฉันเคยคุณไปแล้วไง คุณจำไม่ได้เหรอ ตัวฉันเป็นที่โปรดปรานของเทพเจ้า พอฉันขอความช่วยเหลือจากท่าน พวกเขาก็ส่งความช่วยเหลือมาให้ฉันทันที!”
"นี่คุณพูดเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ได้โดยอัตโนมัติหรือไง?" เหมี่ยวอิงตำหนิและพูดต่อ "แต่ฉันก็ถูกหลอกโดยภาพลักษณ์ที่น่ารังเกียจของคุณ ใครจะคิดว่าคุณเก่งจริง ๆ อย่างคดีฆาตกรรมเจียนเหวินหลี่ ฉันไม่รู้ว่าคุณคิดได้อย่างไรว่าฆาตกรเกี่ยวข้องกับการทำกุญแจสำรอง"
"ง่ายมาก!"
จ้าวหยู่รู้ว่าเขาต้องรายงานกระบวนการแก้ไขคดีของเจียนเหวินหลี่ไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องซ่อนมัน เขาบอกเหมี่ยวอิงว่าว่าเขารู้สึกอย่างไรว่าฆาตกรไม่ใช่ขโมยที่มีประสบการณ์และวิธีที่เขาได้รับแรงบันดาลใจจากคดีลักทรัพย์ของทีม B เขายังกล่าวอีกว่า มันเป็นเรื่องบังเอิญที่หมี่อ้ายจวินและหลินเหม่ยเฟิงเลือกวันเดียวกันเพื่อฆ่าใครซักคน แต่เขาตระหนักว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น
ในโลกนี้มันมีเหตุและผล ถ้าหลินเหม่ยเฟิงเข้าไปในบ้านของเจียนเหวินหลี่ก่อนที่หมี่อ้ายจวินเข้าไป ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป!
เมื่อได้ยินสิ่งที่จ้าวหยู่พูด มันก็ฟังดูมีเหตุผล เหมี่ยวอิงก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า ดูเหมือนว่าจ้าวหยู่จะต้องมีความสามารถระดับหนึ่งจึงจะสามารถไขคดีใหญ่เหล่านี้ได้ในเวลาอันสั้น! มันไม่ใช่สิ่งที่อธิบายได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน!
“ถ้าอย่างนั้น...” เหมี่ยวอิงใช้โอกาสนี้ถาม “คุณบอกฉันได้ไหมว่าคุณบล็อกสัญญาณมือถือของทุกคนในสถานีในคราวเดียวได้อย่างไร?”
‘เชี่ยแล้วไง!’ จ้าวหยู่ขมวดคิ้ว เขาไม่ได้คาดคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะยังยึดติดกับเหตุการณ์การพนันของพวกเขา
“ฉันไม่ได้โกหกคุณจริง ๆ นะ!” จ้าวหยู่ย่อมไม่พูดความจริง เขาตอบอย่างจริงจังว่า "ฉันมีพลังเหนือธรรมชาติจริง ๆ ฉันใช้พลังของฉันในครั้งนั้นซึ่งมันเทียบเท่ากับพลังที่ฉันสะสมมาตลอดครึ่งปี รู้มั้ยฉันต้องเสียพลังไปมากเท่าไหร่เพื่อที่คุณจะยอมให้ฉันสอบปากคำคนร้ายตัวจริงของคดีของฉันน่ะ!"
“…” เหมี่ยวอิงพูดไม่ออก ทั้ง ๆ ที่ปกติเธอมีคารมคมคายมากแค่แต่ดูเหมือนจะใช่ไม่ได้ผลกับจ้าวหยู่ ถ้าเพียงแต่เธอไม่ได้ขับรถล่ะก็... เธออยากทุบตีจ้าวหยู่ที่ไร้ยางอายคนนี้จริง ๆ!
จากนั้นทั้งสองหยุดพูดและบรรยากาศภายในรถก็กับสู่ความเงียบสงบ
จ้าวหยู่ที่ควรจะง่วงมากเพราะเมื่อคืนเขาแทบไม่ได้นอนแถมยังต้องรับมือกับลูกพี่หงกับพวกในตอนกลางวันอีก
อย่างไรก็ตาม ดวงตาของจ้าวหยู่เปิดกว้างและเขาไม่รู้สึกง่วงเลย เขาเหลือบมองเหมี่ยวอิงจากหางตาและรู้สึกว่าเหมี่ยวอิงดูดีมาก!
เหมี่ยวอิงยังสาวและมีจิตวิญญาณที่กล้าหาญ เธอทั้งสวยและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน! ทรงผมสีดำเงาราวกับเห็ดของเธอนั้นดูสะอาดตาและเรียบง่าย ส่วนใบหน้าของเธอก็คมและชัดเจน จ้าวหยู่ มีแรงกระตุ้นที่จะจูบเธอหลังจากมองดูเธอครู่หนึ่ง
แม้ว่าเหยาเจียจะเป็นคนสวยแต่เธอก็สวยและสง่างามราวกับเจ้าหญิงผู้มั่งคั่งซึ่งทำให้จ้าวหยู่รู้สึกห่างไกลอยู่เสมอ เมื่อมองไปที่เหมี่ยวอิงอย่างอ่อนโยน จ้าวหยู่ก็มึนงงเล็กน้อย เขารู้สึกว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเหมี่ยวอิงเหมือนกับเหยาเจียที่เขาเคยรักอย่างบ้าคลั่งในชีวิตก่อนหน้านี้!
ขณะที่เขาเฝ้าดูเธอ ฮอร์โมนของจ้าวหยู่เริ่มพลุ่งพล่านและเขาก็เริ่มเพ้อฝัน จิตใจของเขาเต็มไปด้วยเรือนร่างของเหมี่ยวอิงและสายตาของเธอที่กำลังมองเขาอย่างเสน่ห์หา...
"เฮ้!" เหมี่ยวอิงสังเกตเห็นดวงตาหยาดเยิ้มของจ้าวหยู่และตะโกนอย่างรวดเร็วว่า "คุณกำลังมองอะไรอยู่?"
จ้าวหยู่ตกใจและกลืนน้ำลายก่อนจะพูดตะกุกตะกัก "อืม... ฉัน... ฉันกำลังคิดว่า... จะเกิดอะไรขึ้นกับหลินเหม่ยเฟิง!"
“โอ้…” คำพูดของจ้าวหยู่ได้เปลี่ยนความสนใจของเหมี่ยวอิงไปเรื่องอื่นได้สำเร็จ หลังจากครุ่นคิด เธอกล่าวว่า “แม้ว่าจะพบฆาตกรตัวจริงแต่ความจริงที่ว่าหลินเหม่ยเฟิงตั้งใจจะฆ่าใครซักคนก็เป็นเรื่องจริง! เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับทางหลินเหม่ยเฟิงจะจัดการอย่างไร เธออาจได้รับโทษหนักถ้ามันร้ายแรงหรือเธออาจจะได้รับการรอลงอาญา ถ้าเธอโชคดี!”
“โอ้…” จ้าวหยู่แสร้งทำเป็นตั้งใจฟังแต่ดวงตาของเขายังคงจ้องมองที่เหมียวหยิงอย่างควบคุมไม่ได้ เขากำลังดิ้นรนอยู่ข้างใน เขากำลังไตร่ตรองว่าเขาควรใช้เครื่องเอกซเรย์ล่องหนกับเธอดีหรือไม่!?
“เราได้ติดต่อสามีของหลินเหม่ยเฟิงแล้วและเขาบอกว่าเขาจะจ้างทนายความที่ดีที่สุดเพื่อช่วยหลินเหม่ยเฟิง” เหมี่ยวอิงกล่าวต่อ "ฉันคิดว่า... เรื่องของเธอน่าจะมีจุดจบที่ดี!"
“ดี ดี…” จ้าวหยู่พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ
หลังจากที่รถไปถึงสถานีรุ่ยหยาง จ้าวหยู่ได้ร่วมมือกับเหมี่ยวอิงและทีมของเธอ พวกเขาทำการสอบสวนและติดตามผลคดีของเจียนเหวินหลี่
หลังจากรายงานเสร็จสิ้นและปฏิบัติตามขั้นตอนมาตรฐานแล้ว เวลาก็ล่วงเลยถึงสองทุ่มแล้ว เมื่อเห็นว่าคดีถูกปิด จ้าวหยู่จึงอยากกลับบ้านเพื่อพูดคุยกับหยางฮงและฮัวฮัวกับเรื่องที่พูดค้างไว้
อย่างไรก็ตาม เหมี่ยวอิงก็นำลูกน้องในแผนกสืบสวนของเธอมาล้อมรอบจ้าวหยู่ไว้ เมื่อดูจากท่าทางของเจ้าหน้าที่แล้ว ดูเหมือนพวกเขาไม่ได้มาด้วยเจตนาที่ดี
“คุณจ้าวหยู่!” เหมี่ยวอิงและยื่นมือออกมา “ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ มันอาจจะเป็นการรบกวนคุณ พอดีเราจะไปร้านอาหารที่ไห่กวนถุนเพื่อฉลองคืนนี้ ทำไมคุณไม่ไปด้วยกันกับพวกเราล่ะ?”
‘ห๊ะ?’ เมื่อเห็นเหมี่ยวอิงยิ้มจ้าวหยู่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาทราบดีว่าถึงแม้จะเป็นการสอบสวนร่วมกันแต่เหมี่ยวอิงและทีมของเธอก็แสดงความเกลียดชังต่อเขา ทำไมพวกเขาถึงชวนเขาไปทานอาหารเย็นกับพวกเขา? พวกเขาไม่กลัวว่าเขาจะทำให้อาหารไม่อร่อยอย่างงั้นหรือ?
“หัวหน้าเหมี่ยว” จ้าวหยู่ค่อย ๆ ยื่นมือออกมาไปทางเหมี่ยวอิง “ฉันจำได้ว่าคุณพูดว่าคุณไม่ต้องการเลี้ยงอาหารฉัน ทำไมคุณถึงเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาล่ะ?”
“ฮิฮิ…” เหมียวหยิงยิ้ม “ฉันไม่เคยคืนคำแต่คราวนี้เป็นงานเลี้ยงในนามของทั้งแผนกสืบสวนของเรา มันจึงไม่ใช่การทานอาหารแบบส่วนตัว ดังนั้น... คุณจะมากับพวกเรามั้ย?”
“โอ้…” จ้าวหยู่มองไปที่เหล่าเจ้าหน้าที่และเห็นว่าพวกเขาทั้งหมดกำลังมองมาที่เขาและรอคำตอบจากเขา
‘อืม…’ จ้าวหยู่สังหรณ์ใจว่าเจ้าหน้าที่กำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ เขาคิดว่า ‘อย่าบอกนะว่าพวกแกทุกคนคิดว่าฉันไม่กล้าไปงั้นเหรอ? ห๊ะ! พวกแกคิดผิดแล้ว! ฉันไม่ใช่แมวขี้กลัว! ต่อให้งานเลี้ยงเป็นกับดักสำหรับฉัน ฉันก็กล้าไป แม้จะตัวคนเดียวก็ตาม ในเมื่อพวกแกไม่กลัวว่าฉันจะทำลายบรรยากาศ ทำไมฉันต้องกังวลแทนพวกแกด้วย นอกจากนี้ฉันสามารถใช้เวลาเหมี่ยวอิงให้มากขึ้น อย่างน้อย ๆ แค่ได้มองเธอฉันก็รู้สึกดี!’
ด้วยความคิดนี้ จ้าวหยู่จับมือเหมี่ยวอิงและพูดว่า "แน่นอน ฉันไปด้วย ฉันกำลังหิวพอดีเลย!"
หลังจากจ้าวหยู่พูดจบ เจ้าหน้าที่หลายคนก็คร่ำครวญและดูหดหู่ มีเจ้าหน้าที่หญิงเพียงคนเดียวที่สวมแว่น เธอยิ้มและตะโกนว่า
"เย้! ฉันชนะ! ฉันชนะแล้ว!"