บทที่ 6 ฉากใหญ่ทรมานใจคนโสด
บทที่ 6
ฉากใหญ่ทรมานใจคนโสด
“แล้วแต่เจ้าเถิด เจ้าว่าอย่างไรก็ว่าอย่างงั้น” มือของเขาที่กอดนางอยู่ไม่ได้ขยับไปเรื่อยอีก จริงๆ แล้วแค่ได้นอนกอดนางแบบนี้ เขาก็มีความสุขแล้ว “อาจิ่น เจ้าวางใจเถิด ถ้าจะขยันทำงานหาเงิน ให้สิ่งที่ดีที่สุดกับเจ้าและลูกให้ได้”
“อื้มม”
ลมหายใจของเว่ยเหยียนถิงรดอยู่ที่คอของนาง ทั้งจักจี้ทั้งฟิน นางหดคอแล้วขยับโดยไม่รู้ตัว เขากลับรัดนางเอาไว้ “อย่าขยับ เดี๋ยวข้าจะทนไม่ไหวเอานะ”
หน้าของนางร้อนผ่าวจนแดง เมื่อตอนกลางวันยังเป็นหญิงสาวที่แข็งแกร่งอยู่เลย ตอนนี้กลับเชื่อฟังอย่างกับลูกแมวตัวนึง
ผักกับเนื้อที่ซื้อมาแบ่งให้บ้านแม่ย่าไปแล้วก็ยังกินได้อีกหลายวัน เว่ยเหยียนถิงก็ไปตัดต้นไผ่มาหลายกระบอก มาทำความสะอาดเป็นกระบอกไม้ไผ่ กระบอกไม้ไผ่นั้นสะดวกกว่าโถดินเผามาก ตอนแรกฉินจิ่นจะไปช่วย แต่เว่ยเหยียนถิงกลับยืนหยัดว่าไม่ให้นางลงมือ กระบอกไม้ไผ่ที่ยังไม่ได้จัดการนั้นมีเสี้ยน กลัวว่าจะทิ่มมือของนาง
ฉินจิ่นทำยา เว่ยเหยียนถิงทำกระบอกใส่ยา ทั้งสองแบ่งงานกันทำให้เสร็จเร็วมาก
เสี่ยวซีก็ไม่ได้อยู่เฉย ช่วยพวกเขาทั้งสองด้วย เว่ยเหยียนถิงก็สอนงานไม้บางอย่างให้กับเสี่ยวซีอย่างมีความสุข เสี่ยวซีคนนี้เป็นเด็กฉลาด แป๊บเดียวก็สามารถเรียนรู้ได้แล้ว
เห็นมือที่เย็นจนแดงของนางแล้ว เว่ยเหยียนถิงก็ยกขึ้นอย่างระมัดระวัง ยกมาใกล้ปากแล้วเป่าลมร้อนไปหลายที แล้วก็นวดถูเบาๆ
“แบบนี้ดีขึ้นรึยัง”
“อื้ม”
“จริงๆ แล้วเจ้าไม่ต้องลำบากขนาดนี้หรอก ข้าออกไปล่าสัตว์ก็ได้ หรือไม่ เข้าไปนอนอยู่ที่เตียงแล้วบอกข้าก็ได้ เดี๋ยวอย่างอื่นข้าทำเอง”
“ตามใจอะไรขนาดนั้นล่ะ อีกอย่างที่ข้าหาเงินก็ไม่ได้เพื่อพวกท่านพี่อย่างเดียว ข้าทำเพื่อตัวเองด้วย”
เงินสิบตำลึงซื้อความอิสระ ต่อไปนางจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ตอนนี้นางยังไม่คิดบอกเรื่องกับเว่ยเหยียนถิง ถ้าหาเงินได้ค่อยว่ากันอีกทีละกัน บางทีนางก็กลัวว่าสถานการณ์ครอบครัวแบบนี้อาจทำให้เขาตกใจตายก็ได้ ถึงยังไงถ้าตามเศรษฐกิจสมัยนี้แล้ว สำหรับหนึ่งครอบครัวแล้วสิบตำลึงนั้นพอใช้ไปเจ็ดแปดปีเลยทีเดียว
อยู่บนภูเขามาหลายวัน อาหารในบ้านก็กินจนใกล้จะหมดแล้ว แล้วเถ่าแก่หวูก็ส่งคนมาหาพอดี
เว่ยเหยียนถิงไม่ได้นิ่งนอนใจ ก็ได้ลงภูเขาไปกับนางด้วย เสี่ยวซีนั้นก็อยากไป แต่หิมะตกหนักแบบนี้ถ้าเอาเด็กไปด้วยนั้นไม่สะดวกจริงๆ
เพื่อไม่ให้หนูน้อยเสียใจ ฉินจิ่นเลยสัญญาเป็นพิเศษว่าจะซื้อลูกอมมาให้เขา เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็ก พอได้ยินว่าจะได้กินของอร่อยปากที่มุ่ยจนแทบจะแขวนกาน้ำชาได้นั้น ยกยิ้มดีใจขึ้นทันที
“พี่สาว วางใจได้เลย ข้าจะอยู่บ้านอย่างเชื่อฟัง ไม่ว่าใครมา ข้าก็จะไม่เปิดประตู”
“อื้ม เด็กดี”
ทางลงภูเขาทางนี้ เว่ยเหยียนถิงเป็นห่วงภรรยา ตัวเองนั้นอยากจะแบกนาง แต่ว่าครั้งนี้มีลูกจ้างร้านขายยามาด้วยคนนึง ยากที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องที่กะทันหันแบบนี้ ฉากใหญ่ที่ทรมานจิตใจคนโสดก็เกิดขึ้น
ระหว่างทางก็มีสายตาเยาะเย้ยเข้ามา แต่ไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าเว่ยเหยียนถิงนั้นมั่นใจขึ้นมาก ไม่หดเนื้อหดตัวแล้ว
ความคิดของเขาง่ายมาก ขอแค่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับอาจิ่นอย่างมีความมสุข คนอื่นจะหัวเราะเยาะยังไงก็หัวเราะเยาะไปเถอะ
อยู่กับนางนั้น ในใจเขามีความกล้าที่หาได้ยากเกิดขึ้น
แต่หน้าตาของทั้งสองนั้นแตกต่างกันมากจริงๆ แม้แต่ลูกจ้างร้านขายยาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเพื่อสื่ออารมณ์ เสียดายสาวสวยที่น่าดึงดูด
ทั้งสองมาถึงที่ร้านขายยา เถ้าแก่หวูกำลังนั่งอยู่ในร้าน ข้างๆ เขายังมีชายแปลกหน้าอีกคนนั่งอยู่ด้วย ทั้งสองสองนั่งดื่มชาอยู่ตรงข้ามกัน
พอเห็นฉินจิ่นมาแล้วเถ้าแก่หวูก็ลุกขึ้นทันที “ท่านขุนนางจาง นี่ก็คือแม่นางคนนั้นที่ข้าบอกท่าน”
จางเหมามองพิจารณาฉินจิ่นตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบนึง แม่นางคนนี้ช่างมีพรสวรรค์เหลือเกิน ไม่เหมือนสาวชาวนาทั่วไป
“เถ้าแก่หวู ท่านนี้คือใครรึ”
“ท่านผู้นี้คือเป็นพ่อบ้านของตระกูลขุนนางจาง ยาทั้งสองโถของเจ้านั้นก็เป็นเขาที่ซื้อไป”
“พ่อบ้านจาง” ฉินจิ่นได้ทักทายเป็นมารยาทไป
จางเหมายิ้มแล้วหยิบเงินสิบตำลึงออกมา “นี่คือรางวัลจากนายท่านของเรา ท่านชายน้อยของบ้านเราใช้ยาของแม่นางแล้ว ไม่ถึงห้าวันก็สามารถเดินได้แล้ว กระโดดโลดเต้นร่าเริง นายท่านดีใจมาก สั่งให้ข้าเอารางวัลนี้มาส่งให้ถึงมือของแม่นาง”
นึกไม่ถึงว่าจะโชคลาภกะทันหันแบบนี้ ฉินจิ่นเก็บเงินอย่างไม่ลังเล “ขอบคุณท่านพ่อบ้านจางมาก แล้วก็ฝากขอบคุณผู้นำตระกูลของท่านด้วยเจ้าค่ะ”
“ได้เลยได้เลย”
จางเหมานั้นนอกจากวันนี้จะเอารางวัลมาให้แล้ว ก็ต้องไปซื้อของให้ตระกูลจางด้วย ข้าวสารอาหารแห้งและของใช้ในชีวิตประจำวัน พอซื้อของเสร็จกำลังจะกลับ แต่เดินแค่แป๊บเดียว จู่ๆ ข้อเท้าก็เคล็ดขึ้นมา จึงถูกส่งมาที่ร้านขายยา
เถ้าแก่หวูดูแล้วไม่มีปัญหามากนัก ภายในวันนี้นั้นจะใช้ขาหนักไม่ได้แล้ว
จางเหมากังวล ว่าจะเอาข้าวสารอาหารแห้งพวกนี้กลับไปยังไง เว่ยเหยียนถิงดูทีท่าแล้วก็อาสาเอง “ให้ข้าช่วยเถิด”
“เจ้า……”
“ใช่ ถึงข้าจะเป็นแบบนี้ แต่แรงน่ะก็ยังมี อีกอย่างนายท่านของบ้านท่านยังให้รางวัลกับเมียข้าด้วย ข้าก็ไม่มีอะไรจะตอบแทน อาจิ่น ได้รึเปล่า?” พูดจบก็ยังไม่ลืมที่จะปรึกษาขอความเห็นกับฉินจิ่น
“ได้แน่นอนอยู่แล้ว”
ตระกูลจางใจกว้างซะขนาดนี้ ตระกูลเล็กอย่างเขาจะใจแคบไม่ได้ อีกอย่างตระกูลจาง เป็นเกียรติมากที่มีความสัมพันธไมตรีที่ดีกับพวกเขา ไม่แน่ต่อไปอาจจะมีเรื่องขอความช่วยเหลือจากตระกูลจาง
เว่ยเหยียนถิงไปกับจางเหมา ฉินจิ่นนำยาที่เอาลงมาจากภูเขาให้กับเถ้าแก่หวู ครั้งนี้นางเอาลงมาทั้งหมดสิบเอ็ดขวด ในนั้นมียาทาแผลภายนอกเจ็ดขวด อีกสี่ขวดคือยารักษาอาการท้องร่วง
เถ้าแก่หวูรับไว้ทั้งหมด พิจารณาแล้วให้ราคาขวดละ ยี่สิบเหวิน
ยังไงก็ไม่ใช่ทุกครอบครัวที่ซื้อยาในราคาขวดละ ห้าสิบเหวินได้ ปกติยาขวดนึงราคาไม่เกินสามสิบเหวิน แต่ยาของนางนั้นมีผลลัพธ์ที่อัศจรรย์ มากสุดก็ขายไม่เกินสี่สิบเหวิน
สิบเอ็ดขวดทั้งหมดสองก้วนยี่สิบเหวิน เถ้าแก่หวูรวบรวมเงินแล้วส่งไปที่มือของนาง ฉินจิ่นได้เอาเงินใส่ไว้ในตะกร้าเดียวข้างตัวกับเงินสิบตำลึงที่ได้มา
“แม่นาง ต่อไปถ้ามียาอะไรก็ส่งมาให้ข้าก็พอ เจ้าวางใจได้ เรื่องราคานั้นข้าไม่เอาเปรียบเจ้าแน่นอน เพราะงั้นสิทธิ์ในการขายเพียงผู้เดียว……”
เถ้าแก่หวูได้กินของหวานแล้ว แน่นอนว่าอยากจะได้ประโยชน์มากกว่านี้ ฉินจิ่นก็ไม่ใช่คนโง่ “เถ้าแก่หวูวางใจเถิด ยังไงช่วงนี้ยาของข้าก็นำส่งแค่ร้านขายยาอยู่แล้ว”
นางบอกว่าช่วงนี้ ถ้ารอให้ธุรกิจใหญ่ขึ้นก็ไม่แน่
“งั้นถ้าระยะยาว……”
“ถ้าระยะยาวค่อยว่ากันอีกทีเถิด ขอแค่ราคาของท่านเหมาะสม ข้าก็ไม่เปลี่ยนไปร้านอื่นหรอกเจ้าค่ะ”
“งั้นก็ดี”
ฉินจิ่นก็ถือว่าให้ความสบายใจกับเขาแล้ว
เห็นเถ้าแก่และแม่นางคนนี้คุยกับอย่างระมัดระวัง ตกลงกันลงตัว พวกลูกจ้างในร้านก็ไม่กล้าที่จะดูถูกนางอีกต่อไป
น้ำชาที่เถ้าแก่นำออกมานั้นคือปี้หลัวชวนที่สดใหม่ ชากลิ่นหอมและสดชื่น น้ำชาใส พอเข้าปากแล้วก็ยิ่งหอมละมุน แค่ชิมก็รู้เลยว่าเป็นของดี ก็มีแค่เวลาที่แขกพิเศษมาเท่านั้นที่เถ้าแก่หวูนั้นถึงจะชงชาที่ดีแบบนี้
ฉินจิ่นชิมชา รออยู่สักพัก เว่ยเหยียนถิงถึงจะเสร็จงานแล้วกลับมา
“อาจิ่น ให้เจ้ารอนานเลย”
“เราไปกันเถอะ” นางเกาะแขนของเขา ออกจากร้านขายยา
ซื้อวัตถุดิบบางอย่างแล้ว เสียเงินห้าสิบเหวินซื้อเนื้อสองกิโลกรัม ข้าวสารถุงเล็กถุงนึง แล้วก็ผักด้วยนิดหน่อย
ทั้งสองเอาของพวกนี้ไปที่บ้านตระกูลฉิน
“ท่านพี่ถิง ข้ามีเรื่องนึงที่ไม่ได้บอกพี่มาโดยตลอด หวังว่าท่านพี่จะไม่ถือโทษข้า” โอกาสกำลังดี นางเลยเอาเรื่องเงินสิบตำลึงนี้บอกกับเขา