เล่มที่ 1 บทที่ 10: พรของปีศาจ
“ท่านอัลเบอร์ทีน!!!”
ซุมานะไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
ความรู้สึกมากมายที่เขามีต่ออัลเบอร์ทีนทำให้เขาต้องเป็นเครื่องสังเวย รอยยิ้มของเด็กน้อยคนนั้นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา...กำลังหักคอคนที่เขารัก
ตอนนี้สมองของเขาว่างเปล่า จากนั้นเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชังอย่างรวดเร็ว แต่ทันทีที่เขาเอื้อมมือไปหยิบดาบออกมา เขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกชั่วร้าย
ดวงตาที่น่ารักของสาวน้อย… ส่วนของความไร้เดียงสาถูกกัดกร่อน
ประกายแวววาวราวกับทับทิมปรากฏขึ้นรอบๆ รูม่านตาสีทองซีดของเธอ ภายใต้ริมฝีปากสีเชอร์รี่ของเธอ ปรากฏเป็นเขี้ยวสีแดงราวทับทิมสวยงามแสดงให้เห็น
จากสาวน้อยน่ารักได้แผ่รัศมีอันรุนแรงของการข่มขู่และปรากฎตัวออกมา สาวน้อยปักเขี้ยวของเธอแทงลงบนคอของอัลเบอร์ทีนที่ยังอุ่นๆ ซุมานะยังคงยืนนิ่งเหมือนถูกแช่แข็ง
เลือดพุ่งออกจากลำคอของเธอ....
ราวกับเธอตั้งใจ เลือดของอัลเบอร์ทีนไหลเข้าปากของเด็กหญิงตัวน้อยๆดั่งสายน้ำไหล
“..... แวมไพร์?”
อสูรร้ายในตำนาน
ในอดีต อาณาจักรที่เต็มไปด้วยแวมไพร์และล่มสลาย และเมื่อไม่นานมานี้ มีแวมไพร์เพียงตัวเดียวที่ได้ปรากฏตัวขึ้นในอาณาจักรใกล้เคียง ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องหลบหนี
และสิ่งนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขา มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้าย…?
อาจเป็นเพราะเธอได้ยินเสียงของซุมานะ สาวน้อยจึงผละออกจากคอของอัลเบอร์ทีนเพื่อหายใจ และบ่นพึมพำอย่างสงสัยในขณะที่มองเข้าไปในดวงตาของเขา:
“..... แวมไพร์งั้นหรอ?”
เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่างออกไปก่อนจะตบท้องของตัวเองและ *เอิ๊กกก* เรอออกกมาอย่างน่ารัก
ซุมานะสั่นเทาเมื่อได้เห็น
ฆ่าคนและดื่มเลือดเป็นอาหาร............
ในสายตาของเธอที่มองมาที่ซุมานะ เขาไม่ได้ถูกมองว่าเป็นศัตรูหรือแม้แต่มนุษย์ แต่กลับถูกมองว่าเป็นอาหารเท่านั้นเขารู้ดี
“.......................”
ซุมานะกัดฟันเพื่อไม่ให้คร่ำครวญออกมาเสียงดัง และเริ่มวิ่งหนีจากสัตว์ร้ายตนนี้ เพื่อล้างแค้นศัตรูของผู้ที่เขารัก จะเสี่ยงแค่ไหนเขาก็จะกลับมาล้างแค้นแน่นอน
เขาเรียกกำลังเสริม
“ท่านมาร์ควิส บรันโนว ให้ผู้อัญเชิญเริ่มพิธีกรรมได้!”
มาร์ควิส บรันโนว รีบเข้ามาทันทีที่เขาเรียก แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่ตกอยู่ในความหวาดกลัวและสับสน แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงการปรากฏตัวของสัตว์ร้าย
“ซุมานะคุงมันคืออะไร? บรรยากาศแบบนี้ไม่ใช่เรื่องตลกน่ะ”
“น่าจะเป็น… แวมไพร์ มันค่อนข้างแข็งแกร่งด้วย…”
“ละ แล้วท่านอัลเบอร์ทีนล่ะ!?”
“ท่านอัลเบอร์ทีน......”
บรันโนวเข้าใจใบหน้าที่เจ็บปวดอย่างสุดจะพรรณนาของซุมานะได้ เขากำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว บรันโนวจะยกย่องและทำตามความตั้งใจของเธอ ดอกกุหลาบงามได้ถูกทำลายลง ความเกลียดชังก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา
“....เราจะชนะมั้ย ถึงแม้ว่าเราจะใช้ปีศาจพวกนั้น....?”
“...อาจจะ”
“....เอาล่ะ เหล่าอัศวินและทหารกล้าทั้งหลาย! อยู่ให้ห่างจากแวมไพร์ตนนั้นไว้! ซุมานะคุงจำไว้ว่ามันจะควบคุมได้ต้องสังเวยเท่านั้น”
“จงใช้....สติปัญญา”
เมื่อเห็นซุมานะมีสีหน้าแน่วแน่บนใบหน้าของเขา มาร์ควิส บรันโนวก็ตัดสินใจเช่นกัน
“มัน.... มันมาแล้ว!”
เสียงของทหารก้องอยู่ในห้องใต้ดิน
น้ำเสียงฟังดูสับสน ถึงเป้าหมายจะมีกลิ่นอายความน่ากลัวนั้น แต่ก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงตัวน้อยๆน่ารัก ที่ถึงกับทำให้พวกเขาหยุดชะงักด้วยความหลงใหล
หากพวกเขาไม่ได้ยินว่าเป็นแวมไพร์ พวกเขาคงจะลังเลที่จะดึงอาวุธออกมา
“จัดการมันซ่ะ! อย่าให้มันเข้ามาใกล้เกินไป!”
แม่ทัพอัศวินผู้บัญชาการตะโกน เหล่าทหารวิ่งกวัดแกว่งดาบและหอก พวกเขาจะลังเลใจกับรูปลักษณ์ที่น่าหลงใหลของมันไม่ได้
'จะเป็นคนไปไม่ได้ เพราะมันมีตาและเขี้ยวสีแดงเข้ม... ใบหน้าของเธอต้องเป็นภาพลวงตา' เพื่อให้พวกเขาทำตามคำสั่ง พวกเขาต้องหยุดความคิดนั้นเอาไว้
เด็กหญิงตัวน้อยชกหอกที่แหลมคมและใช้นิ้วดันไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ ทำให้ทหารถูกกระแทกเข้ากับเสาด้วยเนื้อตัวเปื้อนเลือด
เธอใช้ปลายนิ้วหยุดใบมีดของอัศวินคนหนึ่งและตบไปที่ไหล่ด้านซ้ายจนร่างปลิวไปไกล
เหมือนกับเด็กวัยกำลังหัดเดินตัวเล็กๆ ฝึกขับวงออร์เคสตรา เด็กน้อยโบกมือของเธอไปมา ทุกครั้งที่แกว่ง ร่างทุกร่างก็จะถูกฉีกขาด กระรุ่งกะริ่งหรือบดขยี้ไปหมด ...ราวกับว่ากำลังบรรเลงด้วยมือและเท้าของยักษ์ที่มองไม่เห็น ทหารและอัศวินยังคงถูกฆ่าตายต่อไปเลื่อยๆ
ดอกไม้สีเลือดที่เบ่งบานบนเพดาน พื้นกลายเป็นทะเลเลือด
แต่พวกที่ถูกฆ่าตายไปทั้งหมดนั้น ถือว่าเป็นผู้โชคดี
“..........โอ้ะ....โอ้.....”
เพียงพริบตาเดียว หอกเพลิงของผู้บัญชาการที่เป็นไพ่ใบสำคัญคอยช่วยเอาไว้ในขณะนั้นก็ถูกยับยั้ง ปราการเวทมนตร์ก่อตัวขึ้นด้วยมือที่กำลังยกขึ้นของเธอ ผู้บัญชาการอัศวินทรุดตัวลงจากความสิ้นหวังและความกลัว
เมื่อเห็นใบหน้าของผู้บัญชาการเปียกไปด้วยน้ำตา ร้องไห้เพื่อขอชีวิตจากเธอ สัตว์ร้ายที่งดงามก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะที่มันดูดเลือดของผู้หญิงในขณะที่เธอยังมีชีวิตอยู่
“....เอ่อ....อ๊าาาาาาาาา?!”
อัศวินที่เหลือทั้งสองลืมความภาคภูมิใจของพวกเขา แล้วทิ้งอาวุธวิ่งหนีไป
“อิอิอิ!”
อัศวินทั้งสองที่กำลังจะหนีออกจากเหล่าผู้อัญเชิญล้มลง คอของพวกเขาถูกซุมานะเฉือนมันทันที
“ซุมานะ เจ้า.....”
“ท่านมาร์ควิส ยังไงเราก็ต้องหาเครื่องสังเวยในไม่ช้า” “เร็วเข้า....”
มาร์ควิสตอบสนองต่อเสียงของเขา
'ถ้าเราพยายามหนี เราจะถูกฆ่า' ......ความคิดนี้ทำให้เหล่าผู้อัญเชิญเวทย์มนตร์ต้องดำเนินการในพิธีกรรมอย่างสิ้นหวัง
จากนั้น
ภายในเสี้ยววินาที..... ความรู้สึกเหมือนแสงจากตะเกียงถูกความมืดครอบงำ
การอัญเชิญก่อตัวขึ้น ร่างต่างๆ ผุดขึ้นมาเป็น ร่างของเกรตเตอร์เดมอนผู้ยิ่งใหญ่สามตน หนึ่งในนั้นมีความชั่วร้ายมากอย่างไม่ต้องสงสัยเลย อสูรตัวนั้นมีขนาดใหญ่กว่าเกรตเตอร์เดมอนอีกสองตัวเสียอีก มันมีรูปร่างที่ใกล้เคียงกับมนุษย์มากกว่าลิง
มันสวมเกราะที่ทำด้วยกระดูกและลำตัวด้านหลังมีปีกสีดำเหมือนเหยี่ยว
ในขณะที่ยังคงเป็นเกรตเตอร์เดมอน เห็นได้ชัดว่าเป็นการมีอยู่ที่เหนือกว่า
“ท่านเหล่าปีศาจ จงรับเอาเครื่องสังเวยเหล่านี้ไป… อ๊า ⁓ กกกกกก!”
ก่อนที่ผู้นำอัญเชิญจะทันพูดจบ ผู้อัญเชิญก็ถูกสังหารหมู่ทันที นอกจากนี้ ปีศาจยังกินซากศพของเหล่าอัศวิน ที่เป็นค่าตอบแทนสำหรับการมาปรากฏตัวในครั้งนี้อีกด้วย
“สัตว์ร้าย..... ปีศาจที่ถูกอัญเชิญมาโดยพลการ…”
มาร์ควิส บรันโนวพูดตะกุกตะกักด้วยความตกใจ แม้ว่าเขาจะเป็นจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่เองแท้ๆ แต่เขาก็แทบจะไม่รอดจากกรงเล็บของปีศาจได้เนื่องจากระยะนั้นมันเริ่มต้นจากเขาพอดี
ปีศาจสังเกตเห็นว่ามาร์ควิสกำลังหลบอยู่ มันมองไปทางเขาด้วยสายตาที่เจ้าเล่ห์ และพูดด้วยเสียงต่ำ:
“[ศพเหล่านี้ถูกสังเวยมาแล้วแต่ยังไม่เพียงพอ ข้าสงสัยว่าเจ้าจะทำสัญญาอีกหรือไม่…]”
ปีศาจพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
มาร์ควิส บรันโนวเข้าใจความหมายและรู้ถึงความเขลาของตัวเอง
การอัญเชิญอสูร.... ยังไม่ต้องพูดถึงการอัญเชิญเหล่าเกรตเตอร์เดมอน โดยปกติก็ถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามอยู่แล้วการอัญเชิญเหล่าเลซเซอร์เดมอนก็เป็นหนึ่งในเวทมนตร์ที่มีประโยชน์ที่สุดสำหรับผู้วิเศษที่จะได้รู้จักวิธีการเดินทางกับกลุ่มเล็กๆ เพราะมันง่าย พวกมันอัญเชิญได้ง่ายกว่าพวกเหล่าวิญญาณ
เหตุใดการอัญเชิญพวกมันจึงเป็นสิ่งต้องห้าม.....?
เป็นคำถามที่ไม่ยากเกินไป: ในอดีตเกรตเตอร์เดมอนที่ถูกอัญเชิญมา ได้อาละวาดโดยที่ผู้ร่ายไม่สามารถควบคุมได้ มันทำลายปราสาทและเมืองนี้ จนทำให้มีผู้สูญเสียจำนวนมากถูกใช้เป็นตัวอย่างสำหรับกฎหมาย
แล้วด้วยเหตุนี้ ทำไมมาร์ควิส บรันโนวถึงเตรียมเครื่องบูชาเพียงไว้เท่านี้ล่ะ?
เขามั่นใจว่าเกรตเตอร์เดมอนจะพึงพอใจโดยไม่คำนึงถึงราคาของมัน เขาเชื่อว่าเขามีมากเกินพอสำหรับปีศาจที่แข็งแกร่งซึ่งขอเครื่องสังเวยมากขึ้น
เขาคิดผิดเกี่ยวกับพลังอำนาจของเหล่าปีศาจ
เขาเข้าใจผิดในพรสวรรค์ของตัวเองมาตลอด
เขาทำพลาดไปแล้ว ผลที่ได้คือเขาไม่เพียงแต่จะต้องมาตายเท่านั้น แต่เขายังได้ปลดปล่อยปีศาจร้ายออกมาอีกด้วย
“ถ้าเจ้าต้องการเครื่องสังเวยอีก งั้นก็พาข้าไปเสียเถอะ!”
ดูจากที่มาของเสียงแล้วมาร์ควิส บรันโนวก็เห็น ซุมานะที่ยืนอยู่ตรงนั้นและใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
“นำวิญญาณที่ชั่วช้าของข้าและรับคำสั่งจากข้าซ่ะ! หากเจ้าต้องการเครื่องสังเวยเพิ่ม มีพวกเด็กๆอีกประมาณ 50 คนในอีกห้องหนึ่ง ด้วยสิ่งนี้ตามพันธสัญญาของเรา เจ้าต้องรับใช้ท่านมาร์ควิส บรันโนว”
“[.......จึจึจึ]”
ปีศาจเดาะลิ้นของมันและมองไปที่ซุมานะ
เมื่อกระทำการโดยไม่ได้รับอนุญาต สิ่งมีชีวิตที่ถูกอัญเชิญจึงยังมีหนทางที่จะสามารถจัดการกับมันได้อยู่ ในการเจรจากับปีศาจและร่างสัญญาอย่างรวดเร็ว ซุมานะได้ตัดสินใจถูกต้องแล้ว
“[แล้ว.... คำสั่งล่ะ....?]”
“เอาชนะศัตรูของเรา”
“[… เข้าใจแล้ว]”
วินาทีต่อมา ปีศาจได้ฉีกหัวของซุมานะและกินมันเข้าไป พันธสัญญากับเขาถูกปิดผนึกไว้ด้วยกัน วิญญาณของซุมานะถูกปีศาจกินเข้าไปและดับสลาย
“[......ศัตรู.....]”
ราวกับกำลังรอให้สัญญาเสร็จสิ้น พลังเวทมนตร์มากมายแผ่ขยายออกไปโดยไม่รู้สึกตัวจนถึงตอนนี้ในห้องใต้ดิน
“อะ....อะไร?”
*แปะ แปะ แปะ (ปรบมือ)*……ที่ทางออก มีเสียงปรบมือดังขึ้น ปีศาจถึงเพิ่งจะสังเกตเห็นสาวน้อยน่ารักที่ยืนอยู่ข้างใน
....................
ฉัน ฉันขอโทษ…. ฉันทำแบบนี้อีกแล้ว
ฉันไม่สามารถทนต่อความรักได้มากขนาดนี้ นั่นทำให้ฉันแทบคลั่ง...
สิ่งที่ฉันทำ ฉันจำได้ดีทุกอย่าง
มันอร่อยมากจนฉันหยุดตัวเองไม่ได้ ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ฉันเห็นก็ถูกบดขยี้และตัวบิดเป็นเกลียวไปหมด
คุณคนสวย ฉันขอโทษน่ะ แต่มันอร่อยมากจริงๆ
ความรัก ความโกรธ ความเกลียด และความเศร้า..... กลายเป็นความต้องการ จนถึงตอนนี้มันเป็นสิ่งที่อร่อยที่สุดที่ฉันเคยลิ้มลองมาเลย ไม่ใช่ว่าฉันต้องการกินเลือดหรือเนื้อของมนุษย์หรอกน่ะ แต่ที่กระจายอยู่ในร่างของมนุษย์คือกรรมอันหอมหวานและจิตวิญญาณอันโอชะ
แม้ว่าปีศาจจะบอกว่าชอบวิญญาณที่ไร้เดียงสาก็เถอะ… แต่รสชาตินั้นมีไว้สำหรับเลซเซอร์เดมอนต่างหาก วิญญาณที่มีโชคชะตาอันลึกซึ้งสิ.... ถึงจะมีเสน่ห์และกลิ่นหอมละมุนอยู่รอบๆ
ทำไมฉันถึงดื่มเลือดจนหมดน่ะ… ฉันรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย
ฉันต้องใจเย็นๆ....ใจเย็นกว่านี้หน่อยสิ
แต่ฉันแปลกใจกับตัวเอง
ฉันไม่ได้หวังว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลย… ถึงจะฆ่าคนก็เถอะ การมีจิตใจเหมือนมนุษย์คือเป้าหมายของฉัน แต่ฉันมานึกดูอีกครั้ง
ฉันไม่สามารถแยกแยะระหว่างคุณค่าของชีวิตมนุษย์ได้… ฉันแค่ไม่เข้าใจความแตกต่างของมัน
นี่ฉันชอบพวกเขาหรือเปล่านะ?
พวกเขารสชาติดีแค่ไหนนั้นคือความแตกต่างที่ฉันสามารถบอกได้
“ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นปีศาจจริงๆสิน่ะ.....”
คิดได้ตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว
“ว่าแต่… พวกเขากำลังทำอะไรกัน?”
ฉันกำลังดูตอนที่ฉันกินวิญญาณของอัศวินผู้น่าสงสารเหล่านั้น เลยรู้นิดหน่อย...
พวกอัศวินที่หนีไม่พ้นก็ถูกเฉือด ฉันควรจะคุยกับพวกพี่ชายและคนแปลกหน้านั้นเสียก่อน แต่พอฉันเพิ่งไปถึงที่นั่น [พวกเขากำลังอ่านอากาศ] หรืออะไรซักอย่างก็น่าจะพูดกับฉัน
ฉันรู้สึกถึงพลังเวทมนตร์ที่มหาศาลเกิดขึ้นอีกห้องหนึ่ง.... ฉันคิดว่ามันต้องเป็นเวทย์อัญเชิญ มีผู้วิเศษกำลังปล่อยให้เวทมนตร์ที่ไม่มีรูปแบบเกิดขึ้น
โอ้ ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างถูกอัญเชิญออกมาด้วย
การอัญเชิญครั้งใหญ่นี้เรียกปีศาจออกมาถึงสามตน… เดี๋ยวนะ ปีศาจพวกนั้นเองเหรอ?
นั่นเป็นปีศาจที่ค่อนข้างใหญ่อยู่พอสมควร มีปีศาจแบบนั้นอยู่ในโลกปีศาจด้วยหรอ? โลกปีศาจนั้นกว้างใหญ่ ดังนั้นจึงมีปีศาจประเภทที่ฉันไม่รู้จักอีกสิน่ะ.... เห้อ?
เด็กที่อยู่ตรงกลางนั่น… ดูไม่คุ้นเลย?
......ในอีกห้องหนึ่งฉันจำไม่ได้ แต่กว่าที่ฉันจะรู้สึกตัว การเจรจาก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว
เข้าใจล่ะ เทคนิคการเจรจาต่อรองของปีศาจ: ฉันจะศึกษาไว้ให้ดี แต่.... ต้องสังเวยตัวเองเนี้ยน่ะ ผู้ชายคนนั้น....เขานี่น่าทึ่งจริงๆ ฉันไม่ควรเอาวิญญาณของอัศวินมาก่อนโดยไม่ได้ทำสัญญาสิน่ะ
อืม ขอโทษที
สงสัยพวกเขากำลังจะตกลงกันเสร็จแล้ว?
ขณะที่ฉันปรบมือให้กับการร้องขู่คำราม ในที่สุดฉันก็จำได้ว่าใครเป็นใคร
“เจ้าคือ...”
ปีศาจคำรามใส่ฉัน ฮะ? เรารู้จักกันหรอ?
“ปิ-ปีศาจ! ฆ่าแวมไพร์นั่นซะ!”
.....ฉันถูกเรียกอีกครั้ง
แวมไพร์นี้ คือตัวอะไรกันแน่.... ฉันจะให้คนสอนฉันมากกว่านี้แล้วเมื่อได้กลับไปที่โลกแห่งปีศาจ
“[กู~โอกะ~อาาาาาาาาาาา]”
ปีศาจตัวเล็กสองตัวเดินเข้ามาหาฉัน
แน่นอน เมื่อเทียบกับฉันสองตนนั้น ใหญ่กว่า แต่เนื่องจากพวกมันมาช้ามาก ฉันจึงมีเวลาเหลือเฟือ
แม้ว่าฉันจะมีพลังของปีศาจด้วย แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าพลังของฉันจะสามารถเข้าถึงได้มากแค่ไหน
ฉันร่ายมนตร์อสูรลงบนปลายนิ้ว เพื่อสำแดงกรงเล็บสีแดงในร่างดั้งเดิมของฉัน
*ฟรุบ! *
“.....เอ๋?”
พวกมันหายไปก่อนที่กรงเล็บของฉันจะผ่าเอา…? หมอกควันสีดำจากปีศาจตัวเล็กสองตัวลอยเข้ามาหาฉัน รสชาติเหมือน… [ลิงจิ๋ว]? ที่เป็นอาหารว่างของฉันเลย
แปบน่ะ....
ลิงจิ๋วที่ถูกอัญเชิญมายังโลกแห่งวัตถุกลายเป็นสิ่งนี้เองหรอกหรอ? คนที่อยู่ตรงนั้นก็คือเด็กคนนั้น...
“พวกเจ้าจะยกโทษให้ข้าใช่มั้ย… เผอิญว่าเจ้าวิ่งหนีข้าน่ะ เจ้าลิงใหญ่?”
โอ้ ดูเหมือนว่าฉันจะพูดถูก เจ้าลิงทำหน้าตกใจ
“[......กูววว—]”
“อะไรกัน.......”
คนแปลกหน้าที่อยู่ข้างๆ ทำสีหน้าท่าทางอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขามองระหว่างฉันกับเจ้าลิง อ่า โทษที… เจ้าลิง… ฉันจะบดขยี้ความเย่อหยิ่งของเจ้าหลังจากที่เขาใช้ความเจ็บปวดมากมายเพื่ออัญเชิญเจ้ามา
“[กูกา~อา~อาาาาาาา!]”
เจ้าลิงคำรามอย่างกะทันหัน พร้อมกับร่ายลูกไฟนับสิบ
“...........เอ๋?”
พวกมันยิงลูกไฟออกมา แต่แค่ฉันยกมือขึ้นเปลวเพลิงก็หยุดลงด้วยเวทย์บาเรียแล้ว เจ้าลิง กำลังทำอะไรเนี้ยะ?เดี๋ยวก่อนนะ นั่นค่อนข้างเยอะอยู่น่ะ มันดูสับสนมากหลังจากที่ยิงมาเมื่อกี้แล้วก็ล้มเหลว เฮ้… หยุด…
“พอที!”
เสียงตะโกนของฉันกลายเป็นเวทมนตร์ที่มีพละกำลัง เจ้าลิงถูกพัดไปที่อีกด้านหนึ่งของห้อง ร่างถูกฝังลงไปในกำแพง
จริงดิ......
“คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันทำชุดที่พ่อให้มาสกปรก”
ทั้งตาแก่และเจ้าลิงไม่เข้าใจที่ฉันพูด ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ?
จากนั้น
“พวกเจ้า..... ทำไมถึงใช้เวทมนตร์เหมือนมนุษย์ล่ะ”
ฉันไม่เข้าใจจริงๆ
ปีศาจถูกสร้างขึ้นจากเวทมนตร์ ทุกการกระทำที่พวกเขาทำจะถูกเติมด้วยพลังเวทและเปลี่ยนเป็นเวทมนตร์
ฉันยกมือขึ้นทำให้เกิดเวทย์บาเรีย ผลักไปข้างหน้าจากมือจะกลายเป็นคลื่นไปกระแทกกับเวทมนตร์ ปีศาจไม่จำเป็นต้องพึ่งพาไฟและลมเหมือนมนุษย์จริงๆ
“ทำไมเจ้าถึงไม่ใช้พลังเวทบริสุทธิ์ของปีศาจล่ะ จนถึงตอนนี้เจ้ายังใช้เวทมนตร์ต่ำๆของพวกมนุษย์อยู่อีกหรอ?”
มันเหมือนกับปรมาจารย์ด้านการต่อสู้ ต่อสู้ด้วยค้อนเด็กเล่นที่มีดังเสียงแหลมๆปี๊บๆปี๊บๆ… เป็นการเปรียบเทียบได้แปลกมาก ขอโทษที
'พวกเจ้าไม่สามารถดึงเอาพลังเวทบริสุทธิ์ของตัวเองออกมาได้เพียงพอหรือ?'… มองเข้าไปในดวงตาของมัน ฉันเห็นมันคิดว่าฉันกำลังดูถูกพวกมันอยู่ เขากำลังดูถูกฉัน
“....ทะ ทำไม จะ เจ้าแวมไพร์”
ตาลุงคนแก่ยังไม่เข้าใจ ฉันจ้องเขาอย่างเย็นชาแล้วยิ้ม
“ก็เพราะ… ฉันเป็นปีศาจนะสิ รู้ไหม”
*โว้วว*
สะบัดผมสีทองของฉันออกไป ปีกค้างคาวยาวห้าเมตรที่มีสีเดียวกันก็กางออกจากข้างหลังฉันทันที
ฉันกระพือปีกที่เรียวยาวและค่อย ๆ บินขึ้นไปในอากาศจากเบื้องบน ฉันพูดกับตาลุงคนแก่แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเจ้าลิงก็ลุกขึ้นโจมตีฉัน:
“......พวกเจ้ากำลังกวนประสาทฉันอยู่”
ด้วยการแกว่งปีกเพียงครั้งเดียว เจ้าลิงก็หายไปไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้องมันถูกสะลายหายไปจากโลกนี้: ถูกฉันกินหนะแหละ
แม้แต่ฉันก็ไม่คิดว่าจะฟังดูเท่ขนาดนั้น ถึงฉันจะอายุแค่ 3 ขวบก็เถอะ...
งั้น… สำหรับพวกที่เหลือตอนนี้
“อะ อ๊ากกกกกกกกก”
ฉันบอกไม่ได้ว่าเขากำลังพูดอะไร แต่ตาแก่คุกเข่าและมองมาที่ฉัน
.....อืม? มีบางอย่างแปลกๆ กับคนๆนี้…? ฉันรู้สึกได้ว่าเขากลัวฉัน แต่ตาแก่นี่ไม่ได้รู้สึกหมดหวังแฮะ
คืออะไรกันน่ะ? ความรู้สึกนี้
มันเหมือนกับความรู้สึกมัวเมาที่ฉันรู้สึกได้จากเด็กๆ ที่ฉันเคยรักษามาก่อน กลิ่นหอมตลบอบอวล
แต่… ตอนนี้ฉันค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับมัน
“เข้ามา”
ที่ฉันพูดด้วยท่าทางสงบ เขาคลานเข้ามาใกล้ฉันด้วยท่าทางแปลกๆ แย่อะไรขนาดนั้น น่ากลัวจริงๆ
....เขาเป็นพวกมาโซคิสต์หรือเปล่าเนี้ยะ ฉันสงสัย?
ความอยากรู้ไม่เคยฆ่าแมวตัวไหนเลยจริงๆ
“.....ขอบคุณสำหรับอาหาร”