ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 22 ที่เดียวจอด
เดรกมีความสุขเหลือเกินที่จะได้สังหารอัจฉริยะหาตัวจับยากเช่นนี้
การโจมตียิ่งทวีความรุนแรงขึ้นและบ้าคลั่งมากกว่าเดิม แต่ซู่เสี่ยวไป่นั้นก็ไม่ได้ถอยแม้แต่ก้าวเดียว
“อย่างที่คิดไว้เลย เรายังตามความเร็วของผู้ฝึกยุทธขั้นสูงไม่ทัน”
นัยต์ตาของซู่เสี่ยวไปหรี่เล็กลง
ซู่เสี่ยวไป่ใช้วิชาเหยี่ยบย่ำข้ามนภาในการหลบการโจมตีที่แสนบ้าคลั่งของเดรก และสวนกลับไปในเวลาเดียวกัน แต่ที่น่าเสียดายที่เหยี่ยมย่ำข้ามนภายังอยู่ในขั้นฝึกหัด และเดรกนั้นอยู่ในเขตแดนผู้ฝึกยุทธขั้นสูง เขาไม่สามารถตามความเร็วของเดรกได้ทัน
หลายครั้งที่เขาคิดว่าตามเดรกทัน
แต่ก็กลายเป็นต่อยลม
“ยังดีที่การโจมตีของมันทำอะไรเราไม่ได้ เพราะกายาเพชรทำให้การโจมตีของมันทะลวงมาไม่ถึงเราเลยสักครั้ง”
“ฉันต้องหาจังหวะสวนกลับเพื่อจัดการมันให้ได้!!”
*กายาเพชร*ในขั้นพื้นฐานช่วยทำให้สมรรถภาพของร่างแข็งแกร่งขึ้น อีกทั้งยังสร้างรัศมีบางๆ ปกคลุมร่างกายเอาไว้ ทำให้การโจมตีที่แสนจะบ้าคลั่งไม่ได้ผลกับซู่เสี่ยวไป่
ต้องขอบคุณวิชากายาเพชร
หากซู่เสี่ยวไป่ไม่ได้ความสามารถของวิชานี้ ปานี้เขาได้ตั๋วฟรีไปเที่ยวยมโลก ตั้งแต่โดนเข็มอาบยาพิษดอกแรกแล้ว
“ดูเหมือนเจ้าหนูนี่คงไม่สามารถรับมือได้”
“ถึงไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนถึงทะลวงเขตแดนได้ แต่ยังไง เขาก็น่าจะพึ่งทะลวงเขตแดนขึ้นมา แล้วต้องสู้กับผู้ฝึกยุทธขั้นสูงที่อยู่ในเขตแดนนี้มานานแล้ว ไม่แปลกที่จะไม่สามารถรับมือได้”
ทั้งสองคนสู้กันสูสีมาก และจางเหิงเต่อก็เห็นทุกอย่าง
เขาได้รู้ถึงความสามารถทั้งหมดของซู่เสี่ยวไป่แล้ว ทั้งกำลัง ความแข็งแกร่งของร่างกาย ช่องว่างเดียวระหว่างซู่เสี่ยวไป่กับเดรกคือความว่องไว และการตอบสนองที่รวดเร็ว
แต่จางเหิงเต่อก็ยังมีข้อสงสัยอยู่
ฝั่งหนึ่งพึ่งทะลวงเขตแดนเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นแรกได้สองสามวัน
กลับอีกฝั่งที่อยู่ในเขตแดนผู้ฝึกยุทธมานานหลายปีแล้ว และผ่านประสบการณ์ต่อสู้มากมายในโลกของมือสังหาร
หากเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นแรกคนอื่นต้องเผชิญหน้ากับเดรก คงได้กลับไปบ้านเก่าหมดแล้ว
แต่เหตุใดซู่เสี่ยวไป่ยังคงต่อสู้ได้อย่างสูสี นี่มันเรื่องตลกโลกไหนกัน
“ฉันจะรออีกสองนาที”
“หากเลยสองนาทีไปแล้ว ไม่ว่าผลการต่อสู้จะเป็นยังไง ฉันก็จะออกไปยุติเรื่องนี้ทันที”
จางเหิงเต่อตัดสินใจอยู่ในเงามืดเงียบๆ
เขาไม่รู้ว่าขีดจำกัดของซู่เสี่ยวไป่อยู่ระดับไหนกัน
และไม่รู้ว่าเขาจะสู้ได้อีกนานแค่ไหน จางเหิงเต่อไม่ต้องการที่จะเสี่ยงกับเรื่องนี้
หากซู่เสี่ยวไป่พลาดท่าถูกฆ่าขึ้นมา เขาจะกลายเป็นตราบาปของตระกูลทันที เพราะตระกูลจางได้สูญเสียโอกาสที่จะได้ฟื้นฟูและยิ่งใหญ่ไป
…
“ช้าเกินไป!! แกนี้มันเชื่องช้าจริงๆ!!”
“หมัดแกมันหนักกว่านี้ไม่ได้แล้วรึไงวะ ต่อยยังกับผู้หญิง!!”
เดรกหัวเราะอย่างชอบใจพร้อมกับกระหน่ำโจมตีใส่ซู่เสี่ยวไป่ไม่หยุด
ตอนนี้เดรกได้ควบคุมความได้เปรียบในการต่อสู้ไว้หมดแล้ว
แม้ว่าจะไม่สามารถโจมตีผ่านการป้องกันของซู่เสี่ยวไป่ไปได้ แต่กระแสพลังของผู้ฝึกตนก็มีจำกัด
เหมือนกับเกมที่หลายคนอาจจะคุ้นเคย ที่ตัวละครในเกมจะมีพลังชีวิตและพลังเวท เมื่อต้องการจะใช้ความสามารถก็ต้องจ่ายออกไปเป็นพลังเวท เมื่อพลังเวทหมดก็ไม่สามารถใช้ความสามารถพิเศษได้อีก
เมื่อเวลานั้นมาถึง เวลาที่กระแสพลังของซู่เสี่ยวไป่หมด การป้องกันของซู่เสี่ยวไป่ก็จะหายไปด้วย ร่างกายเดิมๆ ของเขาไม่อาจจะรับการโจมตีของกริชที่ใช้โดยผู้ฝึกยุทธขั้นสูงได้แน่นอน
“ปากดีเกินไปแล้ว!!”
แววตาของซู่เสี่ยวไป่เต็มไปด้วยความโกรธ
เขากำลังเดือดดาล
เขาเกลียดคนที่มาล้อเล่นกับเขาเช่นนี้
แม้ว่าจะมีขั้นพลังที่เหนือกว่าเขาสองขั้นก็ตาม แต่ซู่เสี่ยวไป่ก็ไม่อาจจะเอามาเป็นข้ออ้างว่าเสียเปรียบเรื่องนี้ได้ ในเมื่อตอนนี้เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะบ่นด้วยซ้ำ
คนบ้าอะไรได้เปรียบนิดได้เปรียบหน่อย ปากดีชะมัด!!
“งั้นก็ดี แกจะได้เป็นเหยื่อคนแรกที่จะทดสอบวิชาควบคุมธาตุของฉัน!!”
แววตาของซู่เสี่ยวไป่เปลี่ยนไป ดูใจเย็นลง
เขาฉวยโอกาสเปลี่ยนจากปล่อยหมัดเป็นกางฝ่ามือออกไป หวังจะสัมผัสตัวเดรก
“เปลี่ยนรูปแบบต่อสู้?”
“แล้วยังไง”
“มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรได้อยู่ดี เพราะแกไม่อาจจะแตะฉันโดนแม้แต่ปลายเสื้อด้วยซ้ำ!!”
เดรกไม่สนใจการเปลี่ยนรูปแบบโจมตีของซู่เสี่ยวไป่
เดรกมันใจว่าตอนนี้ เขาสามารถควบคุมทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบ
ซู่เสี่ยวไป่ไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่ติดอยู่ในกรง เมื่อใดที่กรงหายไป เขาก็สามารถฆ่าซู่เสี่ยวไป่ได้อย่างสบายๆ
ขณะที่เดรกกำลังดูถูกซู่เสี่ยวไป่อยู่ เขาก็ไม่คิดจะหลบฝ่ามือนี้ด้วยซ้ำเพราะมั่นใจว่าตัวเองก็คงเร็วกว่า พร้อมกับแทงกริชใส่ซู่เสี่ยวไป่
อยู่ๆ เดรกก็สัมผัสได้ถึงไอร้อนมหาศาล
อากาศรอบๆ ตัวเขาร้อนขึ้นอย่างกระทันหัน
แล้วทันใด ก็เกิดเปลวเพลิงขึ้นที่ฝ่ามือของซู่เสี่ยวไป่ เพียงเสี้ยววินาทีนั้น ฝ่ามือของซู่เสี่ยวไป่ไม่ต่างจากแท่งเหล็กร้อนที่เปล่งแสงสีแดงฉานราวกับเหล็กแท่งที่ออกมาจากเบ้าหลอม
“นี้มันอะไรกัน!?”
ทั้งเดรกและจางเหิงเต่อต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น ทั้งคู่ขนลุกเกลียวไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้า
วิชาควบคุมธาตุ!!
เป็นวิชาควบคุมธาตุขั้นฝึกหัดอีกด้วย
“นะ-นะ-นี่”
จางเหิงเต่อถึงกับพูดไม่ออก ขาเขอสั่นไปหมด
อายุ 17 ปี เป็นผู้ฝึกยุทธขั้นแรก
สำเร็จวิชาระดับละเอียดอ่อนสองวิชา
สามารถต่อกรกับผู้มีขั้นพลังสูงกว่าตัวเองได้
แค่คุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งจากที่กล่าวมาก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนตกตะลึงได้แล้ว
แต่เด็กน้อยผู้นี้มีครบทุกอย่าง
แล้วตอนนี้ เขาพึ่งใช้วิชาควบคุมธาตุขั้นฝึกหัด!!
ไม่ใช่อัจฉริยะแล้วแบบนี้….
ไม่มีคุณสมบัติใดให้เรียกว่าอัจฉริยะได้อีกแล้ว
นี่มันคืออสูรกายน้อยชัดๆ
เป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง!!
ความรู้และความเข้าใจของคนธรรมดาทั่วไปไม่อาจจะอธิบายสิ่งเหล่านี้ได้
“บ้าเอ๋ย!!”
“ข้อมูลที่ได้รับมา ไม่เห็นบอกเรื่องวิชาควบคุมธาตุเลย!!”
“ได้ยังไงกัน!!”
เดรกร้องโอดครวญอยู่ภายในใจ
ตอนนี้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหยิ่งทะนง และบ้าคลั่งได้หายไป
แทนที่ด้วยสีหน้ากลัวตายแบบสุดขีด
วิชาควบคุมธาตุไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
แม้แต่ผู้ฝึกยุทธขั้นสูงเช่นเขา การฝึกฝนวิชาเช่นนี้ยังเป็นเรื่องยาก
ถึงจะแค่ให้สำเร็จอยู่ในขั้นฝึกหัดก็ตาม มีแต่ผู้ที่อยู่ในเขตแดนจอมยุทธถึงจะสำเร็จได้
เขาต้องหลบการโจมตีนี้
แต่มันสายเกินไป
“ร้อน!!!”
ฝ่ามือเพลิงที่ร้อนแรงดั่งไฟจากขุมนรก ได้สัมผัสโดนกับตัวเดรก ก่อนที่ฝ่ามือนั้นจะทะลุตัวเดรกไปอย่างง่ายดาย
บึ้ม!!
ฝ่ามือที่ทะลุตัวเดรกปะทะเข้ากับกำแพงที่อยู่ด้านหลัง จนระเบิดออก กำแพงมีหลุมขนาดใหญ่พร้อมกับรอยฝ่ามือสีดำ
“อึ้ก….”
เดรกก้มมองดูร่างของตัวเองที่ถูกฝ่ามือของซู่เสี่ยวไป่ทะลวงเข้าไป เลือดของเขาถูกเผาจนกลายเป็นไอ เนื้อของเขาไหม้จนกลายเป็นผง ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียดด้วยความเจ็บปวด และไม่อาจจะยอมรับความจริงเรื่องนี้ได้