บทที่ 6 ยอมแพ้หรือตาย
บทที่ 6 ยอมแพ้หรือตาย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของ อู่เสี่ยวเทียนมักจะสังหารผู้ที่อ่อนแอ เพื่อทำให้ผู้ชมพึงพอใจและเพิ่มความตื่นเต้นให้กับการเดิมพัน
ตัวของอู่เสี่ยวเทียนไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง เขาเพียงแต่ชอบฆ่าคน สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังเต้นรำอยู่บนปลายมีด ทั้งหวาดเสียวและตื่นเต้น
จากนั้นอู่เสี่ยวเทียนเลียริมฝีปากของเขา แล้วพูดอย่างเหยียดหยาม “ข้าไม่รู้ว่า เจ้ามาจากที่ใด แต่เจ้านั้นโชคร้ายที่มาท้าทายข้า!”
“คนอ่อนแออย่างเจ้า ถูกลิขิตให้เป็นวิญญาณที่ตาย ภายใต้คมดาบของข้า!” เมื่อเย่สวี่ได้ยินคำพูดของอู่เสี่ยวเทียน เขาก็ยกมือขึ้น นี่คือสัญญาณของการเรียกผู้ตัดสิน
“เจ้าช่างไร้ประสบการณ์จริง ๆ ตอนนี้เริ่มหวาดกลัวแล้วหรือ” อู่เสี่ยวเทียนกล่าวด้วยท่าทางดูถูก เขาตะโกนว่า " หากหลงทางก็กลับบ้านไปนอนซะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรมา!"
หลังจากอู่เสี่ยวเทียนพูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป ในสายตาของเขานั้น เขามองเห็นว่าเย่สวี่ตกใจกับเจตนาสังหารของเขาและกำลังวางแผนที่จะหลบหนีไป
ผู้ชมต่างรู้สึกว่า พวกเขาหมดความสนใจต่อเกมการต่อสู้ และบรรดาผู้ที่เดิมพันข้างของอู่เสี่ยวเทียน ยังคงสาปแช่งเย่สวี่ไม่จบสิ้น
"เจ้าต้องการอะไร?" น้ำเสียงผู้ตัดสินเย็นชามาก ภายในใจของเขาดูแคลนชายหนุ่มเบื้องหน้าอยู่แล้ว เขาพูดขึ้นว่า “หากไม่มีความกล้าหาญ ก็อย่าสร้างความรำคาญที่นี่ ในฐานะลูกผู้ชาย เจ้ายังคิดจะหลบหนีในนาทีสุดท้ายอีกหรือ?”
เย่สวี่ยังคงเฉยเมย ไม่ตอบคำถาม แต่กลับถามขึ้นว่า “จะเป็นไรไหม หากในการต่อสู้.... มีคนตายในสนามประลอง?”
"ไม่." ผู้ตัดสินพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ “เจ้ากลัวว่าจะถูกฆ่า เลยคิดจะหนีงั้นหรือ ช่างเป็นคนขี้ขลาดจริงๆ!”
เย่สวี่หันกลับมา เขาไม่ได้สนใจคำพูดของผู้ตัดสิน และเพียงแค่จ้องไปที่เวทีการต่อสู้
จากนั้นเขาชักดาบออกมาและมีแสงเย็นวาบวาบส่องประกายเข้าตาผู้คน จากนั้นพลังจากร่างของเย่สวี่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาถือดาบเก้าทุกข์สวรรค์ไว้ในมือ และดวงตาของเขามั่นคง ราวกับเทพสงคราม
เขายิ้มอย่างแผ่วเบาและกล่าวว่า
“อู่เสี่ยวเทียน ข้าจะให้สองทางเลือกแก่เจ้า จะยอมแพ้หรือตาย!” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยพลัง และทุกคนต้างก็ได้ยินเต็มสองรูหู
ในชั่วพริบตา ผู้ชมและผู้ตัดสินต่างตกตะลึงจนแทบอ้าปากค้าง
“เขาเสียสติหรือไม่.... เขากล้ายั่วยุอู่เสี่ยวเทียนจริงๆ หรือ!”
“อู่เสี่ยวเทียนนั้น อยู่ยงคงกระพัน ในระดับที่สองของขั้นกลั่นพลังปราณเชียวนะ!”
“คนสุดท้ายที่พูดกับอู่เสี่ยวเทียนเช่นนี้ ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว!” เนื่องจากอู่เสี่ยวเทียนครองสนามประลองมาหลายวันแล้ว เขาได้สถาปนาภาพลักษณ์อันไร้เทียมทานในใจของทุกคนมาช้านาน
แต่เย่สวี่กล้าที่จะยั่วยุอู่เสี่ยวเทียนแบบนี้จริงๆหรือ? ผู้ชมต่างรู้สึกตื่นเต้น ปรากฎว่าชายหนุ่มที่สวมหมวกสีดำไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่เป็นคนงี่เง่าต่างหาก ฮ่าๆๆๆ มิฉะนั้น เขาจะยั่วยุอู่เสี่ยวเทียนทำไมกัน? นี่มันโง่เกินไปแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้น อู่เสี่ยวเทียนโกรธมาก เขาตัดสินใจแล้วว่า จะไม่ปล่อยให้เย่สวี่รอดชีวิต
“เจ้าคนอ่อนแอ ที่กล้าพูดกับข้าเช่นนี้ รู้ไหมว่า ข้าสามารถฆ่าเจ้าด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว!”
“เคียวอู่เสี่ยวเทียน!” การแสดงออกของ อู่เสี่ยวเทียนมืดมน จากนั้นเขาก็ตะโกนร้องคำรามเสียงดัง และภาพเสมือนของเคียวยักษ์ ปรากฏขึ้นข้างหลังเขา จากนั้นเขาเหวี่ยงเคียวและจ้องมองอย่างดุร้ายราวกับหมาป่า
ร่องรอยของความประหลาดใจแวบผ่านดวงตาของเย่สวี่ ตอนแรกเขาคิดว่าที่อู่เสี่ยวเทียนถูกเรียกเช่นนี้ เพราะเขามีคุณสมบัติธาตุลม
ตอนนี้ ดูเหมือนว่านี่คือจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่มีรูปลักษณ์อาวุธจริงๆ เนื่องจากจิตวิญญาณการต่อสู้ประเภทเคียว มีพลังอย่างมากในหมู่จิตวิญญาณการต่อสู้
แสงเย็น ๆ ของเคียวนั้นเฉียบคม อู่เสี่ยวเทียนกระโดดขึ้นจากพื้นและพุ่งเข้าหาเย่สวี่ ราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่
จากนั้นเย่สวี่ยกดาบขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีของอู่เสี่ยวเทียน ในเวลาเดียวกันเท้าของเย่สวี่ก็กดลงกับพื้นอย่างมั่นคงราวกับก้อนหินหนัก
เมื่อดาบและเคียวปะทะกัน และพลังวิญญาณที่พุ่งพล่านในร่างกายของเย่สวี่ก็พุ่งออกมา จากนั้นเขาใช้พละกำลังของเขา บังคับอู่เสี่ยวเทียนให้ถอยหลังไปสองสามก้าว
เย่สวี่มองไปที่หน้าของอู่เสี่ยวเทียนและยิ้มพลางพูดขึ้นว่า “ไหนเจ้าบอกว่าจะฆ่าข้าด้วยการฟันครั้งเดียวไม่ใช่หรือ”
“ไม่ต้องพูดมาก! ข้าใช้พลังเพียง 30% เท่านั้น!” ดวงตาของอู่เสี่ยวเทียนแข็งทื่อ อารมณ์พลุ่งพล่านด้วยความโกรธจัด และทันใดนั้นเขาก็ตะโกนว่า "ข้าจะใช้พลังอย่างเต็มที่ในขณะนี้!"
หลังจากที่อู่เสี่ยวเทียนพูดจบ เขาก็ถือเคียวไว้เบื้องหน้า จากนั้นร่างกายทั้งหมดของเขาปล่อยพลังวิญญาณอันทรงพลังออกมา
ในเวลานี้กระแสลมของสนามประลองกำลังพลุ่งพล่าน และเสียงของลมก็หวีดหวิวแสบแก้วหู
“นี่คือทักษะการต่อสู้ที่มีชื่อเสียงของอู่เสี่ยวเทียน สิบคลื่นสังหาร!” ผู้ชมคนหนึ่งที่มีสายตาแหลมคมตะโกนร้องทันที
เช่นเดียวกับเทคนิคการฝึกฝน ทักษะการต่อสู้ยังมีสี่ระดับ: สวรรค์ ปฐพี ดำ และเหลือง สิบคลื่นสังหารเป็นทักษะการต่อสู้ระดับเหลือง ขั้นต่ำ หากใครฝึกฝนมันให้ถึงขีดสุด มันจะเทียบได้กับทักษะการต่อสู้ระดับเหลืองกลาง จากนั้นพลังของมันจะพิเศษมาก!
“สิ่งที่เรียกว่า สิบคลื่นสังหารนั้นเหมือนกับคลื่นที่รุนแรง และพวกมันเริ่มโจมตีทีละครั้ง การโจมตีแต่ละครั้ง ล้วนค่อย ๆแข็งแกร่งขึ้น ในที่สุดมันก็จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างน้อยร้อยเท่า!”
“เด็กคนนั้นจบเห่แล้ว!” เย่สวี่ไม่สนใจเสียงร้องอุทานเบื้องล่างสนามประลอง เขาสังเกตทุกย่างก้าวของอู่เสี่ยวเทียนอย่างใจเย็น ในเวลานี้ อู่เสี่ยวเทียนตะโกนและโจมตีเหมือนพายุเฮอริเคน!
"คลื่นสังหาร! คลื่นสังหารครั้งที่สอง! คลื่นสังหารที่สาม!" เสียงคำรามของอู่เสี่ยวเทียนและเสียงอาวุธกระทบกัน ทำให้ผู้ชมปรบมือและส่งเสียงร้องชื่นชม
เย่สวี่ยังคงมีใบหน้าสงบนิ่ง ในชั่วพริบตาของแสงใบมีดเคลื่อนไหววูบวาบ จากนั้นเย่สวี่ยกดาบของเขาขึ้นและพุ่งโจมตีไปยังศีรษะของอู่เสี่ยวเทียน!
อู่เสี่ยวเทียนอมยิ้ม เขารู้สึกว่า ตนเองใกล้ที่จะชนะแล้ว เพราะแม้ว่าการโจมตีครั้งแรกของเขาจะอ่อนแอ การโจมตีครั้งต่อไปของเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งและแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ไม่มีใครสามารถต้านทานการโจมตีครั้งที่สิบของเขาได้!
นี่คือไพ่ลับของเขา เย่สวี่ต้องตายอย่างแน่นอน! จากนั้นอู่เสี่ยวเทียนกระตุ้นการโจมตีของเขา และเจตนาสังหารของเขาแผ่ซ่าน!
"คลื่นสังหารแปด! คลื่นสังหารเก้า!"
“คลื่นสังหารครั้งที่สิบ!” ผลกระทบของการระเบิดครั้งนี้ ทำให้โลกสั่นสะเทือนทำให้ฝุ่นละอองนับไม่ถ้วนลอยขึ้นไปในอากาศ อาวุธของพวกเขาปะทะกันอย่างดุเดือด “เคร๊ง เปรี๊ยะ”
อู่เสี่ยวเทียนมองดูเคียวที่หักด้วยความสยดสยอง เหงื่อเย็นเยียบหยดลงบนหน้าผากของเขา อาวุธของเขาถูกทำลายลงไปโดยเย่สวี่!
จากนั้นฝุ่นตลบอบอวล อู่เสี่ยวเทียนเงยหน้าขึ้นและเห็นว่า เย่สวี่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้เคลื่อนไหวเลย ดังนั้นในเวลานี้ ท่าทางของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย!
“เป็นไปได้อย่างไร? ข้าใช้พลังทั้งหมดในร่างกายไปแล้ว!” อู่เสี่ยวเทียนเบิกตากว้างและหัวใจของเขา ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
เย่สวี่ยักไหล่และพูดว่า "นี่คือความแข็งแกร่งของเจ้าหรือ.....ช่างอ่อนแอเกินไปจริงๆ ข้าแทบไม่ได้ออกแรงในการต่อสู้ครั้งนี้เลย"
เย่สวี่ทิ้งดาบเก้าทุกข์สวรรค์ลงบนพื้น ขณะที่เย่สวี่เคลื่อนตัวไป ปลายดาบที่ปักลงบนพื้นสานมประลอง ทิ้งรอยลึกไว้บนพื้น
“เจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ ข้ายอมแพ้แล้ว!” อู่เสี่ยวเทียนตกใจเมื่อเห็น เย่สวี่เดินเข้ามาหาเขา
รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ เย่สวี่“เมื่อคนที่อ่อนแอกว่าต่อสู้กับเจ้า พวกเขายอมแพ้ แต่เจ้าได้ปล่อยพวกเขาไปหรือเปล่า นอกจากนี้ อย่างที่ข้าพูด”ไม่ว่าจะยอมแพ้หรือตาย เจ้าเลือกแล้ว ดังนั้นเจ้าทำได้แค่ตาย!”
คำพูดที่สยดสยองของเย่สวี่ ทำให้อู่เสี่ยวเทียนผงะและถอยหลังกลับ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักว่า "เจ้าไม่สามารถฆ่าข้าได้! ข้าเป็นบุตรชายของผู้นำตระกูลอู่ สถานะของข้าคือผู้สูงศักดิ์ ข้าจะเปรียบเทียบกับชาวนาที่ต่ำต้อยอย่างเจ้าได้อย่างไร หากเจ้าไม่ฆ่าข้า ข้าจะมอบตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์ของตระกูลอู่ ทำให้เจ้ามีเกียรติและอยู่ดีกินดี!”
“หัวหน้าองครักษ์?” รอยยิ้มเย็นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่สวี่
อู่เสี่ยวเทียนคิดว่าเย่สวี่จะยอมรับข้อเสนอของเขา และเขารีบพูดต่อว่า “ตระกูลอู่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ในเมืองหยุนจง พลังของพวกเขานั้นมหึมาตราบใดที่เจ้าภักดีต่อข้า…”
ยิ่งอู่เสี่ยวเทียนพูดมากเท่าไร ก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นเท่านั้น และใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาเป็นบุตรชายของผู้นำตระกูลอู่ และสถานะของเขานั้นสูงมาก
เขาเชื่อว่า เย่สวี่จะถูกข้อเสนอของเขาล่อลวงจิตใจอย่างแน่นอน ก่อนที่เขาจะพูดจบ ก็มีแสงเย็นวูบวาบปรากฎขึ้น และเลือดก็ไหลออกมาจากลำคอของเขา
จากนั้นอู่เสี่ยวเทียนกุมคอของเขาและจ้องไปที่เย่สวี่ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เขาล้มลงกับพื้นและขาดใจตายทันที
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าทำไม เย่สวี่ยังกล้าฆ่าเขา หลังจากรู้ฐานะของเขา เย่สวี่หันศีรษะไปจากร่างของอู่เสี่ยวเทียนอย่างเย็นชา อู่เสี่ยวเทียนเป็นเพียงบุตรชายของผู้นำตระกูลอู่
แต่เขาหยิ่งผยองและโอหังเหลือเกิน คนอ่อนแอสมควรที่จะถูกฆ่างั้นหรือ? ผู้ที่มีฐานะต่ำสมควรตายหรือ?
อู่เสี่ยวเทียนเพียงแค่เพลิดเพลินกับความสะดวกสบายที่บรรพบุรุษตระกูลอู่สร้างไว้ก็เพียงพอแล้ว แต่เขากลับชื่นชอบการทำให้คนอื่นอับอายขายหน้า
หากผู้ที่แพ้ในวันนี้คือเย่สวี่ อู่เสี่ยวเทียนจะไม่มีวันปล่อยเขาไป และจะยิ่งทำให้เขาอับอายมากขึ้นเท่านั้น
ในเมื่ออู่เสี่ยวเทียนเป็นคนที่ไร้หัวใจ ไม่ต้องพูดถึงว่า เขาเป็นบุตรชายของผู้นำตระกูล แม้ว่าเขาจะเป็นบุตรชายของผู้อาวุโสใหญ่ เย่สวี่ก็จะฆ่าเขา!