ตอนที่แล้วบทที่ 6 ฉากใหญ่ทรมานใจคนโสด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 งานฝีมือ

บทที่ 7 ตัดขาดความสัมพันธ์


บทที่ 7

ตัดขาดความสัมพันธ์

เงินที่คิดว่ากว่าจะหามาได้อย่างยากลำบากนั้นก็ต้องส่งให้คนอื่นแล้ว เว่ยเหยียนถิงก็รู้สึกไม่พอใจ แต่ใครจะรู้ว่าเขากลับมีเหตุผลมาก

“เงินนี้คือเงินที่เจ้าหามา เจ้าจะตัดสินใจอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น”

จริงๆ แล้วเว่ยเหยียนถิงนั้นไม่ชอบทางบ้านของฉินจิ่นอยู่แล้ว เขาก็เคยเตือนฉินจิ่นแล้ว แต่ร่างเดิมไม่ได้ฟังเข้าหูเลย

เคยพูดไปรอบนึงแล้ว เว่ยเหยียนถิงก็เลยขี้เกียจจะพูดอีก

วันนี้ตัดการติดต่อสัมพันธ์กับตระกูลฉินก็ดีเหมือนกัน วันหลังจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับเขาอย่างมีความสุข เว่ยเหยียนถิงก็มีจิตใจที่เห็นแก่ตัวแบบนี้อยู่หน่อยๆ นางไม่มีบ้านให้กลับ ก็จะได้ไม่หนีไปไหนอีก

“ใช่แล้วอาจิ่น ที่พ่อบ้านจางพูดกับข้าเมื่อสักครู่ คนงานที่จะทำนาฤดูใบไม้ผลิตของตระกูลจางในปีหน้าไม่พอ อยากจะให้ข้าไปช่วย วันนึงห้าสิบเหวิน ข้าดูแล้วก็พอจะทำได้ เลยไม่ได้ปรึกษากับเจ้าก่อน เจ้าอย่าโกรธเลยนะ”

“นี่เป็นเรื่องดีเจ้าค่ะ อีกอย่างค่าจ้างก็ใช้ได้ ต้องไปแน่นอนอยู่แล้ว”

ตกลงตามนี้ รอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิชีวิตก็น่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งสองมาถึงตระกูลฉินก็ทันเวลาอาหารพอดี ฉินยิงกำลังกวาดลานบ้านอยู่ พอเห็นทั้งสองก็รีบพุ่งเข้าในครัวทันที แล้วนางฉินและฉินยิงก็ออกมาจากครัวอย่างรวดเร็ว ปิดประตูห้องครัวไว้แน่น

“พวกเจ้ามาทำไมกัน ในบ้านไม่มีอะไรให้กินหรอก พรุ่งนี้ก็ครบกำหนดแล้ว เจ้าคงไม่ได้จะมาบอกข้าว่าหาเงินไม่ได้หรอกนะ”

“ท่านแม่วางใจเถิด เงินน่ะ ข้าจะให้ท่านแม่ไม่ขาดแม้แต่แดงเดียว วันนี้ที่ข้ามาก็เพื่อมอบให้เงินกับท่านแม่”

ฉินจิ่นพูดจาแข็งกร้าว ข่มนางฉินไปที พอได้ยินถึงเงินแล้ว นางฉินก็ยิ้มแป้นทันที และเห็นถุงเล็กถุงใหญ่และเนื้อ สีหน้าของนางฉินก็เปลี่ยนเร็วยิ่งกว่าเปลี่ยนหน้ากระดาษหนังสือซะอีก

“เจ้าน่ะ มาเฉยๆ ก็ได้ ยังจะเอาอะไรมาตั้งเยอะตั้งแยะอีก รีบเอาผักเอาเนื้อไปไว้ในห้องครัวเร็ว แล้วก็ตักโจ๊กที่เพิ่งทำเสร็จมาให้พวกพี่สาวเจ้าสองถ้วยสิ”

ทั้งๆ ที่เมื่อสักครู่นางได้กลิ่นหอมของน้ำมันพืช ทำให้รู้ว่าวันนี้ตระกูลฉินนั้นทำผัดผัก แต่กลับเอาแค่ซุปข้าวโพดที่ราคาถูกที่สุดมาให้พวกเขา แล้วยังจะอยากได้เนื้อของพวกเขาอีก

นางฉินทำตัวน่าเกลียด แต่คิดอยากได้ของดี

พยาธิตะกละในท้องฉินยิงนั้นปั่นป่วนขึ้น คิดอยากจะไปแย่งเนื้อ แล้วฉินจิ่นก็ดึงนางไว้ทันที

“ใครบอกว่าเป็นของพวกเจ้ากัน ลำพังพวกข้ายังกินไม่พอเลย”

นางฉินไม่พอใจ “ลูกสาวบ้านอื่นกลับมาบ้านก็ถือถุงเล็กถุงใหญ่กลับมาที่บ้านแม่ แกมีเนื้อแต่เก็บไว้กินเอง ไม่คิดจะให้พ่อให้แม่เลยรึไง แกมันเนรคุณ ทำไมแกถึงนิสัยแบบนี้”

นางฉินตัดพ้อไป แล้วตบไปที่ขาตัวเอง ท่าทางโทษฟ้าโทษดิน

ฉินจิ่นไม่ได้สนใจการแสดงของนาง แล้วหยิบเงินสิบตำลึงขึ้นมาทันที

“หยุดไร้สาระได้แล้ว เงินนี้ พวกท่านยังจะเอาอยู่หรือไม่”

“เอา เอา”

เห็นเงินสิบตำลึงที่ขาวแวววาวแบบนี้แล้ว ตาของนางฉินก็จ้องมอง ยื่นแขนจะรีบคว้ามา ฉินจิ่นหันตัวหลบ

“เงินน่ะให้พวกท่านได้ แต่พวกท่านต้องเขียนบางอย่างให้ข้า

“เขียนอะไรกัน”

“ตอนแรกเราคุยกันว่ายังไง สิบตำลึงก็เท่ากับว่าจะไม่มีลูกอย่างข้าอีก ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าไม่ใช่คนตระกูลฉินอีกแล้ว และจะไม่มาเหยียบบ้านฉินอีก วันนี้ข้าก็เอาเงินมาด้วย เรื่องพวกนั้นต้องเขียนให้ชัดเจน แล้วใบที่ข้าเซ็นในตอนแรกนั้น พวกท่านก็ต้องให้ข้าด้วย”

ตอนนั้นนางฉินบอกว่าไม่ให้ฉินจิ่นมากินข้าวที่บ้านอีก ไม่อยากจะเลี้ยงคนไร้ประโยชน์อีกคน วันนี้พอเห็นฉินจิ่นหาเงินได้เยอะแบบนี้แล้ว แน่นอนว่าท่าทางของนางฉินต้องไม่เหมือนเดิมอยู่แล้ว มีลูกสาวที่หาเงินได้เยอะก็เท่ากับว่าในบ้านมีของล้ำค่าอยู่ชิ้นนึง นางไม่ยอมไล่ออกไปอีกแน่นอน

“ดูแกพูดเข้าสิ ตอนนั้นแม่โมโหเลยพูดไป ทำไมแกถึงเอาไปคิดจริงจังล่ะ นี่ก็เป็นบ้านของแก พวกเราต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ปีนี้ถ้าแกอยากกลับมาก็กลับมาสิ แม่ต้อนรับแกอยู่แล้ว”

“ตอนแรกเราตกลงกันแล้ว ถ้าพวกท่านไม่เขียน ก็อย่าคิดจะได้เงินนี้เลย” นางยืนหยัดที่จะตัดความสัมพันธ์กับตระกูลฉิน ทำเอานางฉินโมโหจนกระทืบเท้า จ้องมองเงินสิบตำลึงที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง จะไม่เอาก็ไม่ได้ ก็ต้องยอมเซ็นตามที่นางบอกอย่างไม่มีทางเลือก

แม่ลูกตระกูลฉินต่างเขียนหนังสือไม่เป็น สัญญาครั้งที่แล้วก็ให้คนอื่นเขียนให้ ครั้งนี้เว่ยเหยียนถิงอยู่ด้วยพอดี ก็ลดความลำบากไป ให้เขาช่วยเขียนทันที

มือนึงยื่นเงินให้ อีกมือนึงรับของ พอได้ของแล้วฉินจิ่น ควงเว่ยเหยียนถิงเดินออกไป อย่างไม่รีรอ

นางฉินได้รับเงินอย่างพึงพอใจแล้ว เห็นเนื้อชิ้นดีอยู่ใกล้ปาก แต่ก็ไปซะแล้ว เลยด่าตามหลังว่า

“เนรคุณจริงๆ รู้จักแต่จะกินฟรีอยู่ฟรี คนไม่มีสามัญสำนึก”

“ท่านแม่ ท่านกับน้องเล็กอย่าโมโหเลยเจ้าค่ะ  เดี๋ยวจะไม่ดีต่อสุขภาพนะเจ้าคะ”

“ยัยเด็กเมื่อวานซืน อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก”

ฉินจิ่นฉีกใบหลักฐานสัญญาที่นางเขียนให้กับตระกูลฉินด้วยตัวเอง แล้วก็รู้สึกโล่งทันที แล้วฝีเท้าที่เดินก็ผ่อนคลายรวดเร็วขึ้นด้วย ตอนแรกเว่ยเหยียนถิงยังกังวลว่านางจะเสียใจ แต่ดูแล้วตอนนี้ความกังวลนั้นคงจะเป็นส่วนเกินไปแล้ว

ก่อนจะขึ้นภูเขา นางก็ทำเหมือนครั้งที่แล้ว ที่เอาเนื้อและผักไปให้บ้านแม่ย่าครึ่งนึง

วันนี้เป็นวันเหมายัน นางซื้อเนื้อแพะและหัวไชเท้ามาพอดี ที่เลือกมานั้นคือส่วนน่องของแพะที่ดีที่สุด ตอนที่ทั้งสองเข้าไปในลานบ้านเว่ยนั้น ชายชราเว่ยยังนอนอยู่บนเตียง พอได้ยินว่ามีเนื้อ ก็ลุกขึ้นนั่งทันที รองเท้ายังไม่ทันได้สวมดีๆ ก็วิ่งไปที่ห้องครัว มองตาไม่กะพริบ

ไม่ใช่แค่เขา ครั้งที่แล้วที่กินเนื้อก็ทำเอาพยาธิที่อยู่ในท้องของคนตระกูลเว่ยนั้นต่างก็เสพติดกันหมดแล้ว ไม่เริ่มกินเนื้อยังดีหน่อย พอกินแล้วพยาธิตะกละในท้องก็ฟื้นคืนชีพกันหมด

“ลูกรอง สะใภ้รอง พวกเจ้าก็อยู่กินข้าวด้วยกันสิ”

“ใช่แล้วพี่รองพี่สะใภ้ พวกเราครอบครัวเดียวกันรวมตัวกันก็ดีนะเจ้าคะ”

ตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ท่าทางของเว่ยจวนที่มีต่อฉินจิ่นก็ดีขึ้นมาก

ถึงจะรู้ว่าบ้านเว่ยนั้นหวังดี แต่นางกลับปฏิเสธ

“วันนี้ยังไม่ดีกว่า ท่านพ่อท่านแม่ น้องสามแล้วก็น้องสี่ พวกท่านกินเถอะกันเถอะ เสี่ยวซียังอยู่ที่บ้าน รอพวกเราอยู่ ทิ้งเด็กอยู่บ้านคนเดียวก็ไม่ดี เราต้องรีบกลับไปเจ้าค่ะ”

นางเว่ยไม่ใช่คนที่ใจดำอะไรอยู่แล้ว ได้ยินลูกสะใภ้พูดแบบนี้ก็โล่งใจแล้ว

“จะปีใหม่แล้ว พวกเจ้าก็พาเสี่ยวซีมาทานข้าวปีใหม่ด้วยกันสิ”

นางเว่ยจับมือของนางแล้วตบเบาๆ พูดอย่างจริงใจว่า “ถึงแม้เขาจะเป็นเด็กบ้านพวกเจ้า แต่ก็ไม่ได้คลอดเอง ขาดพ่อแม่ตั้งแต่เด็กก็น่าสงสาร อยู่กับเจ้า เจ้าก็ลำบาก เด็กตัวเล็กแค่นั้นอย่างเขาก็กินข้าวได้ไม่เยอะหรอก ขอแค่เจ้ากับลูกรองอยู่กันอย่างมีความสุข แม่ก็วางใจแล้ว ให้เขามาเป็นคนในครอบครัวอีกคนนึงก็ไม่ติดขัดอะไร”

“ท่านแม่วางใจเถิด ข้าและพี่ถิงนั้นสบายดี” จะบอกว่าไม่ซาบซึ้งก็คงไม่จริง ถึงแม้ว่านางจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเว่ย แต่บ้านแม่ย่านั้นดีกว่าบ้านตัวเองมาก

“ท่านแม่ ตอนนี้อาจิ่นไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว นางเก่งมาก ของทั้งสองครั้งที่เอามาให้พวกท่าน ล้วนเป็นเงินที่อาจิ่นขายยาได้ อีกอย่างข้าก็ได้ถูกบ้านขุนนางตระกูลจางจ้างแล้ว ปีหน้าต้องไปช่วยทำนา วันนึงได้ห้าสิบเหวิน”

ตระกูลเว่ยฟังแล้วก็ครุ่นคิด ตะโกนเสียงดังเรียกลูกชายคนที่สี่ที่จุดไฟอยู่ในครัว

“ลูกสี่ของเจ้าอยู่บ้านก็อยู่ว่างๆ ถ้าถึงเวลาเจ้าก็พาเขาไปด้วย ลองดูว่ามีอะไรให้ช่วยทำได้บ้าง”

“ท่านแม่ บ้านเรายังมีที่นาอยู่อีกแปลงนึงไม่ใช่หรือ”

“ไม่ใช่ว่ายังมีข้ามีพ่อเจ้าแล้วก็มีลูกสามรึ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด