เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 163
ตอนที่ 163
ในตอนนั้นเอง ซวนชางหลินก็ยิ้มอย่างต้องการแสดงความเหนือกว่า เขายืดหลังตรงและยิ้มไปพลางกล่าว
“อย่างไรเสีย ตระกูลซวนของข้าก็ยังคงสง่างามเช่นเคย เช่นเดียวกับตระกูลหลิน พวกเราคือตระกูลที่นิยมการอยู่ด้วยกันแบบผัวเดียวเมียเดียว!”
“ตระกูลเป่ยเฉินต้องการจะแต่งให้ลูกสาวของพวกเรา มิใช่ภรรยา แล้วมันจะเกี่ยวอันใดกัน?” เป่ยเฉินจ้านหัวเราะออกมา
“ก็จริงอยู่ว่าสิ่งนี้อาจจะมิได้สำคัญในสายตาของเจ้า แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ควรจะพูดถึง” ซวนชางหลินเองก็ฉีกยิ้มให้อีกฝ่าย
แม้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะยังยิ้มให้แก่กัน แต่อย่างไรก็ตาม สายตาของพวกเขาที่ประสานกันกลางอากาศก็แทบจะลุกไหม้เป็นประกาย
“เอาล่ะ เอาล่ะ พวกเจ้าทั้งคู่หยุดตีกันได้แล้ว การจะพูดคุยกับข้าเรื่องย่อมไร้ประโยชน์ ต้องให้ซวนเอ๋อร์นั้นเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ตราบเท่าที่ซวนเอ๋อร์ต้องการ การที่เขาจะแต่งทั้งสองเข้ามาก็ย่อมเป็นเรื่องที่พวกเราเห็นด้วย” หลินเปายิ้มออกมาพลางแตะลูกหนังไปยังหลินซวนตัวน้อย
เป่ยเฉินจ้านและซวนชางหลินมองหน้ากันไปมา หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง พวกเขาก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ดูแล้วช่าง “สมานฉันท์” ยิ่งนัก
ตาแก่งี่เง่า!
เจ้าเด็กสวะ!
ในเมืองต้าหยาน งานเลี้ยงของตระกูลหลินยังคงดำเนินต่อไป ทุกคนต่างฉลองกันอย่างรื่นเริงและสนุกสนานเต็มที่!
………….
หลังจากที่เหล่าตระกูลมากมายที่ส่งคนของพวกมันไปเฝ้ามองอยู่ด้านนอกของต้าหยานได้ยินข่าวนั้นจากสายของตน พวกมันก็ราวกับปลาที่ถูกน้ำร้อนราด
“ราชวงศ์อมตะพ่ายแพ้ให้แก่ตระกูลหลิน กองทัพนับล้านของพวกมันถูกสังหารจนไม่เหลือแม้แต่ชีวิตเดียว พวกเจ้าไปได้ยินข่าวนั้นมาจากที่ใด?”
“ข้าเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยตาของตนเอง! ภาพเขียนที่ยืดยาวกว่าห้าพันลี้ ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนโบยบินบนท้องฟ้าราวกับจะฉีกกระชากทุกสรรพสิ่ง กองทัพนับล้านของราชวงศ์ถูกสังหารลงในค่ายกลแห่งนั้น กระทั่งเหล่าชนชั้นแก่นทองคำยังมิอาจจะทนทานได้และตกตายลง!”
“ยิ่งกว่านั้น ค่ายกลที่แสนน่าหวาดผวากลับถูกสร้างขึ้นด้วยน้ำมือของเซียนน้อยตระกูลหลิน หลินซวน!”
“อีกทั้ง ท้ายที่สุด เขาถึงขั้นนำเอาตัวอ่อนกระบี่เล่มหนึ่งออกมา กระบี่เล่มนั้นทรงพลังน่าเกรงขามจนทุกคนที่เห็นต่างต้องตกตะลึง! ข้านั้นกล้าพูดเลยว่ามันคือสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกใบนี้!”
เหล่าตระกูลมากมายในอาณาเขตเหนือครามต่างได้รับรู้สถานการณ์ทั้งหมด และสีหน้าของพวกมันดูสยดสยองยิ่งนัก เป็นเพราะว่าพวกมันมิอาจทำให้เชื่อในสิ่งที่ได้ยินลง!
ใครเล่าจะไปคาดคิดว่าราชวงศ์อมตะที่น่าหวั่นเกรงนั้นจะพ่ายแพ้ให้แก่ตระกูลเล็กๆ ตระกูลหนึ่ง!
นี่ยังมินับว่าตระกูลเล็กๆ นั้นมีเพียงยอดฝีมือแดนก่อตั้งจิตเพียงผู้เดียวคอยปกป้องอยู่
“เจ้าว่าอย่างไรนะ? จ้าวห้วงเหวปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยเหลือตระกูลหลิน? มิใช่ว่าพวกมันเคยต่อสู้กันก่อนหน้านี้หรอกหรือ? แล้วเหตุใดพวกมันจึงกลายเป็นพันธมิตรกันได้?”
“ตัวอ่อนกระบี่? มันคือสิ่งใด? เหตุใดทารกวัยเพียงครึ่งปีจึงได้มีสมบัติวิเศษเช่นนั้น?”
ผู้คนมากมายต่างหวาดผวา ทว่ามีตระกูลอีกนับไม่ถ้วนเช่นกันที่ยินดีกับข่าวนี้
“ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมเป็นที่สุด!”
“พวกราชวงศ์อมตะบัดซบนั่นสังเวยอัจฉริยะของพวกเราไป บัดนี้พวกมันถูกตระกูลหลินโจมตีกลับ สิ่งนี้ย่อมทำให้หัวใจอันรวดร้าวของพวกเราสงบลงได้บ้าง!”
ตระกูลเหล่านี้ถูกราชวงศ์อมตะทำร้ายอย่างเจ็บปวด หากมิใช่เพราะว่าพวกเขาหวาดกลัวราชวงศ์จนขึ้นสมอง พวกเขาคงลุกขึ้นมาจัดงานเลี้ยงฉลองด้วยตนเอง!
อย่างไรก็ตาม มีบางตระกูลที่เพียงถอนหายใจและส่ายหน้าออก มาเมื่อได้รับรู้สถานการณ์ทั้งหมด
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ราชวงศ์อมตะย่อมต้องการทุ่มจนสุดชีวิตเพื่อกำจัดตระกูลหลิน! กองทัพนับล้านและยอดฝีมือแดนก่อตั้งจิตอีกถึงห้าคน หนึ่งตกตาย หนึ่งพิการ อีกสามบาดเจ็บสาหัส ถึงแม้ว่าราชวงศ์อมตะจะพบเจอกับความสูญเสียถึงเพียงนี้ แต่หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับตระกูลธรรมดา พวกมันย่อมล่มจมไปนานแล้ว”
“ทว่า อย่างไรก็ตามที ราชวงศ์อมตะก็ยังคงเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งของอาณาเขตเหนือครามแห่งนี้ และมีตัวตนมานานนับแสนปี ข้าเกรงว่าในอนาคต ตระกูลหลินย่อมต้องพบเจอกับการโจมตีที่บ้าคลั่งของพวกมันเป็นแน่!”
“ข้าคาดว่า อีกไม่นานหลังจากนี้ ราชวงศ์อมตะย่อมต้องจัดกองทัพขึ้นมาอีกครั้งเพื่อกำจัดตระกูลหลินให้สิ้นซากอย่างแน่นอน!”
อันที่จริงแล้ว หลังจากราชวงศ์อมตะได้รับรู้ถึงสถานการณ์ทั้งหมด การส่งกองทัพนับล้านและยอดฝีมือแดนก่อตั้งจิตออกไปถึงห้าคนทว่ายังคงได้รับความพ่ายแพ้กลับมา นี่ทำให้พวกมันเสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง!
กองทัพนับล้านของพวกมันถูกสังหารจนหมดสิ้น ส่วนเหล่าผู้บ่มเพาะแดนก่อตั้งจิตทั้งห้า หนึ่งตาย หนึ่งพิการ และที่เหลือบาดเจ็บสาหัส
นี่ย่อมเป็นการตบหน้าราชวงศ์อมตะอย่างโหดเหี้ยม!
แล้วราชวงศ์อมตะที่คิดว่าตนเองสูงส่งและยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาเขตเหนือครามจะสามารถยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้หรือ?
อย่างไรเสีย ในสายตาของพวกมัน ราชวงศ์อมตะคือผู้ปกครองอาณาเขตเหนือครามอย่างแท้จริง และไม่มีสิ่งใดจะสามารถเทียบกับพวกมันได้ ทุกคราที่พวกมันออกไปภายนอก พวกมันย่อมเปล่งประกายถึงขีดสุด ใครก็ตามที่ได้พบเห็นล้วนแต่พูดว่าพวกมันคือเทพเซียน ทุกที่ที่เดินทางผ่าน ตระกูลนับไม่ถ้วนต่างก้มหัวและสรรเสริญ ในครั้งนี้ ก่อนที่พวกมันจะสังหารตระกูลหลิน พวกมันต้องให้ทั่วใต้หล้าได้เห็นถึงพลังอำนาจของจักรพรรดิและราชวงศ์อมตะ!
ทว่า ความยิ่งใหญ่เหล่านั้นกลับกลายเป็นตรงข้าม
เมื่อมองกลับไปยังตอนที่พวกมันประกาศสงครามอย่างยิ่งใหญ่และไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นน่าหัวเราะยิ่งนัก!
หลังจากเหล่าคนของราชวงศ์อมตะทั้งหลายได้รับรู้ข่าวนี้ สีหน้าของพวกมันดุร้ายยิ่ง มีทั้งที่ตกตะลึง โกรธแค้น และเต็มไปด้วยความไม่เชื่อถือ
ราชวงศ์อมตะของพวกมันนั้นทรงพลัง แต่กลับมีผู้บังอาจมาท้าทายและต่อต้าน นี่ย่อมเท่ากับว่าพวกมันกำลังโดนเหยียดหยามเช่นการเหยียบหน้าของพวกมันลงกันพื้นดิน!
ในวันที่ข่าวนั้นแพร่กระจายออกไป ผู้คนนับไม่ถ้วนของราชวงศ์อมตะต่างคุกเข่าลงและร้องขอให้ออกไปต่อสู้อีกครั้ง พวกมันต้องการจะตรงไปยังอาณาจักรฉีซานและล้างบางตระกูลหลินให้หมดสิ้น!
“พวกเราย่อมไม่อาจปล่อยให้เหล่าทหารนับล้านซึ่งเป็นเด็กดีของราชวงศ์ตกตายโดนสูญเปล่า ชีวิตของบรรพบุรุษตระกูลจางซุนของข้าต้องมิสิ้นชีพอย่างไร้ค่า ข้าต้องการได้รับคำอธิบาย!” ในราชวงศ์อมตะ ชายหนุ่มร่างสูงจากตระกูลจางซุนกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเกรี้ยวกราดยิ่ง ดวงตาของมันเต็มไปด้วยโทสะ และทั่วร่างท่วมท้นไปด้วยจิตสังหาร!
“ใคร่ครวญให้ดี ข้อมูลที่ได้จากด้วยคนที่เหลือรอดกลับมา ในยามที่หลินฉิงเทียนมีกระบี่ไร้นามเล่มนั้นในมือ พลังของมันเทียบเท่าได้กับผู้บ่มเพาะขั้นที่สิบของแดนก่อตั้งจิต!”
“นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้ที่มันจะสามารถใช้พลังเช่นนั้นได้ตลอดไป ใช่หรือไม่? มันย่อมต้องมีเงื่อนไขพิเศษบางอย่าง ตราบเท่าที่เราสามารถหาจุดอ่อนพบ พวกเราย่อมสังหารมันลงได้!” ชายหนุ่มร่างสูงผู้นั้นเอ่ยอย่างเย็นชาก่อนจะหันหลังเดินจากไป มันเตรียมจะเคลื่อนกองกำลังภายใต้อำนาจของมันเพื่อไปล้างแค้นในบรรพบุรุษที่ตกตายลง
“ข้าจะไปด้วยเช่นกัน! ตระกูลของอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ย่อมมิใช่คนขี้ขลาด ในเมื่อพวกมันหยิบยืมพลังมาจากสมบัติล้ำค่า พวกเราย่อมมีหนทางจะตอบโต้!” ยอดฝีมือสายเลือดของอ๋องยู่หัวจี้เงยหน้าขึ้นและเอ่ยออกมา สายตาของมันเต็มไปด้วยความเหน็บหนาว ท่านอ๋องของมันถูกทำร้ายจนพิการ และไม่เหลือหนทางจะกลับสู่แดนปราณก่อตั้งจิตได้อีกชั่วชีวิต
ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่บรรดาทายาททั้งหลายจะไม่ต้องการล้างแค้น
ส่วนคนที่เหลือ ในฐานะตระกูลสาขาของราชวงศ์อมตะ ย่อมมิได้มีความตั้งใจจะร่วมมือแต่อย่างใด... พวกมันเพียงขมวดคิ้วและคำนวณถึงผลได้ผลเสียอย่างระมัดระวัง