เล่มที่ 1 บทที่ 8: ฉันถูกจับ
หลังงานเลี้ยงน้ำชา ฉันกำลังพูดถึงเหตุการณ์วันนี้ขณะนั่งอยู่บนตักของท่านพ่อ ตอนนี้เรากำลังนั่งอยู่บนรถม้าและมุ่งหน้าไปยังหนึ่งในบ้านพักส่วนตัวของท่านพ่อ
“...... ริคหรอ?”
“.........ท่านพ่อรู้จักเด็กคนนั้นหรอ…?”
“ใช่..... เขาเป็นลูกชายของคนรู้จักคนหนึ่งของพ่อเอง”
โม่ววว…… งานของท่านเกี่ยวกับเด็กพวกนั้นเหรอท่านพ่อ? มิน่าครั้งก่อนทำไมฉันถึงถูกส่งไปอย่างงุ่มง่าม บางทีเขาอาจจะถูกเด็กๆ รังแกด้วยการเยาะเย้ยของ ฟุฮ่าฮ่า เซ่อซ่าอะไรอย่างนี้เนี่ย!
“ไม่ไป.....จะดีเหรอ?”
“หนูคิดว่า.......”
อ่า ไม่ได้สิน่ะ ถ้าท่านพ่อบอกให้ไป แม้ว่าฉันจะเกลียดก็ตาม ฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะปฏิกิริยาของเขาทำให้ฉันรู้สึกราวกับว่าเขากังวลเกี่ยวกับความคิดเห็นของฉัน
“ถ้ายูรุเชียไม่อยากไป งั้นก็”
“หนูจะไป”
“เอ๊ะ?!”
แม้ว่าฉันจะตัดสินใจด้วยความยากลำบาก แต่ทำไมท่านพ่อต้องประหลาดใจขนาดนั้นด้วย?
“ยู ยูรุเชีย… ชอบริคไหม…?”
“..........เอ๊ะ?”
ทำไม.....? ทิศทางของหัวข้อการสนทนาถึงเริ่มแปลกๆไป
“อย่างนั้นหรือ.... ริคเขา....”
ทะ ท่านพ่อ…? ทำไมถึงมีรอยที่ยิ้มชั่วร้ายติดอยู่ที่ปากอย่างงั้นล่ะ? วีโอก็ด้วย? ทำไมมือของท่านพ่อถึงวางอยู่บนดาบด้วย? ฉันไม่เข้าใจสถานการณ์จริงๆ แต่ท่านกำลังวางแผนที่จะใช้มันกับใครซักคนแน่ๆ? ขอล่ะอย่าเลย แม้ว่าการมาจากปีศาจ การห้ามเขาว่าอย่าฆ่าใครซักคนไม่น่าจะเป็นไปได้นัก
แต่แทนที่จะเป็นท่านพ่อ ฉันจะทำเองถ้ามันหมายถึงการห้ามไม่ให้มือของเขาต้องเปื้อนเลือด....ฉันจะลงมือเองฉันยังยกเลิกคำสั่ง ห้ามการอัญเชิญระดับสูงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายถึงตายได้
นอกเสียจากนี้ อารมณ์ของท่านพ่อก็ค่อนข้างแย่ แต่ฉันยังมีทีเด็ดซ่อนอยู่ เพราะท่านพ่อมักจะอ่อนแอต่อการเยินยอจากลูกสาวตัวน้อยเสมอ
“ถึงจะอย่างไหร่ หนูขอแต่งงานกับท่านพ่อดีกว่า”
“....ยะ อย่างนั้นหรอลูก?”
งะ ง่ายจัง......ฉันจะไม่สบายใจถ้าอารมณ์ของท่านกลับตาลปัตรได้ง่ายขนาดนี้ เมื่อถึงเวลาที่ฉันจะต้องแต่งงาน สิ่งต่างๆ อาจจะยากขึ้นเล็กน้อย…… การปรากฏตัวของคุณแค่คนเดียวก็ทำให้ฉันกลัว
.................................
“เขาเปล่า.......... กลับบ้าน”
ขณะมองออกไปนอกหน้าต่างคฤหาสน์ของเธอไปยังท้องฟ้าที่มืดมิด อัลเบอร์ทีนก็เปล่งเสียงเล็กๆ ที่ได้ยินได้เฉพาะตัวเธอเท่านั้น เธอเป็นคนปล่อยให้ความจริงจมอยู่ใน……
ประมาณหนึ่งปีที่แล้ว วันเวลาที่สามีของเธอไม่กลับบ้านเพิ่มขึ้น เป็นเรื่องของทางราชการที่เขาออกไปตรวจสอบอาณาเขตของพวกเขา แต่ในความเป็นจริง สามีของเธอเป็นบุคคลสำคัญในอาณาจักร และใช้เวลาส่วนใหญ่ในเมืองหลวง
ปกติแล้ว อัลเบอร์ทีนภรรยาของเขาและลูกสาวสองคนก็อาศัยอยู่ที่นั่นเช่นกัน ลูกสาวของเขาก็เกิดที่นั่นด้วย มีคนเพียงไม่กี่คนที่เข้ามาอาศัยที่คฤหาสน์ในอาณาเขตของพวกเขาจริงๆ ลูกๆ ของอัลเบอร์ทีนเรียกที่อยู่รองในเมืองหลวงว่าเป็น (บ้าน)
อันที่จริงเมืองหลวงก็น่าอยู่ เมื่อเทียบกับคฤหาสน์ในอาณาเขตของพวกเขา เมืองหลวงนั้นงดงาม และง่ายต่อการติดตามข่าวสารแนวความคิดใหม่ๆหรือเทรนด์ล่าสุด เป็นสังคมที่จัดงานบอลที่ไหนสักที่แทบทุกเย็น และการถูกเชิญไปงานเลี้ยงน้ำชาก็เป็นเรื่องปกติในระหว่างวัน ผู้หญิงสวยมีฐานะและมั่งคั่งสูงมักเชิญอัลเบอร์ทีนเข้าร่วมงานสังคมและยกย่องเธออยู่เสมอ
แต่สำหรับอัลเบอร์ทีน พวกเขาเป็นศัตรู
ถึงมันจะยังไม่ถึงจุดที่เธอเลือกทะเลาะกับพวกเขา แต่เธอก็เมินเฉยต่อเหล่าขุนนางหนุ่มๆราวกับว่าพวกเขาไม่มีอยู่จริง และทำเช่นเดียวกันกับขุนนางแก่ๆผู้ทรงอำนาจแต่พบว่าสามีของเธอน่าเวทนายิ่ง
อัลเบอร์ทีนรู้ดี
เธอรู้ดีถึงสิ่งที่เธอต้องการเช่นเดียวกับที่พวกเขาต้องการมีเกียรติยศ ความมั่งคั่ง และการสรรเสริญ... แต่เธอต้องการสามีของเธอ
แต่สามีของเธอไม่กลับมา
เธอดึงเขาออกจากผู้หญิงที่เขารัก
“ภรรยา.....”
อัลเบอร์ทีนหันไปหาซุมานะซึ่งสวมชุดพ่อบ้านและจ้องมาที่ใบหน้าของเธออย่างสงสัย ดูเหมือนว่าเขาถูกเรียกหลายครั้งแต่ไม่มีใครสังเกตเห็นจนกระทั่งเขาเข้ามาใกล้
“โทษที ฉัน.....ฉันหมกมุ่นไปหน่อย”
“เหนื่อยไหมขอรับ.....? ให้ผมนำเครื่องดื่มร้อนๆ มาให้ไหม”
“ก็ดีเหมือนกัน....”
เธอกำลังจะขอไวน์… แต่เธอคิดใหม่ คืนนี้ไม่มีงานบอลถูกจัดขึ้น ดังนั้นควรงดเว้นจะดีกว่า
“ถ้าอย่างนั้น… ฉันขอเป็นชาล่ะกัน
“ขอรับ”
ซุมานะเริ่มย่างชากุหลาบที่เธอโปรดปรานจากเกวียนที่เตรียมไว้แล้ว ไม่ใช่แค่รสชาติเท่านั้น แต่กลิ่นยังหอมหวานอีกด้วย อัลเบอร์ทีนคิด
สามีของเธอก็ยังไม่กลับบ้าน ……แม้ว่าเธอจะอยู่ไกลบ้านเพราะต้องไปงานสังสรรค์บ่อยๆ ขณะคิดอย่างนั้น อัลเบอร์ทีนก็ยิ้มออกมาที่แสดงถึงการเยาะเย้ยตนเอง
“ไม่ชอบหรือขอรับ?”
“ไม่เลย อร่อยจัง......เด็กๆ ไปนอนแล้วเหรอ?”
“ขอรับ”
ซุมานะตอบกลับการเบี่ยงเบนหัวข้อเล็กน้อยนั้น
นานมาแล้วที่อุตสาหกรรมแห่งเวทมนตร์ได้ค้นพบซุมานะไม่นานหลังจากที่เขาลงทะเบียน เขาเป็นคนธรรมดาแต่มีความสามารถสูง – เขาเป็นลูกบุญธรรม
เริ่มแรก พวกเขาพบเพียงพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ของเขาเท่านั้น แต่ภายหลังพบว่าเขาใช้มือได้อย่างชำนาญ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับพ่อบ้านหรือสายลับ อัลเบอร์ทีนผู้ช่วยอุปถัมภ์ค่าเล่าเรียนให้กับคนยากจน ได้รับความจงรักภักดีจากซุมานะตลอดชีวิต… และดูแลเธอตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
โดยที่ไม่รู้ว่าความยากจนของเขาเป็นความผิดของเธอแต่แรกแล้ว……
“สาวๆ ไปอาบน้ำหลังจากทานมื้อเย็นกันสองคน หลังจากนั้น”
“ไม่เป็นอะไร มันก็เหมือนเดิมนั่นแหละ.....”
“ขอรับ”
ลูกสาวสองคนคุยกันทุกวันกับแม่ แต่พวกเขาไม่ได้รักพ่อ หากสถานการณ์เรียกร้อง พวกเขาก็สามารถโอ้อวดความงดงามของพ่อได้ในระดับหนึ่ง
แต่นั่นเป็นเพียงธรรมชาติ… อัลเบอร์ทีนคิด
สำหรับเขาซึ่งบ้านและอำนาจถูกฉวยเอาไป แม้ว่าเธอจะสามารถทำให้เขากลายเป็นสามีและคลอดลูกของเขาได้ อัลเบอร์ทีนก็ไม่มีวันได้หัวใจของเขามา เขายังคงแสดงความรักต่อลูกสาวของเขา และพยายามรักภรรยาให้ดีที่สุด แต่ทัศนคติของเขาทำให้ดูเหมือนเขาจะอยู่ห่างออกไปหนึ่งก้าวเสมอ เธอหงุดหงิดกับทัศนคติที่เย็นชาของสามี บางครั้งอัลเบอร์ทีนก็ใช้คำพูดที่โหดร้ายกับเขา... ซึ่งเขามักจะตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่อ้างว้างและไม่มีอะไรอื่นเสมอ
แน่นอน เด็กๆ ที่โตมากับพ่อแม่แบบนี้คงจะลำบากน่าดู
อัลเบอร์ทีนที่ไม่สามารถเอาชนะความรักของสามีได้ เธอจึงแสดงความรักต่อลูกสาวของเธอมากจนเกินไป หรือพูดให้ถูกก็คือ เธอเอาแต่ใจพวกเขา พวกเขาจึงกลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัวและโลภ สุดท้าย อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาถูกเลี้ยงดูจากอัลเบอร์ทีน และมีความคล้ายคลึงบางอย่างที่เหมือนกับความทะนงตัวของเธอ
หัวใจของคนเป็นพ่อทรมานด้วยถ้อยคำของลูกสาวของเขานานแค่ไหน
ดังนั้นสามีที่อุทิศตนเพื่อผู้หญิงอันเป็นที่รักและลูกสาวในอุดมคติ ก็ย่อมเป็นไปตามธรรมชาติ
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง......เธอไม่สามารถยอมรับได้
“ซุมานะ การเตรียมการ......... เสร็จแล้วเหรอ?”
“ขอรับท่านหญิง พวกเขาทำเสร็จโดยไม่มีข้อขัดข้องใดๆ”
“แล้ว........ ในกรณีนั้น....”
อัลเบอร์ทีนลุกขึ้นจากที่นั่งของเธอ และกวักมือเรียกซุมานะ
เป็นเรื่องปกติที่สามีของเธอจะไม่สามารถรักลูกสาวของเขาได้หากพวกเขาไม่รักเขาตั้งแต่แรก
อย่างที่พูด อัลเบอร์ทีนไม่รู้ว่าเขาเป็นพ่อของลูกสาวของเธอจริง ๆ หรือเปล่า เพราะพวกเขาอาจเป็นของชายที่อยู่ตรงหน้าเธอก็ได้
..........................
สองวันต่อมา
งานเลี้ยงวันเกิดของไอ้เด็กเหลือขอ ̶ …… เอ้อ… ริค(?) ก็ได้เริ่มขึ้น
เดิมทีดูเหมือนว่างานเลี้ยงจะมีขึ้นที่ไหนสักแห่งที่น่าอัศจรรย์ แต่ทันใดนั้น พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะขอเช่าบ้านของขุนนางคนอื่นที่ใกล้ชานเมืองสำหรับโอกาสนี้
ทุกครั้งที่ฉันถามว่า ทำไม? กับท่านพ่อ เขาก็จะหลีกเลี่ยงคำถามด้วยการหัวเราะ ฉันก็เลยลองถามวีโอดู เธอตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ และให้เหตุผล: เพราะท่านยูรุ
แล้วทำไมอ่ะ....?
วันนี้ฉันสวมชุดสีขาวนวล
ส่วนท่านพ่อได้ถูกเชิญไปยังที่อื่นซึ่งดูค่อนข้างสำคัญ วีโอและเฟอร์ถูกบังคับให้รออยู่ในห้องรับแขก ดังนั้นถึงแม้จะใช้เท้ามานานแล้วก็ตาม ฉันก็ยังถูกอัศวินหนุ่มคุ้มกันการเดินอยู่
ฉันเดินได้นะ รู้ไหม.........
ทันทีที่ฉันไปถึงยังสถานที่ สมาชิกบางคนในวงออร์เคสตรากำลังทำจิโกโอะหรือจิจิอิให้เสียงด้วยเครื่องดนตรีของพวกเขา เด็กคนอื่นๆ ยังอยู่ห่างกัน
ก็คือไม่มีปัญหาอะไรโดยเฉพาะ
ถูกต้อง ไม่มีปัญหากับสถานที่ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับวงออเคสตรานั้นไม่เกี่ยวข้องกันโดยสิ้นเชิง
“ท่านยูรุเชีย!”
“เชลลี”
ฉันโล่งใจจริงๆ ดีใจ ดีใจจริงๆ ที่ได้มีเพื่อนคุยด้วย ฉันโอบกอดเธออย่างสุดกำลังจนเกือบจะล้มลงหลังจากการได้เจอกัน
“ฉันดีใจที่ได้พบท่านอีกครั้ง ท่านยูรุเชีย ท่านดูดีมากในชุดสีขาวนั้น มันทำให้นึกถึงภาพของเทพธิดาดอกลิลลี่ แต่แน่นอนว่าดอกกุหลาบสีขาวก็เข้ามาในความคิดเช่นกัน และด้วยเนื้อสัมผัสของมัน ดูเหมือนว่าจะทำมาจากขนปีกของนางฟ้า อ่า และผมสีทองที่งดงามของคุณก็เจิดจ้าน่ารักเหมือนนางฟ้า ด้วยเสน่ห์ของมัน ทูตสวรรค์องค์อื่นจะต้องอิจฉาอย่างแน่นอน ได้มาพบกับ ท่านยูรุเชียด้วยรูปโฉมที่มีเสน่ห์เช่นนี้ ฉันรู้สึกแทบอยากจะเป็นลมเลย.......”
นั่นแทบไม่ได้หายใจเอาออกซิเจนเลยมั้งนะ
ฉันคิดว่านี่เป็นเทคนิคของท่านขุนนางในการสรรเสริญอย่างฟุ่มเฟือย ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่การการสรรเสริญหรือแสดงความจงรักภักดีแต่ปาก........ น่าทึ่งมากเชลลี แม้ว่าเธอจะยังเด็กน่ะ
“เชล เชลลีก็ด้วย เจ้าก็ดูเหมือนเจ้าหญิง”
“อ่า....... ถ้าท่านยูรุเชียคิดอย่างนั้น.......”
ในที่สุดเธอก็ดูเหมือนจะสงบลง ดีเหมือนกัน....... เชลลีที่สวมชุดเดรสสีชมพูอ่อนนั้นสวยราวกับเจ้าหญิงจากภาพในหนังสือเลย และเนื่องจากพฤติกรรมที่ผิดปกติเล็กน้อยของเชลลี ความสนใจจึงถูกพุ่งเป้ามาที่เรา...... แต่ไม่มีใครเข้าใกล้ เว้นแต่........
“นี่ ยูรุเชีย”
ฉันเจอเจ้าเด็กเหลือขอที่กำลังคุยกับเด็กหนุ่มน่ารักคนหนึ่ง แล้วเขาก็เดินมาทางนี้
“ถ้าเสร็จแล้วก็มาเร็ว”
“ท่านริค สุขสันต์วันเกิด ขอบคุณสำหรับคำเชิญของคุณ”
“....อะ อืม”
ฉันขัดจังหวะคำพูดของเขาและโค้งคำนับให้งดงามที่สุดก่อนที่เขาจะจบลงด้วยการเลือกที่จะทะเลาะ เพราะความรู้ที่ได้จากความฝัน อย่างน้อยฉันก็ทำได้มากเท่านี้ ฉันพูดในสิ่งที่ฉันทำและห้ามบ่นหลังจากทำเช่นนั้นไปเด็ดขาด
“เช่นกัน นี่คือ — ......”
“ทะ ท่านริคฉันกำลังคุยกับท่านยูรุเชียอยู่ มาเถอะท่านยูรุเชียมีน้ำผลไม้อยู่ตรงนั้น หากท่านต้องการ”
“นิ นี่ เธอพูดว่าอะไรนะ? เธอคือเชลลินน์ใช่ไหม อย่าเพิ่งเห็นแก่ตัวพายูรุเชียไปไหนมาไหนสิ”
มือทั้งสองข้างของฉันถูกจับ เกิดการทะเลาะวิวาทต่อหน้าฉัน หรือนี่จะทะเลาะกันจริงๆ? เสียงของพวกเขายังไม่ดังและคำพูดของพวกเขาก็ไม่ได้เจ็บปวดแต่อย่างใด
เชลลีอาจจะคิดว่าฉันกลัว หรือบางทีเธออาจจะเกลียดริค……
อ่า ฉันอยากกลับบ้านแล้ว แต่ฉันทำไม่ได้
มือทั้งสองข้างของฉันเจ็บเล็กน้อย ฉันควรปล่อยสองคนนี้ไปให้เร็วเลย บางทีฉันควรจะร้องด้วยความเจ็บปวดหรือเปล่า? แต่ถ้าฉันทำอย่างนั้น เชลลีจะหนักใจกับเรื่องนี้ไหมนะ……?
“การทะเลาะกัน..... ไม่ดีเลยน่ะ…?”
ฉันจะอ้อนวอนให้เด็กพวกนี้มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ฉันจะให้พวกเขามีความรู้สึกว่าพี่ชาย พี่สาว จะทะเลาะกันทำไม มากกว่าที่จะเป็นการเกลี้ยกล่อมแบบผู้ใหญ่
“โม่ววว.......”
“นั้น.......”
ขณะที่ทั้งสองลังเลที่จะพูดอะไร มือของทั้งสองก็คลายออกเล็กน้อยแต่ไม่ได้ปล่อย
ดูเหมือนว่าเชลลีจะจับมือฉันไว้เพราะเธอทำหน้าที่ดูแลในฐานะพี่สาวของเด็กน้อย แต่ทำไมริคไม่ยอมปล่อย? หรือบางทีเขาแค่ไม่อยากแพ้…? อีกอย่าง สายตาที่มองดูเจ็บปวด…… ฉันซึ่งอยู่ระหว่างแขกผู้มีเกียรติกับสาวสวย สามารถสัมผัสได้ถึงทุกสายตาในบริเวณโดยรอบที่เพ่งความสนใจมาที่ตัวฉัน
“ที่รัก...ริค เชลลี นี่มันไม่ดีเลยน่ะ? ทำตัวสุภาพและอ่อนโยนกับน้องหน่อยสิลูก”
จากด้านหลัง จู่ๆ ก็มีหญิงสาวสวยผมแดงอุ้มฉันไว้ แม้ว่าเธอจะทำให้ฉันนึกถึงคนที่เคยเห็นในรถม้า แต่เธอก็เป็นคนอื่น ถ้าผมของบุคคลนั้นคล้ายกับสีของดอกกุหลาบแดง บุคคลนี้จะถูกอธิบายว่าเป็นไฟสีส้มที่เจิดจ้า
เธอให้ความประทับใจที่แตกต่างออกไปเช่นกัน เธอให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนไฟ
“ท่านแม่.....?”
เธอคือแม่ของริคหรอ ริคเกิดมาจากคนดีๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน……? ลึกลับจริงๆ
“ทะ ท่านอา......”
“ใช่จ้ะที่รัก”
แม่ของริคปิดริมฝีปากของเชลลีที่กำลังประหลาดใจ จากนั้นเธอก็มองลงมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มอันวิจิตรงดงาม
“อ๊ะ ในที่สุดเราก็ได้เจอกันแล้ว ยูรุเชีย........ลูกของรีอาใช่ไหม”
“....คุณรู้จักกับท่านแม่หรอ”
“ใช่จ้ะ ฉันอีเลีย เพื่อนคนหนึ่งของรีอา” ท่านแม่……มีเพื่อนด้วยหรอ
ริคและเชลลีปล่อยตัวฉัน จากนั้นอีเลียก็จับตัวฉันไปพร้อมกับความคิดที่โหดร้าย
ถูกจับ……ใช่แล้ว ฉันถูกอุ้มไปจริงๆ
“ช่าย ⁓ อย่างที่คาดไว้ สาวๆเก่งมาก ⁓”
มีคนกอดฉันเพิ่มขึ้นแล้วคนหนึ่ง
อีเลียเดินไปที่โซฟาตัวใหญ่แล้วให้ฉันนั่งลงบนตักของเธอ จากนั้นเธอก็ใช้มือข้างหนึ่งลูบผมของเชลลีขณะที่เธอนั่งข้างๆเรา....... สถานเริงรมย์ยามค่ำคืนนี้คือแบบไหนกัน? ส่วนฝั่งตรงข้าม ริคนั่งลงอย่างไม่พอใจ ฟุบ!
เอิ่ม....ท่านอีเลีย? สาวๆทั้งเก่งและทำได้ทุกอย่าง แต่ลูกชายของคุณนั่งอยู่ข้างๆ คุณน่ะ รู้ไหม?
“ตอนนี้ริคยังน่ารัก แต่ในอีก 10 ปีข้างหน้าเขาจะกลายเป็นคนหยาบคายเหมือนพ่อของเขา”
พูดได้โดยไม่มีความเมตตาต่อลูกชายวัย 7 ขวบของเธอเลย
“ไม่เป็นไร เพราะความเหมือนพ่อหมายถึงการมีอำนาจ”
โอ้...ริคจังนายนี่หายโกรธเร็วจริงๆเลย
“ริคจะแข็งแกร่งขึ้น หืม..... เฮ้ ยูรูเซีย หนูชอบผู้ชายที่แข็งแกร่งไหม”
“เอ่อ.........”
“ฮะ?”
“อ่า?”
ไม่ใช่แค่เสียงของฉันเท่านั้นน่ะ ริคและเชลลีก็ส่งเสียงออกมาเช่นกัน ฉันไม่เข้าใจเหตุผลของคำถามดีเท่าไหร่ มีความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของอีเลียอย่างที่คิดไว้หรือเปล่าน่ะ? มันเป็นแบบนั้นแน่นอนใช่ไหม? ถ้าฉันตอบผิดตรงนี้ สถานการณ์จะเปลี่ยนไปทันทีเลยถูกไหม
“.........ฉันไม่รู้”
“เข้าใจแล้ว หนูยังไม่รู้หรอก ฮ่า...บางทีเราควรพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้งกับรีอาเมื่อหนูอายุสี่ขวบดีกว่าเนอะ” ขอล่ะอย่าเลย เพราะอีกไม่เกินสองเดือนฉันก็จะ 4 ขวบแล้วนิ? เปลี่ยนเรื่องคุยเถอะ
“ฉันจะลองคิดดูภายหลัง แต่นั่นเป็นคำถามสำหรับผู้ใหญ่ไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ แต่ก็เหมือนกับเด็กผู้ชาย หนูควรเลือกคนที่หนูอยากได้เขาเป็นสามีเองจะดีกว่า”
อ่อออ มีแต่พวกขุนนางที่ไร้ฝีมือเท่านั้นแหละที่จะไปต่อโดยไม่มีทายาท เพราะฉันยังเด็ก อีเลียจึงพูดช้าๆ เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น
“ดังนั้น ยูรุเชีย เชลลี อย่าลืมปรึกษาใครสักคนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตกลงไหม ท่านแม่ของพวกเธอเป็นต้น”
“.....อือ”
“....เจ้าค่ะ”
งั้นฉันควรขอความช่วยเหลือหรอ.......ฉันจะไม่คิดลึกเกินไปกับความหมายของคำที่เธอพูด
“เอาล่ะ ยูรุเชีย รีอาเรียกหนูว่าอะไร”
“.... เอ่อ ยูรุ –....”
ไม่ เดี๋ยวน่ะ นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะเปลี่ยนชื่อเล่นที่เหมือนตุ๊กตามาสคอตที่ฉันกังวลมาระยะหนึ่งแล้วนิใช่มั้ยเมื่อก่อนฉันยังเด็กเลยตัดสินใจเองไม่ได้ แต่ตอนนี้ฉันทำได้ ดังนั้น…… เพราะชื่อของฉันคือ ‘ยูรุเชีย’ อาจจะเป็น ‘รูเซีย’ หรือ ‘เซีย’ ก็น่าจะได้
“รุชิ.....”
“ยูรุ หรอ งั้น.....จะเป็นไรไหมถ้าฉันจะขอเรียกเธอว่ายูรุเหมือนกัน?”
“.............ไม่เป็นไร”
การเปลี่ยนชื่อของฉันสายเกินไป.............
..................................
สถานที่ที่เหมาะสมสำหรับวันเกิดของลูกชายคนหนึ่ง
ไวเคานต์เปรองผู้ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าได้สถาปนาความสัมพันธ์กับขุนนางระดับสูงและเป็นผู้สูงศักดิ์ด้วยตัวเขาเอง ได้รับการทาบทามด้วยการร้องขอดังกล่าว
คฤหาสน์ที่ไวเคานต์เปรองเตรียมไว้เป็นรางวัลส่วนตัวที่ได้รับจากคนแรกในสายเลือดกษัตริย์ แม้ว่าจะเป็นของขวัญเพียงเล็กน้อย แต่ก็ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ตัวคฤหาสน์อยู่ใกล้เมืองหลวง แต่ไม่ได้อยู่ใกล้กับปราสาทหลวง ความใหญ่โตทำให้มันเงียบสงบ - เกือบจะถึงจุดที่ไม่เหมาะสมที่จะอยู่อาศัย ภาษีของมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าเย้ยหยันเช่นกัน
คฤหาสน์ขายไม่ได้เพราะเป็นรางวัล ดังนั้นที่ดินจึงถูกเช่าไปโดยบิดาและปู่ของไวเคานต์เปรอง ตลอดจนขุนนางคนอื่นๆ เพื่อนำเงินไปใช้ชำระภาษี
แต่การสนทนาระหว่างขุนนางถูกส่งผ่านหูเสนาบดีทุกวัน และพวกเขาก็เริ่มสงสัยในความซาบซึ้งในของขวัญของไวเคานต์และคิดไตร่ตรองว่าเขาใช้เงินทั้งหมดที่ได้รับจากมันไปอย่างไร ดังนั้น เมื่อมีการปรับเปลี่ยนสถานที่จัดงานปาร์ตี้อย่างกะทันหัน คฤหาสน์แห่งนี้จึงถูกเลือก
วันก่อนงานปาร์ตี้ พ่อครัวและสาวใช้หลายคนมาถึงพร้อมของแถมมากมาย การคุ้มกันพวกเขาไม่ใช่แค่อัศวินและผู้พิทักษ์ แต่ยังรวมทั้งคนที่มีเสื้อคลุมของพ่อมดปรากฏตัวขึ้นอีก ทำให้คนสงสัยว่าลูกชายของขุนนางผู้มีอำนาจจะมาที่นี่
และในวันงานเลี้ยงเริ่ม.......
“......ข้าหิว”
เสียงดังกล่าวเล็ดลอดออกมาจากปากของทหารหนุ่มคนหนึ่ง แต่เพื่อนร่วมงานของเขาก็ไม่ได้โทษเขา
“ของที่เด็กๆ กินนั้น ดูน่ากินทีเดียวเชียว....”
ทหารที่ถูกขูดรีดและเรียกจัดตำแหน่งโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ได้กินมื้อเช้าอย่างเร่งรีบและไม่ได้รับอนุญาตให้พักผ่อนจนกว่างานเลี้ยงจะจบลง พวกเขาทำได้เพียงยิ้มออกมาอย่างขมขื่นขณะฟังเพลงเศร้าอยู่ไกลๆ
ในกรณีที่ทหารถูกส่งไปดูแลงานเลี้ยงขนาดใหญ่อย่างนี้ พวกเขาจะได้รับอาหารจากส่วนผสมและของเหลือเมื่องานเลี้ยงสิ้นสุดลงเท่านั้น ในกรณีของการจัดงานเลี้ยงสำหรับเด็ก ของหวานคุณภาพดีมักจะมีเหลือมากมายในตอนจบงาน เนื่องจากเด็กๆ จะกินกันได้ไม่มากนัก
“......พวกสาวใช้กำลังเล็งขนมอยู่เหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ เนื่องจากคราวนี้เป็นผู้มีอิทธิพล พวกที่ประตูหลังบอกว่าเตรียมเค้กไว้แล้วมากมาย”
มันเป็นเพียงข่าวลือ แต่เดิมงานเลี้ยงควรจะจัดตอนกลางคืน ดังนั้นดูเหมือนว่างานเลี้ยงของเด็กแบบสบายๆ เป็นสิ่งเดียวที่วางแผนไว้อย่างเร่งรีบ
“เฮ้ย พวกเจ้าจงระวังให้ดี”
“...ขะ ขอรับ”
ทหารรีบปรับท่าทางของพวกเขาทันทีหลังจากได้ยินเสียงดังกระทันหัน
เจ้าของเสียงนั้นเป็นอัศวินหนุ่มที่มีผมสีดำประหลาด เนื่องจากผู้คุมถูกเรียกตัวกันอย่างเร่งรีบ พวกเขาจึงถูกย้ายมาจากที่ต่างๆ ส่งผลให้คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักใบหน้าของกันและกัน
อัศวินยิ้มเยาะให้กับทหารก่อนที่จะหยิบเนื้อและไวน์เล็กน้อยจากตะกร้าที่เขาถืออยู่ขึ้นมา
“นี้เพียงเล็กน้อย แต่เพื่อประโยชน์ของการเฉลิมฉลอง ฉันรวบรวมมาได้แค่นี้แต่........”
“นิ นี่สำหรับเราเหรอ? ขอบคุณมาก”
อัศวินแสดงรอยยิ้มที่สดใส และโบกมือเบา ๆ ไปยังผู้คุมสองคนที่มีท่าทางคล้ายกัน และด้วยเหตุนี้ แผนจึงเริ่มต้นอย่างเงียบ ๆ
อัศวินผมดำเดินไปตามทางเดินที่ว่างเปล่า ข้างหลังเขา:
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
อัศวินวัยกลางคนร้องเรียกขณะลาดตระเวนพร้อมกับอัศวินอีกสองคน อัศวินผมดำค่อยๆ หันมาหาพวกเขา
“แค่ลาดตระเวนพื้นที่”
“เจ้าคือ....? ขอโทษที่เสียมารยาท แต่ข้าขอรู้ชื่อเต็มของเจ้า”
“หืม นามข้าหรอ........”
อัศวินผมดำดึงดาบออกมาและตัดหัวอัศวินวัยกลางคนทันที
“ข้ามีนามว่าซุมานะ ตอนนี้ข้าต้องไปแล้ว”
หลังจากพูดจบ ซุมานะก็ฟันคอของอัศวินที่เหลืออยู่ก่อนที่พวกเขาจะได้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น การเคลื่อนไหวนั้นสบายๆ เหมือนกับการจับมือทักทายกัน
“......เฮ้!”
อัศวินคนสุดท้ายสะดุ้งและอยู่ห่างจากอัศวินด้วยเลือดที่ไหลออกจากคอของเขา จากนั้นเขาก็เตรียมดาบของเขา เมื่อถึงเวลาที่เขาทำอย่างนั้น ซุมานะก็ได้ร้องเพลงของเขาเสร็จสิ้นและชี้ปลายดาบของเขาไปทางอัศวิน
“หอกสายฟ้า”
*เปรี้ยง*
.......ด้วยเสียงของบางอย่างดังขึ้น สายฟ้าฟาดผ่านเกราะเหล็กของอัศวิน ทำให้อัศวินคนสุดท้ายกลายเป็นศพโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ
“เอาล่ะ… เรามาเริ่มกันเลยไหม?”
..............................
“เอ่อ..............”
ฉันเอามือปิดปากและรู้สึกคลื่นไส้อย่างกะทันหัน
“ยูรุ.....?”
“ท่านยูรุ?!”
คุณอีเลียเรียกฉันอย่างเงียบๆ ตามด้วยเสียงของเชลลี
อะไรเนี้ย.....? ความรู้สึกที่มันเอ่อล้นออกมาจากท้องและทำให้ร่างกายเดือดพล่าน?
“........เธอไม่สบายหรือเปล่า” แม้แต่ริคก็ยังดูกังวล ฉันต้องดูค่อนข้างแปลกแล้วล่ะ
ทันใดนั้น คุณอีเลียก็เงยหน้าขึ้นและพึมพำ ราวกับคำพูดรั่วไหลออกมา
“........... กลิ่นเลือดนิ?”
แท้จริงแล้วมันเป็นกลิ่นเลือด ความทุกข์ทรมานและความสิ้นหวังล่องลอยอยู่ในกลิ่นของเลือด ทำให้อารมณ์ของฉันสับสน
“ท่านเอเลนอร์....”
ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว อีเลียก็กระซิบบางอย่างที่หูของพ่อบ้าน ฉันได้ยินสิ่งที่เธอพูดแผ่วเบา แต่ฉันไม่ได้ยินทั้งหมดอย่างที่หวังไว้:
“......พวกทหาร......ถูกวางยาหรือเปล่า?”
*ปัง!!!*
ประตูถูกเปิดออกอย่างแรง และเหล่าอัศวินพร้อมกับผู้ชายอีกหลายคนที่ต่างพากันปิดหน้า วิ่งกรู่เข้ามาภายในห้องพร้อมกับอาวุธที่เตรียมไว้
แม้แต่ชนชั้นสูงอายุน้อยอย่างฉันก็สามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้
“พื้นที่รอบๆ คฤหาสน์ถูกยึดแล้ว เด็กๆจะต้องมากับพวกเรา”
นั่นคือคำพูดของผู้ร้ายคนหนึ่ง
ใช่..... นี่ นี่คือการก่อการร้ายอย่างแน่นอน สำหรับวัตถุประสงค์ของพวกเขา อาจเป็นการลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ จากอัศวินผมดำ ฉันรู้สึกถึงเจตนาเช่นนั้นจริงๆ
“พูดอะไรของเจ้า?
คุณอีเลียสร้างเวทย์มนตร์เร็วชะมัด มันคือเวทแห่งไฟ: เปลวไฟทรงกลมที่ตัดสินโดยรูปลักษณ์……แต่อีเลียปล่อยมันออกไปไม่ได้
“การใช้เวทมนตร์ที่นี่… มันจะไม่เป็นผลดีกับเด็กๆเอาน่ะ?”
อัศวินสวมหน้ากากที่กุมแขนของเด็กชายที่กำลังหวาดกลัวกล่าว
“......คึ!” (เจ็บ)
ด้วยความทุกข์ใจ อีเลียได้แต่ยืนนิ่ง......แต่เธอก็ไม่ได้ร่ายเวทแห่งไฟ
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ดูไม่ดีเลย
อีเลียอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ต่อผู้ร้ายที่มีตัวประกันในมือ เชลลี ริค และเด็กคนอื่นๆ ต่างก็ยืนแข็งทื่อและหน้าซีดเผือด หากมีคนตื่นตระหนกเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะได้รับอันตรายจากผู้ร้ายเป็นตัวอย่าง
ที่เลวร้ายที่สุด พวกเขาอาจถูกฆ่าตายด้วยซ้ำ
จิตใจของเด็กๆ อยู่ในจุดถูกบุบสลาย และสิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาไม่ตื่นตระหนกคือการปรากฏตัวของอีเลีย ดังนั้น ถ้าอีเลียร่ายเวทมนตร์ของเธอ เด็กๆ ก็จะพากันแตกกระเจิง พ่อบ้านและพวกสาวใช้ที่เข้าใจสถานการณ์ข้างต้นทุกอย่าง จึงไม่เคลื่อนไหวใดๆ
แม้เพียงชำเลืองมอง… ฉันก็เข้าใจได้ว่ามันเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่ความตื่นตระหนกจะคลายออก ฉันน่าจะหาทางช่วยได้ แต่มันจะไม่ได้ผลเพราะจุดประสงค์ที่พวกมันต้องการคือการลักพาตัวเด็กๆเท่านั้น
ในฐานะเด็ก 4 ขวบ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดพวกเขา ฉันสามารถใช้พลังของฉันอย่างเต็มที่ในฐานะปีศาจก็ได้… แม้จะมีข้อเสียอย่างเดียวที่ต้องถูกมองว่าเป็นปีศาจ ฉันก็ไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง…… ฉันขอโทษนะ
ดังนั้น จุดประสงค์ของพวกเขาจะสำเร็จ... แต่คำถามจริงๆคือ: จะพาไปกี่คน และคนนั้นจะเป็นใครบ้าง? คนแรกที่จะถูกพาตัวไปอาจจะเป็นริค เพราะเขาเป็นเด็กที่สำคัญที่สุดในงานเลี้ยงนี้ และฉันก็อดคิดไม่ได้เพราะมีคนคุ้มกันจำนวนมากสำหรับเขา
ดังนั้น แผนการที่ดีที่สุดคือส่งตัวริคและหนีไป ใช่ ง่ายมาก
แต่เพราะงานที่ใหญ่มากขนาดนี้ หลังจากที่พวกมันพาตัวเขาไปได้ พวกมันอาจจะลักพาตัวเด็กให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จำนวนเด็กเทียบได้กับจำนวนผู้ก่อการร้าย แต่การจับตัวประกันมากเกินไปก็อาจจะเป็นการขัดขวางการหลบหนีก็ได้ ดังนั้น อย่างมากที่สุด พวกเขาก็น่าจะใช้เด็กประมาณห้าคนได้
สันนิษฐานได้ว่าแม้จะพาไป 3-4 คน พวกเขาก็บรรลุเป้าหมายได้ ดังนั้นปัญหาไม่ได้อยู่ที่คนที่ถูกพาไป แต่เป็นผู้ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังต่างหาก สำหรับผู้ร้าย ไม่มีอะไรมากพอที่จะทำให้พวกเขามีชีวิตอยู่ได้ — โดยเฉพาะในกรณีของผู้ใหญ่
มันเสี่ยงที่จะอยู่ แต่อยู่ต่อก็เสี่ยงไม่แพ้กัน น่ารำคาญสุดๆ
ชีวิตคนอื่นค่อนข้างจะไร้สาระสำหรับฉัน แต่อีเลียเป็นเพื่อนของท่านแม่ ดังนั้นจึงไม่น่ายินดีที่เธอจะตาย แม้ว่ากลิ่นตัวเธอจะหอมก็ตาม และในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ฉันอยากให้เชลลีผู้น่ารักมีชีวิตอยู่ต่อ แม้ว่าเธอจะเป็นเพียงคนเดียวในหมู่พวกเราที่ทำเช่นนั้น
สำหรับฉัน ปีศาจผู้ที่มีความคิดแปลกๆ เหมือนมนุษย์ ตัดสินใจที่จะกระทำการที่คาดไม่ถึง ช่วยไม่ได้นิ……ถึงแม้ว่ามันจะไม่ตรงกับนิสัยของฉันก็ตาม แต่ฉันก็จะต้องขึ้นไปจัดการกับมัน
“.....ท่านอีเลีย ลดมือลง”
เงียบสุดๆ ฉันเอื้อมมือไปแตะที่มือของอีเลีย.... และพูดให้ชัดขึ้นอีกครั้ง
“ยุ ยูรุ.....?”
ฉันค่อยๆ ลุกออกจากโซฟาอย่างเงียบๆ.........และด้วยท่าทางที่สง่างาม ฉันเดินเข้าไปหาผู้ร้ายพวกนั้น ตอนแรกไม่มีใครเคลื่อนไหว แต่จู่ๆ เด็กผู้หญิงตัวเล็กที่สุดก็เปลี่ยนสิ่งนั้น ผู้ร้ายหันมามองฉันด้วยความตื่นตระหนก
“ได้โปรดปล่อยผู้คนที่อยู่ที่นี่”
ปกปิดอารมณ์ให้ได้มากที่สุดและจ้องมองด้วยสายตาที่สงบนิ่ง ฉันใช้รูปลักษณ์ที่ไร้มนุษยธรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้คนที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างหดตัวเล็กลงไป
ฟู! ก็มีบางครั้งที่รูปลักษณ์ที่น่ากลัวของฉันก็มีประโยชน์
ยังไงก็ต้องทำให้เสร็จโดยเร็ว ก่อนที่พวกเขาจะฟื้นตัว ก่อนการเริ่มต้นนี่ไม่ใช่ความสามารถในการบีบบังคับบางอย่างเพื่อจะกดดันให้พวกเขาปล่อยตัวทุกคนโดยไม่มีเงื่อนไขหรอกนะ
“เอาฉันไปแทน”
ฉันได้ยินใครบางคนพูดบางอย่างจากทางด้านหลัง แต่แทบไม่ได้ยิน เพราะงั้นฉันจึงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ สายตาของผู้ร้ายดูสับสน จะมีก็แค่เฉพาะหัวหน้าพวกมันเท่านั้นที่ตัดสินใจได้ ฉันยิ้มให้อัศวินสวมหน้ากากที่มีผมสีดำอย่างอ่อนโยนที่สุด จากนั้นฉันก็เริ่มเดินก่อนที่สติของพวกเขาจะกลับมา อย่าไปยั่วโมโหเขา.....ช้าๆ....
ถ้าฉันสามารถเดินผ่านพวกเขาไปที่ประตูได้โดยที่ไม่มีใครแตะต้องตัวฉัน ฉันก็จะทำสำเร็จมากไปกว่าครึ่งของเป้าหมาย ถ้าฉันไปถึงโถงทางเดินได้ พวกเขาจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจับตัวฉัน...ดังนั้น การเดิมพันของฉันคือให้พวกเขาเสียใจเพราะเห็นรูปร่างหน้าตาของฉันจนถึงตอนนั้น ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะประสบความสำเร็จแม้กระทั่งตอนนี้
ถ้ามันได้ผล ตราบใดที่ฉันเป็นคนเดียวที่ถูกพาตัวไป ฉันก็สามารถที่จะเปิดผนึกการถล่มระดับสูงสุดของฉันที่อันตรายถึงตายกันได้อย่างแน่นอน —
แม้ว่าจะไม่เต็มใจอยากจะทำก็ตาม.....
ฉันเดินผ่านด้านข้างของหัวหน้าพวกมันอย่างช้าๆ เขามีสีหน้าท่าทางลึกลับบนใบหน้าของเขา อีกนิดเดียว....อีกนิด.....
“ไม่แค่ยูรุ แต่พาฉันไปด้วย!”
เอ๋.......? คุณอีเลีย?
“ฉันจะไปกับท่านยูรุด้วย!”
เชลลีก็เอาด้วยหรอ!
“ฉะ ฉันด้วย!”
ริค......ไม่ นายจะทำอะไรก็ได้ที่นายต้องการ
อ่า ⁓ .....ให้ตายสิ ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้?
หมายเหตุผู้แต่ง:
ว่าแต่ ทำไมเสียงของยูรุเชียถึงได้ยินเป็นแบบนี้:
“ปะ ป่อย คน ตี่นี่”
“ปะ ปา จัน ปายแตน”