เล่มที่ 1 บทที่ 7: การผูกมิตร
หลายเดือนผ่านไปตั้งแต่มีแมลงที่ไม่ปรากฏชื่อและน่าขยะแขยงนั้นปรากฏขึ้น
ฉันก็กำลังจะ 4 ขวบในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์นั้น ฉันรู้สึกหดหู่ใจเพราะฉันทำให้หลายคนเป็นทุกข์… แต่ตอนนี้ ฉันสบายดีร่างกายและหัวใจของฉันโตขึ้นอย่างมาก การใช้เวทย์มนตร์อัญเชิญฉันก็ผนึกไว้ เพราะฉันจะศึกษาเฉพาะการก่อตัวของเวทมนตร์เท่านั้น
เนื่องด้วยเหตุการณ์ดังกล่าว ท่านพ่อจึงยุ่งมากและไม่ได้มาเยี่ยมเป็นเวลาประมาณ 2 เดือนได้แล้ว และพอท่านพ่อกลับมาอย่างกะทันหัน ขณะที่ฉันกำลังจะสนองความอยากเหมือนแมว เขาก็พาฉันไปงานเลี้ยงน้ำชาในทันที
งานเลี้ยงน้ำชาหรอ? ทำไมกันน่ะ จนถึงตอนนี้ฉันได้คุยกับคนแค่ประมาณ 10 คนเท่านั้น ฉันคนเก็บตัวหรือปิดกั้นตัวเองงั้นหรอ
“มีเด็กหลายคนในวัยเดียวกับยูรุเชียที่จะไปงานเลี้ยงน้ำชานี้น่ะ”
ก็คือ ความจริงแล้วฉันเคยพบปะแต่กับผู้ใหญ่เท่านั้นมันเลยน่าเป็นห่วง นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะแนะนำเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกันให้ได้รู้จัก……แต่ฉันจะเล่นกับเด็กๆอย่างไง ถ้าเพื่อป้องกันไม่ให้ท่านพ่อเสียหน้า ฉันตัดสินใจที่จะเข้าร่วมก็ได้
ด้วยเหตุนั้น ตอนนี้ฉันถึงถูกกระแทกและหัวโยกไปมาในรถม้า
แน่นอน ที่นั่งของฉันอยู่บนตักของท่านพ่อ ท่านพ่อเจ้าค่ะ ได้โปรดทำให้ดีที่สุดนะ ฉันอาจจะนั่งบนตักของท่านต่อไปจนกว่าจะอายุประมาณ 15 ปีได้ โอ้ นอกจากเรื่องตลกครึ่งชีวิตนั้นแล้ว งานเลี้ยงน้ำชาจะจัดขึ้นในเมืองหลวงอีก 3 วันนับจากนี้ เราต้องใช้เวลาเดินทาง 2 วันกว่าจะไปถึงโดยรถม้า
……ทำไมตารางงานถึงแน่นจัง? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากฉันไม่ขึ้นรถทันที ท่านแม่ก็ไม่ได้มาด้วย……แม้ว่าฉันจะอยากเห็นเมืองหลวงด้วยกันเป็นครอบครัวก็เถอะ……
....................
ในขณะที่วีโอและเฟอร์ได้มาแทนแล้ว
ส่วนของสัมภาระนั้นถูกเก็บไว้ให้เหลือน้อยที่สุด ฉันสงสัยว่าสิ่งที่ฉันจะสวมใส่เป็นที่ยอมรับหรือเปล่า แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะถูกจัดเตรียมไว้ตามกำหนดแล้ว มีแต่คนรวยเท่านั้นที่จะทำเรื่องแบบนี้ใช่มั้ย?
ท่านพ่อ งานของท่านคืออะไรกันแน่? ไม่มีใครเคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นสำหรับเด็กอายุ 3 ขวบ จะไม่แปลกหรอที่สงสัย? ฉันสงสัยว่าพอฉันอายุได้ 4 ขวบเขาจะเปิดเผยให้ฉันรู้หรือเปล่า?
ถึงฉันจะบอกว่าใช้เวลา 2 วันกว่าจะมาถึงเมืองหลวง เพราะเราไม่เคลื่อนตัวไปตามป่า ไม่ตั้งแคมป์ที่เป็นธรรมชาติ การนอนนอกบ้านไม่เหมาะกับท่านพ่อเลยจริงๆ เมื่อเคลื่อนผ่านทุ่งนา เราก็มาถึงเมืองหนึ่งก่อนเวลาพักช่วงเย็น เราไม่ได้ออกจากบ้านตอนเที่ยงหรอกหรอ? เป็นไปได้จริงหรือที่จะมาถึงกลางดึกเพียงเพราะความอุตสาหะ?
และฉันจะกลับมาอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ต่อจากนี้.......ฉันไม่เคยแยกจากท่านแม่เกินครึ่งวันเลยรู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่ฉันก็ต้องสนุกกับตัวเองบ้างเหมือนกัน วันนี้ได้นอนกับท่านพ่อแล้ว ฟูฟู ⁓
เนื่องจากเราผ่านเขตที่อยู่อาศัยเพียงแห่งเดียว ฉันจึงมาถึงโดยไม่มีใครคอยขัดขวางเช่นพวกโจรหรืออะไรทำนองนั้น และถึงฉันไม่คิดว่าจะมีปัญหาหากเราได้ปะทะกัน เราก็มีทหารองครักษ์มากกว่า 10 คนที่คอยทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันของเรา รวมทั้งพ่อบ้านคุณโอจิอิซึ่งถูกเพิ่มเข้ามาเป็นบุคคลที่คอยปรนนิบัติคนใหม่
ทุกคนที่คอยปกป้องเด็กอย่างฉันอย่างจริงจัง ฉันต้องขอขอบคุณอย่างจริงใจ คุณโอจิอิเริ่มร้องไห้เมื่อฉันพูดอย่างนั้น ทำไมกัน หรือเขาอาจจะอารมณ์ไม่คงที่? ฉันตบไหล่เขาทีหลัง
ตอนนี้ก็ถึงเวลาสำหรับงานเลี้ยงน้ำชา
เห็นได้ชัดว่านี่คือการจัดงานทั่วๆไป มีเก้าอี้และโต๊ะวางอยู่ภายในสวนขนาดใหญ่หน้าคฤหาสน์ วงออเคสตราที่เล่นอยู่เบื้องหลัง ขนมหวานจำนวนมหาศาล และชาที่สาวใช้กำลังเตรียม…… มีเด็กประมาณ 6 คนเท่านั้นที่เข้าร่วม
อืม....พวกนี้อาจจะเป็นพวกขุนนางมั้ง? นี่หรือคือการใช้ชีวิตอย่างท่านขุนนาง? จริงสิ ท่านพ่อทำงานอะไร เป็นไปได้ไหมที่เด็กพวกนี้จะเป็นลูกของประธานบริษัทที่ท่านพ่ออยู่ด้วย? แต่เท่าที่คิด คงไม่มีเด็กคนไหนมาจากบริษัทหรอก พวกเขาน่าจะเป็นลูกชาย ลูกสาวของลูกค้าประจำเสียมากกว่ามั้ง ไม่เช่นนั้น ท่านพ่อคงไม่ต้องพาฉันออกมาด้วย ด้วยตารางงานที่แน่นหนาขนาดนี้
แต่นี่… นี่มันไม่อันตรายเหรอ? การกระทำของฉันอาจส่งผลต่อความสำเร็จของท่านพ่อก็ได้
“.......ทะ ท่านพ่อ?”
“ไม่เป็นไรลูก เจ้าวิ่งเล่นได้ตามสบาย ตำแหน่งทางสังคมไม่เกี่ยวข้องกับงานเลี้ยงน้ำชานี้”
ถึงคุณจะพูดอย่างนั้น…… แต่ถ้าลูกของคุณไม่ได้ไร้เดียงสาและทำตัวอย่างอิสระล่ะ ถึงจะเป็นประธานาธิบดีก็ถือว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ร้ายแรงได้น่ะ งั้นฉันจะสวมบทบาทเป็นหญิงสาวผู้ถูกเลี้ยงดูมาด้วยความเอาใจใส่อย่างดีเยี่ยมให้ดู
“........เอิ่มมม”
แต่ฉันควรทำอย่างไรดีล่ะ? ไม่มีใครเข้าใกล้ฉันเลยนะ
มองดูเด็กคนอื่นๆ มีชาย 2 คน หญิง 4 คน พวกเขาอายุต่างกัน แต่ดูเหมือนพวกเขาจะแก่กว่าฉันทั้งหมด ในเมื่อพวกเด็กผู้ชายคุยกัน ฉันจึงเดินเข้าไปหาพวกสาวๆ ทันทีที่พวกเขาสังเกตเห็นฉัน พวกเขาก็หยุดนิ่งขณะที่อ้าปากค้าง
อ่า........ ฉันทำให้กลัวอีกแล้วสิน่ะ……
ไม่เฉพาะวิณญาณและเจ้าซิกเท่านั้น แม้แต่คนที่อายุเท่าฉันก็ยังกลัว…… ถึงฉันจะตกใจถ้าได้เห็นตุ๊กตาที่วิจิตรบรรจงในตอนกลางคืนขนาดนี้ แต่เป็นไปไม่ได้เลยหรอที่จะแลกเปลี่ยนคำทักทายก่อนที่สิ่งที่กำลังจะไหล (ร้องไห้) ออกมาอย่างหวาดกลัว?
แต่มันจะยิ่งดูหยาบคายนะถ้าฉันเดินมาตรงนี้และอยู่เงียบๆเฉยๆ.....
“...................”
เพื่อไม่ให้น่ากลัวไปมากกว่านี้ ในวินาทีสุดท้าย ฉันยิ้มอย่างกล้าหาญพร้อมกับหยิบชายกระโปรงสีเขียวสดใสของฉันและโค้งคำนับอย่างเงียบ ๆ จากนั้นฉันก็เดินไปที่โต๊ะที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย
“......ฟู!!!...”
เพื่อไม่ให้ตัวเองทำเสียงดัง ฉันเลยหายใจเข้าเล็กน้อย
ฉันเครียดมาก ดังนั้นพอฉันหายใจเข้าสั้น ๆ ในที่สุดเสียงรอบข้างก็กลับมาดังอีกครั้ง แม่บ้านมาเสิร์ฟชาและขนมหวานให้ฉันทันที แต่แทนที่จะถูกเสิร์ฟ มันเหมือนกับว่าถูกกองอยู่ตรงหน้าฉันเป็นภูเขาแทน
“ขะ ขอบคุณ...”
“จะ เจ้าค่ะ”
ความกังวลใจของฉันแผ่รังสีออกมาหรอ? ฉันขอโทษน่ะ ฉันจะคืนขนมพวกนี้ดีมั้ยนะ... เอ๊ะ? มันไม่ใช่? บางทีถ้าฉันเอาให้เฟอร์ เธออาจกินมันให้หมดเลยก็ได้?
ชาเหมือนจะมีคุณภาพสูง และอุณหภูมิที่ใช้ก็ไม่ต่างกันเลย มันคงเป็นเรื่องยาก
เมื่อฉันมองดูเด็กๆ ไปครู่หนึ่ง ฉันก็สังเกตเห็นว่าสายตาของทุกคนจับจ้องมาที่ฉัน……คู!!! ช่างเป็นบรรยากาศที่หนักอึ้งจริงๆ……และการสนทนาทั้งหมดก็หยุดลงเช่นกัน
“........เอ่อ คือ”
มีเสียงน่ารักดังขึ้น โอ้? พอฉันคิดได้แบบนั้น ฉันก็หันไปทางต้นเสียงและพบว่ามีเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารักคนหนึ่งจ้องมองกลับมาที่ฉัน
“........ว่างาย?”
พอคิดว่าเธอกำลังพูดกับฉัน ฉันเลยตอบช้าๆ ให้ดูเหมือนไม่ข่มขู่จนเกินไป
อุวะー…… เด็กคนนี้ทำสีหน้าเคร่งเครียดจริงๆ เธอดูเหมือนเด็กน่ารักประเภทที่กลัวการพูดคุยกับผู้คน
“.......... เอ่อ จะเป็นไรมั้ย ถ้าฉันจะชวนเธอไปเก็บดอกไม้กับฉันตรงนั้น…?”
เก็บดอกไม้หรอ…? ไม่ใช่รหัสบางอย่างที่ใช้ส่งสัญญาณสำหรับขอเข้าห้องน้ำหรอกน่ะ แต่เป็นการชวนไปเก็บดอกไม้จริงๆ เธอเป็นเด็กที่อ่อนโยน อืม… ฉันจะไม่สนใจคำเชิญของเธอได้ไง ว่าแล้วก็ตอบกลับ
“ได้สิ....ไปกัน”
“.....ไปกัน”
เด็กน้อยซึ่งโล่งใจกับคำตอบของฉัน หัวเราะ น่ารัก⁓ ด้วยผมสีบลอนด์ที่นุ่มสลวยเหมือนแม่เธอ เธอมีตาสีฟ้าเหมือนตุ๊กตา — แต่ในความหมายที่ต่างจากของฉันเอง
เมื่อฉันล้มลงจากเก้าอี้เล็กน้อย เธอตื่นตระหนกและรีบพยุงฉันไว้อย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณน่ะ”
“อะ อืม”
เด็กน้อยส่ายหัวด้วย *บันบัน* แล้วเริ่มเดินพร้อมกับจับมือฉัน เธอดูเหมือนพี่สาวที่ดูแลน้องสาว ช่างน่ารัก ที่จริง ฉันคิดว่าเธอเห็นว่าฉันอ่อนแอหรือเปล่า? แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องกอดแขนฉันขนาดนี้ก็ได้……ฉันขอละ
“ฉัน เออ เธอ…… ฉันชื่อเชลลี ขะ ขอรู้ชื่อเธอด้วยได้ไหม…?”
“......? ฉันยูรุเชีย”
ทำไมต้องใช้ภาษาให้เกียรติขนาดนี้? ฉันคิดว่าเธอต้องเป็นลูกสาวของบ้านที่ฐานะดีมากแน่ๆเลย แม้ว่าจะเป็นเพียงการสนทนาระหว่างเด็กกับเด็ก ผู้ที่แก่กว่าก็ไม่ควรใช้ภาษาที่ให้เกียรติกับผู้ที่อายุน้อยกว่าเขาขนาดนี้ก็ได้ ดังนั้นขอละหยุดเถอะ
หรือในความคิดของขุนนาง ฉันไม่ควรแสดงชื่อสกุลหรอ? แม้ว่าฉันจะคิดลึกไปหน่อย ฉันก็ยังจำชื่อเต็มฉันไม่ได้ ฉันคิดว่ามันคงไม่จำเป็น ในงานเลี้ยงน้ำชาโดยไม่มีการจำกัดสถานะถูกไหม
สวนดอกไม้ค่อนข้างใกล้กับโต๊ะ
เป็นเรื่องยากที่สวนดอกไม้จะถูกปกคลุมไปด้วยวัชพืชอย่างดอกอัลไพน์ แต่สำหรับฉัน ฉันชอบพวกมันน่ะ มีดอกกุหลาบด้วย แต่พวกมันก็ได้รับการดูแลอย่างดีจากเหล่าสาวใช้
“ท่านยูรุเชีย มาทำมงกุฎดอกไม้กัน”
“......... ย-ยูรุเชียเฉยๆก็ได้ รู้ไหม? ท่านเชลลี”
“เข้าใจเจ้าค่ะ ท่านยูรุเชีย กรุณาเรียกเชลลีเฉยๆเถอะเจ้าค่ะ”
เด็กคนนี้ไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ...........
สิ่งที่ฉันพูดจะไม่มีประโยชน์ในสถานการณ์นี้ ยกเว้นท่านพ่อท่านแม่ มีเพียงคนแปลกหน้าเท่านั้นที่โต้ตอบกับฉัน ดังนั้นฉันจึงคุ้นเคยกับพฤติกรรมดังกล่าว แต่ในกรณีนี้ แทนที่จะเป็นคนแปลกหน้าจริงๆ มันกลับแปลกที่เธอจริงจัง
“....... เอาล่ะ เชลลี ถ้าอย่างนั้น ดอกนี้ได้ไหม?”
“เป็นเช่นนั้น ท่านยูรุเชีย เด็ดดอกไม้แบบนี้เจ้าค่ะ…”
อ่า ฉันเข้าใจแล้ว ฉันยอมแพ้ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ฉันได้อยู่กับเพื่อน แต่ความเครียดที่สะสมจากพวกเหล่าขุนนางที่อยู่รายล้อมจะต้องสูงขนาดนี้เชียว ด้วยเหตุนี้ฉันจึงไม่สามารถบ่นกับเด็กสาวน่ารักที่อยู่ตรงหน้าฉันได้
…… ไม่เป็นไรจริงๆ น่ะ?
ฉันทำมงกุฎดอกไม้ในขณะที่เชลลีสอนวิธีทำไปด้วย ทุกครั้งที่ฉันทำอย่างงุ่มง่าม เชลลีจะจับมือฉันและทำการปรับเปลี่ยน
เชลลีเป็นกันเองมาก หล่อนจับมือฉันไว้ขณะก็แสดงรอยยิ้มที่อบอุ่นและอ่อนโยน
แล้วเสียง *แกร๊บ* เล็กๆ ก็ดังขึ้น เมื่อมองดูเสียงหญ้าที่เหยียบย่ำลงไป เราก็พบว่าเด็กชายสองคนกำลังเดินเข้ามาหาเรา
“พวกเขาเป็นเพื่อนเธอเหรอ เชลลี…?”
“ปะ เปล่า… นั่นคือ…”
แน่นอนว่าไม่เป็นเช่นนั้น แม้ว่าเชลลีจะดูแก่กว่าฉันนิดหน่อย แต่เด็กผู้ชายสองคนนี้ก็ดูเหมือนจะอายุประมาณ 6 หรือไม่ก็ 7 ขวบได้
เชลลีไม่สบายใจหรอ…? พวกเขาเป็นลูกผู้ดีขนาดนั้นเลยหรอ? หรือบางทีพวกเขาอาจจะแค่น่ากลัว? หรือบางทีพวกเขาอาจจะเป็นพวกคนงี่เง่า แต่ไม่ว่าจะพวกไหน พวกมันก็แย่มากที่ทำให้เชลลีที่น่ารักตกใจ
พอคิดได้อย่างนั้นฉันก็ข่มขู่พวกเขา… โดยการมองจ้องไป เด็กชายที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้าหยุดครู่หนึ่ง… แต่ยังคงเดินต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
โฮ่ โฮ่ ทำได้ดีมากที่กล้าต่อต้านสายตาของฉัน ฉันขอชื่นชมเลย ฉันวางมงกุฎดอกไม้ที่ขาดรุ่งริ่งอันแรกที่ฉันทำไว้บนหัว ขณะคิดอย่างนั้น
“........... เธอคือยูรุเชียใช่ไหม”
เด็กชายผมบลอนด์แดงถามอย่างหยิ่งผยอง เจ้าเด็กนี่......
“ใช่......แล้ว⁓”
“ฉันเคยได้ยินเรื่องของเธอ… จากคุณอา แค่นั่นแหละ”
อาหรอ ใครอะคุณอาคนนั้น?
“คุณอา....”
“เฮ้ ดูนั้นสิ!”
“อ่ะ....”
ทันใดนั้น แขนของฉันก็ถูกจับ และใบหน้าของเขาก็ใกล้เข้ามาเมื่อฉันเงยหน้าขึ้น
นุ หนุ่มหล่อ ⁓… แต่นิสัยไม่ดี ผู้ชายที่ปฏิบัติต่อผู้หญิงด้วยความไม่สุภาพ มันไม่มีประโยชน์ถึงจะเป็นแค่เด็กเหลือขอก้ตาม ทำตัวเป็นลุงที่สุขุมและดูดีกว่านี้หน่อยสิ
พอฉันจ้องไปที่เขา เขาก็ย่อตัวลงครู่หนึ่ง แล้วก็จ้องกลับมาทันที แต่ในเมื่อฉันถูกเด็กเพ่งมอง ฉันก็ไม่กลัว อ่า ใช่แล้ว
ฉันเอามงกุฎดอกไม้ไปสวมบนหัวของเขา
“เอาไปเลย”
มงกุฎที่ขาดรุ่งริ่งนั้นไม่เหมาะที่จะสวมบนหัวของราชาแห่งขุนเขาหรอ?
“.....เธอ!!!”
“ไง”
สำหรับเด็กที่ดูเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ฉันเอียงหัวราวกับว่าจะพูดว่า (ฉันไม่เข้าใจ) ภูมิใจในความเป็นเด็กชายเสียเถอะนะ ว่าไม่ได้เป็นคนเริ่มหาเรื่องกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆก่อน ปล่อยมือของฉันแล้วหันหลังกลับซ่ะ
“เฮ้ย! ไปกันเถอะ”
“อะ อืม”
เด็กชายอีกคนมองมาที่เขากับฉัน แล้วตอบด้วยท่าทางแปลกๆ เช่นเดียวกับเจ้าหัวหน้ายากูซ่าและลูกสมุนของเขาโดยที่มงกุฎดอกไม้ยังคงอยู่บนหัว เด็กชายถอยห่างออกไปสองสามก้าวแล้วหยุดกะทันหัน
“ฉันริค วันมะรืนนี้จะเป็นวันเกิดของฉัน เธอจะมามั้ย ยูรุเชีย”
“......... เอ๊ะ? อะไรนะ”
หลังจากประกาศเพียงฝ่ายเดียว ริคก็รีบจากไป
…… เอ๊ะ⁓ ⁓ ⁓ ⁓ ⁓ ⁓ ⁓ ?
“................”
“........ ทะ ท่านยูรุเชีย.....?”
เด็กคนนั้นกำลังพูดอะไรกัน? ฉันจะกลับบ้านในเช้าวันมะรืนนี้ และพรุ่งนี้ก็เป็นวันที่ฉันจะได้เห็นเมืองหลวงกับท่านพ่อของฉันอย่างมีความสุข ควบคู่ไปกับการเลือกของที่ระลึก ฉันตั้งใจที่จะกลับบ้านอย่างร่าเริงหลังจากนั้น
“ท่านยูรุเชีย ⁓”
ดังนั้นวันเกิดหรอ? วันมะรืนนี้? เป็นไปไม่ได้หรอก ตอนนี้ถึงจะมีวิธีที่ฉันจะสามารถเลื่อนการกลับไปเจอท่านแม่ของฉันล่าช้ากว่าที่กำหนดไว้ได้หนึ่งวัน แต่อย่างแรกน่ะ เด็กคนนั้นเป็นใครกันถึงใช้อำนาจเอาแต่ใจอย่างนี้?
“ท่านยูรุเชีย!”
“เอ๊ะ....? โอ้ ว่าไงน่ะ....”
“เปล่าเจ้าค่ะ แต่……เป็นอะไรมั้ย”
“ขอบคุณ…… เชลลีมีน้ำใจจังนะ…”
“ขะ ขอบคุณมากเจ้าค่ะ...”
เด็กคนนี้ช่วยได้เยอะจริงๆ ฉันดีใจที่ได้เจอเธอ
“เชลลี....เด็กคนนั้น เขาเป็นใคร?”
“เอ๊ะ? …… อืม… นั่นคือ…”
รู้ไม...? เธอเข้าสู่สภาวะอึกอักหาคำที่ถูกต้อง แสดงว่าเขาต้องเป็นลูกของครอบครัวที่มีอาชีพที่น่ากลัวสิน่ะ……แต่ทำไมเด็กคนนั้นถึงรู้จักชื่อของฉัน……? แล้วคุณอาคนนั้นเป็นใครกัน? ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ฉันจะต้องสวดอ้อนวอนขอให้ท่านพ่อไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคนเช่นนั้นเด็ดขาด
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด เด็กเหลือขอคนนั้นยกโทษให้ไม่ได้
.
.
.
.
ธิดาของเอิร์ล ออลีน: เชลลินน์ ลา ออลีน
เป็นวันที่ 16 ของนัตสึนากะที่เธอซึ่งมีอายุได้ห้าขวบเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านั้น เธอได้รับเรียกให้ไปทัศนศึกษาของพ่อและเล่าเรื่องแปลก ๆ
“งานเลี้ยงสังสรรค์แรกที่เชลลีจะเข้าร่วมได้ถูกเลือกแล้ว จะจัดขึ้นในอีกสี่วันในสวนของพระราชวังไคล์ เด็กคนอื่นๆ จะเข้าร่วม ดังนั้นเข้าหาพวกเขาน่ะ”
เมื่อเหล่าขุนนางอายุได้ 5 ขวบ พวกเขาก็จะสามารถเข้าร่วมแสดงความยินดีกับงานเลี้ยงน้ำชาอันสูงส่งได้ งานเลี้ยงน้ำชาครั้งแรกของเชลลีได้ตัดสินใจแล้วว่าจะจัดโดยน้องสาวของเอิร์ล ไวส์เคาน์เตสเบรย์
เชลลีเข้าใจว่าในฐานะเด็ก เธอไม่สามารถปฏิเสธคำเชิญได้..... แต่มันค่อนข้างกะทันหันเมื่อความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นในเวลาอีกเพียงแค่สี่วัน อาจมีเพียงหนึ่งหรือสองคน นั่นอาจเป็นจำนวนผู้เข้าร่วมที่ได้ลำดับความสำคัญที่สุดแล้ว ส่วนคนอื่นจะถูกลำดับเฉพาะในกรณีที่เกิดวิกฤตด้านจำนวนคนมางานน้อยเท่านั้น
แม่ของเธอจะต้องรีบสั่งชุดใหม่ แต่เชลลีกังวลใจที่จะพูดความจริงนั้นกับพ่อของเธอ
“ขอโทษนะเชลลี ไม่ใช่งานเลี้ยงน้ำชาที่น่ากลัวอะไรหรอก เฉพาะเด็กเท่านั้นที่จะเข้าร่วม และตำแหน่งทางสังคมพร้อมกับชื่อครอบครัวไม่สำคัญ ลูกควรสนุกกับตัวเอง”
จะไม่มีความสัมพันธ์กับสถานะเข้ามาเกี่ยว…… กล่าวอีกนัยหนึ่ง คนที่เข้าร่วมไม่จำเป็นต้องเปิดเผยสถานะของพวกเขา และเนื่องจากจะมีแต่เด็กๆเข้าร่วมเท่านั้น เชลลีที่เพิ่งอายุ 5 ขวบจึงน่าจะเป็นน้องสุดในงาน เธอไม่รู้ว่ามีใครบ้างที่จะเข้าร่วมและไม่รู้จะพูดอะไรด้วย
เอิร์ลซึ่งได้มาถึง พูดสรุปเรื่องข้างต้นทั้งหมดให้ลูกของเขาฟัง เขาสบตากับลูกสาวของเขาและพูดด้วยรอยยิ้มแย้มแจ่มใส
“พ่อจะบอกความจริงกับลูก เรื่องนี้ได้รับการร้องขอจากเพื่อนของพ่อเอง ลูกสาวของเขาถูกขอให้เข้าร่วมโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า เด็กคนนั้นไม่เคยออกไปข้างนอกเลยเนื่องจากสุขภาพไม่ดี และเธออายุน้อยกว่าเชลลีด้วย”
อายุยังไม่ถึงสี่ขวบ เด็กคนนี้จะได้เข้าร่วมด้วย เพื่อความสบายใจและคอยดูแล เชลลีจึงถูกขอให้เข้าร่วม
.......................
ในวันงานเลี้ยงน้ำชา เชลลีได้พบกับนางฟ้า นางฟ้าที่มีผมสีทองเป็นประกายและความงามที่ทำให้คนคิดว่าเธอไม่ใช่มนุษย์
เธอมีรูปร่างหน้าตาที่ชวนมองจนแทบไม่อาจหลบสายตาและแทบหยุดหายใจ เธอโค้งคำนับให้คนอื่นอย่างสง่างามก่อนจะเดินกลับไปถึงโต๊ะที่ไม่มีใครนั่ง พอเธอถอนหายใจเล็กๆของเธอ ทุกคนที่อยู่รอบๆ ก็หายใจเข้าได้อีกครั้งและนึกถึงหน้าที่ของตัวเอง พวกสาวใช้ก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวคนอื่นๆ มุ่งแต่จะเข้าหาเธอเนื่องด้วยรูปโฉมที่ชวนหลงใหลราวกับนางฟ้า แต่เชลลีสังเกตเห็นว่าเธอกำลังมีความทุกข์ — และบางทีอาจจะเหงาด้วย — เมื่อเธอจ้องไปที่ขนมที่อยู่ข้างหน้าเธอทั้งที่ไม่ได้ยกมือขอ บางทีเธออาจเป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อ
ใครกันที่เป็นผู้กำหนดว่าเชลลีเหมาะที่จะปกป้องเด็กคนนี้? เธอคิด
พอเธอได้เอ้ยปากพูด เธอดูฉลาดพอที่จะทำให้ใครๆ ก็คิดว่าเธอไม่เด็กเลย และถึงแม้เธอจะมีความรู้สึกเย็นชาราวกับตุ๊กตา แต่เธอก็ยังเป็นเด็กดีที่รู้จักขอบคุณสาวใช้ที่นำของมาเสิร์ฟให้เธออย่างเหมาะสมอีกด้วย
นามของเธอคือยูรุเชีย เชลลีเริ่มชอบเธอทันที ราวกับว่าเธอหลงเสน่ห์ปีศาจ.........
เมื่อพวกเขาได้เล่นด้วยกัน เด็กชายสองคนก็เดินเข้ามา เขาไม่รู้จักเชลลี แต่เชลลีรู้จักเขา เขาเป็นเด็กที่เห็นแก่ตัวและหยาบคาย แม้ว่าเชลลีจะทำอะไรไม่ได้นอกจากตกใจ แต่ยูรุเชียก็ไม่แสดงอาการลำบากใจใดๆ และจ้องมาที่เขาด้วยดวงตาสีทองอันอ่อนโยนของเธอ จากนั้นเธอก็ไล่เขาไปอย่างง่ายดายโดยให้มงกุฎดอกไม้เล็กๆ แก่เขาเท่านั้น
เชลลีรู้สึกประทับใจกับรูปลักษณ์ของเธอ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็อิจฉาเด็กชายทั้งสองคนที่ได้สบตากับเธอ
เธอจึงมีความตั้งใจ และตัดสินใจขอพ่อของเธอไปร่วมงานวันเกิดของเด็กคนนั้น
เธอจะคอยขับไล่พวกแมลงที่พยายามเข้าใกล้ยูรุเชียทุกคนเลย......................